อยากให้ลูกทีมทำบ้าง!แลมพาร์ดกับลูกยิงงามหยดนัดเจอพาเลซ (มีคลิป)

แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี เตรียมต้องนำทีมทำศึก ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ กับ คริสตัล พาเลซ วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคมนี้ โดยปัจจุบัน "ดิ อีเกิ้ลส์" มีคะแนนมากกว่า "สิงโตน้ำเงินคราม" อยู่ 2 แต้ม

อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปในสมัยที่เขายังค้าแข้งอยู่นั้น แลมพาร์ด เคยทำประตูสุดสวยใส่ พาเลซ มาแล้ว ในเกมที่ เชลซี ชนะ พาเลซ 4-1 เมื่อช่วงเดือนมีนาคม ปี 2005 และวันนี้เราก็มีคลิปลูกนั้นมาให้ได้ชมกันอีกครั้ง

 

เกปาหมดอนาคต?เชลซียันได้โกลคนใหม่

แฟนบอล เชลซี อุ่นใจได้ หลัง แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยันได้โกลคนใหม่มาเฝ้าเสาแล้ว ส่งผลให้ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า น่าจะหมดอนาคตในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์
    แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี ประกาศยืนยันเมื่อวันอังคารที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมาว่า "สิงห์บลูส์" ได้ เอดูอาร์ เมนดี้ ผู้รักษาประตูชาวเซเนกัล ของ แรนส์ มาเฝ้าเสาแน่นอนแล้ว โดยเหลือเพียงแค่ขั้นตอนการตรวจร่างกายเท่านั้น

    แลมพาร์ด เผยว่า "ใช่ เมนดี้ กำลังเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างที่เราพูด หากทุกอย่างเรียบร้อยเขาจะกลายเป็นนักเตะใหม่ของเราอย่างเป็นทางการทันที"

    สำหรับค่าตัวบวกโบนัสตามเงื่อนไขของ เมนดี้ วัย 28 ปี อยู่ที่ราว 25 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,000 ล้านบาท) และจะเข้ามาแย่งมือ 1 กับ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ผู้รักษาประตูชาวสแปนิช ที่ผลงานย่ำแย่จนมีโอกาสสูงที่จะหลุดไปเป็นตัวสำรอง

    ในช่วงซัมเมอร์นี้ เชลซี ใช้เงินเสริมทัพทะลุ 200 ล้านปอนด์ (ประมาณ 8,000 ล้านบาท)  ไปแล้วกับการดึงนักเตะอย่าง ฮาคิม ซิเย็ค, ติโม แวร์เนอร์, เบน ชิลเวลล์, เมนดี้ และ ไค ฮาแวร์ทซ์ มาเสริมแกร่ง
 

เปลืองค่าเหนื่อย! 7 แข้งเชลซีส่อถูกเขี่ยทิ้งเปิดทางนักเตะใหม่

ตลาดซัมเมอร์ปีนี้นับว่า เชลซี ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการคว้าตัวผู้เล่นเป้าหมาย โดยพวกเขาเซ็นสัญญานักเตะมาแล้วถึง 6 คนด้วยกัน แฟร้งค์ แลมพาร์ด ถลุงเงินไปทั้งสิ้น 231 ล้านปอนด์และคาดว่าพวกเขาจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ ในทางกลับกันเมื่อมีนักเตะเข้ามาเยอะคงต้องมีผู้เล่นจำนวนหนึ่งเดินออกจากสโมสรไป แข้งส่วนเกินเชลซีในลิสต์เหล่านี้มีค่าเหนื่อยรวมกันมากถึง 559,000 ต่อสัปดาห์เลยทีเดียว พวกเขาจำเป็นต้องถูกเขี่ยพ้นทีมไม่อย่างนั้นจะเสียเงินโดยสูญเปล่า

