อยู่กับมาดริดจนเลิก!โครสเผยข้อเสนอย้ายทีมเพียบแต่ไม่สน

โทนี่ โครส มิดฟิลด์ เรอัล มาดริด ระบุ เคยได้รับข้อเสนอให้ย้ายออกจากทีมอยู่หลายครั้ง แต่ตนก็ตั้งใจที่จะอยู่กับ "ราชันชุดขาว" ไปจนเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ

โทนี่ โครส กองกลางชาวเยอรมันของ เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการ ลา ลีกา สเปน เปิดเผยว่าที่ผ่านมาตนเคยได้รับข้อเสนอให้ย้ายออกจากทีมหลายครั้ง แต่ก็ไม่คิดที่จะเจรจาเรื่องดังกล่าวเลย

โครส เล่นให้กับ มาดริด เป็นฤดูกาลที่ 7 แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาเขาก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก อาทิเช่น การได้แชมป์ลีก 2 สมัย และแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 ครั้ง เป็นต้น แต่ที่ผ่านมาก็มีข่าวลือเป็นระยะๆ ว่าเขาอาจจะย้ายกลับไปเล่นในบ้านเกิดในช่วงโค้งสุดท้ายของอาชีพการเล่น

"ผมชอบกลับไปที่ เยอรมนี อยู่เสมอ เพราะที่นั่นคือบ้านเกิดของผม และที่นั่นก็พูดภาษาเดียวกับผม ที่จริงผมได้รับข้อเสนอหลายข้อเสนอ แต่ผมไม่เคยพูดกับสโมสรอื่นๆ เลย เพราะว่าความคิดของผมคือการอยู่กับ เรอัล มาดริด ไปจนแขวนสตั๊ด" แข้งวัย 30 ปี ระบุ

มอยส์เผยเคยกาหัวเบลเป้าหมายเบอร์1สมัยคุมแมนยู

เดวิด มอยส์ กุนซือ เวสต์แฮม ระบุ ตอนคุม แมนฯ ยูไนเต็ด ตนเคยอยากได้ แกเร็ธ เบล จนถึงขั้นกาหัวเขาเป็นเป้าหมายเบอร์ 1 พร้อมบอกว่าที่จริงตอนนั้น "ปีศาจแดง" ทุ่มสุดตัวเพื่อที่จะปิดดีลกับ เบล ให้ได้ แต่ตัวนักเตะมีใจให้กับ เรอัล มาดริด ไปก่อนแล้ว

เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ยืนยันว่าตนเคยอยากได้ แกเร็ธ เบล ไปร่วมทัพในตอนที่คุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จริงๆ แถมถึงขั้นกาหัวปีกชาวเวลส์เป็นเป้าหมายการเสริมทัพรายแรกด้วยซ้ำ

ในช่วงแรกๆ ที่ มอยส์ เข้าไปกุมบังเหียน แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปี 2013 เขาตกเป็นข่าวกับนักเตะชื่อดังหลายราย อย่างเช่น เบล, เชส ฟาเบรกาส และ โทนี่ โครส เป็นต้น แต่สุดท้ายในตอนนั้นก็ได้เพียง มารูยาน เฟลไลนี่ มาร่วมทัพแค่คนเดียว โดยที่หลายคนตำหนิบอร์ดบริหารของ "ปีศาจแดง" ด้วยว่าไม่ทุ่มเทกับการล่าแข้งที่เป็นเป้าหมายของ มอยส์ มากเท่าที่ควร

มอยส์ ซึ่งอาจต้องเจอกับ เบล ในเกมลีกที่ เวสต์แฮม มีคิวดวลกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในวันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคมนี้ เผยว่า "แกเร็ธ เบล อาจจะเป็นชื่อแรกที่ผมิคดถึงในตอนที่ผมเข้าไปรับงานกับที่นั่น ผมคิดว่า แกเร็ธ เบล เป็นนักเตะตามแบบฉบับของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาคือคนที่เหมาะสม ยูไนเต็ด เคยมีปีกเก่งๆ หลายราย ไล่ตั้งแต่ จอร์จ เบสต์ ไปจนถึง ไรอัน กิ๊กส์ ระหว่างยุคของ 2 คนนั้นพวกเขาก็มีปีกชั้นยอดอีกหลายคน"

"ผมอยากได้ แกเร็ธ เบล ไปเสริมทัพเป็นรายแรกในตอนที่คุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ตอนนั้นมันเหมือนกับว่าเขาก้าวขาไปทาง เรอัล มาดริด นิดๆ แล้ว ผมพยายามที่จะปาดหน้าพวกเขาให้ได้ ผมพยายามที่จะดึงเขามาร่วมทีมให้ได้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้เงินมากกว่าที่ เรอัล มาดริด ยื่นให้เขา พวกเขายอมให้เงินมากกว่าแล้ว เราทำทุกทางเท่าที่จะทำได้เพื่อที่จะพยายามเอาเขาไปร่วมทีมให้ได้ เราถึงขั้นเตรียมเฮลิคอปเตอร์เอาไว้ที่สนามซ้อมเพื่อที่จะไปรับเขากลับมาด้วยซ้ำ เราเคยคิดว่าเรามีโอกาสที่จะได้เขาไปร่วมทีม แต่แล้วเขาก็เลือก เรอัล มาดริด ซึ่งมันก็เป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม เพราะเขาได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึง 4 สมัยกับที่นั่น เขามีอาชีพการค้าแข้งที่ยอดเยี่ยมสุดๆ"

“เวนเกอร์” ชี้บาเยิร์นชุดนี้ยังห่างชั้นจากปี2013

อาร์แซน เวนเกอร์ ตำนานกุนซือ อาร์เซน่อล ฟันธง บาเยิร์น มิวนิค ชุดนี้ยังเทียบไม่ติดกับทีมชุดสามแชมป์เมื่อปี 2013 พร้อมหยัน "เสือใต้" ผงาดได้ในซีซั่นล่าสุด เพราะยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ ต่างพร้อมใจกันฟอร์มรูด

อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล ยอมรับว่า บาเยิร์น มิวนิค คือสโมสรที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุโรปเวลานี้ แต่ยังคงเทียบไม่ได้กับ "เสือใต้" ชุดคว้าทริปเปิ้ลแชมป์เมื่อฤดูกาล 2012/13

