บาเยิร์นก็ไม่เว้น! เลวานดอฟสกี้ยิงครบ 18 ทีมบุนเดสลีกา

 

กองหน้าชาวโปแลนด์ทำสถิติยิงประตูครบทั้ง 18 ทีมในบุนเดสลีกา หลังซัดเบิ้ลใส่ อาร์มิเนีย บีเลเฟลด์ ทีมน้องใหม่

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าของ บาเยิร์น มิวนิค ทำสถิติยิงครบ 18 ทีมในบุนเดสลีกา หลังซัดสองประตูใส่ อาร์มิเนีย บีเลเฟลด์

ดาวยิงทีมชาติโปแลนด์ทำ 2 ประตู ช่วยเสือใต้บุกพิชิตแชมป์จากลีก้าสอง 4-1 ทำให้เขายิงใส่ครบทุกทีมในลีกแล้ว ซึ่งรวมถึงการยิงใส่บาเยิร์นด้วย (สมัยค้าแข้งกับดอร์ทมุนด์)

หัวหอกวัย 32 ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในซีซันนี้ เมื่อทำไปแล้ว 7 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ จาก 4 เกมในลีก

 

แทนเชโก้!โรม่าโอเคคว้า “มิลิค” ยืนหอก

 "หมาป่าเหลือง-แดง" อาแอส โรม่า ตกลงคว้าตัว อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค หัวหอกเลือดโปล มาจาก นาโปลี เรียบร้อย หลังจากที่ตัดสินใจปล่อย เอดิน เชโก้ ให้ ยูเวนตุส

อาแอส โรม่า สโมสรดังแห่งเวที กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี บรรลุข้อตกลงกับ นาโปลี สโมสรคู่แข่งร่วมลีก เรียบร้อย สำหรับการคว้าตัว อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค กองหน้าทีมชาติโปแลนด์ มาเสริมทัพ ตามรายงานจาก สกาย สปอร์ต อิตาเลีย สื่อกีฬาชั้นนำแดนมะกะโรนี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมา

สำหรับดีลนี้ มิลิค จะจรดปากกาขยายสัญญากับ นาโปลี ออกไปอีก 1 ปี (ถึงปี 2022) ก่อนย้ายไปเล่นให้ทัพ "หมาป่าเหลือง-แดง" เบื้องต้นด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล โดยที่ โรม่า ถือออปชั่นซื้อขาดในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า ด้วยค่าตัวรวม 25 ล้านยูโร (ประมาณ 925 ล้านบาท) ภายใต้สัญญาระยะยาวถึงปี 2025 

ทั้งนี้ มิลิค ซึ่งทำไป 48 ประตู จากการลงเล่นให้ นาโปลี 122 นัด จะเข้ามาค้าแข้งในถิ่น สตาดิโอ โอลิมปิโก แทนที่ เอดิน เชโก้ หัวหอกตัวเก๋าชาวบอสเนียน ที่เตรียมย้ายไปเล่นให้ ยูเวนตุส

เดอบรอยน์จ่าย2-บาตชูอายี่เบิ้ล!เบลเยียมถล่มไอซ์แลนด์ เฮ2นัดรวดศึกเนชั่นส์ลีก

เควิน เดอ บรอยน์ แอสซิสต์ 2 ประตู ขณะที่ มิชี่ บาตชูอายี่ ตะบันคนเดียวสองตุงช่วย เบลเยียม ที่โดนนำไปก่อนแล้วกลับมาระเบิดฟอร์มสุดโหดไล่ยำใหญ่ใส่ ไอซ์แลนด์ แบบยับเยิน 5-1 คว้าสามแต้มเต็มพร้อมกับรั้งจ่าฝูงกลุ่มแบบเดี่ยวๆ ทันทีเหตุเพราะทีมชาติอังกฤษทำได้เพียงเสมอกับเดนมาร์กแบบไร้สกอร์ ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก (ลีก เอ กลุ่ม 2) วันอังคารที่ 8 ก.ย. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก (ลีก เอ กลุ่ม 2)
วันอังคารที่ 8 กันยายน 2563
เบลเยียม 5   –   1 ไอซ์แลนด์

