โอบาเมย็องไร้สกอร์ 5 เกมติดครั้งแรกในรอบ 6 ปี

ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ไร้ชื่อบนสกอร์บอร์ด 5 เกมติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี หลังจากที่ อาร์เซน่อล เปิดบ้านพ่ายต่อ เลสเตอร์ ซิตี้ 0-1 ในเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
  
ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง กองหน้ากัปตันทีม อาร์เซน่อล ต้องเจอสถิติเลวร้ายที่ไม่น่าจดจำ เมื่อเจ้าตัวไม่มีชื่อเป็นผู้ทำประตูติดต่อกัน 5 นัดเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี

โอบาเมย็อง คือผู้เล่นคนสำคัญของ ‘เดอะ กันเนอร์ส’ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และเป็นคีย์แมนที่พา อาร์เซน่อล คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ โดยตลอดฤดูกาล 2019/20 กองหน้าทีมชาติกาบอง ซัดไป 29 ประตู จากทุกรายการ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นในซีซั่นนี้กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะหลังจากที่ โอบาเมย็อง ทำประตูได้ในเกมเปิดฤดูกาลที่เอาชนะ ฟูแล่ม 3-0 และจรดปากกาต่อสัญญากับ ‘ไอ้ปืนใหญ่" ออกไป นับตั้งแต่นั้นเจ้าตัวกลับทำประตูไม่ได้อีกเลย ซึ่งนับเป็นจำนวน 5 นัดติดต่อกันเข้าให้แล้ว โดยสถิติไร้สกอร์ 5 เกมติดครั้งสุดท้าย เกิดขึ้นเมื่อปี 2014 สมัยที่เขายังค้าแข้งกับ โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์

 

โอบาฮีโร่-เลโน่มีเหวอ! อาร์เซน่อลรัว4นาทีสอยราปิดเปิดยูโรปาลีก

"ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล หวิดสิ้นชื่อเกมนี้ เมื่อ แบรนด์ เลโน่ ทำพลาด ก่อนเป็น ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ลงตัวสำรองมากระหน่ำประตูชัยบุกเชือด ราปิด เวียนนา 2-1 คว้าสามแต้มประเดิมบอลยุโรปใบนี้ ในการแข่งขันศึกฟุตบอลยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดแรก คืนวันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา

สนาม : อัลลิอันซ์ สตาดิโอน

ศึกฟุตบอลยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดแรก คืนวันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ฟอร์มในลีกล่าสุดแพ้ แมนซิตี้ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือใส่ชื่อ "ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง" เป็นสำรอง แดนกลางใช้ "โธมัส ปาร์เตย์" ประเดิมบอลยุโรปนัดแรกกับทีม บุกบ้าน ราปิด เวียนนา รองจ่าฝูงลีกออสเตรีย ของเทรนเนอร์ ดีทมาร์ คูห์เบาเออร์ จัดผู้เล่นฟูลทัพนำโดยดาวยิงตัวทีเด็ดอย่าง "ทาเซียร์ชิส โฟอุนตาส" พร้อมซัดตาข่ายนำชัย

ปืนใหญ่เกือบนำนาทีที่ 15 เซดริก โซอาเรส เปิดลูกฟรีคิกทางขวาของสนามระยะเกือบ 25 หลา บอลลอยมาในเขตโทษเยื้องมาทางซ้าย ดาวิด ลุยซ์ โถมหัวโขกบอลกระดอนพื้นถูกนายทวารเจ้าบ้านทุบทิ้งออกมาได้

เจ้าบ้านหวิดทำได้นาทีที่ 19 ทาเซียร์ชิส โฟอุนตาส โยกมาทางริมสนามด้านขวาตามดีดคืนให้ เคลวิน อราเซ่ รับบอลจ่ายเรียดเข้ากลางเขตโทษ มาร์เชล ริตซ์ไมเออร์ หัวหอกปรี่มายิงไขว้หลังไปแฉลบตัว กาเบรียล มากัลเญส ลอยเกือบข้ามตัว แบรนด์ เลโน่ ยังดีที่นายด่านทีมเยือนปัดไว้ทัน

ผ่านมานาทีที่ 31 นิโคลัส เปเป้ ลากบอลลุยมาคนเดียวทางขวาหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนโชว์ลีลาสับขาโยกหลอกผู้เล่นเจ้าถิ่นตัดเข้าเหลี่ยมปั่นด้วยเท้าซ้าย บอลโค้งไม่พอออกข้างเสาสองไปไกลพอควร

ราปิดสร้างโอกาสนาทีที่ 36 ทาเซียร์ชิส โฟอุนตาส ลงต่ำมารับบอล เลี้ยงกินระยะมาถึงกลางสนาม 25 หลา ตัดสินใจส่องไกล บอลทิศทางติดไซต์โป้งเล็กน้อย แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับ แบรนด์ เลโน่ มือกาวปืนโตรับสบาย

เจ้าบ้านบุกอีกนาทีที่ 43 มาร์เชล ริตซ์ไมเออร์ ครอสบอลจากริมเส้นทางซ้าย บอลโค้งมาที่ เออร์คาน คาร่า หันหลังแตะบอลหนี ดาวิด ลุยซ์ พลิกมายิงบอลแต่เลี้ยวมากไปผ่านหน้าปากประตูออกไป จบ 45 นาทีแรกเสมอกันอยู่ 0-0

ราปิดได้เฮนาทีที่ 51 ดาวิด ลุยซ์ จ่ายบอลเล่นสั้นหน้าเขตโทษ ส่งคืนไปที่ แบรนด์ เลโน่ แปะบอลเบาไปติดตัว เออร์คาน คาร่า ที่ปรี่มาดักบอลเข้าทาง ทาเซียร์ชิส โฟอุนตาส ยิงสวนเข้าประตูไปอย่างง่ายดาย