ฤดูกาล 2019/20 ที่ผ่านมา บาเยิร์น ภายใต้การนำทัพของกุนซือ ฮันซี่ ฟลิค ปิดฉากลงอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการกวาดเรียบทั้งแชมป์ บุนเดสลีกา, เดเอฟเบ โพคาล และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กระนั้นถึงแม้เป็นความสำเร็จระดับเดียวกับชุดคว้าทริปเปิ้ลแชมป์เมื่อ 7 ปีก่อน แต่ เวนเกอร์ มองว่า "เสือใต้" ชุดปัจจุบัน ยังห่างชั้นกับทีมเมื่อปี 2013 ที่นำทัพโดยกุนซือ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส    

"ทีมชุดปี 2013 ดีกว่าเยอะ พวกเขามีนักเตะอย่าง ฟิลิปป์ ลาห์ม, ฟร้องค์ ริเบรี่, อาร์เยน ร็อบเบน, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, โทนี่ โครส ชุดนั้นพวกเขามีคุณภาพครบทุกตำแหน่งเลย ส่วนทีมชุดปัจจุบันยังสามารถพัฒนาได้อยู่ บางทีอาจจะขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับทีมชุดปี 2013 ก็ได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น"

"ผมไม่ได้ลดคุณค่าฟอร์มการเล่นของทีมชุดนี้นะ เพราะปัจจุบันยังไง บาเยิร์น ก็คือทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุโรป แต่นั่นก็เป็นเพราะสโมสรใหญ่รายอื่นๆ ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีด้วย ขณะที่ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ต่างก็อ่อนแอลงพอดี" กุนซือระดับปรมาจารย์ชาวฝรั่งเศสวัย 70 ปี กล่าวกับ แดร์ สปีเกิ้ล สื่อเมืองเบียร์

ประเดิมแค่เจ๊า! เรอัลมาดริดเจาะไม่เข้าแค่บุกแบ่งแต้มโซเซียดาด

แชมป์เก่า เรอัล มาดริด ประเดิมสนามซีซั่นใหม่ด้วยการบุกไปแบ่งแต้มกับ เรอัล โซเซียดาด แบบไร้สกอร์ 0-0 ในเกม ลา ลีกา เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

สนาม : เรอาเล่ อารีน่า

    เรอัล โซเซียดาด เกมแรกบุกไปเสมอกับ บายาโดลิด 1-1 เกมนี้กลับมาเฝ้ารังรับมือแชมป์เก่า เรอัล มาดริด ที่ลงเล่นเป็นเกมแรก

    โดยเจ้าถิ่นฝากความหวังไว้ที่ กริสเตียน ปอร์ตู, มิเกล โอยาซาบัล และอเล็กซานเดอร์ ไอซัค ขณะที่ ซีเนดีน ซีดาน เทรนเนอร์ของชุดขาวส่ง มาร์ติน โอเดการ์ด ลงตัวจริงในลีกเป็นนัดแรกนับแต่ พฤษภาคม ปี 2015 โดยมีสามประสานทั้ง โรดรีโก้ โกเอส, คาริม เบนเซม่า และวินิซิอุส จูเนียร์ ล่าตาข่าย

    โอกาสแรกของเกมต้องรอถึง นาที 14 โอเดการ์ด ไหลสั้นๆให้ คาริม เบนเซม่า กดด้วยขวานอกกรอบแต่บอลเบาไปเข้ามือ อเล็กซ์ รามีโร่

    นาที 26 บอลสวนกลับของเรอัลได้ลุ้นอีก วินิซิอุส ได้บอลขึ้นทางขวาก่อนปาดบอลเร็วไปหน้าประตูจะถึง เบนเซม่า อยู่แล้วแต่โดน อาริตซ์ เอลุสตอนโด้ พุ่งสกัดออกหลังหวุดหวิด

    นาที 36 เซร์คิโอ รามอส กลับตัววอลเลย์ไปติดบล็อคก่อนกระดอนไปชนแขน แม้แข้งทีมเยือนจะประท้วงว่าเป็นแฮนด์บอล แต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไรให้เล่นต่อ

    อีก 3 นาทีถัดมา "ราชันชุดขาว" ได้ลุ้นต่อเนื่อง คราวนี้ แฟร์กล็องด์ เมนดี้ จ่ายต่อให้  วินิซิอุส จูเนียร์ ซัดด้วยขวาหลุดกรอบออกไปแบบได้ลุ้น

    ท้ายเกม เจ้าบ้านโหมมาเป็นชุด นาที 42 โรบิน เลอ นอร์มังด์ โขกเน้นในกรอบ 6 หลา แต่บอลเหินสูงข้ามคานออกไปแบบได้เสียว

    จบครึ่งแรก ยังทำอะไรกันไม่ได้ เรอัล โซเซียดาด ยังเสมอกับ เรอัล มาดริด 0-0

    ครึ่งหลัง นาที 47 เจ้าบ้านชวดโอกาสได้ประตูขึ้นนำหลัง มิเกล โอยาซาบัล จ่ายไปเสาไกลให้  อันแดร์ บาร์เรเน็ตเซีย วิ่งมาแปด้วยซ้ายถากเสาสองออกไปแบบได้เสียว

    นาที 53 เป็นโอกาสของทีมเยือนบ้าง มาร์ติน โอเดการ์ด พาบอลขึ้นมาเองก่อนแทงทะลุช่องให้ คาริม เบนเซม่า หลุดเข้าไปซัดติดบล็อค เอลูสตอนโด้ เป็นเตะมุม

    เกมรุกของแชมป์เก่ามาเป็นชุดๆเหมือนกัน นาที 56 ดานี่ การ์บาฆาล ได้โอกาสซัดไกลนอกกรอบด้วยขวา บอลพุ่งแต่ยังไปเข้ามือ อเล็กซ์ รามีโร่

    นาที 68 โทนี่ โครส เล่นสั้นที่มุมธงกับ ลูก้า โมดริช ก่อนห้องเครื่องชาวเยอรมันจะวิ่งลงมารับบอลแล้วปั่นด้วยขวาเต็มแรงไปเสาไกล ยังดีที่ อเล็กซ์ รามีโร่ นายด่านเจ้าถิ่นพุ่งไปได้

    ช่วงเวลาที่เหลือทำอะไรกันไม่ได้ จบเกม เรอัล โซเซียดาด แบ่งแต้มกับ เรอัล มาดริด 0-0