   
สนาม : สต๊าด รัว โบดวง, บรัสเซลส์

    นาทีที่ 11 เป็นไอซ์แลนด์ออกนำไปก่อน 1-0  แบบมีดวงเมื่อ ฮอล์เบิร์ต อรอน ฟริดอนสัน ได้หมุนตัวตวัดยิงกลางกรอบเขตโทษระยะประมาณ 20 หลาบอลไปแฉลบกองหลังเบลเยียมบอลลอยโด่งย้อยข้ามหัว โคเอน คาสตีลส์ เขาไปแบบที่นายด่านเบลเยียมได้แต่ป้องกันด้วยสายตาเท่านั้น

    แต่เพียงแค่สองนาทีถัดมาเบลเยียมตามตีเสมอได้สำเร็จเป็น 1-1 จากจังหวะลูกฟรีคิดทางฝั่งซ้ายเป็น ดรีส เมอร์เท่นส์ ที่ปั่นบอลโค้งอย่างสวยแต่ไม่ผ่านมือ อ็อกมุนดูร์ คริสตินส์สัน นายด่านไอซ์แลนด์ที่โดดปัดสุดปลายมือก่อนที่บอลจะไปชนเสาแล้วกระเด้งมาเข้าทาง อักเซล วิตเซล ที่ยืนอยู่คนเดียวโล่งๆ แล้วแปบอลเข้าไปแบบจ่อๆ อย่างง่ายดาย

    นาทีที่ 17 เบลเยียม ได้ประตูแซงนำ 2-1 จากการโหมบุกเข้าใส่ไอซ์แลนด์อีกครั้งบอลมาอยู่ที่ ดรีส เมอร์เท่นส์ ที่รับบอลในเขตโทษก่อนจิ้มยอนคืนให้ อักเซล วิตเซล ได้ตั้งป้อมแปยัดเล่นทาเน้นๆ แต่ไปติดเซฟ อ็อกมุนดูร์ คริสตินส์สัน ที่พยายามรับไว้แต่ไม่อยู่กระดอนออกมาเข้าทาง มิซี่ บาตซูอายี่ ตามมาซ้ำดาบสองเข้าไปไม่เหลือซาก

    นาทีที่ 19  เบลเยียม หวิดได้ประตูที่สามเมื่อ เควิน เดอ บรอยน์ ตัดบอลได้จากแดนตัวเองก่อนใช้ความเร็วควบกระชากจี้เข้าหาเขตโทษไอซ์แลนด์ แล้วส่งต่อมาทางขวาให้ ดรีส เมอร์เท่นส์ ได้สับไกเน้นๆ แต่บอลดันเข้าข้างตาข่ายอย่างน่าเสียดาย

    ผ่านพ้นมาถึงนาทีที่ 40 เบลเยียมได้ลูกฟรีคิกทางฝั่งซ้ายแล้วพยายามเล่นไวก่อนถูกแข้งไอซ์แลนด์เคลียร์ออกไปได้แต่ก็ยังเป็นเบลเยียมที่เก็บบอลได้แล้วโต้กลับขึ้นมาอีกครั้งบอลมาอยู่ที่ มิชี่ บาตซูอายี่ หลุดเดี่ยวขึ้นมาทางฝั่งขวาได้ก้มหน้ากดเน้นๆ เต็มข้อแต่หลักไม่ดีบอลเหินข้ามคานออกอีกครั้ง

    นาทีที่ 44 เบลเยียม เกือบได้ประตูอีกครั้งจากจังหวะทำชิ่งหนึ่งสองของ โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ กับ โธมัส เมอนิเย่ร์ ก่อนที่ อัลเดอร์ไวเรลด์ จะได้เปิดบอลสุดริมเส้นย้อนมาเข้าทาง ดรีส เมอร์เท่นส์ ที่พยายามใช้ปลายเท้าแหย่บอลให้เปลี่ยนทางหวังเข้าเสาไกลแต่ดันหลุดออกไปนิดเดียว

    จบครึ่งแรกเป็นเบลเยียมที่่ครองเกมบุกได้มากกว่านำ ไอซ์แลนด์ 2-1

    มาลุ้นต่อครึ่งหลังยังคงเป็นเบลเยียมที่ครองเกมบุกได้มากกว่านาทีที่ 49 เควิน เดอ บรอยน์ ได้ตั้งป้อมซัดนอกกรอบระยะประมาณ 20 หลาบอลทำท่าจะเสียบโคนเสาแต่ถูกปฏิเสธสกอร์โดย อ็อกมุนดูร์ คริสตินส์สัน ผู้รักษาประตูไอซ์แลนด์ที่พุ่งปัดไว้ได้ด้วยปลายมือ