ปืนใหญ่เกือบแย่หนักนาทีที่ 59 โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ไหลคืนหลังมาที่ แบรนด์ เลโน่ ถูก เออร์คาน คาร่า ตามมากดดัน จนนายทวารปืนใหญ่เตะออกมาไม่ดีเข้าทาง ทาเซียร์ชิส โฟอุนตาส เก็บบอลกระชากมาตรงเส้นเขตโทษ ก่อนซัดบอลติดเซฟมือกาวชาวเยอรมันแก้ตัวได้ดี

ทีมเยือนตีเจ๊านาทีที่ 70 นิโคลัส เปเป้ ทิ้งลูกฟรีคิกทางสนามฝั่งขวาระยะเกือบ 30 หลา บอลโด่งมากลางเขตโทษ ดาวิด ลุยซ์ วิ่งมาโหม่งสวนตัว ริชาร์ด สเตรบิงเกอร์ มือกาวเจ้าบ้านที่ออกมาไม่เจอบอลตุงตาข่ายไป

และแล้วนาทีที่ 74 โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ แทงบอลกลางสนามทะลุช่องมาให้ เอ็คตอร์ เบเยริน สอดหลุดมาในเขตโทษทางขวาปาดมาหน้าปากประตูไปที่ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง แปเข้าตุงประตูง่ายดาย จบเกม อาร์เซน่อล บุกไล่แซง ราปิด เวียนนา 2-1 คว้าสามแต้มเปิดหัวยูโรปาลีก

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

ราปิด เวียนนา (3-4-3): ริชาร์ด สเตรบิงเกอร์,ฟิลิป สตอยโควิช,มักซิมิเลียน โฮฟมันน์,มาเตโอ บารัช,เคลวิน อราเซ่ (ธอร์สเท่น ชิค น.79),เดยัน ลูบิซิช,เซอร์ดาน กราโฮวัช,มักซิมิเลียน อูลล์มันน์,เออร์คาน คาร่า (โคยะ คิตางาวะ น.76),มาร์เชล ริตซ์ไมเออร์ (คริสโตเฟอร์ คลัสมุนเนอร์ น.88),ทาเซียร์ชิส โฟอุนตาส

อาร์เซน่อล (4-4-2): แบรนด์ เลโน่,เซดริก โซอาเรส (เอ็คตอร์ เบเยริน น.61),ดาวิด ลุยซ์,กาเบรียล มากัลเญส,เซอัด โคลาซินัช,นิโคลัส เปเป้,โธมัส ปาร์เตย์,โมฮาเหม็ด เอลเนนี่,บูกาโย ซาก้า (คีแรน เทียร์นี่ย์ น.84),เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ (ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง น.61),อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ (โจ วิลล็อค น.84)

อาร์เซน่อลเน้นหนัก! “โอบาเมย็อง-ลากาแซตต์” ประสานโป้งรับเชฟยูที่หวังแต้มแรก

"ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เตรียมจัดทัพหนักนำปิดบัญชีโดย ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง กับ อเล็กซ็องด์ ลากาแซตต์ เกมรับ "ดาบคู่" เชฟฯ ยูไนเต็ด ที่จะมาสู้เพื่อแต้มแรกของซีซั่น ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 4 ต.ค. ศกนี้  ถ่ายทอดสด :  True Premier HD1 (เวลา : 20.00 น.)

ปรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2563
อาร์เซน่อล   –   เชฟฯ ยูไนเต็ด
ถ่ายทอดสด
 :  True Premier HD1 (เวลา : 20.00 น.)


สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
    
    อาร์เซน่อลของ มิเกล อาร์เตต้า พาทีมแพ้เป็นเกมแรกในลีก โดยแพ้ให้กับทางลิเวอร์พูลไป 1-3 แต่พวกเขาก็สามารถไปแก้แค้นใน ลีก คัพ ได้สำเร็จ หลังเอาชนะช่วงต่อเวลายิงลูกโทษไป 5-4 หลังเสมอกับทางหงส์แดงในเวลาไป 0-0 

   สภาพทีมเกมที่จะถึงนี้ ปืนใหญ่จะขาดเพียงแค่ตัวผู้เล่นที่มีอาการบาดเจ็บมาอยู่แล้วทั้ง ชโคดราน มุสตาฟี่, ปาโบล มาริ และ คัลลั่ม แชมเบอร์ส ส่วน โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส ที่มีอาการบาดเจ็บน่องนั้นเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่ยังต้องรอทดสอบความฟิตก่อน ส่วนผู้เล่นตัวหลักคนอื่นๆ นั้นพร้อมที่จะลงสนามในคืนวันพรุ่งนี้แน่นอน

    การจัดทัพ อาร์เซน่อลน่าจะมาในระบบ (3-4-2-1) โดยใช้ แบร์นด์ เลโน่ ยืนเฝ้าเสา แผงหลังสามใช้งานทาง ร็อบ โฮลดิ้ง, ดาวิด ลุยซ์ และ คีแรน เทียร์นี่ย์ วิงแบ็กขวาเป็นทาง เอคตอร์ เบเยริน ส่วนวิแบ็กซ้ายใช้ เอนสลี่ย์ เมทแลนด์-ไนลส์ โดยมี โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ และ กรานิต ชาคา เป็นตัวคุมเกมแดนกลาง ส่วนสามประสานในแดนหน้าใช้งาน วิลเลี่ยน กับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง เป็นตัวริมเส้น โดยมี อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ยืนหน้าเป้า