    รายชื่อ11นักเตะทั้งสองทีม

        เรอัล โซเซียดาด (4-3-3) อเล็กซ์ รามีโร่ – อันโดนี่ โกโรซาเบล, อาริตซ์ เอลูสตอนโด้, อาริตซ์ เอลุสตอนโด้, ไอเอน มูนญอซ – อันเดร์ เกบาร่า, มิเกล เมรีโน่ – กริสเตียน ปอร์ตู, มิเกล โอยาซาบัล, อันแดร์ บาร์เรเน็ตเซีย – อเล็กซานเดอร์ ไอซัค

        เรอัล มาดริด (4-3-3) ติโบลต์ กูร์กตัวส์ – ดานี่ การ์บาฆาล,เซร์คิโอ รามอส, ราฟาแอล วาราน, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ – โทนี่ โครส, ,ลูก้า โมดริช, มาร์ติน โอเดการ์ด – โรดรีโก้ โกเอส, คาริม เบนเซม่า, วินิซิอุส จูเนียร์

เรอัลมาดริดเดินหน้าล่าแชมป์ลีก! “เบนเซม่า” กระสันซัดถิ่นกรานาด้า

"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ขยับเข้าใกล้แชมป์ลีกซีซั่นนี้เต็มทีเตรียมจัดหนักนำปิดสกอร์โดย คาริม เบนเซม่า เกมบุกบ้าน กรานาด้า ในศึกฟุตบอล ลา ลีกา สเปน คืนวันจันทร์ที่ 13 ก.ค. ศกนี้  ถ่ายทอดสด : beIN SPORTS 1 (เวลา : 03.00 น.)
ปรีวิวฟุตบอล ลา ลีกา สเปน
วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม 2563
กรานาด้า   –   เรอัล มาดริด
ถ่ายทอดสด : beIN SPORTS 1 (เวลา : 03.00 น.)

 

สนาม : เอสตาดิโอ นวยโบ้ ลอส การ์เมเนส

    ดีเอโก้ มาร์ติเนซ เตรียมพัก โรเบร์โต้ โซลดาโด้ กองหน้าจอมเก๋าวัย 34 ไว้และปรับมาเล่นระบบ 3-4-2-1 วาง การ์ลอส เฟร์นานเดซ ยืนเป็นหัวหอกเดี่ยว ด้านหลังมี อันโตนิโอ ป้วยร์ต้าส กับ ดาร์วิน มาชีส ทำเกมรุกสนับสนุน

    ส่วนตรงกลาง ยานเกล เอร์เรร่า กับ ยาน ไบรซ์ เอเตกี คุมจังหวะร่วมกันโดยมี บิตอร์ ดิอ๊าซ และ การ์ลอส เนบา ทำหน้าที่วิงแบ็ก ส่วนแผงหลัง 3 คน เฆซุส บาเยโฆ ที่เจ็บจากเกมก่อน อาจฟิตไม่ทัน โอกาสจะตกเป็นของ โฆเซ่ อันโตนิโอ มาร์ติเนซ ลงเล่นร่วมกับ เคร์มัน ซานเชซ และ โดมิงโกส ดูอาร์เต้ 
    ส่วนในรายของ อัลบาโร่ บาดีโย่, มักซิม โกนาลองส์, กีนี่ และ เนย์ดอร์ โลซาโน่ ยังขาดเจ็บทั้งหมด

    ซีเนดีน ซีดาน จะได้ ดานี่ การ์บาฆาล กับ เซร์คิโอ รามอส สองแกนหลักในแนวรับพ้นโทษแบนกลับมา และจะลงสนามเป็นตัวจริงทันที 

    โดยรามอส จะยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟกับ ราฟาแอล วาราน, การ์บาฆาล กลับมาประจำการแบ็กขวา แบ็กซ้ายเป็น แฟร์กล็องด์ เมนดี้ ตามเดิม แดนกลาง ลูก้า โมดริช จะลงปั้นเกมร่วมกับ โทนี่ โครส, เอ็นริเก้ คาเซมีโร่ และ มาร์โก อาเซนซิโอ โดยมี วินิซิอุส จูเนียร์ ยืนคู่หน้ากับ คาริม เบนเซม่า

    ในรายของ มาร์เซโล่ กับ นาโช่ เฟร์นานเดซ ยังบาดเจ็บไม่พร้อมลงสนาม

11 นักเตะตามคาด

    กรานาด้า (3-4-2-1) : รุย ซิลบา – มาร์ติเนซ, เคร์มัน ซานเชซ, โดมิงโกส ดูอาร์เต้ – บิตอร์ ดิอ๊าซ, ยานเกล เอร์เรร่า, ยาน ไบรซ์ เอเตกี, การ์ลอส เนบา – อันโตนิโอ ป้วยร์ต้าส, ดาร์วิน มาชีส – การ์ลอส เฟร์นานเดซ

    เรอัล มาดริด (4-3-1-2) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ – ดานี่ การ์บาฆาล, เซร์คิโอ รามอส, ราฟาแอล วาราน, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ – เอ็นริเก้ คาเซมีโร่, โทนี่ โครส, ลูก้า โมดริช – อีสโก้ – วินิซิอุส, คาริม เบนเซม่า

 

ผลการพบกันที่ผ่านมา 
วัน/เดือน/ปี    รายการ    ผลการแข่งขัน   
05/10/19    ลา ลีกา    เรอัล มาดริด ชนะ กรานาด้า 4-2
07/05/17    ลา ลีกา    กรานาด้า แพ้ เรอัล มาดริด 0-4
07/01/17     ลา ลีกา    เรอัล มาดริด ชนะ กรานาด้า 5-0
08/02/16    ลา ลีกา    กรานาด้า แพ้ เรอัล มาดริด  1-2
19/09/15    ลา ลีกา    เรอัล มาดริด ชนะ กรานาด้า  1-0

ผลงาน 5 นัดหลังสุด
กรานาด้า
10/07/20  ชนะ โซเซียดาด 3-2 (เยือน)    ลา ลีกา
05/07/20 เสมอ บาเลนเซีย 2-2  (เหย้า)    ลา ลีกา
02/07/20 ชนะ อลาเส 2-0 (เยือน)        ลา ลีกา
29/06/20 แพ้ เออิบาร์ 1-2 (เหย้า)        ลา ลีกา
23/06/20 เสมอ เลกาเนส 0-0 (เยือน)    ลา ลีกา
 