1.มิชี่ บาตชูอายี่

สัญญาถึงเดือนมิถุนายน 2021

ค่าเหนื่อย: 90,000 ต่อสัปดาห์

เป็นหนึ่งในนักเตะที่มีศักยภาพมากที่สุดในบรรดาลิสต์ที่จะโดนขายทิ้ง บาตชูอายี่ ยิงประตูทั้งหมด 6 ลูกในฤดูกาลที่ผ่านมาและปัจจุบันเขารับค่าเหนื่อยอยู่ที่ 90,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ แต่การมาของ ติโม แวร์เนอร์ ทำให้กองหน้าในทีมค่อนข้างล้นทีเดียว ลำพังแค่ แทมมี่ อับราฮัม และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ก็เบียดตัวจริงยากแล้ว

เขาเคยถูกปล่อยยืมตัวไปเล่นให้กับ คริสตัล พาเลซ, บาเลนเซีย และ ดอร์ทมุนด์ คาดว่าซัมเมอร์นี้จะถึงเวลาที่เขาได้ออกจากถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ แบบถาวรและมันจะเป็นการเซฟค่าเหนื่อยของทีมไปอีกราวเกือบแสนปอนด์เลยทีเดียว

2.มาร์โก ฟาน กิงเคล

สัญญาถึงเดือนมิถุนายน 2021

ค่าเหนื่อย: 28,000 ต่อสัปดาห์

ไม่น่าเชื่อว่า ฟาน กิงเคล ยังคงมีสัญญาอยู่กับ เชลซี หลังจากย้ายจาก วิเทสส์ มาร่วมทีมเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ความจริงแล้วมิดฟิลด์วัย 27 ปีถูกคาดหมายว่าจะโดนขายในซัมเมอร์นี้เนื่องจากไม่ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่เลยแต่กลายเป็นเขาต่อสัญญากับทีมออกไปอีกหนึ่งปีแบบเหนือความคาดหมาย

นับตั้งแต่เขาจรดปากกาเซ็นสัญญากับทีมเมื่อ 7 ปีก่อน ฟาน กิงเคล ใช้เวลาค้าแข้งทีมอื่นมากกว่าต้นสังกัดแม่เสียอีก ไม่ว่าจะเป็นกับ เอซี มิลาน (2014-15), สโต๊ค ซิตี้ (2015-16) หรือ พีเอสวี (2016-2018) อย่างไรก็ตามปัญหาใหญ่ของเขาคืออาการบาเดเจ็บที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง นั่นทำให้แทบจะไม่มีชื่อทีมที่สนใจมาซื้อต่อเลยในซัมเมอร์นี้ ดังนั้นมีโอกาสที่เขาจะถูกปล่อยยืมตัวมากกว่า

3.วิคเตอร์ โมเซส

สัญญาถึงเดือนมิถุนายน 2021

ค่าเหนื่อย: 75,000 ต่อสัปดาห์

วิคเตอร์ โมเซส เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2016-17 และอันโตนิโอ คอนเต้ ก็มองว่าเขาเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในตำแหน่งวิ่งแบ็กในแผนของกุนซือรายนี้ เมื่อ คอนเต้ ออกจากสแตมฟอร์ด บริดจ์ เขาก็ตามไปเล่นกับนายใหญ่คู่ใจที่อินเตอร์ มิลานในฤดูกาลที่ผ่านมา

เขายังคงเป็นนักเตะของเชลซีอยู่แต่ แลมพาร์ด ไม่ได้สนใจใช้งานมากนักเนื่องจากตำแหน่งมี เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ที่เป็นตัวจริงรวมถึง รีซ เจมส์ ที่ก้าวขึ้นมาทีมชุดใหญ่แบบเต็มตัว เชื่อว่าดาวเตะไนจีเรียวัย 29 ปีมีโอกาสสูงที่จะถูกขายดีกว่าเดินไปเดินมาเฉยๆอีกหนึ่งฤดูกาล

4.ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า

สัญญาถึงเดือนมิถุนายน 2022

ค่าเหนื่อย: 70,000 ต่อสัปดาห์

แบ็กขวาวัย 28 ปีย้ายมา เชลซี ในปี 2017 แต่ไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวจริงได้ ดังนั้นทางออกจึงไม่ต่างจาก โมเซส มากนัก ฤดูกาลที่แล้วเขาย้ายไปร่วมทัพ โรม่า แบบยืมตัวแต่ได้รับบาดเจ็บช่วงเดือนตุลาคมจึงทำให้เขาไม่ได้ทำผลงานอะไรที่อิตาลีเลยโดยลงเล่นแค่ 7 นัดเท่านั้น

