น้ำตาล เผยมุมน่ารักของ ไผ่ รัก 8 ปี แง้มสเต็ปชีวิตคู่ รอแฟนบวชทดแทนคุณพ่อแม่

น้ำตาล เผยมุมน่ารักของ ไผ่ รัก 8 ปี แง้มสเต็ปชีวิตคู่ รอแฟนบวชทดแทนคุณพ่อแม่

ผ่านอาถรรพ์รัก 7 ปี มาได้แล้ว ย่างเข้าสู่ปีที่ 8 แบบสวยๆ สำหรับคู่รักนางเอก น้ำตาล พิจักขณา กับแฟนหนุ่ม ไผ่ พาทิศ เรียกว่าเป็นความรักไม่หวือหวาแต่มั่นคง ล่าสุด น้ำตาล เปิดใจในงานบวงสรวง ละคร สายลับลิปกลอส ถึงสเต็ปชีวิตคู่

วันเกิดปีนี้วางแผนว่ายังไงบ้าง ?
"ตอนนี้น่าจะต้องให้คิวละครเป็นหลักก่อนค่ะ แต่หลังจบละครก็คงได้ไปเที่ยวกัน อีกอย่างปีนี้น้ำตาลก็ไม่น่าจะจัดงานอะไรด้วย น่าจะเป็นการไปเที่ยวมากกว่า เพราะว่าตั้งแต่หลัง โควิด-19 เรายังไม่ได้ไปเที่ยยวเลย"

นานๆ ทีจะได้ออกไปเที่ยวแบบนี้ ต้องเป็นทริปสวีตเลยไหม ?
"ไม่สวีตค่ะ ไปกันหลายคน แถมตอนนี้พี่ไผ่เขาก็ติดน้องหมามากเลยด้วย เขามีสาวใหม่ ติดสาวค่ะ สาวน้อย เวลาไปไหนมาไหนก็จะต้องขอให้เอาน้องหมาไปด้วยตลอด"

น้อยใจไหมอยู่ดีๆ แฟนเราก็ปันใจให้กับน้องหมา ?
"ไม่สิ น้องน่ารัก (ยิ้ม) แต่จริงๆ ก็ดีนะคะเหมือนเราได้เห็นอีกมุมของเขา ได้เห็นว่าผู้ชายแมนๆ แบบเขาพอมีน้องหมาเข้ามาในชีวิต เขาถึงกับเปลี่ยนแปลงตัวเองไปได้ขนาดนี้เลย"

เขายังมีเวลาให้เราเท่าเดิมไหม ตั้งแต่ได้น้องมาดูแล ?
"เป็นตัวน้ำตาลมากกว่าค่ะที่มีเวลาให้เขาน้อยลง เพราะตั้งแต่เริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง น้ำตาลก็ต้องไปถ่ายงานในต่างจังหวัดเป็นเดือนๆ เลย แถมพอกลับมาถึงกรุงเทพปุ๊บละครก็เปิดกล้องอีก นี่เดี๋ยวก็ต้องถ่ายกันอีกยาวเลยค่ะ"

แต่ก่อนหน้านี้เห็นว่าเราสองคนก็เพิ่งจะไปเที่ยวปราณบุรีด้วยใช่ไหม ?
"ใช่ค่ะ ไปถ่ายรายการ ไปทำช่องนู่นนั่นนี่ ยังมีบ้างกรุบๆ (หัวเราะ)"

เพราะไปเที่ยวทะเลบ่อยจนถูกแซวว่าเป็น คู่รักภาคพื้นที่ทะเล เราพอจะทราบไหม ?
"พี่ไผ่เขาชอบค่ะ เขาชอบกิจกรรมทางน้ำ ส่วนน้ำตาลเองก็ไปได้บ้างตามโอกาส เพราะโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ผิวไวต่อแสง ผิวคล้ำง่าย ก็คือเขาชอบทะเล ส่วนเราชอบภูเขา"

แสดงว่าหลายๆ ทริปที่ผ่านมาเป็นทริปตามใจเขา ?

คบกันมานานแค่ไหนแล้วสำหรับเราสองคน ?
"เข้าปีที่ 8 แล้วค่ะ แต่ถามว่าได้คิดถึงอนาคตบ้างมั้ย เอ่อ…มีบ้างค่ะ มีคุยกันคร่าวๆ ว่าแต่ละขั้นตอนจะเป็นยังไงต่อไป แต่ไม่ใช่ใกล้ๆ นี้แน่นอนค่ะ"

ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายทราบไหมว่าเราได้มีการพูดคุยกันไว้บ้างแล้ว ?
"ยังไม่ถึงขั้นที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายคุยกันค่ะ แต่ด้วยความที่เราสองคนคบกันมาค่อนข้างนาน สเต็ปชีวิตต่อไปมันก็จะต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่ที่เราคุยกันมันเป็นแค่การคุยว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปเฉยๆ อย่างเช่นน้ำตาลก็ยังแฮปปี้กับการทำธุรกิจ การถ่ายละคร ส่วนพี่ไผ่เขาก็ยังมีความต้องการที่จะบวชให้คุณพ่อคุณแม่ ยังอยากทำงานก่อน คือมันเป็นการพูดคุยกันปกติทั่วไปค่ะ"

มีกำหนดเวลาคร่าวๆ ไหมว่าเมื่อไหร่ถึงจะเหมาะสม ?
"ไม่น่าจะใช่ช่วงเวลาใกล้ๆ นี้หรอกค่ะ น่าจะต้องอายุเลย 30 ไปอีก เราอยากทำชีวิตของเราให้มั่นคงกว่านี้ก่อนค่ะ"

คู่เราผ่าน 7 ปีอาถรรพ์ มาได้อย่างไร มีปัญหาเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า ?
"ง่ายมากเลยค่ะ คือก่อนหน้านี้ที่เราเคยมีปัญหากันและห่างกันไปสักระยะ ช่วงนั้นมันเป็นช่วงที่เรารู้สึกว่าเราเองก็ปรับจูนกันค่อนข้างเยอะแล้ว ดังนั้นถ้ามันไม่ได้มีปัญหาอะไรนอกเหนือจากที่เคยเกิดขึ้น เราก็คิดว่าเราน่าจะไปต่อด้วยกันได้ อีกอย่างตอนนี้พอเรามีเรื่องธุรกิจ มีเรื่องของน้องหมาเข้ามา คือมันมีเรื่องให้เราพูดคุยกันมากกว่าแค่เรื่องของเราสองคน เราก็เลยยิ่งไม่ทะเลาะกันค่ะ"

แต่ตอนแรกก็ดูเรากังวลเรื่องอาถรรพ์ 7 ปีอยู่นะ ?
"กังวลค่ะ เพราะตอนแรกที่รู้จักกันเขาไม่ได้เป็นแบบนี้ อย่างที่คนบอกว่า ‘คนที่ติสต์ เขาจะติสต์จริงๆ’ ตอนนั้นหนูก็ยังสงสัยนะคะว่ามันจะขนาดไหน แต่อย่างที่ทราบเนอะเขาเองก็เคยหายเข้าป่าไปเป็นเดือนๆ จนสุดท้ายเราทั้งคู่ต้องมานั่งปรับจูนความคิดกัน และต่างฝ่ายต่างก็เข้าใจได้ว่ามันควรจะต้องประมาณไหนค่ะ"