เรอัล มาดริด
10/07/20   ชนะ อลาเบส 2-0 (เหย้า)    ลา ลีกา
05/07/20   ชนะ บิลเบา 1-0 ( เยือน )     ลา ลีกา
02/07/20   ชนะ เคตาเฟ่ 1-0 (เหย้า)        ลา ลีกา
28/06/20 ชนะ เอสปันญ่อล 1-0 ( เยือน )     ลา ลีกา
24/06/20    ชนะ มายอร์ก้า 2-0 (เหย้า)    ลา ลีกา

ชนะแชมป์สมัย34ทันที! เรอัลมาดริดคึก “เบนเซม่า” นำทัพบู๊บียาร์เรอัล

"ราชันชุดขาว" คืนนี้ขอแค่คว้าชัยเหนือ บียาร์เรอัล  หรือถ้าบาร์เซโลน่าไม่ชนะ พวกเขาก็จะการันตีแชมป์ทันที โดยพร้อมส่งดาวยิงฟอร์มเด็ดอย่าง คาริม เบนเซม่า ลงไล่ล่าตาข่าย บียาร์เรอัล ศึกลาลีกา สเปน นัดรองสุดท้าย คืนวันพหัสบดีที่ 16 ก.ค.นี้

ปรีวิวลา ลีกา สเปน
เรอัล มาดริด (1) – บียาร์เรอัล (5)
วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม 2563    เวลา : 02.00 น.   
สนาม : เอสตาดิโอ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่

    เรอัล มาดริด

    ซีเนดีน ซีดาน จะปรับแดนกลางกับหน้าเล็กน้อย แต่แผงหลังเหมือนเดิม ดานี่ การ์บาฆาล ประจำการแบ็กขวา ใช้ เซร์คิโอ รามอส ยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟกับ ราฟาแอล วาราน , แบ็กซ้ายเป็น แฟร์กล็องด์ เมนดี้ ตามเดิม แดนกลางลูก้า โมดริช จะลงปั้นเกมร่วมกับ โทนี่ โครส , เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่ และ เฟเดรีโก้ บัลเบร์เด้ โดยมี โรดรีโก้ โมเรโน่ ยืนคู่หน้ากับ คาริม เบนเซม่า ในรายของ มาร์เซโล่ กับ นาโช่ เฟร์นานเดซ ยังบาดเจ็บไม่พร้อมลงสนาม

    บียาร์เรอัล

    ฆาเบียร์ กาเยฆา ได้ 3 แข้งตัวหลักกลับมาจากโทษแบน ไล่ตั้งแต่แดนหน้า เคราร์ด โมเรโน่ กลับมายืนหน้าเป้าอีกครั้ง  ส่วนตัวรุกใช้ ซานติ กาซอร์ล่า กับ ฆาบี อันติเบรอส ยืนริมเส้น มี มอย โกเมซ เป็นหน้าต่ำ , ตรงกลาง มานูเอล ตรีเกโรส คุมจังหวะร่วมกับ บิเซนเต้ อิบอร์ร่า ที่พ้นโทษแบนมา ในแดนหลัง คู่เซนเตอร์วาง เปา ตอร์เรส ยืนกับคู่กับ ราอูล อัลบิโอล, มาริโอ กาสปาร์ ลงแบ็กขวา แบ็กซ้ายใช้ ชาเบียร์ กินตีย่า ในรายของ มาเรียโน่ บาร์โบซ่า นายทวารมือสองติดโทษแบน ทำให้ เซร์คิโอ อาเซน
โฆ จะกลับมาเฝ้าเสาอีกครั้ง 

    11 นักเตะตามคาด

    เรอัล มาดริด (4-3-1-2) ติโบล กูร์กตัวส์-ดานี่ การ์บาฆาล,เซร์คิโอ รามอส,ราฟาแอล วาราน,แฟร์กล็องด์ เมนดี้-เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่,โทนี่ โครส,เฟเด บัลเบร์เด้-ลูก้า โมดริช-โรดรีโก้ โกเอส,คาริม เบนเซม่า

    บียาร์เรอัล (4-2-3-1) เซร์คิโอ อาเซนโฆ-มาริโอ กาสปาร์,ราอูล อัลบิโอล,เปา ตอร์เรส,ชาบี กินตีย่า-บิเซนเต้ อิบอร์ร่า,มานูเอล ตรีเกโรส-ซานติ กาซอร์ล่า,มอย โกเมซ,ฆาบี อันติเบรอส-เคราร์ด โมเรโน่ 

 ผลการพบกันที่ผ่านมา 
วัน/เดือน/ปี    รายการ    ผลการแข่งขัน   
02/09/19    ลา ลีกา    บียาร์เรอัล    2-2    เรอัล มาดริด
05/05/19    ลา ลีกา    เรอัล มาดริด    3-2    บียาร์เรอัล
04/01/19    ลา ลีกา    บียาร์เรอัล    2-2    เรอัล มาดริด
20/05/18    ลา ลีกา    บียาร์เรอัล    2-2    เรอัล มาดริด
13/01/18    ลา ลีกา    เรอัล มาดริด    0-1    บียาร์เรอัล
27/02/17    ลา ลีกา    บียาร์เรอัล    2-3    เรอัล มาดริด
    
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
เรอัล มาดริด
14/07/20 ชนะ กรานาด้า 2-1 (เยือน)     ลา ลีกา
10/07/20 ชนะ อลาเบส 2-0 (เหย้า)    ลา ลีกา
05/07/20 ชนะ แอธ.บิลเบา 1-0 (เยือน)     ลา ลีกา
02/07/20 ชนะ เคตาเฟ่ 1-0 (เหย้า)    ลา ลีกา
28/06/20 ชนะ เอสปันญ่อล 1-0 (เยือน)     ลา ลีกา
           
บียาร์เรอัล
14/07/20 แพ้ เรอัล โซเซียดาด 1-2    (เหย้า)    ลา ลีกา
08/07/20 ชนะ เคตาเฟ่ 3-1    (เยือน)    ลา ลีกา
05/07/20 แพ้ บาร์เซโลน่า 1-4    (เหย้า)    ลา ลีกา
02/07/20 ชนะ เรอัล เบติส 2-0    (เยือน)    ลา ลีกา
28/06/20 ชนะ บาเลนเซีย 2-0    (เหย้า)    ลา ลีกา

