เจ้าของลิเวอร์พูลคุยบริษัทดังหวังทำเอฟเอสจีเป็นบริษัทมหาชน

จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ เจ้าของทีม ลิเวอร์พูล กำลังพยายามจะทำให้ เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป เป็นบริษัทมหาชนด้วยการเจรจากับ เร้ดบอล แอ็คคิวส์ซิชชั่น คอร์ป บริษัทด้านการซื้อหุ้นร่วมกิจการในวงการกีฬา โดยจะทำให้เขามีมูลค่ารวม 8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ นักธุรกิจชาวอเมริกันซึ่งเป็นเจ้าของทีม ลิเวอร์พูล กำลังเจรจากับ เร้ดบอล แอ็คคิวส์ซิชชั่น คอร์ป บริษัทด้านการซื้อหุ้นร่วมกิจการในวงการกีฬา เพื่อที่จะให้บริษัทดังกล่าวเข้ามาควบรวมกับ เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป บริษัทของ เฮนรี่ เอง จนทำให้ เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป เป็นบริษัทมหาชน ตามรายงานของ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล สื่อด้านการเงินชื่อดัง

สำหรับ เร้ดบอล นั้น เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเพิ่งระดมทุนเป็นเงิน 575 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 17,825 ล้านบาท เพื่อไล่ซื้อธุรกิจในวงการกีฬา, สื่อด้านกีฬา และทีมงานวิเคราะห์ข้อมูลด้านกีฬา โดยถ้าหากมีการทำข้อตกลงกันแล้วก็จะทำให้ เฮนรี่ มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 248,000 ล้านบาท โดยนี่เป็นการนับรวมหนี้แล้วด้วย

สื่อเจ้าเดิมเสริมว่า เร้ดบอล วางแผนที่จะควักเงินอีก 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 31,000 ล้านบาท) เพื่อซื้อหุ้นของ เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป ด้วย แต่จำนวนหุ้นจะไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ โดยตอนนี้การเจรจายังอยู่ในขั้นต้นเท่านั้น และยังมีโอกาสที่ดีลจะล่มได้อยู่

ทำความรู้จัก ซีอีโอคนใหม่ ลิเวอร์พูล ฝีมือไม่ธรรมดา

หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับ ปีเตอร์ มัวร์ ประธานบริหารที่กำลังจะหมดสัญญาหลังหมดเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งคนที่จะรับไม้ต่อคือ บิลลี่ โฮแกน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ของสโมสรลิเวอร์พูล

    ชื่อของ โฮแกน อาจไม่ได้เป็นที่รู้จักสำหรับแฟนบอลเท่าไหร่นัก เพราะงานของเขาคือการทำงานเป็นเบื้องหลังเรื่องเชิงพาณิชย์ ทั้งการเจรจา ดีลสปอนเซอร์, การตลาด ซึ่งอะไรที่เกี่ยวข้องกับ เงิน ๆ ทอง ๆ นั่นแหละคือหน้าที่ของ โฮแกน

    ส่วนความรับผิดชอบของตำแหน่งประธานบริหารของสโมสรนั้น หลังจากที่ มัวร์ เข้ามารับตำแหน่งนี้ต่อจาก เอียน แอร์ ตำแหน่งนี้จะเน้นเรื่องการทำธุรกิจมากกว่าเรื่องฟุตบอล ซึ่งจะไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องซื้อ-ขายหรือต่อสัญญาผู้เล่น เพราะหน้าที่นี้เป็นของ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์

    สำหรับ โฮแกน ที่จะเข้ามาเป็นซีอีโอคนใหม่ ก็ไม่ได้เป็นคนอื่นคนไกลกับสโมสรเลย เขาทำงานร่วมกับ มัวร์ และมีความสนิมสนมกันอยู่แล้ว