เห็นว่าตัวเราเองก็แอบใช้วิธีมูเตลูช่วยด้วยจริงไหม ?
"ยอมรับค่ะว่าเป็นคนที่ค่อนข้างเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้ เพราะตอนอายุ 25 ช่วงนั้นก็โดนหนักมากเหมือนกัน คือถ้าทำแล้วมันสบายใจก็อยากจะทำเนอะ แต่ส่วนใหญ่จะโดนดุค่ะเพราะไปหลายสายเหลือเกิน ตรงไหนดีเราก็ไป ใครบอกว่าดีเราก็ไป (หัวเราะ)"

ใกล้วันเกิดแล้วเห็นพี่ไผ่เขาโพสต์ว่า อยากได้อะไรก็บอกจะพาไปซื้อ ?
"แต่เขามีประโยคสุดท้ายไงคะว่าเขาจะรออยู่ที่รถ คือถ้าเขาให้บัตรมาอันนี้แฮปปี้ ให้เขารออยู่ที่รถได้เลย เอาบัตรกับรหัสมาก็พอ (หัวเราะ)"

ปกติเวลาเขาให้ของขวัญวันเกิด เขาจะให้ยังไง มีเซอร์ไพรส์หรือเปล่า ?
"เขาเคยเซอร์ไพรส์เยอะมากค่ะ แต่ก็อย่างที่บอก มัน 8 ปีแล้ว ตัวเขาเองก็น่าจะหมดมุขแล้วเหมือนกัน ดังนั้นมันก็อาจจะเป็นเหตุผลที่เขาบอกว่าอะไรที่อยากได้จริงๆ เขาก็จะพาไปซื้อ ส่วนเราก็ได้แต่ถามเขาว่าไหวหรือเปล่า (ยิ้ม) แซวค่ะ แซว เก็บเงินไว้ดีกว่าค่ะ ยุคนี้ต้องประหยัด"

ตั้งใจเก็บเงินไ

ว้เพื่องานแต่งเลยใช่ไหม ?
"ยังค่ะ ยังไม่แต่ง"

หลังจากที่โพสต์ข้อความแล้ว ไผ่เขาได้บอกไหมว่าเขาจะให้วงเงินเราเท่าไหร่ ?
"ยังไม่เห็นมีงบอะไรมานะคะ เขาน่าจะแซวมากกว่า อารมณ์ประมาณโยนหินถามทาง เขาคงอยากรู้แหละว่าเราอยากได้อะไร"

จริงๆ เป็นเพราะเขาอยากอ้อนเราผ่านโซเชียล ด้วยหรือเปล่า ?
"อาจจะมีบ้างค่ะ เพราะช่วงหลังมานี้ น้ำตาลก็บ่นบ่อยเหมือนกันว่าเดี๋ยวนี้เขาถ่ายแต่รูปน้องหมา ไม่ถ่ายรูปเราบ้างเลย แต่ไม่ได้อิจฉาน้องหมานะคะ (หัวเราะ)"

ใหม่ เจริญปุระ ปัดน้อยใจ ไม่มีชื่อเข้าชิง นาฏราช เคารพความคิดผู้ใหญ่

ใหม่ เจริญปุระ ปัดน้อยใจ ไม่มีชื่อเข้าชิง นาฏราช เคารพความคิดผู้ใหญ่

แค่ประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลต่างๆ ในการประกาศผลรางวัล นาฏราช ก็เกิดมีประเด็นดราม่า เมื่อไม่มีชื่อของสองนักแสดง เบลล่า ราณี และ ใหม่ เจริญปุระ นักแสดงจากละครเรื่อง กรงกรรม เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิง ล่าสุดได้เจอนักร้องสาวในงานเปิดตัว Ratches Liposome The complete Solution ที่ โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าว

ถามถึงเรื่องกระแสข่าวดราม่า ที่เราไม่มีชื่อเข้าชิงในงานประกาศผลนาฏราช ปีนี้
“ต้องกราบขอบพระคุณจริงๆ ทั้งแรงใจ ทั้งแรงเชียร์ และพลังใจอันท่วมทนทุกสาระทิศ สำหรับใหม่แล้วรู้สึกว่ามันเป็นเกียรติในชีวิตของใหม่ด้วยซ้ำไปที่ ที่ใหม่ได้รับรางวัลจากหลายเวที หลายองค์กรที่ให้เกียรติและเห็นคุณค่า แค่นี้รู้สึกว่ามันตื้นตันและเป็นเกียรติกับชีวิตใหม่มากๆแล้วค่ะ

แค่รางวัลเดียวใหม่ก็ภูมิใจมากแล้ว แต่ตอนนี้มีทุกที่ หรือแม้กระทั่งอีกสองสามวันนี้ที่ใหม่จะรับอีกหนึ่งรางวัล แค่นี้ใหม่ก็รู้สึก ว้าว!ภูมิใจจังเลย แค่เราได้เป็นได้มีประสบการณ์ที่ดีงาม กับพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ และทีมงานทั้งหมด และช่อง 3 ถือว่าเป็นเกียรติประวัติกับใหม่มากๆแล้ว บทที่ตราตรึงกับแฟนๆ ตอนนี้ตัวใหม่เองก็เปิดแล้วเปิดอีก ดูกี่ครั้งเราก็รักตัวละครไปด้วย อินไปด้วย ภูมิใจจังในฐานะนักแสดงเราก็มีส่วนร่วมในงาน”

มีแอบน้อยใจบ้างไหม ที่ไม่มีชื่อเข้าชิง
“ต้องกลับไปบอกอย่างเมื่อกี้ ไม่ได้คาดคิดว่าเราจะได้รางวัลมามากมายแบบนี้ ฉะนั้นตรงนี้ถ้าทางคณะกรรมการก็ดี หรือองค์การใดก็ดี ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีมาตรการใดก็ตาม ใหม่คงไม่สามารถที่จะไปกะเกณฑ์เขาได้ และเราอย่าทำงานเพียงแค่หวังว่าอยากจะได้รางวัล ถ้ารางวัลมันจะเป็นของเรา มันจะเป็นของเรา อะไรที่ไม่ใช่ของเราก็ปล่อยไปเถอะ ชีวิตเราเหนื่อยแล้ว ต้องมูฟออน

คือตัวใหม่มีคนเข้ามาเชียร์ สื่อโน้นสื่อนี้เข้ามาเชียร์ ฐานะที่เราเป็นคนหนึ่งในวงการ เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน แค่นี้ใหม่ก็รู้สึกตื่นตัน ทั้งแฟนคลับก็ท่วมท้น สำหรับใหม่บท “ย้อย” ค่อนข้างสร้างอิมแพ็ค ไม่ใช่แค่ “ย้อย” แต่มันคือ “กรงกรรม” ในเรื่องนี้นักแสดงมีหลายคน คนทุ่มเทแรงใจในการเล่น จนพี่อ๊อฟไม่สบายมันคือความทรงจำที่สุด”

ได้คุยกับเบลล่าไหม เพราะหลายคนบอกว่าน่าจะมีชื่อเข้าชิงพร้อมกัน
"คุยค่ะ แต่คุยว่าจะกินข้าวด้วยกันเมื่อไหร่ คุยทั้งน้องเจมส์ จิรายุ น้องเบล โทรมาคุย เพราะเป็นสัมพันธ์ที่ดี แต่ว่าไม่ได้คุยกันเรื่องนี้"