    ด้าน เชฟฯ ยูไนเต็ด ของ คริส ไวล์เดอร์ พาทีมแพ้มา 4 นัดติดต่อกัน โดยเกมล่าสุดพวกเขาพ่ายให้กับทาง ลีดส์ ยูไนเต็ด ไป 0-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก

    สภาพทีมเกมนี้ ไวล์เดอร์จะยังใช้งาน รีอาน บรูว์สเตอร์ กองหน้าตัวใหม่ที่ดึงมาจากลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 23.5 ล้านปอนด์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาไม่ได้ แต่ทีมจะได้ จอห์น เอแกน กองหลังตัวหลัก พ้นโทษแบนกลับมา แต่ทีมจะยังไม่มีทั้ง แจ็ค โอคอนเนลล์ และ ลีส์ มูสเซ ที่ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ 

    การจัดทัพ ทีมดาบคู่น่าจะมาในระบบ 3-5-2 โดยมี อารอน แรมส์เดล ยืนเฝ้าเสา หลังสามใช้งานทาง คริส บาแชม, จอห์น เอแกน และ แจ็ค โรบินสัน วิงแบ็กขวาเป็นทาง จอร์จ บัลด็อค ส่วนวิงแบ็กซ้ายใช้ เอ็นดา สตีเว่นส์  โดยมี จอห์น ลุนด์สแตรม, ซานเดอร์ เบิร์ก และ เบน ออสบอร์น เป็น 3 ประสานในเดนกลาง ส่วนคู่หน้าใช้งานทาง โอลิเวอร์ เบิร์ค และ โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่


นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

    อาร์เซน่อล (3-4-2-1) : แบร์นด์ เลโน่ – ร็อบ โฮลดิ้ง, ดาวิด ลุยซ์, คีแรน เทียร์นี่ย์ – เอคตอร์ เบเยริน, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, กรานิต ชาคา, เอนสลี่ย์ เมทแลนด์-ไนลส์ – วิลเลี่ยน, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง – อเล็กซ็องด์ ลากาแซตต์
    ผู้จัดการทีม : มิเกล อาร์เตต้า

    เชฟฯ ยูไนเต็ด (3-5-2) : อารอน แรมส์เดล – คริส บาแชม, จอห์น เอแกน, แจ็ค โรบินสัน – จอร์จ บัลด็อค, จอห์น ลุนด์สแตรม, ซานเดอร์ เบิร์ก, เบน ออสบอร์น, เอ็นดา สตีเว่นส์ – โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่ร์, โอลิเวอร์ เบิร์ค    
    ผู้จัดการทีม : คริส ไวล์เดอร์  

    ผู้ตัดสิน : ลี เมสัน 

ผลการพบกัน 5 นัดหลังสุด
วัน/เดือน/ปี    รายการ    ผลการแข่งขัน

28/06/20    เอฟเอ คัพเชฟฯ ยูไนเต็ด 1 – 2 อาร์เซน่อล
18/01/20    พรีเมียร์ลีกอาร์เซน่อล 1 – 1 เชฟฯ ยูไนเต็ด
22/10/19    พรีเมียร์ลีกเชฟฯ ยูไนเต็ด 1 – 0 อาร์เซน่อล
24/09/08    ลีก คัพอาร์เซน่อล 6 – 0 เชฟฯ ยูไนเต็ด
01/11/07    ลีก คัพเชฟฯ ยูไนเต็ด 0 – 3 อาร์เซน่อล


ผลงาน 5 นัดหลังสุด
อาร์เซน่อล 

01/10/20 เสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 (เยือน) ลีก คัพ
28/09/20 แพ้ ลิเวอร์พูล 1-3 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
24/09/20 ชนะ เลสเตอร์ 2-0 (เยือน) ลีก คัพ 
20/09/20 ชนะ เวสต์แฮม 2-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
12/09/20 ชนะ ฟูแล่ม 3-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก 

เชฟฯ ยูไนเต็ด
27/09/20 แพ้ ลีดส์ ยูไนเต็ด 0-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
22/09/20 แพ้ แอสตัน วิลล่า 0-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
17/09/20 เสมอ เบิร์นลี่ย์ 1-1 (เยือน) ลีก คัพ 
15/09/20 แพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
04/09/20 เสมอ เปรสตัน 2-2 (เหย้า) กระชับมิตร 

‘ซาก้า’ควง’เปเป้’ซัด! อาร์เซน่อลเปิดรังเฉือนเชฟฟิลด์หวิว-แซงขึ้นท็อปโฟร์

บูกาโย่ ซาก้า และ นิโกล่าส์ เปเป้ กดคนละตุง พา อาร์เซน่อล เปิดรังเฉือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-1 แซง เชลซี ขึ้นไปรั้งที่ 4 ของตาราง ขณะที่ทีม "ดาบคู่" อาการโคม่าแพ้ 4 นัดรวดหล่นไปรั้งรองบ๊วยของตาราง ในศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา

    ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2563 ที่สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ระหว่าง อาร์เซน่อล ทีมอันดับ 9 ของตาราง พบ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 18

    อาร์เซน่อล ของ มิเกล อาร์เตต้า เกมนี้มีการเปลี่ยน 11 ตัวจริงบางตำแหน่งส่ง กาเบรียล มากัลเญส ลงก่อน ร็อบ โฮลดิ้ง ในแนวรับ ขณะที่แนวรุกส่ง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ยืนเป็นหน้าเป้าก่อน อเล็กซ็องด์ ลากาแซตต์ ประสานงานร่วมกับ วิลเลียน และ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง

    ด้าน เชฟฯ ยูไนเต็ด ของ คริส ไวล์เดอร์ ที่พาทีมแพ้มา 4 นัดติดต่อกัน เกมนี้ได้ จอห์น เอแกน กองหลังตัวหลัก พ้นโทษแบนกลับมา ส่วนคู่หน้าใช้ โอลิเวอร์ เบิร์ค และ เดวิด แม็คโกรดิค ล่าตาข่าย