เรอัลมาดริดเถลิงแชมป์! “เบนซ์”เบิ้ลอัดบียาร์เรอัลซิวโทรฟี่ลีกสมัยที่34

"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ทำได้ตามเป้าหมาย "คาริม เบนเซม่า" พังสองประตูพาต้นสังกัดเชือด "เรือดำน้ำสีเหลือง" บียาร์เรอัล 2-1 เถลิงแชมป์ลีกเป็นสมัยที่ 34 สำเร็จ ส่วนทีมเยือนยังอยู่ในพื้นที่โควตายูโรปาลีก ศึกฟุตบอลลาลีกา สเปน นัดรองสุดท้าย คืนวันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา

สนาม : เอสตาดิโอ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่

     ศึกฟุตบอลลาลีกา สเปน นัดรองสุดท้าย คืนวันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด นัดนี้ต้องสามคะแนนเท่านั้นหรือแช่งให้ บาร์เซโลน่า แพ้ในแมตช์ที่หวดพร้อมกัน จะการันตัแชมป์ลีกสมัยที่ 34 ซีเนดีน ซีดาน เทรนเนอร์คนเก่งใส่ดาวเตะครบชุดนำโดย "เบนเซม่า-อาซาร์" รับมือ "เรือดำน้ำสีเหลือง" บียาร์เรอัล ที่หมดโอกาสไปลุยชปล.ตั้งแต่เกมก่อน แต่ยังมีหวังเล่นยูโรปาลีก ฆาเบียร์ กาเยฆา โค้ชทีมเยือน เร้าลูกทีมแย่งคะแนนทำลายงานฉลองแชมป์เจ้าบ้านให้ได้ มี "เคราร์ด โมเรโน่" เป็นอาวุธลงซัด

     ราชันเปิดเกมนาทีที่ 4 เซร์คิโอ รามอส วางบอลยาวจังหวะเดียวจากแดนหลังไปให้ ดานี่ การ์บาฆาล วิ่งสอดขึ้นมารับบอลในเขตโทษฝั่งขวาแตะบอลกระดกหวังให้ข้ามหัว เซร์คิโอ อาเซนโฆ แต่ว่ามือกาวทีมเยือนไม่พลาดรับไว้ได้ทัน

     มาดริดรุกหนักนาทีที่ 7 ลูก้า โมดริช ครอสบอลจากริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายบอลเรียดเข้ามากลางเขตโทษ คาริม เบนเซม่า ยืนซัดบอลเข้าหากรอบประตูแต่ยังเป็นนายทวารเรือดำน้ำยืนถูกที่รับบลอีกครั้ง

     เจ้าบ้านยังเร่งนาทีที่ 16 โทนี่ โครส จ่ายบอลกลางสนามมาที่ ลูก้า โมดริช จับบอลแล้วลากมาเข้าเท้าขวายิงไกลนอกกรอบเขตโทษ บอลเข้าหาประตูทว่า เซร์คิโอ อาเซนโฆ นายด่านทีมเยือนปัดออกพ้นประตูไปได้

     ราชันชุดขาวออกนำนาทีที่ 29 เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่ เข้าแย่งบอลจากผู้เล่นทีมเยือนได้กลางสนาม บอลกลิ้งมาหา ลูก้า โมดริช กระชากบอลขึ้นมาถึงหน้ากรอบเขตโทษจิ้มออกเขตโทษด้านขวาให้ คาริม เบนเซม่า ที่วิ่งตีคู่มาซัดบอลลอดขา เซร์คิโอ อาเซนโฆ มือกาวบียาร์เรอัลเข้าตุงตาข่าย จบครึ่งแรก เรอัล มาดริด นำอยู่ 1-0

     เจ้าบ้านเกือบทิ้งห่างนาทีที่ 54 ลูก้า โมดริช ดีดบอลตรงทะลุช่องจากกลางสนามตัดแนวรับทีมเยือนที่ยืนดักล้ำหน้าให้ ดานี่ การ์บาฆาล สอดขึ้นมารับบอลเลี้ยงเข้าเขตโทษทางขวาล็อกหนีผู้เล่นบียาร์เรอัลถึงสองคนแล้วซัดด้วยซ้ายตรงเขตโทษ 6 หลา แต่ว่า เซร์คิโอ อาเซนโฆ ยังโชว์เหนียวปัดไว้ได้อีกครั้ง

     ทีมเยือนได้บุก 72 ฆาบี อันติเบรอส ตัวสำรองบียาร์เรอัล สบโอกาสได้ลองยิงบอลลุ้นพังสกอร์ แต่ว่าเจ้าตัวซัดบอลเบาเกินไป ติโบล กูร์กตัวส์ นายทวารราชันล้มตัวรับไว้ไม่มีปัญหา

     เรอัล มาดริดทิ้งห่างนาทีที่ 73 เซร์คิโอ รามอส วิ่งดันขึ้นสูงโฉบตัดหน้า เคราร์ด โมเรโน่ กลางสนามลากบอลขึ้นมาถึงเส้นเขตโทษก่อนโดน โซเฟียน ชักล่า สะกิดล้มลงในเขตโทษ กรรมการชี้ให้จุดโทษ และเป็นกัปตันปราการหลังเขี่ยต่อให้ คาริม เบนเซม่า ปรี่มายิงเข้าไปครั้งแรก เชิ้ตดำเป่าว่าดาวยิงฝรั่งเศสวิ่งเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อน เลยให้ซัดลูกโทษใหม่อีกหน คาริม เบนเซม่า อาสายิงเองและกดเข้าไปไม่เหลือซาก

     เจ้าถิ่นชวดได้สกอร์เพิ่มนาทีที่ 81 ซานติ กาซอร์ล่า จ่ายบอลขวางสนามไม่ดีมาติดเท้า โทนี่ โครส ได้ลองส่องไกลกลางสนามระยะประมาณ 22 หลา บอลทิศทางเกือบซุกตาข่ายแต่เหินชนคานอย่างจังกระดอนออกมา

     เรือดำน้ำตามนาทีที่ 83 มาริโอ กาสปาร์ ฟูลแบ็กทีมเยือนดันสูงมารับบอลบริเวณริมสนามด้านขวา ก่อนหยอดบอลลุ้นเข้าเขตโทษ บิเซนเต้ อิบอร์รา ปรี่มาตั้งศรีษะโหม่งบอลย้อย ติโบล กูร์กตัวส์ วิ่งตามหวังสกัดให้ได้แต่บอลลอยเสียบใต้คานเข้าไปอย่างแม่นยำ ช่วงท้ายเกมทีมเยือนเกือบตีเสมอได้อีกประมาณสองครั้งแต่ ติโบล กูร์กตัวส์ ก็เหนียวหนึบช่วยทีมไว้ได้ ส่วนเจ้าถิ่น จูเนียร์ วิเนซิอุส ส่งบอลเข้าไปก้นตาข่ายทว่ากรรมการเช็ควีเออาร์เป่าเป็นลูกแฮนด์บอลของ คาริม เบนเซม่า จบเกม เรอัล มาดริด ชนะ บียาร์เรอัล 2-1 เถลิงแชมป์ลีกเป็นสมัยที่ 34 สำเร็จ

