เผยสถิติน่าทึ่ง”เคน-ซน”หลังเกมกับเวสต์แฮม

แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึง-มิน สองสตาร์ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ขึ้นแท่นเป็นสุดยอดดูโอคู่หนึ่งในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก เรียบร้อย หลังสลับกันยิงและจ่ายในเกมล่าสุดที่เจอกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
    
แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึง-มิน สองซูเปอร์สตาร์แนวรุกของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ผลัดกันเป็นฝ่ายยิงและจ่ายรวมกันไปแล้ว 28 ประตูในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งมากสุดอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์ หลังจบเกมล่าสุดที่ "ไก่เดือยทอง" ทำได้แค่เปิดบ้านเสมอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมา

เกมดังกล่าว เคน แอสซิสต์ให้ ซน ทำประตูขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 1 ก่อนที่ ซน จะเป็นคนผ่านบอลให้ เคน จบสกอร์ 2-0 ในนาทีที่ 8 และหลังจากนั้น เคน ก็ทำประตูที่สองให้กับตัวเอง พร้อมช่วย สเปอร์ส ออกนำไปไกล 3-0 นาทีที่ 16 ทว่าน่าเสียดายสำหรับ "ไก่เดือยทอง" เพราะสุดท้าย เวสต์แฮม ไล่ตีเสมอได้จาก 3 ประตูช่วงท้ายเกม

การสลับกันเป็นฝ่ายยิงและจ่ายระหว่างคู่หู "เคน-ซน" ในเกมล่าสุด (รวม 2 ประตู) ทำให้มีประตูที่เกิดขึ้นจากการประสานงานกันของทั้งคูในศึก พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 28 ลูก ซึ่งมากสุดอันดับ 4 ในประวัตศาสตร์ ต่อจากคู่หู แฟร้งค์ แลมพาร์ด กับ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา (36 ประตู), ดาบิด ซิลบา กับ เซร์คิโอ อเกวโร่ (29 ประตู) และ โรแบร์ ปิแรส กับ เธียร์รี่ อองรี (29 ประตู) เท่านั้น

นอกจากนี้ นับตั้งแต่ที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ก้าวเข้ามาคุมทัพ "ไก่เดือยทอง" เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีก่อน เคน (33 ประตู) กับ ซน (30 ประตู) เป็นสองนักเตะที่มีส่วนร่วมกับการทำประตูรวมทุกรายการมากสุด เหนือทุกคนในเวที พรีเมียร์ลีก

 

อยากให้ลูกทีมทำบ้าง!แลมพาร์ดกับลูกยิงงามหยดนัดเจอพาเลซ (มีคลิป)

แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี เตรียมต้องนำทีมทำศึก ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ กับ คริสตัล พาเลซ วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคมนี้ โดยปัจจุบัน "ดิ อีเกิ้ลส์" มีคะแนนมากกว่า "สิงโตน้ำเงินคราม" อยู่ 2 แต้ม

อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปในสมัยที่เขายังค้าแข้งอยู่นั้น แลมพาร์ด เคยทำประตูสุดสวยใส่ พาเลซ มาแล้ว ในเกมที่ เชลซี ชนะ พาเลซ 4-1 เมื่อช่วงเดือนมีนาคม ปี 2005 และวันนี้เราก็มีคลิปลูกนั้นมาให้ได้ชมกันอีกครั้ง

 

ไม่ปลื้ม!แลมพาร์ดติซิลวา,อลอนโซ่พลาดง่ายเกิน

แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ เชลซี ตำหนิ ติอาโก้ ซิลวา กับ มาร์กอส อลอนโซ่ เล่นพลาดกันง่ายๆ ในเกมบุกเจ๊า เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน สุดมันส์ 3-3 แต่ยันไม่มีการโยนความผิดให้นักเตะ โดยเฉพาะในรายของ ซิลวา ที่เพิ่งลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก ครั้งแรก

แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี เชื่อว่า ติอาโก้ ซิลวา เซนเตอร์แบ็กตัวใหม่ชาวบราซิเลียน และ มาร์กอส อลอนโซ่ แบ็กซ้ายชาวสแปนิช เป็นสองจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้ทีมเสียถึง 3 ประตูตั้งแต่ครึ่งแรก ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ "สิงห์บลูส์" บุกไปเสมอ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 3-3 เมื่อวันเสาร์ที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา
 