กับทางผู้ใหญ่แล้วได้คุยกันไหมว่าทำไมเราไม่มีชื่อติดในเวทีนี้
"ไม่ได้คุยค่ะ"

อยากได้คำชี้แจงไหม

"ใหม่มิบังอาจ เพราะใหม่เป็นแค่นักแสดงคนหนึ่ง การที่ใครก็ตามที่คร่ำหวอดในวงการ เขาอยู่ในองค์กรที่สำคัญนั้นๆ เราไม่มีสิทธิ์ มีเสียง ที่จะไปนั่งเท้าสะเอว ไปนั่งมีคำถาม หรืออะไรก็แล้วแต่ มันน่าเกลียดและไม่เหมาะสม ไม่สมควร ในฐานะที่เราอยู่ในวงการมานาน รู้ว่าได้แค่ไหนอะไรที่เหมาะที่ควร อะไรที่ไม่ใช่ ใหม่ก็ไม่มีสิทธิ์"
ในวันที่มีการจัดงานเราจะเดินทางไปร่วมไหม
"ไม่ได้ไปเพราะใหม่ติดงานด้วย คุยกันไปแล้ว เราก็คุยกันไปแล้วเพราะมันมีเรื่องราวของเพลงด้วย แต่ก็ไม่ได้ไป"

แฟนๆว่ายังไงบ้างที่เราไม่มีชื่อเข้าชิง
"เท่าที่น้องๆ ส่งเข้ามา เป็นคลิป ประเด็นโน้นประเด็นนี้ มีการสร้างประเด็น ไม่ว่าเพจต่างๆ ใหม่ขอกราบขอบพระคุณจากหัวใจ แค่มีคนรักเราหนึ่งคนก็มากเกินพอแล้ว นี้ไม่ได้พูดเพราะโลกสวยนะ โลกมันโหดร้ายอยู่แล้ว นี่มีคนมากกว่าห้ามากกว่าร้อยที่รักเรา ที่ติดตามผลงานของเรามาเนิ่นนานเหลือเกิน แล้วใหม่ก็ไม่ได้เล่นละครมานานมาก

ใหม่ยังสร้างผลงานการแสดงภาพยนตร์และร้องเพลงคอนเสิร์ต แต่ไม่ได้เล่นละครนานมาก ทุกคนรักละครเรื่องนี้ รักใหม่ มันเป็นความภูมิใจ วันนึงเราอาจจะไม่ดังก็ได้ ไม่มีคนรู้จักเราก็ได้ แต่ครั้งหนึ่งเราเคยมีเรื่องราวดีๆร่วมกัน”

เปิดเบื้องลึกรอยร้าว หนุ่ม กรรชัย VS. ช่อง 3 อะไรคือปมจริงๆ ที่แตกหัก

ระส่ำไปทั้งตึกมาลีนนท์ เมื่อมีข่าวหลุดเล็ดลอดออกมาว่าฝ่ายข่าวช่องหนึ่งมีความเห็นไม่ตรงกับผู้ประกาศคุณพ่อจอมโหน จนถึงขั้นต้องแยกทางกันเดิน

ซึ่งก็คงไม่ต้องสืบเสาะกันให้ยุ่งยากเพราะผู้ประกาศข่าวคนที่ว่าก็ชี้เป้าอยู่แล้ว “คุณพ่อจอมโหน” ก็คงเป็นใครไม่ได้นอกจาก “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ที่ยืนหนึ่งกับรายการโหนกระแส

น้ำ รพีภัทร ไม่หมิ่นเงินน้อย เก็บขยะขายได้เงินมาเกือบสองร้อยบาท
สามี น้ำหวาน เดอะเฟซ เปิดใจ “มีคนผิด 2 คน” มีข้อมูลแน่นมั่นใจไม่โง่
“ช่องวัน31” บวงสรวงละคร 4 เรื่อง 4 รส ขนนักแสดงนับร้อยชีวิตเข้าร่วมพิธี
งานนี้เกิดอะไรขึ้นกับ หนุ่ม กรรชัย และช่อง 3 งานนี้เบื้องลึกเบื้องหลังจะเป็นอย่างไร ช่อง 3 ถึงได้มีข่าวแบบนี้กับ กรรชัย กำเนิดพลอย หลุดออกมา ทั้งที่ความเป็นจริงชื่อนี้ น่าจะเป็นชื่อขายของข่าวช่อง 3 ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ

งานนี้ล้วงลึกเข้าไปถึงปัญหา ว่ากันว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเกิดจากรายการ “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” ไม่ได้เกี่ยวกับรายการ “โหนกระแส” อย่างที่หลายคนคาดเดากันไปแต่อย่างได้

ปัญหาเกิดขึ้นเกิดกับรายการ “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” ที่อุดมคติในการทำข่าวของ หนุ่ม กรรชัย กับผู้บริหารชุดใหม่ของช่อง 3 ไม่ตรงกัน ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงแต่ทำ หนุ่ม กรรชัย สับสน แม้แต่ทีมข่าวของช่อง 3 ก็ยังออกอาการเซโรงังกับนโยบายที่ปรับเปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือของผู้บริหารช่อง

เพราะอยู่ๆ ช่อง 3 มีนโยบายปรับเนื้อหาข่าวใหม่ ไม่เอาข่าวเข้าถึงชาวบ้าน ไม่เน้นข่าวกระแส ตั้งเป้ากลยุทธ์ใหม่ ช่อง 3 ข่าวจะต้องมี value อยากให้ภาพของข่าวช่อง 3 คือ CNN ของเมืองไทย

ขณะที่ทีมข่าวช่อง 3 ตั้งคำถามว่าการที่มี หนุ่ม กรรชัย เข้ามาทำข่าวกระแส เข้าถึงชาวบ้าน เป็นกระบอกเสียงให้ชาวบ้าน น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ถูกทางแล้ว เพราะที่ผ่านมาหลังการมาของ กรรชัย สามารถทำให้เรตติ้งขึ้นมาถึงแตะตัวเลข 1 ได้หลังข่าวช่อง 3 ฟุบไปนาน

โดยในยุคก่อนหน้าโน้นนนน ช่อง 3 ก็เคยใช้นโยบายทำข่าวแบบมี value มาแล้ว แต่สิ่งที่เจอคือไม่ประสบความสำเร็จจนต้องเบนหัวรถจักรกลับมาเจาะตลาด mass ตามเดิม ซึ่งแนวทางช่วงที่ หนุ่ม กรรชัย เข้ามาก็ไปได้ด้วยดี และในเมื่อทุกอย่างกำลังดีๆ เหตุใด?? จึงเปลี่ยนกะทันหันอยากกลับมาปรับเป็นแนวข่าวมี value ที่ไม่ประสบความสำเร็จอีก

แถมล่าสุดว่ากันว่าเรื่องราว go so big ไปกันใหญ่มีการตั้งคณะทำงานดูแลโครงสร้างข่าวเที่ยง รายการที่ หนุ่ม กรรชัย นั่งแท่นผู้ประกาศข่าว งานนี้ก็ต้องจับตาดูว่าการเข้าไปล้วงปรับโครงสร้างข่าวเที่ยงครั้งนี้ ผู้บริหารต้องการเพียงแค่ขยับปรับรูปแบบการทำงาน หรือมีจุดประสงค์แฝงอื่น?