    ครึ่งแรกเปิดฉากมา 20 นาที แม้ อาร์เซน่อล จะครองเกมได้เหนือกว่าชัดเจน แต่ยังเจาะเกมรับ เชฟฟิลด์ ไม่เข้า เกมส่วนใหญ่ยังอยู่บริเวณกลางสนามทำให้ทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0

    ทีม "ปืนใหญ่" ขึงบุกใส่อยู่ฝ่ายเดียวต่อบอลอยู่หน้าเขตโทษ เชฟฟิลด์ และมาได้ลุ้นจบสกอร์ครั้งแรก ในนาที 28 เมื่อ บูกาโย่ ซาก้า เปิดจากริมเส้นฝั่งซ้ายให้ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ขึ้นโขกแต่บอลไม่มีน้ำหนักทำให้ อารอน แรมส์เดล ล้มตัวรับไว้ไม่ยาก

    จากนั้น อาร์เซน่อล เกือบได้ประตูขึ้นนำ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ปั่นด้วยขวาหน้าเขตโทษบอลกำลังจะเสียบใต้คานแต่ อารอน แรมส์เดล พุ่งปัดปลายมือบอลออกหลังไปหวุดหวิด ในนาที 37

    ท้ายครึ่งแรก นาที 44 เจ้าถิ่นได้ลุ้นส่งท้ายครึ่งแรกจากจังหวะตวัดยิงในเขตโทษของ โอบาเมย็อง แต่บอลไปตรงตัวของ แรมส์เดล รับได้ไม่ยาก

    ช่วงที่เหลือทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้ ทำให้จบครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0

    ครึ่งหลังเริ่มมาถึง นาที 52 อาร์เซน่อล ชวดได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่ ดานี่ เซบายอส แทงบอลทะลุช่องให้ โอบาเมย็อง หลุดเข้าไปชาร์จจ่อๆหน้าปากประตูแต่ไม่โดนบอลออกหลังไป

    จนกระทั่ง นาที 60 ความพยายามของ อาร์เซน่อล มาประสบผลสำเร็จจากจังหวะการทำชิ่งหน้าปากประตูบอลไปถึง เอคตอร์ เบเยริน หลุดไปถึงสุดเส้นหลัง ก่อนจะชิพไปเสาไกลให้ บูกาโย่ ซาก้า ได้โหม่งโล่งๆเข้าประตูไป

    เท่านั้นไม่พอ นาที 64 "ปืนใหญ่" ได้ประตูนำห่าง 2-0 เบเยริน จ่ายบอลให้ นิโกล่าส์ เปเป้ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองในครึ่งหลังกระชากเข้าไปซัดด้วยซ้ายข้างถนัดส่งบอลเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม

    อย่างไรก็ตาม นาที 83 เชฟฟิลด์ ไม่ยอมง่ายๆ ได้ประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-2 เดวิด แม็คโกรดิค ปั่นโค้งๆหน้าเขตโทษบอลพุ่งเสียบเสาเข้าไป แบรนด์ เลโน่ หมดสิทธิ์เซฟ

    เวลาที่เหลือ เชฟฟิลด์ ไล่ไม่ทัน จบเกม อาร์เซน่อล เอาชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-1 ขยับขึ้นไปรั้งที่ 4 ของตาราง ขณะที่ทีม "ดาบคู่" อาการโคม่าแพ้ 4 นัดรวดแถมยังยิงใครไม่ได้หล่นไปรั้งรองบ๊วยของตาราง

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

อาร์เซน่อล (3-4-2-1) : แบร์นด์ เลโน่ – กาเบรียล มากัลเญส, ดาวิด ลุยซ์, คีแรน เทียร์นี่ย์ – เอคตอร์ เบเยริน, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, ดานี่ เซบายอส (กรานิต ชาคา น.81), บูกาโย่ ซาก้า (เอนส์ลี่ย์ เมตแลนด์-ไนล์ส น.87) – วิลเลี่ยน, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง – เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ (นิโกล่าส์ เปเป้ น.58)
 
เชฟฯ ยูไนเต็ด (3-5-2) : อารอน แรมส์เดล – คริส บาแชม (บิลลี่ ชาร์ป น.76), จอห์น เอแกน, แจ็ค โรบินสัน – จอร์จ บัลด็อค, จอห์น ลุนด์สแตรม, ซานเดอร์ เบิร์ก, เบน ออสบอร์น (จอห์น เฟล็ค น.63), เอ็นดา สตีเว่นส์ – เดวิด แม็คโกรดิค, โอลิเวอร์ เบิร์ค (โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นีย์ น.56)  

ดวลแข้งสำรอง!อาร์เซน่อลบุกถิ่นเลสเตอร์ “อิเฮียนาโช่” วัด “ซาก้า” ศึกคาราบาวคัพ

"ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เตรียมส่ง บูคาโย่ ซาก้า ลงล่าตาข่ายเกมบุกถิ่น "จิ้งจอกสีน้ำเงิน" เลสเตอร์ ซิตี้ ที่จะใช้ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ นำปิดสกอร์ ซึ่งคาดว่าทั้งสองทีมจะพักแข้งหลักแล้วเปิดทางให้ตัวสำรองลงวาดลายคมแข้ง ในศึกฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบ 3 วันพุธที่ 23 ก.ย. ศกนี้  (เวลา : 01.45 น.)
ปรีวิวฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบ 3
วันพุธที่ 23 กันยายน 2563 (เวลา : 01.45 น.)
เลสเตอร์ ซิตี้   –   อาร์เซน่อล