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

เรอัล มาดริด (4-3-3): ติโบล กูร์กตัวส์,ดานี่ การ์บาฆาล (ลูคัส บาสเกซ น.85),ราฟาแอล วาราน,เซร์คิโอ รามอส,แฟร์กล็องด์ เมนดี้,ลูก้า โมดริช (เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ น.85),เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่,โทนี่ โครส (อิสโก้ น.85),โรดรีโก้ โกเอส (มาร์โก อเซนซิโอ น.63),คาริม เบนเซม่า,เอแด็ง อาซาร์ (จูเนียร์ วิเนซิอุส น.63)

บียาร์เรอัล (5-4-1): เซร์คิโอ อาเซนโฆ,มาริโอ กาสปาร์,โซเฟียน ชักล่า,เปา ตอร์เรส,ชาบี กินตีย่า,มานู มอร์ลาเนส (บิเซนเต้ อิบอร์รา น.63),ซัมโบ้ อ็องกิสซ่า,รูเบน เปย่า (บรูโน่ น.46),ซามูเอล ชุควูเซ (ฆาบี อันติเบรอส น.46),มอย โกเมซ (ซานติ กาซอร์ล่า น.63),เคราร์ด โมเรโน่

 

ราชันงานหิน! มาดริดจัดเต็มส่ง “เบนเซม่า” บุกกระซวกแอธ.บิลเบา

ซีเนดีน ซีดาน นายใหญ่ "ราชันชุดขาว" จ่าฝูง มีแต้มเหนือ บาร์ซ่า อยู่ 4 แต้มเหลือการแข่งขันอีก 5 นัดความพร้อมเกมนี้อาจปรัพทัพบางตำแหน่งแนวรุกไว้ใจ คาริม เบนเซม่า เช่นเคย ทางด้าน กาอิซก้า การีตาโน่ นายใหญ่ แอธ.บิลเบา ผลงานไม่เบามีลุ้นโตวตายุโรปจัด อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ ต้อนรับสู้ ในศึกฟุตบอล ลา ลีกา สเปน คืนวันอาทิตย์ที่ 5 ก.ค. นี้
ปรีวิวฟุตบอล ลา ลีกา สเปน
วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม 2563
แอธ.บิลเบา (8) – เรอัล มาดริด (1)
เวลา : 19.00 น.

สนาม : ซาน มาเมส บาร์เรีย, บิลเบา

    กาอิซก้า การีตาโน่ กุนซือแอธ.บิลเบา ยังคงระบบ 4-2-3-1 เพียงแต่จะปรับผู้เล่น 2-3 ตำแหน่งเพื่อความสดของทีม แนวรับ อินญิโก้ มาร์ติเนซ ลงเป็นคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟกับ อูไน นูนเญซ แทน เยราย อัลบาเรซ และให้ อันเดร์ กาป้า ลงเป็นแบ็กขวา ส่วนแบ็กซ้าย ยูริ เบร์ชีเช่ ผ่านความฟิตลงสนามตามเดิม 

    ตรงกลางสนาม มิเกล เบสก้า เบียด อูไน โลเปซ ลงมาเป็นตัวจริงเดินเกมร่วมกับ ดานี่ การ์เซีย แผงรุก 3 คนวาง ราอูล การ์เซีย, ออยอาน ซานเซ็ท และ อินญิโก้ กอร์โดบา เล่นอยู่ข้างหลัง อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ ที่ยืนค้ำเป็นหน้าเป้า

    ซีเนดีน ซีดาน เทรนเนอร์เรอัล มาดริด จะปรับทีมบางตำแหน่ง ในแนวรับ มาร์เซโล่จะเบียด แฟร์กล็องด์ เมนดี้ ลงยืนแบ็กซ้าย ส่วนแบ็กขวายังคงเป็น ดานี่ การ์บาฆาล ตามเดิม คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ ต้องรอเช็กความฟิตของ ราฟาแอล วาราน ถ้าไม่ไหว เอแดร์ มิลิเตา จะลงมาเล่นคู่กับ เซร์คิโอ รามอส แทน

    แดนกลาง ลูก้า โมดริช จะลงปั้นเกมร่วมกับ โทนี่ โครส ,เฟเดรีโก้ บัลเบร์เด้ และ เอ็นริเก้ คาเซมีโร่ โดยมี เอแด็น อาซาร์ ยืนคู่หน้ากับ คาริม เบนเซม่า ในรายของ นาโช่ เฟร์นานเดซ ยังไม่พร้อมลงสนาม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

    แอธ.บิลเบา (4-2-3-1) : อูไน ซิมอน-อันเดร์ กาป้า, อูไน นูนเญซ, อินญิโก้ มาร์ติเนซ, ยูริ เบร์ชีเช่-ดานี่ การ์เซีย, มิเกล เบสก้า-ราอูล การ์เซีย,ออยอาน ซานเซ็ท, อินญิโก้ กอร์โดบา-อินญากี้ วิลเลี่ยมส์

    เรอัล มาดริด (4-4-2) : ติโบต์ กูร์กตัวส์-มาร์เซโล่, เอแดร์ มิลิเตา (ราฟาแอล วาราน), เซร์คิโอ รามอส, ดานี่ การ์บาฆาล-ลูก้า โมดริช, เอ็นริเก้ คาเซมีโร่,โทนี่ โครส, เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้-เอแด็น อาซาร์, คาริม เบนเซม่า

ผลการพบกันที่ผ่านมา 

วัน/เดือน/ปี    รายการ        ผลการแข่งขัน   
 23/12/19        ลา ลีกา        เรอัล มาดริด เสมอ บิลเบา 0-0

ผลงาน 5 นัดหลังสุด

แอธ.บิลเบา

02/07/20    ชนะ บาเลนเซีย 2-0 (เยือน)    ลา ลีกา
27/06/20    ชนะ มายอร์ก้า 3-1 (เหย้า)    ลา ลีกา
23/06/20    แพ้ บาร์เซโลน่า 0-1 (เยือน)    ลา ลีกา
21/06/20    ชนะ เบติส 1-0 (เหย้า)        ลา ลีกา
18/06/20    เสมอ เออิบาร์  2-2  (เยือน)    ลา ลีกา