โดยหากลงรายละเอียดกันลงไปอีก ที่ผ่านมาการทำงานข่าวในช่วงรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ หนุ่ม กรรชัย ไม่ใช่คนเดียวที่เป็นคนกำหนดประเด็นข่าวในการนำเสนอแต่ละวัน ทุกอย่างเกิดจากการหารือกันกับทีม และคนที่เป็นหลักในการกำหนดประเด็นข่าวก็ยังคงเป็นบรรณาธิการข่าว

ส่วนในประเด็นที่หลายคนสงสัยว่า หนุ่ม กรรชัย ไม่เป็นที่ถูกตาต้องใจผู้บริหารใหม่ช่อง 3 เพราะเข้ามาทำงานผู้ประกาศข่าวในยุค บี๋ อริยะ พนมยงค์ ผู้บริหารคนก่อนที่ลาออกไปหรือเปล่า เรื่องนี้ได้รับการยืนยันว่าไม่เกี่ยวกัน หนุ่ม กรรชัย เพียงเข้ามาในยุค บี๋ อริยะ แต่ไม่ได้เป็นคนของอดีตบอสใหญ่ช่องแต่อย่างใด

สำหรับบทสรุปตอนนี้ หลังจากเกิดความตึงเครียดในที่ประชุมข่าว หลังผู้บริหารชุดใหม่ของช่อง 3 ต้องการแนวทางการทำข่าวแบบใหม่ ที่ไม่ตรงกับแนวทางของ หนุ่ม กรรชัย ตอนนี้ทุกอย่างยังคงนิ่งไม่เคลื่อนไหวใดๆ บทสรุปยังไม่แน่ชัด ทุกฝ่ายยังรอดูทิศทางคลื่นลมว่าจะเป็นอย่างไรต่อ จะมีแรงกระเพื่อมอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า

งานนี้ต้องรอดูกันต่อไปว่า กระแสที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่เป้าหมายในการทำงานที่ต่างกัน หรือจริงๆ ลึกลงไปมันอาจมีอะไรมากกว่านั้น บางครั้งอาจไม่ใช่เก่าไปใหม่มาเสมอไป เพราะบางทีเมื่อเก่ากลับมาใหม่อาจจะต้องไป

“สิริรัตน์ ยนต์โยธินกุล”ตำนานสาวหล่อแห่งวงการยัดห่วงไทย

แฟนกีฬาชาวไทยอาจจะเคยเห็นปรากฏการณ์สนามแตกมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยื่งกับการแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทยในหลายๆแมตช์, วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยในหลายๆครั้ง และการชกของ เขาทราย แกแล็คซี่ อดีตแชมป์โลกผู้ยิ่งใหญ่ในหลายๆไฟต์ ซึ่งปรากฏการณ์สนามแตก ที่มีแฟนกีฬาแห่เข้าไปชมจนล้นสนามนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ นอกจากจะเกิดกระแสฟีเวอร์หรือความนิยมต่อกีฬาชนิดนั้นจริงๆ
   อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่งเคยเกิดปรากฏการณ์สนามแตกมาแล้ว กับการแข่งขันบาสเกตบอลหญิง ในกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 18 ที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ เมื่อช่วงปลายปี 2538 ซึ่งน่าจะเป็นครั้งเดียวในประวัติศาสตร์วงการยัดห่วงไทย ที่มีแฟนกีฬาแห่เข้าไปชมบาสเกตบอลหญิงจนล้นสนาม

    และปฏิเสธไม่ได้ว่า นักกีฬาผู้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ที่ทำให้เกิดกระแสฟีเวอร์ จนทำให้แฟนกีฬาต้องแย่งกันซื้อตั๋วเพื่อเข้ามาเชียร์ทีมบาสเกตบอลสาวไทยในซีเกมส์ครั้งดังกล่าว จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก "แว่น" สิริรัตน์ ยนต์โยธินกุล ตำนานสาวหล่อแห่งวงการยัดห่วงไทย

    แม้จะเกิดเป็นหญิง แต่จากการมีรูปร่างหน้าตาหล่อสมาร์ทโดนใจ ละม้ายคล้ายกับ ศรราม เทพพิทักษ์ พระเอกเบอร์ 1 แห่งวงการบันเทิงในยุคนั้น จึงทำให้เธอคนนี้ ได้รับการขนานนามจากสื่อมวลชนว่า "สาวหล่อ" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา อีกทั้งสื่อบางสำนัก ยังตั้งฉายาให้เธอว่า "ศรราม 2" อีกด้วย

    นอกจากรูปร่างหน้าตาจะหล่อโดนใจสาวๆทั้งประเทศแล้ว ด้วยความสามารถอันโดดเด่นในตำแหน่งพอยท์การ์ด ที่ไม่ได้เป็น 2 รองใคร จึงทำให้ สิริรัตน์ ยนต์โยธินกุล เป็นตัวหลักให้กับทีมบาสเกตบอลหญิงทีมชาติไทยมาตลอด 9 ปีที่รับใช้ชาติ ก่อนที่ชื่อของเธอ จะกลายตำนานที่ยังอยู่ในใจของแฟนกีฬาชาวไทยทั้งประเทศตลอดมา

    ย้อนกลับไปในอดีต ตำนานสาวหล่อแห่งวงการยัดห่วงไทยรายนี้ ไม่ได้ตั้งใจที่จะเล่นบาสเกตบอลตั้งแต่แรกแต่อย่างใด โดยคุณพ่อและคุณแม่ สนับสนุนให้ลูกสาวคนนี้เล่นกีฬาชนิดใดก็ได้ เพื่อให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง

    จนกระทั่งอายุ 12 ขวบ เส้นทางชีวิตได้มาบรรจบกับเกมกีฬายัดห่วงจนได้ เมื่อโรงเรียนวัดน้อยนพคุณ สถานศึกษาของเธอในเวลานั้น มีแผนการที่จะสร้างทีมบาสเกตบอลหญิงขึ้นมา โดยมี อาจารย์พงษ์ศักดิ์ แก้วใจดี เป็นเฮดโค้ช ก่อนที่อาจารย์ท่านนี้ จะทาบทามให้ ด.ญ.สิริรัตน์ เข้ามาเป็นนักบาสเกตบอลให้กับทีมโรงเรียน

    นับจากนั้น สิริรัตน์ ยนต์โยธินกุล ได้เป็นนักบาสเกตบอลหญิงตัวหลักให้กับโรงเรียนวัดน้อยนพคุณมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับลงแข่งขันหลายรายการ อาทิ รายการของกรมพลศึกษา, รายการของกรุงเทพมหานคร, กีฬากองทัพอากาศ, กีฬาเยาวชนแห่งชาติ, กีฬาแห่งชาติ และอีกหลายๆทัวร์นาเมนต์ โดยยึดแบบอย่างจาก ไมเคิ่ล จอร์แดน ซูเปอร์สตาร์เบอร์ 1 แห่งวงการยัดห่วงเอ็นบีเอในขณะนั้นเป็นไอดอล

     สำหรับจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้ชีวิตของเธอ ได้ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติไทย ได้เกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งที่ 10 ที่จังหวัดพิษณุโลก เมื่อปี 2537 ในครั้งนั้น สิริรัตน์ เป็นตัวแทนของทีมยัดห่วงเขต 10 กรุงเทพมหานคร

 