   
สนาม : คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

    "จิ้งจอกสีน้ำเงิน" เลสเตอร์ เปิดฤดูกาลใหม่ด้วยการชนะรวด 2 นัด ล่าสุดอัดเบิร์นลี่ย์ 4-2 ในลีก แต่นัดนี้แม้เจอกับทีมในพรีเมียร์ลีกด้วยกัน

     เบรนแดน ร็อดเจอร์ส พร้อมปรับทีมใหม่ให้ตัวหลักได้พักตามฟอร์ม ทั้ง แดนนี่ วอร์ด นายทวารเวลส์ จะเฝ้าเสาแทน แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล แนวรับมี เวส มอร์แกน จอมเก๋าที่หายเจ็บลงสนาม เนื่องจาก จอนนี่ อีแวนส์ ยังไม่พ้นโทษแบน

    แดนกลางเป็นโอกาสที่ เจมส์ แมดดิสัน จะกลับมาเรียกความฟิตหลังหายเจ็บสะโพก ส่วนแนวรุกนำโดย เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ แทน เจมี่ วาร์ดี้ ด้วยสถิติที่โดดเด่นในบอลถ้วยนี้

    "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ฟอร์มดีเช่นกันในลีก โดย มิเกล อาร์เตต้า เชือดเวสต์แฮม 2-1 ในลีกนัดล่าสุด

    พร้อมปรับทัพใหม่ในบอลถ้วยให้ ดาวิด ลุยซ์ กลับมาช่วยแนวรับกับ วิลเลี่ยม ซาลิบา แดนกลางและหน้ามี โจ วิลล็อค, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, นิโกล่าส์ เปเป้ และ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ได้ลงตัวจริงทั้งหมด

    แต่กุนซือชาวสเปนอาจจะให้หัวหอกตัวเก่งอย่าง ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมย็อง และ อเล็กซ์ ลากาแซตต์ นั่งสำรองไว้เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนามตัวจริง

    เลสเตอร์ : แดนนี่ วอร์ด, เจมส์ จัสติน, เวส มอร์แกน, คักลาร์ โซยุนชู, ลุค โธมัส, ฮัมซ่า เชาด์รี่, น็อมปาลิส เมนดี้, เดมาไร เกรย์, เจมส์ แมดดิสัน, มาร์ค อัลไบรท์ตัน, เคเลชี่ อิเฮียนาโช่
   
    อาร์เซน่อล : แม็ตต์ เมซี่ย์, เซดริก โซอาเรส, วิลเลี่ยม ซาลิบา, ดาวิด ลุยซ์, ร็อบ โฮลดิ้ง, เซอัด โคลาซินัช, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, มัตเตโอ เก็นดูซี่, นิโกล่าส์ เปเป้, เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์, บูคาโย่ ซาก้า

    ผู้ตัดสิน : ปีเตอร์ แบงค์ส

ส่องไลน์อัพลิเวอร์พูล-อาร์เซน่อลชิงโล่การกุศล

คาด 11 ตัวจริงของ ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล ในเกมชิงโล่การกุศล โดยที่ทั้งสองทีมอาจยังให้กองหน้าดาวรุ่งลงล่าตาข่าย หลังผลงานดีในเกมอุ่นเครื่อง
    ฟุตบอล คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ปีนี้จะเป็นการพบกันระหว่าง ลิเวอร์พูล แชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ อาร์เซน่อล แชมป์ เอฟเอ คัพ ที่สนามเวมบลีย์ ในคืนวันเสาร์ที่ 29 สิงหาคมนี้ (22.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย)

    ศึกชิงโล่การกุศลรายการนี้นับเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่ใกล้เปิดฉาก โดยที่ซีซั่น 2020/21 จะออกสตาร์ตตั้งแต่วันเสาร์ที่ 12 กันยายนนี้

    ในเกมนี้คาดว่า ทั้งสองทีมอาจจะยังไม่ส่งชุดใหญ่ลงเต็มสูบ โดยฝั่ง ลิเวอร์พูล มีนักเตะเจ็บอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โฌแอล มาติป และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด ขณะที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ยังต้องรอเช็กความฟิต

    คาดว่า เกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ "หงส์แดง" จะส่ง อลีสซง เบ็คเกอร์ ลงเฝ้าเสา ส่วนแผงแบ็กโฟร์อาจให้ เนโก วิลเลี่ยมส์ ลงมาทำหน้าที่แทน อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ส่วนคู่เซนเตอร์แบ็ก ฟานไดค์ น่าจะได้ลงจับคู่กับ โจ โกเมซ โดยมี แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ยืนเป็นแบ็กซ้าย

    ส่วน 3 กองกลางให้ ฟาบินโญ่ ยืนเป็นตัวตัดเกมอยู่หลัง เคอร์ติส โจนส์ กับ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ขณะที่ 3 ประสานแดนหน้าใช้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และอาจเปิดโอกาสให้ ริอาน บรูว์สเตอร์ หัวหอกดาวรุ่งได้ลงเป็นตัวจริงแทน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หลังทำผลงานเยี่ยมในช่วงอุ่นเครื่องปรีซีซั่น

    ด้าน อาร์เซน่อล มีข่าวว่า นักเตะ 4 รายโดนกักตัว หลังเพิ่งกลับจากการเดินทางไปพักร้อนในต่างแดนโดยหนึ่งในนั้นคือ เอมิเลียโน่ มาร์ตีเนซ ผู้รักษาประตูชาวอาร์เจนไตน์ ทำให้ แบรนด์ เลโน่ จะได้กลับมาเป็นตัวจริงหลังหายเจ็บแล้ว