    และจากจังหวะลูกเตะมุมต่อเนื่องเบลเยียมได้ประตูนำห่าง 3-0 นาทีที่ 50 เมื่อ เควิน เดอ บรอยน์ รับบอลที่ส่งมาจากเพื่อนร่วมทีมแล้วลากจี้เข้ากรอบเขตโทษไอซ์แลนด์ก่อนส่งบอลลอดขา  อัลเบิร์ต กุ๊ดมุนด์สสัน  ไปให้ ดรีส เมอร์เท่นส์ ที่รับบอลแล้วใช้ความไวล้มตัวยิงเข้าไป

    นาทีที่ 62 ไอซ์แลนด์ ตอบโต้กลับขึ้นมาบ้าง อัลเบิร์ต กุ๊ดมุนด์สสัน หลุดเดียวเข้าไปหวดเน้นๆ ด้วยเท้าซ้ายทางฝั่งซ้ายแต่ไม่ผ่าน โคเอน คาสตีลส นายด่านเบลเยียมที่ยืนปิดมุมดีและใช้ปลายท้ายป้องกันเอาไว้ได้

    นาทีที่ 66 เบลเยียมได้ลุ้นบวกสกอร์อีกครั้งจากการยิงเหน่งๆ กลางประตูของ ดรีส เมอร์เท่นส์ แต่คราวนี้ อ็อกมุนดูร์ คริสตินส์สัน ไม่ปล่อยให้บอลผ่านเส้นประตูไปได้เจ้าตัวออกมาป้องกันพ้นเขตอันตราย

    จนแล้วจนรอดนาทีที่ 69 เบลเยียมได้ประตูนำขาด 4-1 จนได้จากจังหวะทำเกมสุดงาม เควิน เดอ บรอยน์ จ่ายบอลหักข้อให้ ยาริ เวอร์เชเรน หลุดขึ้นไปทางริมเส้นฝั่งซ้ายแล้วส่งต่อไปที่จุดนัดพบให้  มิชี่ บาตชูอายี่ ได้ไขว้ยิงด้วยส้นเท้าเข้าไปอย่างเหนือชั้น

    ยังคงเป็นเบลเยียมที่ได้บุกต่อเนื่องนาทีที่ 77 เจเรมี โดคู ได้เปิดบอลสุดริมเส้นฝั่งซ้ายบอลลอยมาเข้าหัว ธอร์กกาน อาซาร์ โขกตั้งย้อนมาให้ เควิน เดอ บรอยน์ ได้วอลเล่ย์แบบไม่รอให้บอลตกพื้นแต่ดันโดนไม่เต็ม

    นาทีที่ 80 เบลเยียมได้ประตูนำ 5-1 เมื่อ  เจเรมี โดคู รับบอลแล้วกระชากจึ้เข้าไปในเขตโทษไอซ์แลนด์ก่อนจะโยกหลอกแล้วซัดไวด้วยเท้าขวาบอลพุ่งดุจจรวดเสียบสามเหลี่ยมฝั่งไกลเข้าไปแบบสุดจะบรรยาย

    เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มจบเกมเป็น เบลเยียม ที่โดนแหย่รังแตนถูกนำไปก่อนแล้วมาระเบิดฟอร์มโหดกดแซงรวดเดียวจบที่ผลชัยใส่ไอซ์แลนด์ 5-1

    ทั้งนี้ เบลเยียม ชนะ 2 นัดรวดรับ 6 แต้มเต้มพร้อมกับรั้งจ่าฝูงกลุ่มแบบเดี่ยวๆ ทันทีเหตุเพราะทีมชาติอังกฤษทำได้เพียงเสมอกับเดนมาร์กแบบไร้สกอร์