เกมนี้ เชลซี จบครึ่งแรกด้วยการมีสกอร์ตามหลัง 0-3 จากความผิดพลาดง่ายๆ ในแดนหลัง อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งหลัง "สิงห์บลูส์" ตีไข่แตกได้เร็วตั้งแต่นาทีที่ 55 จากการยิงสุดสวยของ เมสัน เมาท์ ก่อนที่จะไล่ขึ้นมาเป็น 2-3 จากผลงานของ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย นาทีที่ 70 ซึ่งเกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของเจ้าถิ่น แต่ในนาทีที่ 90+2 เชลซี ตามตีเสมอเป็น 3-3 ได้สำเร็จ จาก แทมมี่ อบราฮัม ที่ตามซ้ำลูกยิงของ เมาท์ เข้าไปง่ายๆ พร้อมเก็บ 1 แต้ม กลับออกจากถิ่น เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม ได้แบบสุดระทึก กระทั้ง แลมพาร์ด ไม่แฮปปี้กับฟอร์มการเล่นของ อลอนโซ่ และ ซิลวา ที่ลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก นัดแรก

"มันเป็นความผิดพลาดง่ายๆ พลาดแบบชัดเจนเลย ประตูแรก มาร์กอส โหม่งบอลเข้ากลางสนามให้พวกเขาพาบอลเข้าไปทำประตูเฉย ติอาโก้ เองก็พลาดเช่นกัน (จังหวะเสียประตูที่สอง) หลังจากนั้น มาร์กอส ก็มาพลาดอีกกับประตูที่สาม ซึ่งเขาประกบ (ไคล์ บาร์ทลีย์ คนทำประตู) ไม่ดี และเมื่อคุณผิดพลาดกันแบบนี้ มันก็กลายเป็นเรื่องยากที่จะกลับมา" นายใหญ่ เชลซี กล่าว

อย่างไรก็ตาม แลมพาร์ด ยืนยันว่า ตนจะไม่โทษ ซิลวา และมั่นใจว่า เชลซี จะได้อะไรดีๆ อีกมากมายจาก ปราการหลังเลือดแซมบ้าวัย 36 ปี "ฟังนะ ติอาโก้ ซิลวา จะเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมสำหรับเราแน่นอน เขามีผลงานที่ดีมาตลอดอาชีพการเล่นฟุตบอล ผมสามารถพูดถึงความผิดพลาดได้ แต่ผมจะไม่โยนความผิดให้เขา นี่คือเกม พรีเมียร์ลีก นัดแรกของเขา และผมมั่นใจว่า เราจะได้อะไรดีๆ จากเขาอีกเยอะ"

เชลซีจัด “ซิลวา” ตัวจริงคุมหลัง “แทมมี่” หน้าซัดบาร์นสลี่ย์ ศึกคาราบาวคัพ

"สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี คาดว่าจะส่ง ติอาโก้ ซิลวา กองหลังป้ายแดงลงตัวจริงคุมแดนหลังโดยมี แทมมี่ อบราฮัม ยืนศูนย์หน้าล่าตาข่าย เกมรับการมาเยือนของ บาร์นสลี่ย์  ในศึกฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบ 3 วันพุธที่ 23 ก.ย. ศกนี้  (เวลา : 01.45 น.)
ปรีวิวฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบ 3
วันพุธที่ 23 กันยายน 2563 (เวลา : 01.45 น.)
เชลซี   –   บาร์นสลี่ย์

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

    "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี พลาดท่าแพ้ ลิเวอร์พูล 0-2 ในลีกนัดล่าสุดคารัง

    นัดนี้กุนซือ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ตั้งใจจะให้ วิลลี่ กาบาเยโร่ นายประตูมือเก๋าลงเฝ้าเสาแทน เกปา อาร์รีซาบาลาก้า อยู่แล้ว

    ขณะที่ อันเดรียส คริสเตนเซ่น เจอใบแดงนัดล่าสุดติดแบน โดยแนวรับ พร้อมส่ง ติอาโก้ ซิลวา ปราการหลังจอมแกร่งป้ายแดงลงสนามและอาจมี  ฟิคาโย่ โทโมรี่ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก โดยจะลงช่วยเกมรับพร้อม อันโตนิโอ รือดิเกอร์ เช่นเดียวกับ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ตรงริมเส้น แนวรุกเป็น แทมมี่ อบราฮัม

    ทว่าสามสมาชิกใหม่ เบน ชิลเวลล์, ฮาคิม ซิเย็ค ยังไม่ฟิตพอสำหรับการลงสนาม

    ฟาก บาร์นสลี่ย์ ผ่านฟอเรสต์ และมิดเดิ้ลสโบรช์ ในรอบก่อนหน้านี้ กำลังเจอปัญหาใหญ่ในเกมรับ เมื่อ แมดส์ อันเดอร์เซ่น กับ มิคาล เฮลิค สองเซนเตอร์โดนไล่ออกในเกมเจอเร้ดดิ้ง