    ส่วนเซนเตอร์แบ็ก 3 คนใช้ วิลเลี่ยม ซาลิบา, ดาวิด ลุยซ์ และ คีแรน เทียร์นี่ หลัง ชโคดราน มุสตาฟี่ กับ ปาโบล มารี ยังมีอาการบาดเจ็บรบกวน

    ขณะที่กองกลาง 4 คนให้ เซดริก โซอาเรส ยืนฝั่งขวา ส่วน บูกาโย่ ซาก้า ประจำการด้านซ้าย โดยมี กรานิต ชาคา กับ โจ วิลล็อค ยืนคู่กลาง

    ด้าน 3 ประสานแนวรุกให้ วิลเลี่ยน ปีกคนใหม่ยืนด้านขวา ขณะที่ ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมย็อง เล่นด้านซ้าย โดยมี เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ยืนหน้าเป้าหลังผลงานเยี่ยมยิงประตูได้ในเกมอุ่นเครื่องที่ถล่ม เอ็มเค ดอนส์ 4-1 เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

อาร์เซน่อลแม่นโทษดวลเป้าดับลิเวอร์พูล คว้าโลห์คอมมิวนิตี้ ชิลด์

ทาคูมิ มินามิโนะ พังประตูแรกในสีเสื้อลิเวอร์พูลได้เป็นทางการแล้ว หลังซัดไล่ตีเสมอ "ปืนใหญ่" 1-1 ทว่าช่วงดวลจุดโทษกลายเป็น อาร์เซน่อล ที่ยิงได้แม่นกว่าก่อนจะเอาชนะไปได้ 5-4 คว้าโล่ห์การกุศลไปครอง ในศึก คอมมิวนิตี้ ชิลด์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมา

สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี้ยม

    ศึก คอมมิวนิตี้ ชิลด์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมา เป็นการพบกันระหว่าง อาร์เซน่อล เจ้าของแชมป์เอฟเอ คัพ ล่าสุด พบกับ ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา

    มิเกล อาร์เตต้า เกมนี้ยังไม่พร้อมใช้ผู้เล่นหลายรายรวมทั้งสตาร์อย่าง วิลเลี่ยน ที่เพิ่งเซ็นฟรีมาจากเชลซี ทำให้แนวรุกวันนี้ใช้ บูกาโย่ ซาก้า, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง และ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ส่วนทางฝั่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ จัดชุดใหญ่ขาดแค่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาที่ยังบาดเจ็บ ส่วนสามประสานแดนหน้ายังเป็น ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

    เปิดฉากมาได้แค่ 7 นาทีแรก เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้แล้ว แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกล้ำหน้า เช่นเดียวกับ VAR จะยืนยันว่าไม่เป็นประตู

    ทัพหงส์ลุยขึ้นมาอีก นาที 12 เนโก วิลเลี่ยมส์ ครอสจากด้านขวาเข้าไปให้ เจมส์ มิลเนอร์ โขกหลุดกรอบออกไปแบบได้เสียว

    ทว่าถัดมาไม่ถึงนาที บอลสวนกลับของ "ปืนใหญ่" แผลงฤทธิ์สำเร็จ บูกาโย่ ซาก้า วางบอลอย่างแม่นให้ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง เลี้ยงจี้เข้าหน้ากรอบก่อนปั่นโค้งๆ ด้วยขวาบอลหนีมือ อลีสซง เบ็คเกอร์ เข้าไปอย่างสวยงาม อาร์เซน่อล ขึ้นนำ 1-0

    นาที 18 ไอ้หนู ซาก้า ที่เปลี่ยนมาสวมเสื้อเบอร์ 7 แทน เล่นได้อย่างโดดเด่น คราวนี้ไหลบอลให้ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ซัดด้วยขวาบอลพุ่งจน อลีสซง ต้องออกแรงปัดออกหลัง

    ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังคลำเป้าส่องไม่เข้ากรอบเลยซักหน และเกือบโดนเม็ดที่สองจากบอลสวนกลับของอาร์เซน่อล บูกาโย่ ซาก้า ขึ้นมาทางซ้ายก่อนจ่ายเข้ากลางให้ เอ็นเคเทียห์ ตะบันด้วยขวานอกกรอบ ทว่าบอลพุ่งเหินคานออกไป
   
    ลิเวอร์พูล เน้นการโจมตีด้านข้างเป็นหลัก แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่ผ่านแนวรับไอ้ปืนใหญ่ที่ช่วยกันได้ดี

    นาที 40 "หงส์แดง" หวิดได้ลุ้นขึ้นนำอีก บอลด้านข้างจาก แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ครอสไปเข้าหัวของ ซาดิโอ มาเน่ ขวิดบางไปบอลผ่านหน้าประตูแม้ ฟาน ไดค์ จะพยายามพุ่งเข้าซ้ำแต่ไม่ถึง

    จบครึ่งแรก อาร์เซน่อล ขึ้นนำ ลิเวอร์พูล 1-0

    ครึ่งหลัง นาที 51 "หงส์แดง" เกือบได้ลุ้นตีเสมอ บอลมาถึง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เลี้ยงจี้เข้าหา ดาวิด ลุยซ์ ก่อนจะปั่นด้วยขวาแต่บอลโค้งไม่พอหลุดเสาไปแบบสุดเสียว

    อีก 5 นาทีต่อมา แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดยาวให้ ซาดิโอ มาเน่ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปในกรอบแต่จังหวะยิงด้วยขวาดันซัดไปติดตัว เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ นายด่านไอ้ปืนใหญ่ที่ออกมาบล็อคช่วยทีมไว้ได้

     เกมรุกของลิเวอร์พูลยังเจาะไม่เข้า แม้ นาที 68 ทาคูมิ มินามิโนะ จะตั้งป้อมยิงนอกกรอบเต็มแรงแต่บอลก็ยังพุ่งไปเข้ามือ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ
   