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
   
    เบลเยียม
(4-3-3) : โคเอน คาสตีลส์ (ซิมง มิโญเล่ต์ น.55) – โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, เจสัน เดนาเยอร์, แยน แฟร์ต็องเก้น, โธมัส เมอนิเย่ร์ – อักเซล วิตเซล, ธอร์กกาน อาซาร์ (ยารี เวอร์ชาเรน น.65), เควิน เดอ บรอยน์ (ฮานส์ วานาเค่น น.81) –  มิชี่ บาตชูอายี่, เจเรมี โดคู, ดรีส เมอร์เท่นส์
    เทรนเนอร์ : โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ
 
    ไอซ์แลนด์ (4-3-3) : อ็อกมุนดูร์ คริสตินส์สัน  – ยอน กุดนี่ ฟโยลูสัน, โฮลมาร์ ออร์น เอโยอล์ฟส์สัน, ฮอร์ตูร์ เฮอร์มันน์สสัน, อาริ เฟรย์ สกุลาสัน – วิคเตอร์ ปัลส์สัน, แอนดรี่ ฟานนาร์ บาล์ดูร์สสัน (เอมิล ฮอลล์เฟร็ดส์สัน น.54), เบียร์เคียร์ บียาร์นาสัน – ฮอล์เบิร์ต เอรอน ฟริดอนสัน (จอน ดาออย บูวาร์สสัน น.70), อาร์เนอร์ ซิกูร์สสัน (มิคาเอล อันเดร์ซอน น.72),  อัลเบิร์ต กุ๊ดมุนด์สสัน
    เทรนเนอร์ : เอริค ฮัมเร็น   

    ผู้ตัดสิน : พาเวล ราซคอฟสกี้ (โปแลนด์)

ฟอร์มเปรี้ยง!เลวานฯสุดมั่นซิวบัลลงดอร์ถ้าหากไม่ยกเลิก

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หัวหอก บาเยิร์น มั่นใจ ตนควรจะได้รางวัล บัลลง ดอร์ ในปีนี้ถ้าหากไม่มีการยกเลิกการมอบรางวัล เพราะตนทำผลงานได้ยอดเยี่ยมสุดๆ

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าชาวโปแลนด์ของ บาเยิร์น มิวนิค สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการ บุนเดสลีกา เยอรมัน แสดงความเชื่อว่าตัวเองควรจะได้รางวัล บัลลง ดอร์ ประจำปี 2020 หากยังมีการมอบรางวัลกันอยู่ โดยบอกว่าถ้าตนมีอำนาจในการตัดสินคนที่จะได้รางวัล ตนก็จะมอบรางวัลให้ตัวเอง

ฟร้องซ์ ฟุตบอล นิตยสารวงการลูกหนังชื่อดังของฝรั่งเศสซึ่งเป็นผู้จัดมอบรางวัล บัลลง ดอร์ นั้น ประกาศไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าปีนี้จะไม่มีการมอบรางวัลอันทรงเกียรติ เนื่องจากมองว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มันส่งผลกับเรื่องในสนามตามไปด้วยจนทำให้ไม่สามารถตัดสินเรื่องผลงานอย่างแท้จริงได้ อย่างเช่น ลีก เอิง ฝรั่งเศส ที่เตะกันไม่จบซีซั่น เป็นต้น

 ทั้งนี้ บางคนมองว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เพราะแทบทุกลีกก็ยังสามารถเล่นกันจนจบได้ อย่างเช่น คาร์ล-ไฮน์ซ รุมเมนิกเก้ ประธาน บาเยิร์น ที่ให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่าถ้าเกิดมีการมอบรางวัลกันตามปกติแล้วล่ะก็ เลวานดอฟสกี้ ก็มีโอกาสดีที่จะได้รางวัลนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตของเจ้าตัวเลย ซึ่งล่าสุด เลวานดอฟสกี้ ก็มองว่าตัวเองคู่ควรกับการได้รางวัลลูกฟุตบอลทองคำเหมือนกัน

    หลังจากโดน สปอร์โตเว่ ฟ๊ากตี้ สื่อของโปแลนด์ถามว่าถ้าปีนี้เขามีสิทธิ์มอบรางวัล บัลลง ดอร์ เขาจะมอบรางวัลให้ใครนั้น เลวานดอฟสกี้ ก็ตอบว่า "ให้ผมเองไง ผมได้แชมป์ทุกรายการเท่าที่จะทำด้กับ บาเยิร์น เรากวาดแชมป์ได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น บุนเดสลีกา, เยอรมัน คัพ และ แชมเปี้ยนส์ ลีก และผมก็เป็นดาวซัลโวสูงสุดของทั้ง 3 รายการนั้นด้วย ผมคิดว่านักเตะที่ทำแบบนั้นได้ก็ควรจะเป็นคนที่ได้ บัลลง ดอร์ ไปครอง"