    แม้จะได้เพียงรองแชมป์ ทว่าจากการโชว์ฟอร์มที่โดดเด่นเหนือกว่าผู้เล่นคนอื่น จึงทำให้เธอคว้ารางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์มาครอง ก่อนจะได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 8 นักกีฬาเยาวชนไทย ให้ได้รับโอกาสอันล้ำค่า กับการไปทัศนศึกษาดูงาน ในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 12 ที่นครฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ภายในปีเดียวกัน

    ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมจากการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งดังกล่าว ได้ทำให้ชื่อของ สิริรัตน์ ยนต์โยธินกุล ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติชุดใหญ่ในปีต่อมา หรือปี 2538 ด้วยวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น

    สำหรับทัวร์นาเมนต์แรกที่ลงแข่งขันในนามทีมชาติก็คือ ศึกชิงแชมป์เอเชีย 1995 ซึ่งเป็นระดับดิวิชั่น 2 ที่เมืองชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2538 โดยเธอและเพื่อนร่วมทีม ผนึกกำลังพาทีมยัดห่วงสาวไทยคว้าแชมป์มาครอง และได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จ

    จากนั้นในช่วงปลายปีเดียวกัน อีก 1 จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดในชีวิตได้มาถึง ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 18 ที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ เมื่อ สิริรัตน์ ได้ฉายแววความเป็นซูเปอร์สตาร์เบอร์ 1 แห่งวงการยัดห่วงหญิงไทยในเวลานั้น กับการเป็นนักกีฬาที่มีแฟนคลับคลั่งไคล้มากที่สุดคนหนึ่งในซีเกมส์ครั้งดังกล่าว จนเกิดปรากฏการณ์สนามแตกทุกแมตช์ที่ทีมยัดห่วงสาวไทยลงแข่งขัน เนื่องจากแฟนกีฬาต่างแย่งกันซื้อตั๋วเพื่อเข้ามาชม “สาวหล่อ” ในสนาม เมื่อยามที่เธอได้บอลแต่ละครั้ง เสียงกรี๊ดจากแฟนๆ ดังกึกก้องไปทั่วโรงยิมทุกครั้งเลยทีเดียว

    ด้วยแรงเชียร์ที่ล้นหลาม กลายเป็นกำลังใจที่สำคัญ ในการทำให้ทีมบาสเกตบอลหญิงไทยคว้าเหรียญทองซีเกมส์ครั้งที่ 18 ได้สำเร็จ พร้อมกับพลิกชีวิตให้ สิริรัตน์ ยนต์โยธินกุล เปลี่ยนจากนักกีฬาธรรมดา กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศไปในทันที
 
    อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคนรู้จักมากขึ้นแต่ซูเปอร์สตาร์ยัดห่วงสาวรายนี้ ยังใช้ชีวิตแบบสมถะเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ยังคงนั่งรถเมล์ไปเรียนมหาวิทยาลัยเป็นประจำ พอเจอแฟนคลับทักทายก็ยิ้มและพูดคุยแบบเป็นกันเองทุกครั้ง โดยไม่ถือตัวเลยแม้แต่น้อย

    หลังจากนั้น สิริรัตน์ ได้เล่นบาสเกตบอลให้กับทีมชาติไทยอีก 9 ปี ก่อนจะประกาศเลิกเล่นหลังจบศึกชิงแชมป์เอเชีย 2004 ที่เมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2547 ด้วยวัยเพียง 27 ปีเท่านั้น

    เธอได้กล่าวถึงการตัดสินใจหันหลังให้กับกีฬาที่เธอรักว่า ในช่วงนั้นนอกจากจะต้องซ้อมบาสเป็นประจำแล้ว ยังต้องเรียนปริญญาโท อีกทั้งยังต้องทำงานประจำ กับการเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ผลิตรายการและละครทางโทรทัศน์ควบคู่กันไปด้วย หลังจากนั้น ตำนานสาวหล่อแห่งวงการยัดห่วงไทย ได้ทำงานที่เธอรักกับการเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการผลิตรายการและละครทางทีวีมาโดยตลอด

    เธอได้กล่าวว่า จากการที่เป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียงและหน้าตาดี จึงทำให้ช่วงที่ทำงานตอนแรก ครีเอทีฟเคยให้เธอทดลองเป็นนักแสดงหน้ากล้องเช่นกัน แต่ด้วยความเขินกล้อง และไม่ถนัดกับการแสดง จึงเลือกที่จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังมากกว่า

    สำหรับปัจจุบันแม้ สิริรัตน์ ยนต์โยธินกุล จะลาออกจากงานประจำแล้ว เพื่อหันมาทำธุรกิจเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ที่มีชื่อร้านว่า "ก๋วยเตี๋ยว เย็นตาโฟ ต้มยำ ไข่ออนเซน By แว่น สาวหล่อ" แต่ก็ยังไม่ทิ้งงานเบื้องหลังผลิตรายการโทรทัศน์ ซึ่งเธอยังเป็นฟรีแลนซ์ช่วยงาน "หม่ำ จ๊กมก" ศิลปินตลกชื่อดัง และยังเป็นผู้จัดการของ "อาร์ม" กรกันต์ สุทธิโกเศศ นักร้องและนักแสดงชื่อดังอีกด้วย

    ด้านร้าน "ก๋วยเตี๋ยว เย็นตาโฟ ต้มยำ ไข่ออนเซน By แว่น สาวหล่อ" เพิ่งเปิดเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาซึ่ง สิริรัตน์ ได้กล่าวว่า ที่จริงแล้วคุณพ่อกับคุณแม่ขายมาก่อน พอตนเองมาทำก็ได้ปรับปรุงให้รสชาติกลมกล่อมและอร่อยขึ้น โดยร้านตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 99/9 หมู่บ้านไทยสมบูรณ์ 3 ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี และได้เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 12.00-20.30 น.

    แฟนกีฬาท่านใด ที่ยังคิดถึงตำนานสาวหล่อแห่งวงการยัดห่วงไทยรายนี้ สามารถไปพบปะและอุดหนุนเธอได้ ตามสถานที่ดังกล่าว หรือติดต่อทางหมายเลขโทรศัพท์ 0648269399 และยังสามารถติดตามรายละเอียดของร้านได้ที่เพจเฟสบุ๊ก "ก๋วยเตี๋ยว เย็นตาโฟ ต้มยำ ไข่ออนเซน By แว่น สาวหล่อ" ได้อีก 1 ช่องทาง

 

เซ็กซี่ขึ้นแน่นอน น้องบลู โพสต์มีแพลนผ่าตัดหน้าอกใหม่ให้ปังสุด

ต้องบอกว่าถึงแม้หน้าจะหวานแต่ก็ผสานไปด้วยความเซ็กซี่ โดยปีนี้คาดว่า น้องบลู จิรารัตน์ คงมีผลงานเซ็กซี่มาให้หนุ่มๆ ได้ติดตามมากมายเช่นเคย แต่ก่อนจะไปถึงเรื่องผลงานใหม่ มาชมความแซ่บในลุคต่างๆ เพราะหลังจากนี้ หนุ่มๆ จะเห็นน้องบลูกับความเซ็กซี่ครั้งใหม่

 