    ขณะที่ แบมโบ้ ดิยาบี้ ยังติดแบบ นอกนั้นกุนซือ แกร์ฮาร์ด สตรูเบอร์ มีตัวเลือกครบในการเยือนลอนดอน หลังเปิดฤดูกาลในลีกแชมเปี้ยนชิพ ด้วยการแพ้รวดต่อ ลูตัน ทาวน์ และ เร้ดดิ้ง แถมยิงไม่ได้สักประตู

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนามตัวจริง

    เชลซี : วิลลี่ กาบาเยโร่, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันโตนิโอ รือดิเกอร์,  ติอาโก้ ซิลวา (ฟิคาโย่ โทโมรี่), เอเมอร์สัน, จอร์จินโย่, รอสส์ บาร์คลี่ย์, รูเบน ลอฟตัส-ชีค, ไค ฮาแวร์ทซ์, แทมมี่ อบราฮัม, คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย

    บาร์นสลี่ย์ : แจ็ค วอลตัน, มิชาเอล โซลเบาเออร์, อาโป ฮัลเม่, อาลี โอมาร์, คิเลียน ลูเดวิค, มาร์แซล ริตซ์ไมเออร์, อเล็กซ์ โมวัตต์, จอร์แดน วิลเลี่ยมส์, ลุค โธมัส, พาทริค ชมิดท์, โดมินิก เฟรเซอร์

    ผู้ตัดสิน : ดาร์เรน บอนด์

แลมพาร์ดเผย!สาเหตุไม่ส่งแวร์เนอร์ยิงจุดโทษ

 แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ เชลซี แจงแล้ว สำหรับประเด็นที่ ติโม แวร์เนอร์ ไม่ถูกเลือกเป็นตัวสังหารจุดโทษช่วงดวลเป้า พร้อมยันพอใจฟอร์มโดยรวมของ "สิงห์บลูส์" แม้สุดท้ายถูก สเปอร์ส เขี่ยตกรอบสี่ คาราบาว คัพ
     แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี เปิดเผยว่า สาเหตุที่ ติโม แวร์เนอร์ กองหน้าดาวดังคนใหม่ ไม่ถูกเลือกเป็นหนึ่งในห้าจอมสังหาร ช่วงดวลจุดโทษตัดสินหาผู้ชนะ เป็นเพราะเจ้าตัวมีอาการตะคริว หลังจากที่ "สิงห์บลูส์" แพ้ดวลเป้า "ไก่เดือยทอง" 4-5 (เสมอ 1-1 ใน 90 นาที) ในศึก คาราบาว คัพ รอบสี่ ณ สังเวียนแข้ง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม เมื่อวันอังคารที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา

     แวร์เนอร์ กดประตูสุดสวยให้ เชลซี ขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 19 ก่อนที่ สเปอร์ส จะมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 83 จาก เอริค ลาเมล่า และจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว ทำให้ต้องไปตัดสินหาผู้ชนะในการดวลจุดโทษ ซึ่งตอนแรกคาดกันว่า แวร์เนอร์ คือหนึ่งในจอมสังหารที่ แลมพาร์ด ไว้ใจ

     อย่างไรก็ตาม หัวหอกทีมชาติเยอรมนีวัย 24 ปี กลับไม่ถูกเลือก และสุดท้าย เชลซี แพ้ดวลจุดโทษ พร้อมกระเด็นตกรอบ โดยที่ เมสัน เมาท์ ซึ่งเป็นคนสังหารรายสุดท้ายของทีม ยิงเช็ดเสาออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย 

     "ในช่วงท้ายเกม ติโม แวร์เนอร์ ดันเป็นตะคริว เขาเลยไม่ได้ยิงจุดโทษ" แลมพาร์ด แจงหลังจบเกม "เราดูล้าๆ ไป ซึ่งมันเป็นสิ่งที่พอเข้าใจได้ เราเป็นฝ่ายครองเกมในช่วงครึ่งแรก ซึ่งผมแฮปปี้มากๆ แต่ช่วงครึ่งหลังมันแตกต่างออกไป อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นการดวลจุดโทษ อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ เราตกรอบก็จริง แต่มันก็มีหลายอย่างที่น่าพอใจ"

ฮาแวร์ทซ์แฮตทริก-ซิลวาเปิดตัว! เชลซียิงมันส์เท้าฉลุยศึกคาราบาวคัพ

"สิงห์บลูส์" เชลซี เกมนี้ส่งแนวรับคนใหม่ ติอาโก้ ซิลวา เล่นตัวจริงนัดแรก ส่วนอีก ไค ฮาแวร์ทซ์ ระเบิดแฮตทริกแรกให้ทีม-ของตนเองในชีวิตค้าแข้ง ถล่ม บาร์นสลี่ย์ ราบคาบ 6-0 ฉลุยเข้ารอบต่อไป รอดวล เลย์ตัน โอเรียน กับ สเปอร์ส ที่เลื่อนแข่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ในการแข่งขันศึกฟุตบอลคาราบาว คัพ รอบสาม คืนวันพุธที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