แต่เชื่อว่ายังมีทีมในอิตาลีน่าจะสนใจเขาอยู่โดยเฉพาะ อตาลันต้า ที่เป็นข่าว เชลซี คงต้องใช้พลังการโน้มน้าวใจกุนซือกาสเปรินี่ให้รีบมาซื้อ ซัปปาคอสต้า ออกจากทีมไปให้ได้ในซัมเมอร์นี้

5.ตีเอมูเอ้ บากาโยโก้

สัญญาถึงเดือนมิถุนายน 2022

ค่าเหนื่อย: 110,000 ต่อสัปดาห์

กองกลางวัย 26 ปีเดินเข้ามาสวมเสื้อ “สิงห์บลูส์” ในปี 2017 ด้วยค่าตัวมากถึง 40 ล้านปอนด์เลยทีเดียวแต่ผลงานของเขากลับทำแฟนเชลซีผิดหวังจนสองซีซั่นหลังสุดถูกปล่อยให้ไปเล่นกับ เอซี มิลาน และ โมนาโก

ในสถานการณ์แบบนี้ เชลซี คงต้องจำใจขาย บากาโยโก้ แบบขาดทุนเพื่อเขี่ยนักเตะให้พ้นทีมออกไป ซึ่งล่าสุด ฟาบริซิโอ โรมาโน่ เหยี่ยวข่าวชื่อดัง คอนเฟอร์มว่า เอซี มิลาน ใกล้บรรลุข้อตกลงกับทางเชลซีแล้วแต่เป็นการยืมตัวอีกครั้งโดยมีค่ายืมทั้งหมด 3 ล้านปอนด์พร้อมอ็อปชั่นซื้อขาด 30 ล้านยูโร น่าจะเป็นนักเตะคนแรกในลิสต์นี้ที่จะออกจากทีม

6.แดนนี่ ดริ๊งค์วอเตอร์

สัญญาถึงเดือนมิถุนายน 2022

ค่าเหนื่อย: 100,000 ต่อสัปดาห์

ดริ๊งค์วอเตอร์ ถือเป็นส่วนเกินของทีมตลอดนับตั้งแต่ย้ายมาจาก เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อ 3 ปีที่แล้วด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ เขาลงเล่นให้กับทีมทั้งหมด 19 นัดก่อนจะถูกปล่อยยืมไปให้กับ เบิร์นลี่ย์ และ แอสตัน วิลล่า

แทนที่จะทำผลงานให้ดีเพื่อได้ลงเล่นมากขึ้นในช่วงยืมตัว ดริ๊งค์วอเตอร์ กลับไปทะเลาะกับเพื่อนร่วมทีมแอสตัน วิลล่าจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายเลยทีเดียว สุดท้ายมิดฟิลด์วัย 30 ปีกลับมายังเชลซีและตอนนี้ยังไม่มีข่าวว่าทีมไหนสนใจซื้อเลยแถมเขากินค่าเหนื่อยเป็นแสนปอนด์ด้วย การเหลือสัญญาอีก 2 ปีก็ดูยากที่จะได้ราคาถูก ดังนั้นการปล่อยยืมตัวอีกครั้งอาจจะเป็นคำตอบ

7.บาบ้า ราห์มาน

สัญญาถึงเดือนมิถุนายน 2022

ค่าเหนื่อย: 86,000 ต่อสัปดาห์

อีกหนึ่งนักเตะที่เหลือสัญญากับเชลซีอีก 2 ปีแต่คาดว่าจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการทำทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เขาถูกปล่อยยืมตัวไปถึง 3 สโมสร ได้แก่ ชาลเก้, แร็งส์ และมายอร์ก้า แต่เจ้าตัวเพิ่งเข้าผ่าตัดเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเมื่อเดือนมกราคมทำให้การยืมตัวกับ มายอร์ก้า ไปราบรื่นเท่าไหร่นัก

การมาของ เบน ชิลเวลล์ ทำให้แบ็กซ้ายแทบจะหมดโอกาสชิงพื้นที่จึงไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะอยู่กับทีมต่อไป อาชีพของเขาเหมือนหยุดอยู่กับที่นับตั้งแต่ย้ายมาเชลซีปี 2015 สโมสรคงต้องหาทางให้เขาเดินออกจากสโมสรไป

แลมพาร์ดหัวเสียทำไมไม่ใช้วีเออาร์?!

แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือเชลซี ตั้งคำถามถึงการใช้ วีเออาร์ หลังจากที่เจ้าตัวมองว่าจังหวะที่ มาเตโอ โควาซิช โดนใบเหลืองที่สองจนถูกไล่ออกนั้น ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้น

    แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีมคนหนุ่มของ เชลซี ไม่พอใจที่ วีเออาร์ ไม่ถูกนำมาใช้ตัดสินในจังหวะที่ควรจะต้องใช้ ซึ่งทำให้เกิดจุดเปลี่ยนต่อทีมของตัวเอง

    "สิงห์บลูส์" เริ่มต้นได้ดี ด้วยการได้ประตูขี้นนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 5 จากการยิงของ คริสเตียน พูลิซิช ทว่านาทีที่ 28 อาร์เซน่อล ตามตีเสมอเป็น 1-1 จากการสังหารลูกจุดโทษเข้าไปอย่างเฉียบขาดของ ปิแอร์-เอเมอริคโอบาเมย็อง

    จากนั้นช่วงครึ่งหลัง ในนาทีที่ 67 กลายเป็น "ไอ้ปืนใหญ่" ที่ได้ประตูพลิกขึ้นนำจาก โอบาเมย็อง คนเดิมที่ยิงอย่างเหนือชั้น และสถานการณ์ของ เชลซี ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เพราะในนาทีที่ 73 พวกเขาต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน หลัง มาเตโอ โควาซิช โดนไล่ออก จากการได้รับใบเหลืองที่สอง และสุดท้ายจบเกมด้วยการเป็นฝ่ายปราชัย

    แลมพาร์ด ให้สัมภาษณ์กับ บีอิน สปอร์ต และตำหนิไปยังเรื่องการใช้ วีเออาร์ โดยเฉพาะจังหวะที่ โควาซิช ถูกใบเหลืองที่สอง เนื่องจากตนมองว่า จังหวะที่เข้าปะทะกับ กรานิต ชาคา นั้น ไม่ได้รุนแรงเท่าไหร่

    "นี่มันกฎอะไรกัน? มันเกิดขึ้นแบบนี้ตลอดที่คุณไม่สามารถเรียกร้องใบเหลืองที่สองได้ บางคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นยืนยันความคิดของตัวเอง"

    "ถ้าเรามี วีเออาร์ มันคงเป็นเรื่องดีเลยล่ะ ที่จะนำมาใช้ให้มากที่สุดที่จะทำได้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง มันไม่ได้ใกล้เคียงเลย และมันก็เป็นจุดเปลี่ยนของเกม"

    "ช่วงท้ายเกมเรากดดันพวกเขาได้บ้าง ผมไม่สามารถมองว่าเป็นความผิดพลาดของลูกทีม แต่จังหวะนั้นไม่สมควรเป็นใบแดง พูดอีกครั้งนะ ผมพยายามกลับมามองที่เราเสมอ และเราก็ทำได้ไม่ดีพอที่จะคว้าชัยในนัดชิงฯ"

ไม่โทษใคร! “แลมพาร์ด” รับเชลซีไม่ดีพอเอง

 แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ เชลซี ระบุ "สิงห์บลูส์" ไม่ดีพอจริงๆ หลังพ่าย อาร์เซน่อล 1-2 ในเกม เอฟเอ คัพ รอบชิงฯ พร้อมจวกลูกทีมที่ไม่ยอมสานต่อฟอร์มดีๆ ในช่วงต้นเกม

     แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี เผยว่า ทีมตนเล่นกันไม่ได้เรื่องเอง หลังจากที่ทัพ "สิงห์บลูส์" พลิกพ่าย อาร์เซน่อล 1-2 ในเกม เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่สังเวียนแข้ง เวมบลีย์ สเตเดี้ยม เมื่อวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา

     เชลซี ทำท่าว่าจะไปได้สวย หลังออกสตาร์ทได้ดี ด้วยการได้ประตูขี้นนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 5 จากการยิงของ คริสเตียน พูลิซิช ทว่านาทีที่ 28 อาร์เซน่อล ตามตีเสมอเป็น 1-1 จากการสังหารลูกจุดโทษเข้าไปอย่างเฉียบขาดของ ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมอยอง

     จากนั้นช่วงครึ่งหลัง ในนาทีที่ 67 กลายเป็น "ไอ้ปืนใหญ่" ที่ได้ประตูพลิกขึ้นนำ จากลูกยิงสุดเหนือชั้นของ โอบาเมยอง เจ้าเก่า และสถานการณ์ของ "สิงห์บลูส์" ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เพราะในนาทีที่ 73 พวกเขาต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน หลัง มาเตโอ โควาซิช โดนไล่ออก จากการได้รับใบเหลืองที่สอง และสุดท้ายจบเกมด้วยการเป็นฝ่ายปราชัย

         "เราทำได้ดีช่วง 15 นาทีแรก ซึ่งเราทำประตูได้ และสร้างโอกาสได้เพียบ แต่เราคงทำได้แต่โทษตัวเองที่ไม่ยอมสานต่อ เกม เอฟเอ คัพ นัดชิงฯ มันไม่ใช่เกมที่เราจะมาเดินเล่น เราปล่อยให้พวกเขากลับมาสู่เกม ซึ่งเมื่อคุณทำแบบนี้ มันก็ยากที่คุณจะกลับมาสู่เกม เราเล่นกันไม่ดีพอที่จะคว้าชัยชนะในเกมรอบชิงฯ ครั้งนี้" กุนซือวัย 42 ปี เปิดใจหลังเกม

ไคพยศซ้อมห้างยาบีบขายสิงห์เร็ววัน

ไค ฮาแวร์ตซ์ กองกลางเนื้อหอมของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ทำผู้บริหารปวดหัวต่อเนื่องเมื่อปฏิเสธรายงานตัวซ้อมกับต้นสังกัด เพื่อบีบให้ยอมขายออกไปซบ เชลซี ตลาดซัมเมอร์ด้วยมูลค่ารวม 90 ล้านปอนด์

 รายงานจาก ‘สปอร์ต บิลด์’ ว่า มิดฟิลด์ดีกรีทีมชาติเยอรมันกดดัน ‘ห้างขายยา’ ต่อเนื่องจากแสดงจุดยืนต้องการย้ายออก ล่าสุดปัดร่วมซ้อมปรี-ซีซั่น 2020 ในวันพฤหัสบดีที่ 22 ก.ค.นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงบาดเจ็บ

 "ความคืบหน้าเกี่ยวกับสโมสร เชลซี และ ไค ฮาแวร์ตซ์ : เมื่อการนัดซ้อมเริ่มอีกครั้งพฤหัสบดีนี้ ทางนักเตะอยากเปิดใจคุยกับต้นสังกัด โดยข้อเรียกร้องของเขาคือย้ายซบ เชลซี" ทวิตเตอร์บัญชี @cfbayern ของ คริสเตียน โฟล์ค บรรณาธิการอาวุโส ‘สปอร์ต บิลด์’ ว่าไว้

คาดว่า เลเวอร์คูเซ่น เรียกร้องค่าหัวดาวเตะวัย 21 ปีที่ 63 ล้านปอนด์ ส่วนอีก 27 ล้านปอนด์ เป็นเงื่อนไขตามผลงานลงสนามและความสำเร็จในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทำให้มูลค่ารวม 90 ล้านปอนด์

 นักเตะมีโอกาสพูดคุยแผนงานกับผจก.ทีม แฟร้งค์ แลมพาร์ด เรียบร้อย ส่วนเรื่องสัญญาส่วนตัวไม่น่ามีปัญหา ซึ่งหากลุล่วงเท่ากับ ฮาแวร์ตซ์ คือหน้าใหม่ลำดับสามทีมต่อจาก ฮาคิม ซิเย็ค และ ติโม แวร์เนอร์