เชื่อว่าชื่อของ น้องบลู คงเป็นหนึ่งในลิสต์รายชื่อที่หนุ่มๆ หลายคนตกหลุมรัก ยิ่งช่วงปลายปีที่ผ่านมา น้องบลู ควักกระเป๋าหลายล้านบาท บินศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลี จนตอนนี้บอกเลยว่าเธอสวยเซ็กซี่มีเสน่ห์ขึ้นจนหลายคนบอกว่าหน้าคล้ายตุ๊กตาบาร์บี้สุด ซึ่งล่าสุดน้องบลูโพสต์ข้อความว่า “อัปเดตหน้าใหม่บลูครบ 8 เดือนค่ะ และบลูมีแพลนผ่าตัดหน้าอกใหม่ให้ปังสุดด้วย ฝากติดตามบลูด้วยนะ”

ด้านผลงานเซ็กซี่ของสาวสวยคนนี้ที่ผ่านมาก็มากมาย มีทั้งงานถ่ายแบบ งานรีวิวสินค้าต่างๆ นอกจากนี้ น้องบลู ยังนางแบบอิสระที่ช่างภาพหลายคนอยากร่วมงานด้วยเป็นที่สุด

น้องบลู หลังจากศัลยกรรมหน้าอกจะสวยเซ็กซี่ขนาดไหนหนุ่มๆ คงต้องรอติดตามกัน

 

หนุ่มๆ กระดี๊กระด๊า! “มิโฮ” นักมวยปล้ำสาวญี่ปุ่นผันตัวเล่นหนังอิโรติก

สร้างความฮือฮาทีเดียวสำหรับ อาเบะ มิโฮ หนึ่งใน Diva สาวของ ศึกมวยปล้ำ NJPW (นิวเจแปนโปรเรสต์ลิง) สมาคมมวยปล้ำอาชีพของญี่ปุ่น ที่ตัดสินใจหันมารับงานถ่ายแบบที่หวาบหวิวขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

โดยก่อนหน้านี้ นางแบบสาวจากฮอกไกโด เซ็นสัญญากับทางค่ายเมื่อปี 2013 และยึดอาชีพสาวข้างสังเวียนที่คอยสร้างสีสันนับแต่นั้นเป็นต้นมา ก่อนที่เมื่อเดือนที่ผ่านมาเธอตัดสินใจไม่ต่อสัญญา แต่เลือกที่จะเซ็นรับเป็นงานๆ ไป นั่นเท่ากับว่าเธอจะสามารถทำอะไรนอกเหนือจากบทบาทในสังเวียนได้

ล่าสุด สาววัย 31 ปี รายนี้ตัดสินใจถ่ายแบบกราเวียร์แบบใหม่ ที่บอกเลยมันไม่เหมือนกราเวียร์เดิมทั่วไป (ถ่ายแบบชุดว่ายน้ำ) เพราะมันมีทั้งฉากร่วมเพศ และฉากกระตุ้นอารมณ์ทางเพศแบบโจ๋งครึ่ม จนแทบจะเรียกว่าหนังอิโรติก เลยก็ว่าได้

สำหรับ อาเบะ มิโฮ เกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม ปี 1988 ถือเป็นนางแบบที่ได้รับการจับตามองตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาที่ ฮอกไกโด ในบ้านเกิด จากนั้นเข้าร่วมประกวด มิส ยูนิเวิร์ส ญี่ปุ่น 2012 โดยสามารถผ่านเข้าถึงรอบสุดท้าย รวมถึงคว้าตำแหน่ง มิส FLASH 2015 (ถ่ายแบบชุดว่ายน้ำ)

ก่อนผันตัวมาเป็นนางแบบอาชีพรับงานถ่ายแบบกราเวียร์ และเป็นเรซควีนตามงานโชว์รถต่างๆ นอกจากนี้เธอยังมีผลงานการถ่ายแบบโฆษณาอีกมากมาย ส่วนการตัดสินใจหันมาถ่ายแบบกราเวียร์แบบวาบหวิวครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเธอหรือเปล่า

“ปุ๊กกี้” นิภาภรณ์…คัมแบ็กเขย่าสังเวียนซีเกมส์-เอเชียนเกมส์

ภาพนักตะกร้อสาว "ปุ๊กกี้" นิภาภรณ์ สลุบพล อยู่บนหลังของ วิภาดา จิตพรวน เพื่อนร่วมทีมประคองออกจากสังเวียนชิงชัยยังฝังอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน
    รวมถึง "ปุ๊กกี้" นักหวดลูกพลาสติกดาวรุ่งพุ่งแรงด้วยเช่นกัน

    วันที่ 20 สิงหาคม 2561 ณ เมืองปาเล็มบัง ประเทศอินโดนีเซีย เจ้าภาพกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ทีมตะกร้อสาวไทยลงแข่งขันเกมที่สองพบกับ เกาหลีใต้ หลังจากนัดแรกเอาชนะ ลาว มาได้ไม่ยาก 3 ทีมรวด "สวยสังหาร" นิภาภรณ์ สลุบพล ถูกส่งลงสนามเป็นทีมแรกร่วมกับสองจอมเก๋า มัสยา ดวงศรี กับ ศศิวิมล จันทสิทธิ์

    ดั่งฟ้ากลั่นแกล้งจอมเสิร์ฟดาวรุ่งปิดฉากเอเชียนเกมส์ลงในวันนี้ เมื่อได้รับบาดเจ็บที่ "เข่าซ้าย" จนเล่นต่อไปไม่ไหวและถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม

    นับเป็นเอเชียนเกมส์ครั้งแรกในชีวิตที่แสนสั้นและเจ็บปวด แม้ท้ายที่สุดแล้วเธอจะยังได้ฉลองแชมป์กับทีมก็ตาม

    หลังการตรวจอย่างละเอียดปรากฏว่า "เอ็นไขว้เข่าขวาขาด" หนักกว่าที่คาดคิด และเป็นอาการบาดเจ็บที่ในหมู่นักกีฬาหวาดกลัวที่สุด

    "เสียดายโอกาสแข่งขันจบลงเร็วไป ตอนที่เจ็บก็รู้สึกกังวลกลัวเช่นกัน คือคิดว่ารักษาหายแน่ แต่ที่กังวลคือเราจะกลับมาเล่นได้ดีเหมือนเดิมหรือเปล่า" จอมเสิร์ฟสาวเมืองบุรีรัมย์ กล่าว

    จากนั้นในเดือนถัดมาตุลาคมเธอขึ้นเขียงผ่าเข่ารักษาอาการบาดเจ็บ..