     ศึกฟุตบอลคาราบาว คัพ รอบสาม คืนวันพุธที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา "สิงห์บลูส์" เชลซี ล่าสุดปราชัยเกมบิ๊กแมตช์ในลีก แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือเจ้าถิ่นปรับผู้เล่นหลายตำแหน่ง ส่งกองหลังตัวใหม่ "ติอาโก้ ซิลวา" ยืนเกมรับ แนวรุกยังใช้ "ไค ฮาแวร์ทซ์" บัญชาแดนกลาง รอดวลทีมเยือน บาร์นสลี่ย์ ทีมระดับแชมเปี้ยนชิพ ลูกทีมของ เกอร์ฮาร์ด สตรูเบอร์ ฟอร์มที่ผ่านมาในลีกแพ้มาสองแมตช์ติด ส่วนถ้วยนี้เขี่ย มิดเดิ้ลสโบรช์ เพื่อนร่วมลีกมาได้ มีตัวอันตราย "โดมินิก เฟรเซอร์" หวังซัดช่วยทีมลิ่วรอบต่อไป

     เพียงแค่นาทีแรก เอเมอร์สัน วางบอลโด่งขนานเส้นข้างด้านซ้าย ทิ้งมาให้ ไค ฮาแวร์ทซ์ จับบอลหนีตัวแนวรับทีมเยือน ไหลบอลต่อไปที่ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย แตะเข้าเขตโทษด้านขวาแล้วซัดแต่ติดเซฟ แบรดลีย์ คอลลินส์ นายทวารบาร์นสลี่ย์ ออกมาบล็อกทัน

     ทีมเยือนสวนกลับนาทีที่ 14 คอลลีย์ วูดโรว์ ได้บอลจากเพื่อนลองปั่นบอลกลางสนามเยื้องมาทางซ้ายระยะ 25 หลา บอลโค้งจะมุดกรอบประตูแต่ วิลลี่ กาบาเยโร่ นายทวารเจ้าบ้านโดดปัดพ้นอันตรายหวุดหวิด

     ยังเป็นผู้มาเยือนบุกนาทีที่ 17 คิเลียน ลูเดวิค เปิดบอลริมสนามด้านขวา บอลกระดอนมาในเขตโทษ เกมรับสิงห์บลูส์กะจังหวะไม่ดีปล่อยให้ อาโป ฮัลเม่ กองหลังบาร์นสลี่ย์ สอดโหม่งบอลแต่ยังเบาเข้ามือนายด่านเจ้าถิ่น

     ค่อมานาทีที่ 18 แทมมี่ อบราฮัม ถอยต่ำลงไปล้วงบอล ก่อนจ่ายให้ เมสัน เมาน์ท แปะบอลเข้าเขตโทษ ไค ฮาแวร์ทซ์ ตามมาเก็บบอลเข้าไปกระหน่ำในเขตโทษ แต่ยังไม่ดีน้ำหนักเกบาไป แบรดลีย์ คอลลินส์ นายทวารผู้มาเยือนรับสบาย

     สิงห์บลูส์ออกนำนาทีที่ 19 คัลลัม สไตลส์ ส่งบอลคืนหลังให้ อาโป ฮัลเม่ กองหลังเพื่อนร่วมทีม ทว่า แทมมี่ อบราฮัม แอบมาเบียดจากข้างหลังฉกบอลเข้าไปยิงผ่านมือนายทวารทีมเยือนตุงตาข่าย

     เชลซีพลาดนำอีกนาทีที่ 25 ไค ฮาแวร์ทซ์ โชว์สกิลลากบอลจากริมสนามทางขวามาถึงหน้ากรอบเขตโทษ ไหลบอลป้ายไปที่ เมสัน เมาน์ท ที่วิ่งสอดมาทางซ้ายหลุดเข้าเขตโทษไปซัดแต่บอลไม่ตรงกรอบออกข้างเสาด้านซ้ายไปแบบได้ลุ้น

     และแล้วนาทีที่ 29 เมสัน เมาน์ท แทงบอลริมสนามทางซ้าย บอลกลิ้งมาหน้ากรอบเขตโทษ แทมมี่ อบราฮัม กระโดดหลอกผู้เล่นบาร์นสลี่ย์ ปล่อยบอลลอดขาให้ ไค ฮาแวร์ทซ์ ดอดมารับบอลแล้วหวดเข้าไปซุกก้นตาข่าย