    โฮแกน เคยเป็น ประธานบริหารให้กับบริษัทในเครือของ FSG กลุ่มเจ้าของสโมสร มีหน้าที่คอยดูแลเรื่องแบรนด์และภาพลักษณ์

    ประสบการณ์ในด้านการพาณิชย์ระหว่าง โฮแกน กับ FSG มีมานานถึง 16 ปี โดยก่อนหน้านั้น โฮแกน ใช้เวลาสั้น ๆ ในการเป็น ผู้อำนวยการฝ่ายขาย กับบริษัท ANC Sports

    ต่อมาเดือนพฤษภาคม ปี 2012 โฮแกน เข้ามาทำหน้าที่ในสโมสรลิเวอร์พูล ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ ดูแลเรื่องการเจรจาธุรกิจและการตลาด

    และพอเดือนมีนาคม ปี 2016 แอร์ ลาออกจากซีอีโอ แล้วตั้ง มัวร์ ขึ้นมาแทน โฮแกน ก็เลื่อนขั้นเป็นกรรมการผู้จัดการควบคู่กับผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ของทีม

    โฮแกน ใช้เวลาส่วนใหญ่ที่ ลอนดอน แต่ก็เดินทางมายัง ลิเวอร์พูล อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และก็บินไปต่างประเทศในคราวที่จำเป็น

    ทุกครั้งที่สโมสรทำการเซ็นสัญญากับสปอนเซอร์ เราจะได้เห็นโฮแกน ร่วมเฟรมอยู่เสมอ เขาคือคนที่อยู่เบื้องหลังดีลธุรกิจต่างๆที่เกิดขึ้น

    โฮแกน เน้นเรื่องการตลาดโดยเน้นไปทางสื่อโซเชี่ยลที่กำลังได้รับความนิยมเหมาะสมกับยุคปัจจุบันในโลกดิจิตัล ซึ่งรายได้ของ ลิเวอร์พูล ก็มาจากส่วนนี้เหมือนกัน อีกทั้งแฟนบอลก็จะยังมีส่วนร่วมกับสโมสรได้ทุกเมื่อไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน

 

    เมื่อเรื่องในสนามและผลงานเป็นหน้าที่ของ คล็อปป์ และทีมงานสตาฟฟ์ สิ่งที่ โฮแกน พยายามจะทำ นั่นคือการสร้างรายได้และการค้า ซึ่งรายได้นั้นมันก็จะกลับไปยังสโมสร

    ในช่วงที่ โฮแกน ทำงานกับลิเวอร์พูล เขาสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ต่อปีให้กับสโมสรเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวถึง 136 ล้านปอนด์ ซึ่งอำนาจทางการเงินที่ดีนี้ช่วยให้เจอร์เก้น คล็อปป์ นำไปใช้ปรับปรุงซื้อผู้เล่นเข้ามาในทีม

    ช่วงที่สัญญาระหว่าง นิว บาลานซ์ กับ ลิเวอร์พูล ใกล้จะหมดลง ก็มีคำถามเกิดขึ้นมาสโมสรจะทำอย่างไรต่อ ซึ่ง โฮแกน ก็เลี่ยงที่จะตอบแบบตรงๆ โดยบอกเพียงว่า "เราจะยังไม่ให้ความเห็นใดๆเกี่ยวกับเรื่องสัญญาที่จะหมดลง ถึงเวลาที่เหมาะสมเมื่อไหร่เราจะมาพูดเรื่องนี้กันอีกที"

    แน่นอนครับ ในดีลกับ ไนกี้ เจ้าใหม่ ล่าสุดนี้ คนที่เป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญในการเจรจา จนทำให้แบรนด์ระดับโลกเซ็นสัญญาเป็นผู้ผลิตชุดแข่งให้กับทีม ซึ่งเป็นไปได้ว่า ลิเวอร์พูล จะได้รับเงินถึงปีละ 80 ล้านปอนด์

 