    นาที 73 จนแล้วจนรอด แนวรับของปืนโตมาพลาดจนได้หลังบอลเจาะตรงกลาง ซาลาห์ เล่นชิ่งให้ ทาคูมิ มินามิโนะ ได้ซัดจ่อๆกลางประตูพลาดมือ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ แม้ผู้เล่นอาร์เซน่อลจะฟ้องว่า มินามิโนะ ทำแฮนด์บอลก่อนหน้านี้ แต่หลังจาก อังเดร มาร์ริเนอร์ ได้เช็กกับทีม VAR แล้วไม่เป็นแฮนด์บอลยืนยันให้ประตู "หงส์แดง" ไล่ตีเสมอ 1-1 และเป็นประตูแรกของ มินามิโนะ ในสีเสือลิเวอร์พูลอย่างเป็นทางการ
   
    นาที 81 ลิเวอร์พูล เกือบพลิกแซงขึ้นนำ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ครอสบอลมาเสาไกลให้ ซาดิโอ มาเน่ พักอกลงก่อนหลุดเข้าไปซัดติดตัว เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ อย่างน่าเสียดาย

    จบเกม อาร์เซน่อล เสมอกับ ลิเวอร์พูล ในเวลา 1-1 ต้องตัดสินหาผู้ชนะดวลลูกที่จุดโทษ ผลปรากฎว่าแข้งอาร์เซน่อลยิงได้แม่นกว่าเอาชนะ "หงส์แดง" ไปได้ 5-4 ซิวโล่ห์การกุศลไปครอง

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
   
        อาร์เซน่อล (3-4-2-1) :
เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – ร็อบ โฮลดิ้ง, ดาวิด ลุยซ์, คีแรน เทียร์นี่ย์ – เอคตอร์ เบเยริน, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, กรานิต ชาคา, เอนสลี่ย์ เมทแลนด์-ไนลส์ – บูกาโย่ ซาก้า, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง – เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์

        ผู้จัดการทีม : มิเกล อาร์เตต้า
 
        ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ – เนโก วิลเลี่ยมส์, โจ โกเมซ, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์ – ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์

        ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์   

        ผู้ตัดสิน : อังเดร มาร์ริเนอร์

ชิงดำเอฟเอ คัพ! อาร์เซน่อลดวลเชลซีจัด “โอบาเมย็อง-ชิรูด์” วัดคมเกือก

"ลอนดอนดาร์บี้" "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล มี ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง นำปิดสกอร์ เกมพบ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ที่มี โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ พร้อมล่าตาข่าย ในศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ (นัดชิงชนะเลิศ) วันเสาร์ที่ 1 ส.ค. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : beIN SPORTS 1 (เวลา : 23.30 น.)

ปรีวิวฟุตบอลเอฟเอ คัพ (นัดชิงชนะเลิศ)
วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม 2563
อาร์เซน่อล   –   เชลซี
ถ่ายทอดสด :  beIN SPORTS 1 (เวลา : 23.30 น.)

สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี้ยม (สนามกลาง)

    มิเกล อาร์เตต้า กุนซืออาร์เซน่อล พาทีมเข้าชิงหลังพลิกชนะแมนฯ ซิตี้ 2-0 ในรอบตัดเชือก ก่อนเชือดวัตฟอร์ด 3-2 ในเกมลีกนัดสุดท้าย เป็นชัยชนะนัดที่ 3 ในรอบ 5 เกม

    ความพร้อมเกมนี้ อาร์เตต้า จะได้ เอคตอร์ เบเยริน ที่ถูกพักไว้ในเกมล่าสุด เพราะมีอาการเจ็บน่องรบกวน กลับมาเสริมตามปกติ

    ขณะที่ แบร์นด์ เลโน่ ประตูตัวจริง ที่เจ็บเข่าตั้งแต่ปลายเดือนก่อน ล่าสุดกลับมาซ้อมได้แล้ว แต่ยังไม่น่าฟิต 100 เปอร์เซ็นต์ เต็มที่ก็คงจะเป็นสำรองไปก่อน

    แต่ในรายของ ชโคดราน มุสตาฟี่, คาลั่ม แชมเบอร์ส, ปาโบล มาริ และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่เดี้ยงอยู่ก่อน ยังชวดเหมือนเดิม

    แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือเชลซี พาทีมเช้าชิงหลังถล่มแมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 ก่อนชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน 2-0 ในเกมลีกนัดปิดซีซั่น เป็นชัยชนะนัดที่ 3 ในรอบ 5 เกม

    ความพร้อมเกมนี้ แลมพ์ส ต้องลุ้นความฟิตของ วิลเลี่ยน ที่ไม่สมบูรณ์จนพลาดเกมปิดซีซั่น แต่ในรายของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่ยังไม่หายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า ก็น่าจะชวดเหมือนเดิม
 
    ส่วนคนเฝ้าเสาก็น่าจะเป็น วิลลี่ กาบาเยโร่ ประตูอาร์เจนไตน์มือ 2 ที่ได้โอกาสในถ้วยนี้มาตลอดตั้งแต่รอบ 8 ทีมเป็นต้นมาเหมือนเดิม

นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

    อาร์เซน่อล (3-4-2-1) : เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – ร็อบ โฮลดิ้ง, ดาวิด ลุยซ์, คีแรน เทียร์นี่ย์ – เอคตอร์ เบเยริน, ดานี่ เซบายอส, กรานิต ชาคา, บูคาโย่ ซาก้า – นิโกล่าส์ เปเป้, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง – อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ 
    ผู้จัดการทีม : มิเกล อาร์เตต้า    

    เชลซี (4-3-3) : วิลลี่ กาบาเยโร่ – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, มาร์กอส อลอนโซ่ – จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช, เมสัน เมาน์ท – คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, คริสเตียน พูลิซิช 
    ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด

    ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์

แลมพาร์ดหัวเสียทำไมไม่ใช้วีเออาร์?!

แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือเชลซี ตั้งคำถามถึงการใช้ วีเออาร์ หลังจากที่เจ้าตัวมองว่าจังหวะที่ มาเตโอ โควาซิช โดนใบเหลืองที่สองจนถูกไล่ออกนั้น ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้น

    แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีมคนหนุ่มของ เชลซี ไม่พอใจที่ วีเออาร์ ไม่ถูกนำมาใช้ตัดสินในจังหวะที่ควรจะต้องใช้ ซึ่งทำให้เกิดจุดเปลี่ยนต่อทีมของตัวเอง

    "สิงห์บลูส์" เริ่มต้นได้ดี ด้วยการได้ประตูขี้นนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 5 จากการยิงของ คริสเตียน พูลิซิช ทว่านาทีที่ 28 อาร์เซน่อล ตามตีเสมอเป็น 1-1 จากการสังหารลูกจุดโทษเข้าไปอย่างเฉียบขาดของ ปิแอร์-เอเมอริคโอบาเมย็อง

    จากนั้นช่วงครึ่งหลัง ในนาทีที่ 67 กลายเป็น "ไอ้ปืนใหญ่" ที่ได้ประตูพลิกขึ้นนำจาก โอบาเมย็อง คนเดิมที่ยิงอย่างเหนือชั้น และสถานการณ์ของ เชลซี ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เพราะในนาทีที่ 73 พวกเขาต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน หลัง มาเตโอ โควาซิช โดนไล่ออก จากการได้รับใบเหลืองที่สอง และสุดท้ายจบเกมด้วยการเป็นฝ่ายปราชัย

    แลมพาร์ด ให้สัมภาษณ์กับ บีอิน สปอร์ต และตำหนิไปยังเรื่องการใช้ วีเออาร์ โดยเฉพาะจังหวะที่ โควาซิช ถูกใบเหลืองที่สอง เนื่องจากตนมองว่า จังหวะที่เข้าปะทะกับ กรานิต ชาคา นั้น ไม่ได้รุนแรงเท่าไหร่

    "นี่มันกฎอะไรกัน? มันเกิดขึ้นแบบนี้ตลอดที่คุณไม่สามารถเรียกร้องใบเหลืองที่สองได้ บางคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นยืนยันความคิดของตัวเอง"

    "ถ้าเรามี วีเออาร์ มันคงเป็นเรื่องดีเลยล่ะ ที่จะนำมาใช้ให้มากที่สุดที่จะทำได้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง มันไม่ได้ใกล้เคียงเลย และมันก็เป็นจุดเปลี่ยนของเกม"

    "ช่วงท้ายเกมเรากดดันพวกเขาได้บ้าง ผมไม่สามารถมองว่าเป็นความผิดพลาดของลูกทีม แต่จังหวะนั้นไม่สมควรเป็นใบแดง พูดอีกครั้งนะ ผมพยายามกลับมามองที่เราเสมอ และเราก็ทำได้ไม่ดีพอที่จะคว้าชัยในนัดชิงฯ"

ริโอชี้ท่าทีโอบาเมย็องเหมือนเตรียมลาอาร์เซน่อล

ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตแนวรับคนดัง กล่าวในรายการลูกหนังว่าการแสดงออกของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง หลังจบเกมนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นเหมือนการจะอำลาทีมในช่วงซัมเมอร์นี้

    ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง กองหน้ากัปตันทีมอาร์เซน่อล เหมาสองประตูพาต้นสังกัดพลิกกลับมาเอาชนะ เชลซี 2-1 ในศึกชิงดำ เอฟเอ คัพ และคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 14 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตามท่ามกลางอนาคตที่ตกเป็นข่าวย้ายออกจากทีมหลังสัญญาใกล้จะหมดลงยังคงไม่แน่นอน

    โดยหลังจบเกมดาวยิงทีมชาติกาบองเองก็เลี่ยงที่จะเอ่ยถึงอนาคต ซึ่งทาง ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นกูรู ได้ให้ความเห็นผ่านรายการของ บีที สปอร์ต ว่าลักษณะแบบนี้เป็นเหมือนการที่เจ้าตัวใกล้จะบอกลาทีม

    "มันเหมือนว่าเขาไปแล้ว"

    "ที่เขาพูดว่า -ผมกำลังสนุกกับช่วงเวลานี้กับเพื่อนร่วมทีมและผมยังไม่อยากพูดอะไรเกี่ยวกับอนาคต-"

    "ถ้าพูดแบบนี้กับผม ผมคงจะรู้สึกว่ายังสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งว่ายังไม่มีการเจรจาเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ผมไม่เชื่อ หรืออีกอย่างคือเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะย้ายออกไป"

    "ผมพูดในมุมมองของตัวเอง หากผมยืนยันว่าจะอยู่กับทีมต่อไป นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่จะได้จัดการกับมัน -มันอาจยังไม่เสร็จซะทีเดียว แต่ผมก็จะพยายามทำให้เสร็จ-"

    "เขาไม่ต้องขอบคุณผมหรอก สิ่งที่เขาพูดออกมาเหมือนว่าใครบางคนที่ได้เลือกแล้วว่าจะย้ายออกไป"

    "อาร์เซน่อล จำเป็นต้องทำทุกทางเพื่อเก็บเขาไว้ ผลงาน 70 ประตู จาก 109 นัด มันบ่งบอกทุกอย่าง และประตูที่เขาทำได้(ลูกที่สอง) มันเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์จริงๆ "