     ทีมเยือนชวดสกอร์นาทีที่ 33 คิเลียน ลูเดวิค ฟูลแบ็กทีมเยือน แอบเติมสูงมาจ่ายบอลเรียดเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้ พาทริค ชมิดท์ จับบอลแล้วยิงแต่ยังถูกนายทวารสิงห์บลูส์พุ่งปัดพ้นเขตประตูสำเร็จ จบ 45 นาทีแรก เชลซี นำ 2-0

     เชลซีเริ่มสวยนาทีที่ 49 อเล็กซ์ โมวัตต์ กองกลางทีมเยือนถอยมารับบอลจากนายทวาร แต่ถูก ไค ฮาแวร์ทซ์ สไลด์บอลดัก เข้าทาง รอสส์ บาร์คลี่ย์ แตะบอลเข้ากลางเขตโทษไปแปบอลเรียดส่งเข้าสู่ก้นตาข่ายอีกเม็ด

     ไม่กี่อึดใจนาทีที่ 53 จอร์แดน วิลเลี่ยมส์ แบ็กขวาบาร์นสลี่ย์ ครองบอลพลาดถูก มาเตโอ โควาซิซ ฉกบอลก่อนเปิดจากริมเขตโทษด้านซ้ายให้ แทมมี่ อบราฮัม แตะตอกส้นบอลให้ ไค ฮาแวร์ทซ์ วิ่งเข้ามาพังสกอรืลูกที่สองของเจ้าตัวเกมนี้

     สิงห์บลูส์ทิ้งไกลนาทีที่ 65 เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า แทงบอลริมสนามด้านขวาเข้ากลางสนาม แทมมี่ อบราฮัม ลงมาต่ำตวัดบอลจังหวะเดียวทิ้งให้ ไค ฮาแวร์ทซ์ วิ่งหลุดเดี่ยวแตะบอลเข้าไปแตะหลบดวลนายทวารทีมเยือนหนึ่งครั้ง เข้าไปซัดแบบโล่งโจ้ง ระเบิดแฮตทริกแรกให้ทีมสำเร็จ

     เจ้าถิ่นยังไม่พอนาทีที่ 83 เบน ชิลเวลล์ โยนบอลจากริมเส้นทางซ้าย บอลกระดอนมาในเขตโทษ ก่อนเป็น โอลิวิเย่ร์ ชิรูด ที่ลงมาเป็นตัวสำรองย่อตัวเอาหัวโหม่งสะบัดเข้าประตูไป จบเกม เชลซี ชนะ บาร์นสลี่ย์ 6-0 ลิ่วรอบสี่ รอผู้ชนะคู่ เลย์ตัน โอเรียน กับ สเปอร์ส ที่เลื่อนแข่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

เชลซี (4-3-3): วิลลี่ กาบาเยโร่,เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า,ฟิคาโย่ โทโมรี่,ติอาโก้ ซิลวา (เคิร์ต ซูม่า น.61),เอเมอร์สัน,รอสส์ บาร์คลี่ย์,มาเตโอ โควาซิซ,เมสัน เมาน์ท,ไค ฮาแวร์ทซ์ (เบน ชิลเวลล์ น.66),แทมมี่ อบราฮัม (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด น.72),คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย

บาร์นสลี่ย์ (4-3-3): แบรดลีย์ คอลลินส์,คิเลียน ลูเดวิค,มิชาเอล โซลเบาเออร์,อาโป ฮัลเม่,จอร์แดน วิลเลี่ยมส์,มาร์แซล ริตซ์ไมเออร์ (คล๊าร์ค โอดออร์ น.57),อเล็กซ์ โมวัตต์,คัลลัม สไตลส์,โดมินิก เฟรเซอร์ (คอเนอร์ แชปลิน น.58),พาทริค ชมิดท์,คอลลีย์ วูดโรว์ (ลุค โธมัส น.46)

 

เกปาหมดอนาคต?เชลซียันได้โกลคนใหม่

แฟนบอล เชลซี อุ่นใจได้ หลัง แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยันได้โกลคนใหม่มาเฝ้าเสาแล้ว ส่งผลให้ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า น่าจะหมดอนาคตในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์
    แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี ประกาศยืนยันเมื่อวันอังคารที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมาว่า "สิงห์บลูส์" ได้ เอดูอาร์ เมนดี้ ผู้รักษาประตูชาวเซเนกัล ของ แรนส์ มาเฝ้าเสาแน่นอนแล้ว โดยเหลือเพียงแค่ขั้นตอนการตรวจร่างกายเท่านั้น