    "หลังจากได้รับเกียรติให้ทำงานร่วมกับสโมสรแห่งนี้มานานเกิน 8 ปี ผมก็ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมากที่จะได้เป็นประธานบริหารของทีม และจะได้สานต่องานอันยอดเยี่ยมที่ทุกคนในองค์กรทำร่วมกันมาจนถึงตอนนี้ ผมขอขอบคุณ จอห์น (ดับเบิ้ลยู เฮนรี่), ทอม (เวอร์เนอร์) และ ไมค์ (กอร์ดอน) สำหรับโอกาสในครั้งนี้ที่ทำให้ผมได้นำองค์กรเข้าสู่ช่วงต่อไปของเรื่องราวอันน่าตื่นเต้น" โฮแกน กล่าวแบบเป็นเกียรติสุดๆ หลังได้รับตำแหน่งนี้ต่อจาก มัวร์

    แฟนหงส์มั่นใจได้เลยว่า บิลลี่ โฮแกน คนนี้ จะพา ลิเวอร์พูล เดินหน้า ก้าวไกลในด้านธุรกิจ แบบติดปีกแน่นอน

เจ้าของเปิดใจหลังลิเวอร์พูลผงาดคว้าแชมป์ลีก

จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ บิ๊กบอส ลิเวอร์พูล ออกโรงสรรเสริญนักเตะและทีมงานของทีมที่โชว์ฟอร์มได้สุดยอดในซีซั่นนี้ พร้อมกล่าวยกย่องเหล่า "เดอะ ค็อป" ด้วย

    จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ เจ้าของ ลิเวอร์พูล กล่าวยกย่องนักเตะและทีมงานทุกคนของสโมสรที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่พวกเขาได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2019-20 ไปครองแล้ว

    หลังจากซีซั่นก่อนชวดแชมป์ลีกแบบน่าเสียดายจากการแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียงแค่ 1 คะแนน ลิเวอร์พูล ก็หมายมั่นปั้นมือที่จะซิวแชมป์ลีกมาครองให้ได้ และพวกเขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการที่แพ้ไปเพียง 1 หน กับเสมอ 2 นัด จากการลงเล่นในลีก 31 เกม

    เฮนรี่ กล่าวผ่าน ทวิตเตอร์ เครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดฮิตว่า "นี่นับเป็นฤดูกาลสำหรับคนทุกวัย และสำหรับแฟนบอลของ ลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับ เมื่อนับรวมการได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ในคืนนี้เข้าไปด้วยแล้วนั้น มันก็ทำให้นี่ถือเป็นปีที่เราประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โลกได้เห็นถึงการเล่นในสนามด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ในทุกๆ เกม รวมถึงได้เห็นการเตรียมความพร้อม, ความเด็ดเดี่ยว และพรสวรรค์ของคนกลุ่มนี้ พวกเขาอาจจะเป็นกลุ่มคนที่โชว์ฟอร์มในระดับเกมลีกได้ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ของทุกๆ ประเทศด้วยซ้ำ"

    "นอกจากได้แชมป์ลีกแล้วนั้น ที่ผ่านมาเรายังได้แชมป์ ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ (หมายถึง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก), ซูเปอร์ คัพ และศึกชิงแชมป์สโมสรโลกด้วย ความสำเร็จทั้งหมดนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกดีมากๆ ในปีที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์ร้ายแรงอันน่าเศร้า แอลเอฟซี ได้ทำให้เกมฟุตบอลที่เดิมเป็นกีฬาที่สวยงามอยู่แล้วมีความงดงามมากขึ้นไปอีก"

    "มันมีคำกล่าวที่ว่า -เราคือ ลิเวอร์พูล- ซึ่งแฟนบอลอย่างพวกคุณคือคนที่เป็นแบบอย่างของ ลิเวอร์พูล ในทุกด้าน และคุณก็ยังทำให้สโมสรเดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่อง สโมสรแห่งประวัติศาสตร์ได้สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาอีกครั้งแล้ว"