 

พิสซ์เซ็ค เตรียมปิดฉาก 11 ปีดอร์ทมุนด์, เลิกเล่นจบซีซั่นหน้า

แนวรับชาวโปแลนด์จะลงเล่นให้เสือเหลืองเป็นฤดูกาลสุดท้าย ก่อนตัดสินใจแขวนสตั๊ด

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกถึงแฟนบอลของ ลูคัสซ์ พิสซ์เช็ค ที่ประกาศว่าจะลงเล่นให้สโมสรเป็นฤดูกาลสุดท้าย ก่อนจะตัดสินใจแขวนสตั๊ด

ดาวเตะชาวโปแลนด์ ย้ายจากจากแฮร์ธา เบอร์ลินมาอยู่กับเสือเหลืองเมื่อปี 2010 และเขาจะอยู่กับทีมครบ 11 ปี หลังเลือกอำลาชีวิตการค้าแข้งหลังจบฤดูกาล 2020-2021

ขณะเดียวกัน กองหลังจอมเก๋าวัย 35 ปี ประกาศสละตำแหน่งรองกัปตันทีม ซึ่งก่อนหน้านี้เขาจะได้สวมปลอกแขนหาว่า มาร์โก รอยส์ ไม่ได้ลงสนามด้วย เพื่อให้สโมสรเปิดโอกาสให้นักเตะรุ่นใหม่ได้ก้าวมาเป็นผู้นำของทีมแทนที่เขาในอนาคตนั่นเอง

ถึงแฟน ๆ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

ฤดูกาล 2020/2021 จะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของผมในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ ผมอยากจะสนุกกับฤดูกาลนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมได้รับผิดชอบการเป็นผู้นำทีมควบคู่ไปกับเพื่อนร่วมทีมหลายคนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งในฐานะนักเตะอาวุโสและในฐานะรองกัปตันทีม

แต่ตอนนี้ผมต้องการลดบทบาทให้เท่าเทียมกับทุกคนในทีม เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของทีม และเปิดทางให้นักเตะคนอื่น ๆ ได้มีส่วนร่วมเป็นผู้นำทีมมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ผมจึงตัดสินใจสละตำแหน่งรองกัปตันทีมและลดบทบาทการเป็นผู้นำทีมลงด้วย

แต่ผมจะช่วยทีมอย่างเต็มที่ต่อไป เพราะผมรู้ว่าความคิดเห็นของผมมีคุณค่าเสมอในห้องแต่งตัว ผมพร้อมที่จะให้คำแนะนำแก่ผู้เล่นทุกคนที่อยากจะก้าวมาอยู่ในจุดเดียวกับผม อาจพวกเขาแสวงการและต้องการทำ

เผยสัญญาที่เรอัลมาดริดเคยใช้กล่อมเลวานดอฟสกี้

โอเน็ต สปอร์ต สื่อของโปแลนด์ เปิดเผยเอกสารที่อ้างว่าเป็นสัญญาที่ เรอัล มาดริด เคยยื่นให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ในตอนที่เขายังอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ โดยตอนน้น มาดริด เสนอให้เงินกินเปล่ากับค่าเหนื่อยเยอะสุดๆ
    เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที ลา ลีกา สเปน เคยยื่นข้อเสนอที่จะให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ได้เงินค่ากินเปล่าในตอนเซ็นสัญญาสูงถึง 10.95 ล้านยูโร (ประมาณ 394.2 ล้านบาท) เพื่อโน้มน้าวใจให้เขาย้ายไปเล่นกับทีมในช่วงที่เจ้าตัวยังอยู่กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตามการเปิดเผยของ โอเน็ต สปอร์ต สื่อในประเทศโปแลนด์

    เลวานดอฟสกี้ ทำผลงานได้สุดยอดในตอนที่อยู่กับ ดอร์ทมุนด์ จนทำให้ตอนนั้นเขาตกเป็นข่าวกับหลายทีมยักษ์ใหญ่ทั่วทวีปยุโรป อย่างเช่น มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่เขาจะเลือกไปซบ "เสือใต้" และยังเล่นให้ทีมดังกล่าวมาจนถึงทุกวันนี้