    แลมพาร์ด เผยว่า "ใช่ เมนดี้ กำลังเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างที่เราพูด หากทุกอย่างเรียบร้อยเขาจะกลายเป็นนักเตะใหม่ของเราอย่างเป็นทางการทันที"

    สำหรับค่าตัวบวกโบนัสตามเงื่อนไขของ เมนดี้ วัย 28 ปี อยู่ที่ราว 25 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,000 ล้านบาท) และจะเข้ามาแย่งมือ 1 กับ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ผู้รักษาประตูชาวสแปนิช ที่ผลงานย่ำแย่จนมีโอกาสสูงที่จะหลุดไปเป็นตัวสำรอง

    ในช่วงซัมเมอร์นี้ เชลซี ใช้เงินเสริมทัพทะลุ 200 ล้านปอนด์ (ประมาณ 8,000 ล้านบาท)  ไปแล้วกับการดึงนักเตะอย่าง ฮาคิม ซิเย็ค, ติโม แวร์เนอร์, เบน ชิลเวลล์, เมนดี้ และ ไค ฮาแวร์ทซ์ มาเสริมแกร่ง
 

ฮาแวร์ทซ์เงียบ-แวร์เนอร์เรียกโทษ! เชลซีบุกอัดไบรท์ตัน-ลัลลาน่าเจ็บอีก

"สิงห์บลูส์" ประเดิมสามแต้มแรกฤดูกาลใหม่ได้สำเร็จ หลังบุกไปคว้าชัยเหนือ ไบรท์ตัน 3-1 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา เกมนี้สตาร์ป้ายแดงทั้ง ติโม แวร์เนอร์ และไค ฮาแวร์ทซ์ ต่างได้ออกสตาร์ทตัวจริงทั้งคู่ กระนั้นข่าวร้ายของไบรท์ตันคือต้องเสีย อดัม ลัลลาน่า ที่บาดเจ็บเล่นได้แค่ครึ่งเดียว

    เกมที่ เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม เป็นเกมประเดิมสนามนัดแรกของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่น 2020-21 ระหว่างเจ้าถิ่น ไบรท์ตัน เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เชลซี

    แกรม พ็อตเตอร์ เกมนี้มาพร้อมเต็มสูบแนวรุกวางหน้าคู่เป็น เลอันโดร ทรอสซาร์ และนีล โมเปย์ โดยใช้ อดัม ลัลลาน่า มิดฟิลด์ที่เพิ่งคว้ามาจาก "หงส์แดง" คอยขับเคลื่อนเกมกลางสนาม

    ขณะที่ฝั่งของ "สิงห์บลูส์" ของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ประเดิมแข้งหน้าใหม่ทั้ง  ไค ฮาแวร์ทซ์ และติโม แวร์เนอร์ ลงเป็นตัวจริงเกมแรก โดยมี เมสัน เมาน์ท สนับสนุนร่วมกับ รูเบน ลอฟตัน-ชีค และเอ็นโกโล่ ก็องเต้

    เปิดฉากมาครึ่งแรก นาทีที่ 5 เจ้าถิ่นไบรท์ตันทักทายก่อนเลยหลัง อดัม เว็บสเตอร์ เติมขึ้นสูงก่อนส่องด้วยขวานอกกรอบ บอลพุ่งเหินคานออกไปไกล

    โอกาสลุ้นหนแรกของทีมเยือน ต้องรอถึงนาที 19 เมสัน เมาน์ท เปิดเข้ากลางให้ ติโม แวร์เนอร์ พยายามเช็ดบอลไปเสาสองแต่ไปแฉลบแนวรับเจ้าถิ่นก่อนเข้ามือ แม็ทธิว ไรอัน

    กระนั้นอีก 2 นาทีต่อมา "สิงห์บลูส์" มาได้ลูกที่จุดโทษ หลังเจ้าถิ่นทำเสียบอลกลางสนามโดน จอร์จินโญ่ แทงบอลให้ ติโม แวร์เนอร์ หลุดเข้าไปแตะหลบ แม็ทธิว ไรอัน ก่อนโดนนายด่านเจ้าถิ่นขวางล้มลงในกรอบ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที ก่อนที่
จอร์จินโญ่ จะเป็นมือสังหารซัดจุดโทษเข้าไปไม่พลาดในนาที 23 ให้ เชลซี บุกมานำไบรท์ตัน 1-0

    เจ้าถิ่นหลังเสียประตูพยายามโหมบุกเพื่อทวงตีเสมอให้ได้ นาที 26 ได้ลุ้นจากจังหวะที่ ทาริก แลมป์ตีย์ ครอสบอลไปเสาแรกให้ นีล โมเปย์ โฉบมาโขกแต่บอลไปโดนหัวไหลสุดท้ายไปเข้ามือ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า