 เรอัล มาดริด

02/07/20   ชนะ เคตาเฟ่ 1-0 (เหย้า)    ลา ลีกา
28/06/20 ชนะ เอสปันญ่อล 1-0 ( เยือน )     ลา ลีกา
24/06/20    ชนะ มายอร์ก้า 2-0 (เหย้า)    ลา ลีกา
21/06/20    ชนะ โซเซียดาด 2-1 (เยือน)    ลา ลีกา
18/06/20    ชนะ บาเลนเซีย 3-0  (เหย้า)    ลา ลีกา

เรอัลมาดริดไม่พลาดบุกเฉือนเอสปันญ่อล แซงบาร์ซ่านำจ่าฝูงทิ้ง2แต้ม

กาเซมีโร่ กลายเป็นฮีโร่ของ "ราชันชุดขาว" หลังซัดประตูชัยพาทีมบุกไปเอาชนะ เอสปันญ่อล 1-0 ซิวสามแต้มแซง บาร์เซโลน่า สองคะแนนขึ้นไปนำจ่าฝูงมี 71 แต้ม ส่วนไอ้นกแก้วจมบ๊วยก้นตารางเช่นเดิม ในศึกลา ลีกา สเปน เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
สนาม : อาร์ซีดีอี สเตเดี้ยม

    ลา ลีกา สเปน นัดที่ 32 ประจำคืนวันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา เอสปันญ่อล ทีมบ๊วยของตารางเปิดบ้านต้อนรับ เรอัล มาดริด ซึ่งเกมนี้หาก "ชุดขาว" บุกมาคว้าชัยได้จะแซง บาร์เซโลน่า ถึงสองคะแนนขึ้นไปนั่งเป็นจ่าฝูงแทน

    ออกสตาร์ทครึ่งแรกไม่ถึงนาที เอสปันญ่อล ได้ลุ้นฟรีคิกหน้ากรอบก่อนเลยแต่จังหวะซัดด้วยขวาเต็มแรงของ อาเดรียน เอ็มบาร์บา แต่บอลพุ่งไปเข้าซอง ติโบต์ กูร์กตัวส์

    นาที 10 ชุดขาวได้ลุ้นบ้าง โทนี่ โครส เปิดฟรีคิกมาเสาไกลบอลมาตกใส่เท้าของ กาเซมีโร่ หวดด้วยขวากึ่งยิงกึ่งผ่านไปเข้าหัว เซร์คิโอ รามอส โขกเหินคานออกไป

    นาที 20 เอสปันญ่อล ได้ลุ้นจากลูกนิ่งอีก เอ็มบาร์บา เปิดแรงเข้าไปให้ มาร์ก โรต้า ซัดตามน้ำแต่บอลยังไม่โดน ติโบต์ กูร์กตัวส์

    อีก 5 นาทีต่อมา ไอ้นกแก้วได้ลุ้นบ้าง อาเดรียน เอ็มบาร์บา จ่ายบอลให้ อู่ เล่ย กดด้วยขวาจากนอกรอบ บอลพุ่งหลุดกรอบไปแบบได้เสียว

    นาที 31 โทนี่ ครอส เข้ามาหน้าประตูให้ เซร์คิโอ รามอส ได้โหม่งแต่บอลก็ยังไม่ผ่านมือ ดีเอโก้ โลเปซ  และเป็นจังหวะล้ำหน้าของ รามอส ไปอีกด้วย

    นาที 36 "ชุดขาว" เกือบแซงขึ้นนำไปก่อน หลัง คาริม เบนเซม่า โยกหลบก่อนตะบันด้วยขวาเน้นๆแต่ยังโดน ดีเอโก้ โลเปซ เหินปัดบอลออกไป

    ท้ายเกม นาที 43 เจ้าบ้านเกือบทำพลาดอีก หลัง ดีเอโก้ โลเปซ ปัดไม่พ้นทางมาหล่นใส่ เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่ ซัดด้วยขวาไปติดเซฟของโลเปซ ก่อนจะเลยมาเข้ากลางให้ อาซาร์ ตามซ้ำเข้าไปแต่ โลเปซ นายด่านของไอ้นกแก้วก็ปัดออกไปได้

    กระนั้น นาที 45 เรอัล มาดริด ชิงขึ้นนำ 1-0 ได้สำเร็จหลัง คาริม เบนเซม่า หลุดไปทางเสาแรกก่อนจะตอกส้นให้ กาเซมีโร่ วิ่งมายิงด้วยซ้ายเข้าไป

    จบครึ่งแรก เอสปันญ่อล ตามหลัง เรอัล มาดริด 0-1

     ครึ่งหลังกลับมาเล่นกันต่อ นาที 49 อู่ เล่ย ได้กดด้วยซ้ายข้างถนัดแต่บอลยังไม่ผ่านมือ ติโบต์ กูร์กตัวส์

    ชุดขาวตอบโต้บ้าง อีก 2 นาทีต่อมา อีสโก้ วางบอลยาวไปในกรอบ 6 หลาทางเสาไกล เบนเซม่า กระโดดแปแต่บอลก็ไม่ผ่านมือ ของ ดีเอโก้ โลเปซ รับไว้ติดมือ

    เจ้าบ้านไม่อยู่เฉย นาที 74 ได้ลุ้นจากจังหวะ นิโก้ เมลาเหม็ด จ่ายบอลให้ ดาบิด โลเปซ ซัดด้วยขวานอกรอบแต่บอลยังไม่ผ่านมือกูร์กตัวส์รับไว้ได้

    จบเกม เรอัล มาดริด บุกไปคว้าชัยชนะเหนือ เอสปันญ่อล 1-0 เก็บสามแต้มมีเพิ่มเป็น 71 คะแนนนำห่าง บาร์เซโลน่า รองจ่าฝูง 2 คะแนน ส่วนทัพ "นกแก้ว" ยังรั้งบ๊วยของตารางมี 24 คะแนน

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        เอสปันญ่อล (4-4-2) : ดีเอโก้ โลเปซ – บิคตอร์ เปเรีย, เบร์นาโด้ เอสปิโนซ่า, เฟร์นานโด กาเบรอา, ดีดัค บีล่า (อาเดรีย เปโดรซ่า น.46) – มาร์ค โรก้า, ดาบิด โลเปซ (ปอล โลซาโน่ น.84) – อู่ เล่ย (ออสการ์ เมเลนโด้ น.57) ,อาเดรียน เอ็มบาร์บา (โจนาธาน กาเยรี่ น.69) ,เซร์กี้ ดาร์เดร์ (นิโก้ เมลาเหม็ด น.69) – ราอูล เด โทมัส
 