    ทั้งนี้ โอเน็ต สปอร์ต เผยว่าเมื่อปี 2013 นั้น มาดริด มุ่งมั่นที่จะเอา เลวานดอฟสกี้ ไปเสริมคมจนยื่นสัญญาที่จะให้เงินกินเปล่าเขา 10.95 ล้านยูโร โดยที่ตัวสัญญาจะมีระยะเวลานานถึง 6 ปี, เริ่มมีผลในปี 2014 และจะทำให้ เลวานดอฟสกี้ ได้ค่าเหนื่อยแบบก่อนหักภาษีตลอดช่วงระยะเวลาของสัญญาสูงถึง 8.6 ล้านยูโร (ประมาณ 309.6 ล้านบาท) เลย โดยสื่อเจ้าดังกล่าวเอาภาพที่อ้างว่าเป็นสัญญามาโชว์ด้วย

    สาเหตุที่ มาดริด กล้าให้เงินเยอะขนาดนั้นเป็นเพราะตอนนั้น เลวานดอฟสกี้ กำลังจะหมดสัญญาจนทำให้ย้ายทีมแบบไร้ค่าตัวได้นั่นเอง อย่างไรก็ตาม สัญญาดังกล่าวมีเงื่อนไขด้วยว่า เลวานดอฟสกี้ ห้ามทำกิจกรรมต่างๆ หากเขาเป็นนักเตะของ มาดริด อย่างเช่นห้ามขี่มอเตอร์ไซค์, ห้ามเล่นสกี, ห้ามเล่นมอเตอร์โบท, ห้ามปีนเขา เป็นต้น และสุดท้าย เลวานดอฟสกี้ ก็ปฏิเสธข้อเสนอนั้นไป

แผนใหม่ยูฟ่ากับรายการชปล.-ยูโรปา

เดอะ มิร์เรอร์ สื่อของอังกฤษ ระบุ ยูฟ่า คิดที่จะให้รอบตัดเชือก ของ แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ ยูโรปา ลีก เตะกันแบบนัดเดียวจบเท่านั้น ต่างจากก่อนหน้านี้ที่คิดจะให้รอบ 8 ทีมสุดท้ายมันเล่นแบบนัดเดียวจบด้วย แต่รอบตัดเชือกก็จะไปเตะในประเทศเดียวกับสถานที่ที่ใช้จัดนัดชิงดำ และระยะห่างของทั้ง 2 รอบก็จะมีเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
      สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) กำลังพิจารณาที่จะให้ 4 ทีมสุดท้ายของทั้งศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ต้องลงเล่นทั้งรอบรองชนะเลิศและรอบชิงชนะเลิศติดกันในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน ตามรายงานของ เดอะ มิร์เรอร์ สื่อชั้นนำของประเทศอังกฤษ

    การแพร่ระบาดอย่างหนักในหลายประเทศของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ ยูฟ่า ตัดสินใจสั่งพักทั้งศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูโรปา ลีก เอาไว้ก่อน ซึ่งมันก็ทำให้เกิดการตั้งประเด็นว่าหลังจากนี้ ยูฟ่า จะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง โดยก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าพวกเขาคิดที่จะให้รอบก่อนรองชนะเลิศกับรอบรองชนะเลิศเตะกันแบบนัดเดียวจบ

    อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เดอะ มิร์เรอร์ บอกว่า ยูฟ่า จะให้การเล่นแบบนัดเดียวจบมันมีเฉพาะในรอบรองชนะเลิศ แต่ 4 ทีมสุดท้ายของแต่ละรายการต้องมาเตะกันในเมืองของสถานที่ที่จะใช้จัดนัดชิงดำ โดยในกรณีของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็คือเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ส่วนของ ยูโรปา ลีก เป็นเมืองกดัญสก์ ประเทศโปแลนด์ แล้วอีกไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ให้ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศที่ประเทศนั้นๆ ต่อเลย เหมือนอย่างในศึก ฟุตบอลโลก หรือในทัวร์นาเมนต์กีฬาของสหรัฐอเมริกา เป็นต้น