    นาที 35 สตีเว่น อัลซาเต้ กระชากเข้าหน้ากรอบก่อนตะบันด้วยซ้ายบอลพุ่งไปเสียบเสาไกลแล้ว แต่ยังโดน เกป้า พุ่งปัดออกไป บอลมาเข้าทางปืน ซอลลี่ มาร์ช ซ้ำด้วยซ้ายไปติดบล็อค อันเดรียส คริสเตนเซ่น

    นาที 45 ไบรท์ตัน ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกหลัง อดัม ลัลลาน่า ห้องเครื่องคนใหม่มีอาการเจ็บเล่นต่อไม่ไหวทำให้ต้องส่ง อารอน คอนนอลลี่ ลงมาเล่นแทน

    ช่วงทดเจ็บ นาที 45+2 ติโม แวร์เนอร์ เกือบเบิกสกอร์แรกให้ต้นสังกัดใหม่อย่างเป็นทางการ หลังกระชากหนีแนวรับเจ้าถิ่นเข้าไปซัดมุมแคบ แต่ยังไปติดเซฟของ เกป้า ที่ปัดออกหลังหวุดหวิด

    จบครึ่งแรก ไบรท์ตัน ตามหลัง เชลซี 0-1

    กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง นาที 47 เจ้าบ้านเกือบได้ลุ้นตีเสมอ ซอลลี่ มาร์ช กระชากหลบแข้งสิงห์บลูส์ก่อนหนีตัวประกบถึงเส้นหลังแล้วครอสไปเสาแรกให้ คอนนอลลี่ เข้าชาร์ทเสาแรกหลุดกรอบไป

    เกมรุกของไบรท์ตันเกือบแผลงฤทธิ์อีก อีก 2 นาทีต่อมา ทาริก แลมป์ตีย์ อดีตเด็กปั้นของเชลซีเองกระชากบอลแหวกอลอนโซ่ และเมสัน เมาน์ท เข้าไปซัดด้วยขวาเสาแรกบอลพุ่งแรกไปติด คูร์ท ซูม่า ออกหลัง

    แต่แล้ว นาที 54 ความพยายามของ ไบรท์ตัน มาประสบผลสำเร็จไล่ตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ ทาริก แลมป์ตีย์ ที่เล่นได้โดดเด่นไหลบอลเข้ากลางให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ ตะบันด้วยซ้ายเต็มแรงนอกกรอบ บอลพุ่งหนีมือ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า เสียบ
โคนเสาสองไปอย่างสวยงาม

    ทว่าอีก 2 นาทีถัดมา นาที 56 ลูกทีมของแฟร้งค์ แลมพาร์ด มาแซงขึ้นนำ 2-1 จากความยอดเยี่ยมของ รีซ เจมส์ แบ็กขวาดาวรุ่งของ เชลซี ที่ซัดเต็มข้อด้วยขวานอกกรอบ บอลพุ่งติดไซด์หนีมือ แม็ทธิว ไรอัน เสียบมุมสามเหลี่ยมชนิดงามหยด
ย้อย

    นาที 66 เชลซี มาได้ประตูนำห่างเจ้าบ้าน 3-1 บอลต่อเนื่องจากจังหวะเตะมุม รีซ เจมส์ เปิดมาให้ คูร์ท ซูม่า ตวัดยิงด้วยขวาหน้ากรอบไปแฉลบ อดัม เว็บสเตอร์ เปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองไป ก่อนจะให้เครดิต ซูม่า เป็นผู้ทำประตู

    นาที 80 ไบรท์ตันได้ลุ้นจากจังหวะที่ อลิเรซ่า ยาฮานบาคช์ แข้งสำรองที่เพิ่งลง ผ่านบอลให้ อารอน คอนนอลลี่ แต่บอลยังไม่ผ่านมือ  เกปา อาร์รีซาบาลาก้า

    ช่วงเวลาที่เหลือเจ้าบ้านไล่ไม่ทัน จบเกม ไบรท์ตัน แพ้คาบ้านให้ เชลซี 1-3

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
   
        ไบรท์ตัน (3-4-1-2): แม็ทธิว ไรอัน – เบน ไวท์ (ปาสกาล กรอสส์ น.79), ลูอิส ดังค์, อดัม เว็บสเตอร์ – ทาริก แลมป์ตีย์, สตีเว่น อัลซาเต้ (อลิเรซ่า ยาฮานบาคช์ น.79), อีฟส์ บิสซูม่า, ซอลลี่ มาร์ช – อดัม ลัลลาน่า (อารอน คอนนอลลี่ น.45) – เลอัน
โดร ทรอสซาร์, นีล โมเปย์

        เทรนเนอร์ : แกรม พ็อตเตอร์

        เชลซี (4-3-3): เกปา อาร์รีซาบาลาก้า – รีซ เจมส์, คูร์ท ซูม่า, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, มาร์กอส อลอนโซ่ – รูเบน ลอฟตัน-ชีค (รอสส์ บาร์คลี่ย์ น.61), เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่ (เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า น.85) – ไค ฮาแวร์ทซ์ (คัลลัม ฮัดสัน-โอดอน
น.80),  ติโม แวร์เนอร์, เมสัน เมาน์ท

สาหัส!แลมพาร์ดรับ4แข้งชวดฉะลิเวอร์พูล

แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ เชลซี ก้มหน้ารับ เบน ชิลเวลล์, คริสเตียน พูลิซิช, ฮาคิม ซิเย็ค และ ติอาโก้ ซิลวา จะไม่พร้อมลงเล่นในเกมกับ ลิเวอร์พูล แต่ ติโม แวร์เนอร์ มีความฟิตที่น่าพอใจจนพร้อมช่วยทีม

แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี เปิดเผยว่า เบน ชิลเวลล์, คริสเตียน พูลิซิช, ฮาคิม ซิเย็ค และ ติอาโก้ ซิลวา จะอดช่วยทีมในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ทีมของตนมีคิวเปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ เจอกับ ลิเวอร์พูล วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายนนี้

4 คนดังกล่าวต่างก็ไม่มีชื่อในเกมแรกของฤดูกาลนี้ที่ เชลซี บุกไปชนะ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 3-1 เมื่อวันจันทร์ที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมาไปแล้วหลังจากที่พวกเขาโดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน ซึ่งตอนแรกบางฝ่ายมองว่าพวกเขาอาจจะหายทันช่วยทีมในนัดสำคัญกับ ลิเวอร์พูล

แลมพาร์ด เผยว่า "เบน ชิลเวลล์ ไม่พร้อมสำหรับเกมนี้ คริสเตียน พูลิซิช ก็ไม่พร้อมเหมือนกัน เราหวังว่าพวกเขาจะซ้อมได้และมีอาการดีขึ้นในอีกไม่กี่วันต่อจากนี้ ฮาคิม ซิเย็ค เองก็ยังไม่พร้อมเหมือนกัน ส่วน ติโม แวร์เนอร์ มีความฟิตที่ดี"

พอโดนถามเพิ่มว่า ซิลวา พร้อมลงเล่นหรือไม่ แลมพาร์ด ก็ตอลบว่า "เขา (ซิลวา) ซ้อมกับเรามา 3 หรือ 4 วันแล้ว เรากำลังทำงานเรื่องสภาพความฟิตของเขาอย่างเต็มที่ แต่เกมกับ ลิเวอร์พูล ยังถือว่าเร็วเกินไปสำหรับเขา"

เปิดก่อนเลย! “แลมพาร์ด” ลั่นแข้งสิงห์บลูส์พร้อมดวลหงส์แดงอาทิตย์นี้

แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือเชลซี มั่นใจว่าทีมของเขาสามารถเอาชนะลิเวอร์พูล แชมป์เก่าศึกพรีเมียร์ลีก วันอาทิตย์นี้ได้

"ผมตื่นเต้นมาก มันชัดเจนที่ลิเวอร์พูลคือทีมที่ดีที่สุดในลีกเมื่อฤดูกาลก่อน แต่ทุกเกมที่พวกเราเจอกับพวกเขา พวกเราก็ต่อสู้ได้ดีจริงๆ พวกเราเคยเอาชนะพวกเขามาแล้วในเอฟเอ คัพ แต่ก็แพ้ในเกมลีกทั้งสองนัด ซึ่งเราก็ทำได้ดีในการต่อกรกับพวกเขา"

"ผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นพวกเราสู้กับพวกเขาอีก และดูว่าเราจะอยู่ในจุดไหน เรามีนักเตะหน้าใหม่เข้ามาในตอนนี้โดยมีเวลาเรียกความฟิตแค่สั้นๆ ผมคิดว่าปรีซีซั่นของพวกเราคือหนึ่งในลีกที่หนักที่สุดในโลกแล้ว"

"ลิเวอร์พูลได้ซ้อมมากกว่าพวกเรา 2 สัปดาห์ แต่มันก็เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมในการเจอกับพวกเขาแต่เนิ่นๆ และดูว่าพวกเราสามารถทำอะไรได้บ้าง พวกเราต้องมั่นใจ เราไม่กลัวลิเวอร์พูล แต่พวกเราให้ความเคารพพวกเขา พร้อมเชื่อมั่นในตัวเองด้วย"