    แม้จะเปิดตัวไม่สวยแต่จอมเสิร์ฟสาวดาวรุ่งวัย 21 ปีขณะนั้นก็ไม่ท้อ ตั้งเป้าจะต้องกลับมาระเบิดฟอร์มที่ยอดเยี่ยมให้ได้อีกครั้ง ขณะที่ทีมตะกร้อสาวไทยนับว่าเสียหายไม่น้อยทีเดียว เมื่อขุนพลที่เตรียมไว้เป็นตัวหลักอาวุธเด็ดไว้ต่อกรกับคู่ต่อสู้ต้องเข้าศูนย์ซ่อมบำรุง

    เกือบหนึ่งปี…เป็นเวลาแสนนานยิ่งนักที่เยียวยารักษาอาการบาดเจ็บเข่า ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจไม่ท้อในที่สุด "สวยสังหาร" ได้โอกาสหวนคืนสังเวียนอีกคำรบในการแข่งขันเซปักตะกร้อชิงแชมป์โลก หรือ คิงส์ คัพ ครั้งที่ 34 ในเดือนกันยายน ปี 2562

    วาดลวดลายให้แฟนๆ ตะกร้อไทยประจักษ์ความแข็งแกร่งกลับคืนมาอีกครั้งแม้จะยังไม่เต็มร้อย แต่ก็เป็นการส่งสัญญาณว่าอีกไม่นานฟอร์มเดิมๆ จะคืนมา

    "กลับมาเล่นได้อีกครั้ง ใจก็ไม่คาดหวังว่าจะต้องทำให้ได้ดีเท่าเดิม เพราะรู้ตัวว่าสภาพร่างกายของตัวเองนั้นไม่เหมือนเดิม คิดแค่ว่าจะกลับมาเล่นให้ได้เท่านั้น"

    "แรกๆ ก็รู้สึกแหยงๆ แต่คงเป็นเพราะไม่ตั้งความหวังไว้มาก ทำให้ไม่รู้สึกกดดัน และกลายเป็นผลดีกับตัวเอง คือ เราเล่นได้ดีเกินความคาดหมาย ผลที่ออกมาโอเคเลยค่ะ รู้สึกดีกว่าตอนที่เล่นทีมชาติครั้งแรกด้วยซ้ำ เพราะตอนนั้นบอกเลยว่ากดดันมากจนเล่นไม่ได้ดั่งที่คิด"

    อย่างไรก็ตามเนื่องจากพึ่งหายจากการบาดเจ็บไม่นาน ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ในปลายปีนั้นยังไม่มีชื่อติดทีมไปทำศึก

    แต่นั่นไม่ได้บั่นให้รู้สึกท้อแท้ท้อถอยแต่อย่างใด

    "แม้จะบาดเจ็บต้องผ่าเข่าพลาดโอกาสแข่งขันรายการสำคัญๆ ทั้งซีเกมส์ และ เอเชียนเกมส์  ไม่เคยรู้สึกท้อค่ะ ให้พยายามทำตามเป้าหมายตามฝันของเราเหมือนเดิม ไม่ต้องไปคิดมาก ไม่ตั้งความหวังไว้สูง ก็ทำให้เต็มที่เท่านั้น เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดซึ่งจะส่งผลต่อสภาพจิตใจจะกังวนสับสนไปหมด ดังนั้นต้องไม่คิดมาก"

    หวนคืนสู่สังเวียนครานี้ "ปุ๊กกี้" พร้อมเดินสู่เส้นสายนี้ เป้าหมายคือ ทำให้ดีที่สุดและเต็มที่ ซึ่งเธอเชื่อว่าความมุ่งมั่น ฝึกฝน ตนเองอยู่เสมอ คือกุญแจทำให้เราเก่งขึ้นนั่นเอง ซึ่งเธอยึดถือปฎิบัติมาตั้งแต่เมื่อครั้งวัยเยาว์

    "ชอบเล่นกีฬาเล่นมาตั้งแต่ 10 ขวบ ตอนเด็กๆ ก็เล่นทั้งวอลเลย์บอล และ ตะกร้อ แต่เหมือนฟ้าลิขิตไว้แล้วมั้งคะ กลายเป็นตะกร้อที่ถูกเลือก และเพราะเป็นคนตัวสูงครูที่โรงเรียนก็ให้เล่นตำแหน่งเสิร์ฟตั้งแต่นั้นเลย ซึ่งตอนเด็กๆก็ไม่ได้เล่นเก่งอะไรแต่อาศัยขยันซ้อมทำให้พอเล่นได้"

    "พอจบป.6 พ่อกับแม่กำลังมองหาที่เรียนต่อ และมีอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนอาจารย์กมล ตันกิมหงษ์ ได้แนะนำให้ไปสอบเข้าที่รร.กีฬาจังหวัดชลบุรี ซึ่งก็ไปสอบและอาจารย์อ๊อด-วีระชัย แสงสว่าง โค้ชตะกร้อรร.กีฬาชลบุรีก็มาดึงตัวไป และที่นี่เองที่เริ่มฝึกหัดตะกร้ออย่างจริงจัง"

    แม้จะห่างบ้านแต่โชคดีมีลูกพี่ลูกน้องอยู่ชลบุรี ทำให้ไม่รู้สึกว้าเหว่เท่าใดนัก ณ บ้านหลังใหม่ฝึกวิทยายุทธอยู่ร่วมๆ สองปีเลยทีเดียว กว่าฝีไม้ลายมือจะค่อยๆ กล้าแกร่งและเริ่มมีโอกาสท่องยุทธภพ

    กระทั่งกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 29 "มหาสารคามเกมส์" ที่จ.มหาสารคาม ในปี 2556 มีโอกาสได้ร่วมทีมไปแข่งขันแสดงความสามารถ และกลับบ้านพร้อมกับความสำเร็จ "เหรียญทองทีมชุด" ความสำเร็จชิ้นแรกของเธอในเกมแข่งขันระดับชาติ

    และที่เมืองมหาสารคามนี่เองฟอร์มการเล่นของ "ปุ๊กกี้" ได้ไปโดนตาต้องใจกุนซือตะกร้อหญิงทีมชาติไทย "ซันชิโร่" วีรัส ณ หนองคาย

    "ตอนนั้นโค้ชโร่ได้เข้ามาถามชื่ออะไร สวนสูง น้ำหนักเท่าไหร่ แค่นั้นเอง รู้ว่าเป็นโค้ชทีมชาติแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่าคงมาถามข้อมูลไปเฉยๆเท่านั้นเพราะเห็นไปถามหลายคน และเรื่องทีมชาติตอนนั้นไม่เคยคิดไม่เคยอยู่ในหัวเลย นั่นเพราะรู้ตัวว่าไม่ได้เก่งเลย แค่ตัวสูงเฉยๆ"

    แม้จะไม่ได้คิดไปไกลถึงทีมชาติ อย่างไรก็ตามอีกไม่กี่เดือนต่อมาในปีเดียวกันนั้นชื่อของ "นิภาภรณ์ สลุบพล" อยู่ในโผเรียกเข้าแค้มป์เก็บตัวทีมชาติไทย นับเป็นก้าวแรก

    "วันนั้นอาจารย์อ๊อดมาบอกก็ดีใจที่มีโอกาสพร้อมกับความรู้สึกสับสนคิดกังวลมองภาพไม่ออกว่าเราจะทำได้หรือเปล่า เข้าไปแล้วจะทำตัวอย่างไร กลัวทำให้อาจารย์และต้นสังกัดเราเสียชื่อ แต่ก็พยายามไม่คิดมาก พยายามทำให้ดีที่สุด และอยากทำให้พ่อกับแม่สมหวัง"

    "จากนั้นก็มีชื่อเก็บตัวฝึกซ้อมเรื่อยมา น่าจะสองปีก็ติดทีมคิงส์ คัพ ครั้งที่ 30 ในปี 2558 ตอนนั้นตื่นเต้นมากถึงกับนอนไม่หลับเลยทีเดียว คิดมากกลัวจะทำไม่ได้ พอลงแข่งขันกลายเป็นความกดดันที่ซ้อมๆ มาหายหมด แต่โชคดีมีพี่ๆ คอยแนะนำและให้กำลังใจ คลายความกดดันทำให้เล่นได้ดีขึ้น"

    นับเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่า กับการแข่งขันทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ครั้งแรกในชีวิต "ปุ๊กกี้" ได้เห็นจุดบกพร่องของตัวเอง นั่นคือ คิดมาก ความกลัว กดดัน จิตใจยังไม่แข็งแกร่งพอ ซึ่งทำให้เธอได้เรียนรู้พร้อมกับก้าวข้ามผ่านมันไป

    แม้พร้อมที่จะกางปีกโบยบิน..ฟ้าอาจผู้ลิขิตให้เธอเดินสู่เส้นทางสายนี้ ทว่ากลับยังลิขิตโยนอุปสรรคให้ต้องฟันฝ่านั่นก็คือ "การบาดเจ็บ" ซึ่งหนักสาหัสทีเดียวต้องเยียวยาอยู่ร่วมปี

    อุปสรรคคือแบบทดสอบของชีวิต ความเจ็บปวดทำให้จิตใจแข็งแกร่ง สังเวียนการแข่งขันทั้งซีเกมส์ และเอเชียนเกมส์ถึงเวลาพิสูจน์ความสามารถประกาศศักดาให้วงการตะกร้อโลกได้ประจักษ์

    จอมเสิร์ฟ "นิภาภรณ์ สลุบพล" สวยสังหารแห่งเมืองสยาม..

 
ประวัติ

ชื่อ : นางสาว นิภาภรณ์ สลุบพล ชื่อเล่น ปุ๊กกี้

เกิด : 24 พ.ค.2540 อายุ 22 ปี

ภูมิลำเนา : บ้านแท่นพระ ต.หนองคู อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์

ส่วนสูง 171 น้ำหนัก 56

 การศึกษา

– กำลังศึกษาปริญญาตรี : มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติวิทยาเขตชลบุรี

คณะ : ศึกษาศาสตร์

สาขา: สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นปีที่ 4

 การทำงาน

– ทำงานอยู่สังกัดกองทัพอากาศ

– เข้ารับราชการตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2562-ปัจจุบัน

– หน่วยงาน : กกฬ.สก.ทอ.

– ตำแหน่ง : จนท.ส่งเสริมกีฬา

  ผลงานด้านกีฬาระดับนานาชาติ

1.เหรียญทองทีมเดี่ยว Istaf super series

2014 (พม่า)

2.เหรียญทองทีมเดี่ยว Istaf super series 2014 (เกาหลี)

3.เหรียญทองทีมเดี่ยว Istaf super series

2015 (ไทย)

4.เหรียญทองทีมชุด ตะกร้อชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่30 – 32 ปี 2015 – 2017 (ไทย)

5.เหรียญทองทีมเดี่ยว ชิงแชมป์เอเชีย

ครั้งที่1 -2 ปี2016-2017(เกาหลี)

6.เหรียญทองทีมชุดหญิง เอเชี่ยนเกมส์

จากาต้า-ปาเลมบัง ณ อินโดนีเชีย ปี 2018

7.เหรียญทองทีมชุดหญิง ตะกร้อชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 34 ปี 2019

เตรียมออกท่วงท่า! FO4 เปิดตัว Volta Live สตรีทฟุตบอล 4v4



เกมฟุตบอลออนไลน์ของค่าย EA Sports เปิดตัวโหมดการเล่นใหม่ Volta Live สตรีทฟุตบอลแบบ 4 v 4 ให้เล่นแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย
EA Sports เปิดตัวโหมดการเล่นใหม่ของ FIFA Online 4 ในโหมด VOLTA LIVE ในรูปแบบสตรีทฟุตบอล 4 ปะทะ 4 แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย

ก่อนหน้านี้เกม FIFA 20 เริ่มมีโหมด VOLTA Football นำร่องไปก่อนแล้วซึ่งตัวเกมได้รับผลการตอบรับเป็นอย่างดี ในเกมเพลย์ที่สนุกเร้าใจด้วยการโชว์กดสกิลท่าทางต่าง  แบบสตรีทฟุตบอล

จนล่าสุดทาง EA  Sports ได้ประกาศเพิ่ม VOLTA LIVE โหมด 4V4 ในเกม FIFA ONLINE 4 ให้เล่นพร้อมกันในวันที่ 23 เมษายนนี้ อีกทั้งตัวเกมจะมีอัพเดทแพทช์ใหม่ "THE NEW ERA " ในวันที่ 21 เมษายนอีกด้วย

ดับฝันเหรียญอลป.!สหพันธ์ฯแบนยกเหล็กไทย3ปีแถมปรับอื้อ

โทษหนักสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ ประกาศแบนทัพยกเหล็กไทยจากการเป็นสมาชิก3ปีพร้อมปรับเงินกว่า6ล้านบาท นั่นหมายถึงทีมชาติไทยไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกในปี2021ได้ โดยสมาคมยกน้ำหนักฯสามารถยื่นเรื่องอุทธรณ์โทษได้ภายใน21วัน ด้านเพื่อนบ้านมาเลเซียโดนโทษแบนด้วย 1ปี 

     จากกรณีที่นักกีฬาถึง 13 ของไทย จากทั้งหมด 20 คนรวมชาติอื่นๆ ถูกสุ่มตรวจสารกระตุ้นทางปัสสาวะเเละฮอร์โมน ด้วยวิธีตรวจที่เข้มข้นเเบบ "ไออาร์เอ็มเอส" โดย 10 คนของไทย ถูกตรวจพบมีสารต้องห้ามในร่างกาย

     หลังเกิดเรื่องสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นเเห่งประเทศไทย พยายามต่อสู้เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ให้จอมพลังไทย  เดือนมี.ค. 62 สมาคมประกาศปิดเเคมป์ฝึกซ้อมที่จ.เชียงใหม่ไม่มีกำหนด พร้อมยืนยันจะไม่ส่งจอมพลังไทยลุยเก็บคะเเนนควอลิฟายไปโอลิมปิก 2020 จนกว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจะกระจ่างชัดเเละคลี่คลาย ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้มีการตรวจสอบหลายขั้นตอนจนล่าสุด เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา สหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ หรือ (ไอดับเบิ้ลยูเอฟ) ได้มีบทสรุปออมาดังนี้

     โดยสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ ได้ประกาศบทลงโทษออกมาอย่างเป็นทางการ โดนพักสมาชิกภาพของสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย ของสหพันธ์ยกน้ำหนักโลกเป็นเวลา 3 ปี จนถึงถึงวันที่ 1 เม.ย. 2023พร้อมทั้งห้ามนักกีฬาอายุต่ำกว่า 18 ปี ลงแข่งขันรายการนานาชาติ 6 เดือน นับตั้งแต่รายการแรกที่จะจัดในอนาคต ห้ามนักกีฬารุ่นทั่วไปลงแข่งขันรายการนานาชาติ 11 เดือน นับตั้งแต่รายการแรกที่จะจัดในอนาคต

     นอกจากนี้นักกีฬาทีมชาติไทยจะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่เลื่อนจัดไปแข่งขันในปี 2021 แทน และโทษปรับ 200,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6 ล้านบาท และจะมีการประเมินอีกครั้งในวันที่ 7 มีนาคม 2022 ว่าเหมาะสมจะคืนสภาพหรือไม่ ขณะที่ ทีมชาติมาเลเซียโดนโทษแบนเป็นระยะเวลา1ปีด้วย

     ทั้งนี้สมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย สามารถยื่นเรื่องอุทธรณ์โทษได้ภายใน 21 วัน กับศาลอนุญาโตตุลาการทางการกีฬาต่อไป