        เรอัล มาดริด (4-3-3) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ – ดานี่ การ์บาฆาล, ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส, มาร์เซโล่ – เฟเด้ บัลเบร์เด้, เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่, โทนี่ โครส – อีสโก้ (โรดรีโก้ น.64), คาริม เบนเซม่า, เอแด็น อาซาร์ (วินิซิอุส จูเนียร์ น.63)

 

รามอสซัดชัยจุดโทษ!เรอัล มาดริดบุกเชือดบิลเบาฉีกแต้มนำฝูง

เซร์คิโอ รามอส รับบทฮีโร่ซัดจุดโทษนำชัย พา "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด บุกเฉือนหวิว แอธ.บิลเบา ถึงถิ่น 1-0 เก็บสามคะแนนสำคัญ ฉีกนำจ่าฝูงทำแต้มหนี โยนความกดดันให้ บาร์เซโลน่า ที่ลงสนามช่วงดึกไปก่อน ในเกมลา ลีกา สเปน ประจำวันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม 63

แอธ.บิลเบา 0-1 เรอัล มาดริด

 สนาม: เอสตาดิโอ ซาน มาเมส
   
    ฟุตบอลลา ลีกา สเปน ประจำวันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม เจ้าถิ่นแอธ.บิลเบา กุนซือใหญ่ กาอิซก้า การีตาโน่ ยังคงระบบ 4-2-3-1  แผงรุก 3 คนวาง ราอูล การ์เซีย, อิเกร์ มูเนียอิน และ อินญิโก้ กอร์โดบา  เล่นอยู่ข้างหลัง อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ ที่ยืนค้ำ
เป็นหน้าเป้า

    ส่วน "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ซีเนดีน ซีดาน จะปรับทีมบางตำแหน่ง ในแนวรับ มาร์เซโล่ จะเบียด แฟร์กล็องด์ เมนดี้ ลงยืนแบ็กซ้าย  แดนกลาง ลูก้า โมดริช  จะลงปั้นเกมร่วมกับ เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่ โดยมี มาร์โก อเซนซิโอ ยืนหน้ากับ คาริม
เบนเซม่า กับ โรดริโก

    เริ่มเกมมา4นาที ลูกทีมของ ซีดาน เดินหน้าบุกก่อน แล้วก็เกือบมีลุ้น เมื่อ คาริม เบนเซม่า ได้บอลทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่จับบอลจังหวะแรกไม่ดีเอง ชวดยิงทักทายก่อนไปอย่างน่าเสียดาย

    ก่อน2นาทีต่อมา แอธ.บิลเบา จะสวนกลับขึ้นมาบ้าง และโอกาสได้จบจากการยิงนอกกรอบของ อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ ยังดีที่แนวรับ เรอัล มาดริด ยังช่วยกันบล็อคได้ทัน

    นาทีที่17 ราชันชุดขาว หวิดเสียประตูอีกครั้ง เมื่อ ราอูล การ์เซีย ได้โขกจ่อๆคนเดียว ยังดีที่ ติโบล กูร์กตัวส์ โชว์ซูเปอร์เซฟ ได้อย่างสุดยอด เซฟประตูช่วยทีมได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    ช่วงท้ายครึ่งแรก เรอัล มาดริด ได้ลุ้นเสียวบ้าง เมื่อ คาริม เบนเซม่า ได้โขกบอลหน้าประตู แต่บอลหลุดถากเสาออกหลังไป ทำให้หมดครึ่งแรก ยังเสมอกันอยู่ 0-0

    เกมเข้าสู่ครึ่งหลัง และผ่านหนึ่งชั่วโมงของเกม เอแดร์ มิลิเตา บาดเจ็บร่วงไปกองกับพื้น ทำให้ต้องหยุดปฐมพยาบาล ก่อนโชคดีที่เจ้าตัวเจ็บไม่มาก ยังเล่นต่อไหว

    นาทีที่72 แฟนๆราชันชุดขาว ได้เฮ เมื่อ มาร์เซโล่ ไปโดนฟาวส์ล้มในกรอบเขตโทษ ก่อนผู้ตัดสินจะเช็กวีเออาร์ ก่อนเป่าชี้เป็นลูกจุดโทษให้ผู้มาเยือน

    ก่อนนาทีต่อมา เซร์คิโอ รามอส รับหน้าที่สังหารไม่พลาด โดยแม้ อูไน ซิมอน จะเดาทางถูก แต่ก็ปัดไม่ทัน ทำให้ เรอัล มาดริด บุกขึ้นนำ 1-0

    ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ หมดเวลา จึงเป็น เรอัล มาดริด บุกเชือดหวิว แอธ.บิลเบา 1-0 เก็บสามคะแนนสำคัญ นำจ่าฝูงทำแต้มฉีกหนี บาร์เซโลน่า ที่ลงสนามช่วงดึกไปก่อน

11 นักเตะของทั้งสองทีม

แอธ.บิลเบา(4-2-3-1) อูไน ซิมอน-อันเดร์ กาป้า,เยเรย์ อัลวาเรซ (อูไน นูเนซ น.21),อินญิโก้ มาร์ติเนซ,ยูริ เบร์ชีเช่ – ดานี่ การ์เซีย,อูไน โลเปซ (มิเกล เวสก้า น.63) – ราอูล การ์เซีย (อาซิเออร์ วิลลาลิเบร น.78),อิเกร์ มูเนียอิน,อินญิโก้ กอร์โดบา (ออสการ์ เดมาร์กอส น.63)-อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ (โออิฮาน ซานเชต น.78)

เรอัล มาดริด (4-3-3) ติโบล กูร์กตัวส์-มาร์เซโล่,เอแดร์ มิลิเตา,เซร์คิโอ รามอส,ดานี่ การ์บาฆาล-ลูก้า โมดริช,เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่,เฟเดรีโก้ บัลเบร์เด้ (โทนี่ โครส น.85)-โรดริโก (ลูคัส น.74) ,คาริม เบนเซม่า (ลูก้า โยวิช น.90+5),มาร์โก อเซนซิโอ (จูเนียร์ วินิซิอุส น.74)

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร