เดเคอาเซฟยับ-เตลลิสเดบิวต์เยี่ยม! ตัดเกรดแข้งแมนยูบุกสยบเปแอสเช

นักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต่างงัดฟอร์มเก่งกันมาเป็นเหตุผลให้พวกเขาบุกเอาชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแม่ง ประเดิมสามแต้มอย่างสวยงามในศึก ยูฟ่า แชมปี้ยนส์ ลีก โดยเกมนี้ต้องชมแท็คติกของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่จัดระเบียบเกมรับกันแน่นหนาและนักเตะก็ตอบสนองแผนของโค้ชเป็นอย่างดี แต่ใครเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ของเกมนี้ เราไปหาคำตอบกัน
ดาบิด เด เคอา 9

    ท็อปฟอร์มสุดๆ เซฟลูกยิงของ อังเคล ดิ มาเรีย และลูกชาร์จจ่อๆของ คูร์ซาว่า ในครึ่งแรก ขณะที่ครึ่งหลังประตูที่เสียโทษเข้าไม่ได้ แต่มีซูเปอร์เซฟลูกยิงของ เอ็มบั๊ปเป้ และ เนย์มาร์ ด้วย

อารอน วาน-บิสซาก้า 7

    เจอปัญหาในการรับมือ เอ็มบั๊ปเป้ อยู่บ้าง แต่เป็นเกมที่เขาเข้าสไลด์แท็กเกิ้ลสวยงามหลายครั้ง (แท็กเกิ้ลทั้งหมด 6 ครั้งมากที่สุดในทีม) ยังมีบล็อกลูกยิงสำคัญของ เอ็มบั๊ปเป้ ในครึ่งหลังด้วย

อั๊กเซล ตวนเซเบ้ 8

    กลับมาลงสนามในรอบ 10 เดือน แต่ฟอร์มยอดเยี่ยมไร้ที่ติ เกมรับแน่นหนา เคลียร์บอลถึง 7 ครั้ง มีจังหวะวิ่งเบียดเอาชนะ เอ็มบั๊ปเป้ ที่หลุดเดี่ยวได้ถึงสองครั้ง

วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ 7

    ไม่ได้โดดเด่นเหมือน ตวนเซเบ้ แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในเกมรับ ยืนตำแหน่งดีทำให้เคลียร์บอลได้ดี การเปลี่ยนระบบมาใช้กองหลัง 3 คนทำให้เขาเล่นง่ายมากขึ้น

ลุค ชอว์ 6.5

    ขยับมาเล่นเป็นเซนเตอร์แบ็ก อาจจะมีจ่ายบอลพลาดบ้างและหลุดตำแหน่งเป็นบางครั้ง แต่ถือว่ามีฟอร์มน่าประทับใจแบบเงียบๆ ลูกจ่ายของเขาทำให้ มาร์กซิยาล เรียกจุดโทษได้สำเร็จ

อเล็กซ์ เตลลิส 7

    ประเดิมสนามนัดแรกด้วยฟอร์มดูดีทีเดียว ลงมาช่วยเกมรับอยู่บ่อยครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นคือการเล่นเกมรุกโดยเฉพาะลูกครอสที่สร้างปัญหาให้แนวรับเปแอสเช ลูกเปิดเตะมุมของเขาได้ลุ้นอยู่ตลอด จ่ายคีย์พาสไปถึง 3 ครั้งมากที่สุดในครึ่งแรก

เฟร็ด 7.5

    แค่สถิติแท็กเกิ้ล 5 ครั้ง, ตัดบอลอีก 3 ครั้ง และเคลียร์บอลอีก 1 ครั้ง ก็ทำให้รู้แล้วว่าเขามีส่วนสำคัญกับเกมแดนกลางมากแค่ไหน พยายามแย่งบอลและเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุกตลอด การเล่นง่ายของเขาทำให้กองกลางประสานงานกันเยี่ยม

สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ 7

    ช่วงแรกๆ มีปัญหากับการรับมือสกิลของ เนย์มาร์ แต่พอจับจังหวะเกมได้ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะเรื่องเกมรับ เคลียร์บอลไปถึง 4 ครั้งและแท็กเกิ้ลอีก 3 ครั้ง

บรูโน่ แฟร์นันด์ส 7.5

    ยิงจุดโทษรอบแรกติดเซฟแต่โชคดีที่ได้ยิงจุดโทษรอบสอง ลูกยิงไกลจากแถวสองมีได้ลุ้นอยู่ครั้งหนึ่งแต่มีหลายรอบที่หลุดเป้าไปไกล การจ่ายบอลของเขายังพึ่งได้เสมอ สร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีม 2 ครั้ง

มาร์คัส แรชฟอร์ด 7

    การเคลื่อนที่ของเขาสร้างอันตรายมากมายให้กับแนวรับคู่แข่ง แต่ปัญหายังคงเป็นเรื่องการจบสกอร์และการตัดสินใจในพื้นที่สุดท้ายเพราะหลุดเดี่ยวไปหลายรอบแต่ปล่อยโอกาสหลุดลอย มีโอกาสยิงอยู่ 4 ครั้ง มาสัมฤทธิ์ผลในครั้งสุดท้าย

อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล 5

    เป็นคนเรียจุดโทษแต่ดันมาทำเข้าประตูตัวเอง ฟอร์มโดยรวมยังไม่ดีนัก พยายามเลี้ยงจี้เจาะแผงหลังคู่แข่งแต่ทำไม่ได้สักที

ผู้เล่นสำรองที่ลงสนาม

ปอล ป็อกบา 7 (ลงมาแทน อเล็กซ์ เตลลิส น.67)

    ลงมาเก็บบอลแถวสองได้ดีก่อนจะแอสซิสต์ประตูชัย

ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค – (ลงมาแทน บรูโน่ แฟร์นันด์ส น.88) ลงมาท้ายเกมแล้ว

แดเนี่ยล เจมส์  – (ลงมาแทน อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล น.88) ลงมาท้ายเกมแล้ว

 

ตัวจริงแมนยูดีไหม?6สถิติยอดเยี่ยมไบยี่เกมทุบไบรท์ตัน

เปิดสถิติที่ยอดเยี่ยมของ เอริก ไบยี่ หลังได้ลงเป็นตัวจริงให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในถ้วย คาราบาว คัพ สองนัดติด และเก็บคลีนชีตได้ทั้งสองเกม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทะลุเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ คาราบาว คัพ ได้แบบไม่ยากลำบาก หลังบุกไปเอาชนะ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 3-0 ในเกมรอบสี่ เมื่อวันพุธที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา โดยหนึ่งในนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นคือ เอริก ไบยี่ ปราการหลังชาวไอวอรี่โคสต์

ไบยี่ คุมเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการแท็กเกิ้ล, แย่งบอล รวมถึงการบล็อกลูกยิง ถือเป็นฟอร์มที่คู่ควรกับการได้สตาร์ตตัวจริงคู่กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ในเกมลีก มากกว่า วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ที่ช่วงหลังผลงานตกลงไป

และนี่คือ 6 สถิติที่ ไบยี่ แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมหลังจบเกมชนะ ไบรท์ตัน

– ไบยี่ เข้าแท็กเกิ้ลได้สำเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์จากทั้ง 2 นัดล่าสุดที่ได้ลงเป็นตัวจริง

– จากการลงสนามตัวจริง 2 นัดล่าสุดในถ้วย คาราบาว คัพ ไบยี่ ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บคลีนชีตทั้ง 2 นัด (ชนะ ลูตัน 3-0, ชนะ ไบรท์ตัน 3-0)

– ในทีม "ปีศาจแดง" มีแค่ เฟร็ด คนเดียวที่ตัดบอลสำเร็จมากกว่า ไบยี่ (2)

– ไม่มีนักเตะในสนาม เอแม็กซ์ สเตเดี้ยม คนไหนที่เคลียร์บอลได้มากกว่า ไบยี่ (3) อีกแล้ว

– ไบยี่ เป็น 1 ใน 3 นักเตะที่บล็อกลูกยิงได้ร่วมกับ ดิโอโก้ ดาโลต์ และ เบน ไวท์

– นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด มีแค่ ฆวน มาต้า, ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค และ ปอล ป็อกบา (เล่น 22 นาที) ที่ผ่านบอลเข้าเป้าแม่นยำมากกว่า ไบยี่ (90.7%)

 

มาต้ายังแจ๋ว,ไบยี่สุดแกร่ง! ตัดเกรดแข้งแมนยูหลังบุกยำไบรท์ตัน

"ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทะลุเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศศึก คาราบาว คัพ ได้แบบไม่ยากลำบาก หลังบุกไปเอาชนะ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 3-0 ในเกมรอบสี่ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งนัดนี้ ฆวน มาต้า โดดเด่นมากๆ ในเกมรุก ส่วนเกมรับไม่มีใครแจ่มเกิน เอริค ไบยี่ และนี่คือผลสอบของแข้ง แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ละคนในแมตช์นี้ ณ สังเวียนแข้ง เอเม็กซ์ สตเดี้ยม


    11 ผู้เล่นตัวจริง

– ดีน เฮนเดอร์สัน : 7

 แม้ไม่ใช่เกมที่เจองานหนัก แต่ถือเป็นอีกนัดที่ เฮนเดอร์สัน ทำผลงานได้น่าประทับใจ โดยเฉพาะจังหวะโชว์ซูเปอร์เซฟลูกยิงของ เลอันโดร ทรอสซาร์ ช่วงครึ่งหลัง ซึ่งถือว่าเข้าตาสุดๆ

– ดิโอโก้ ดาโลต์ : 6.5

        มีฟอร์มที่โอเคเลยทีเดียว ช่วยเกมรับได้ดี ทำให้ มาต้า เล่นทางฝั่งขวาได้สบายใจ แม้เกมรุกแทบไม่ได้ช่วยอะไรก็ตาม

– เอริค ไบยี่ : 8

        คุมเกมรับได้แข็งแกร่งมากๆ ทำได้ดีทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการแท็กเกิ้ล, แย่งบอล รวมถึงการบล็อกลูกยิง ถือเป็นฟอร์มที่คู่ควรกับการได้สตาร์ทตัวจริงคู่กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ในเกมลีก

– วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ : 6

        ไม่ใช่เกมที่ยาก แต่ก็ยังมีข้อผิดพลาดให้เห็น โดยเฉพาะยามที่ทีมได้ครองบอล แถมมาโดนใบเหลืองช่วงท้ายเกมด้วย 

– แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ : 7

        โดยรวมถือว่าน่าประทับใจ โดยเฉพาะการช่วยเติมเกมรุกที่มีการผ่านบอลสวยๆ ให้เห็น

สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ : 7.5

        แจ่มสุดในแดนกลาง นอกจากมีการแท็กเกิ้ลที่ยอดเยี่ยมแล้ว ยังเป็นคนทำประตูขึ้นนำ 1-0 ในช่วงท้ายครึ่งแรก ทำให้ทีมคลายความกดดันลงไปพอสมควร

– เฟร็ด : 6

        อาจช่วยแย่งบอลได้ดี แต่น่าผิดหวังในเรื่องการจ่ายบอล ซึ่งทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร

– ฆวน มาต้า : 8

        แม้อายุ 32 ปีแล้ว แต่เกมนี้ มาต้า แสดงให้เห็นว่า เขายังคงมีดี โดยเฉพาะเรื่องชั้นเชิงและความฉลาดในการเล่น โดยเปิดลูกฟรีคิกสุดแม่นยำให้ แม็คโทมิเนย์ โหม่งทำประตู 1-0 ก่อนทะลุเข้าไปยิงในลูก 2-0 ช่วงครึ่งหลัง

– ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค : 7

        อาจไม่ได้โดดเด่นมาก จนกระทั่งมาโชว์แอสซิสต์แบบเหนือชั้นให้ มาต้า หลุดเข้าไปยิงประตู 2-0 ซึ่งถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความอันตรายของดาวเตะชาวดัตช์คนนี้ได้เป็นอย่างดี

– แดเนี่ยล เจมส์ : 5

        แม้ทีมได้ชัยชนะสวยหรู แต่ฟอร์มของปีกชาวเวลส์ยังคงน่าผิดหวัง ทั้งที่เกมนี้ได้เล่นฝั่งซ้ายตามถนัด

– โอเดียน อิกาโล่ : 5

        ช่วงครึ่งแรกมีโอกาสได้ส่องเน้นๆ แต่ดันยิงเข้าหน้าต่าง แถมช่วยทีมไม่มากเท่าที่ควร โดยรวมถือเป็นอีกเกมที่เจ้าตัวเล่นได้น่าผิดหวัง

    สำรองที่ได้ลงเล่น

 มาร์คัส แรชฟอร์ด (แทน อิกาโล่ น. 69) : 6.5

        ช่วยยกระดับให้เกมรุกทางฝั่งซ้ายดูอันตรายขึ้น

– ปอล ป็อกบา (แทน เจมส์ น. 69) : 7

        ลงไปก็มีส่วนร่วมกับเกมทันที ทำให้แดนกลางดูดีขึ้นทันตาเห็น และสุดท้ายก็มายิงฟรีคิกเป็นประตูปิดเกม 3-0

– เจสซี่ ลินการ์ด (แทน เฟร็ด น. 81) : – 

        ไม่สามารถให้คะแนนได้

เยอรมันหวิดแย่ท้ายเกม! สวิสรุกหนักไล่เจ๊า แบ่งแต้มเนชั่นส์ ลีก

"อินทรีเหล็ก" แม้จะพังประตูขึ้นนำไปก่อนจาก อิลคาย กุนโดกัน ทว่าในครึ่งหลังโดนเจ้าถิ่น สวิตเซอร์แลนด์ ไล่ตีเสมอ 1-1 แถมเกือบจะโดนพลิกแซงขึ้นนำหลายต่อหลายหนแต่รอดตัวมาได้ ทำให้เสมอเป็นแมตช์ที่ 2 ติดต่อกันมี 2 คะแนน ในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ลีก เอ กลุ่ม 4 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา

สนาม : เซนต์ จาค็อบ-พาร์ค, บาเซิ่ล

"อินทรีเหล็ก" เยอรมัน ประเดิมเกมแรกด้วยการแบ่งแต้มกับ สเปน 1-1 เกมนี้เล่นเป็นนัดที่สองด้วยการบุกไปเยือน สวิตเซอร์แลนด์ ที่แมตช์แรกพ่าย ยูเครน 1-2

วลาดิเมียร์ เพ็ตโควิช บอสใหญ่ของทัพแดน "นาฬิกา" ส่ง ฮาริส เซเฟโรวิช เป็นหน้าเป้า ส่วน  โยอาคิม เลิฟ บุนเดสเทรนเนอร์ของเยอรมันวาง ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์, ลีรอย ซาเน่ และให้ ติโม แวร์เนอร์ ยืนค้ำหน้า

เริ่มเกมครึ่งแรก เป็นฝั่ง เยอรมัน ที่บุกเข้าใส่ทันทีเลย และนาทีที่ 7 เกือบได้ลุ้นจากจังหวะที่ ลีรอย ซาเน่ ซัดด้วยขวาจน ยานน์ ซอมเมอร์ ต้องปัดออกไป

นาที 14 "อินทรีเหล็ก" มาชิงขึ้นนำไปก่อน 1-0 มัทธีอัส กินเทอร์ ไหลบอลคืนหลังให้ อิลคาย กุนโดกัน วิ่งมาแปด้วยขวาบอลไปแฉลบแข้งสวิสก่อนเบียดเสาแรกเข้าไปอย่างเฉียบขาด

เจ้าถิ่นได้ตอบโต้เช่นกัน นาที 21  ลอริส เบนิโต้ ได้ลองปั่นด้วยขวานอกกรอบแต่บอลหลุดเสาออกหลังไปแบบไม่ได้ลุ้น

อีก 5 นาทีถัดมา สวิตเซอร์แลนด์ พลาดโอกาสทองไล่ตีเสมอ หลัง บรีล เอ็มโบโล่ แทงบอลให้ เรนาโต้ สเตฟเฟ่น หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายแต่บอลยังไปติดขา แบรนด์ เลโน่

นาที 35 เจ้าบ้านยังเดินหน้ารุกเข้าใส่ คราวนี้ ฮาริส เซเฟโรวิช พลิกบอลม้วนตัวหนี นิคลาส ซือเล่ ก่อนจะซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งเหินคานออกไป

อีกนาทีต่อมา ติโม แวร์เนอร์ ได้รับโอกาสบ้างหลังรับบอลของ โรบิน โกเซ่นส์ แต่ดาวยิงจากเชลซีดันยิงเหินคานไปแบบหมดลุ้น

นาที 42 ฮาริส เซเฟโรวิช  เกือบยิงประตูให้ทีมไล่ตีเสมอ แต่จังหวะซัดด้วยขวาเน้นๆ บอลพุ่งไปชนคานอย่างน่าเสียดาย

จบครึ่งแรก สวิตเซอร์แลนด์ ตามหลัง เยอรมัน 0-1

ครึ่งหลัง เยอรมัน ถอดเอา ลีรอย ซาเน่ ออกมาพักแล้วส่ง ยูเลี่ยน บรันด์ท ลงไปเล่นแทน

 นาที 58 สวิสเซอร์แลนด์ มาทวงประตูไล่ตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ กรานิต ชาคา วางบอลยาวไปที่ว่างให้ บรีล เอ็มโบโล่ ที่เล่นได้โดดเด่นเลี้ยงจี้เข้าไปในกรอบ ก่อนผ่านไปเสาไกลให้ ซิลวาน วิดเมอร์ ที่เติมขึ้นมาซัดด้วยขวาผ่าน แบรนด์ เลโน่ เข้าไป

นาที 67 เจ้าบ้านเกือบแซงขึ้นนำ หลัง กรานิต ชาคา กัปตันทีมตะบันด้วยขวานอกกรอบเน้นๆ บอลพุ่งแม้จะตรงตัว เลโน่ แต่นายด่านปืนใหญ่รับไม่อยู่ ก่อนจะตามตะครุบไว้ได้
   
อีก 3 นาทีต่อมา บรีล เอ็มโบโล่ ที่เล่นได้เด่นมากในวันนี้เล่นต่อไปไม่ไหวหลังบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวเออก ก่อนที่จะส่ง รูเบน วาร์กาส ลงมาแทน

เจ้าบ้านบี้อย่างหนักเพื่อหวังแซงเอาชนะให้ได้ นาที 85 สวิสมาได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ และเป็น กรานิต ชาคา ที่วิ่งมาซัดด้วยขวาบอลพุ่งผ่านกำแพงเกือบจะเสียบเสาสองอยู่แล้วแต่ดีที่ แบรนด์ เลโน่ พุ่งปัดออกหลังหวุดหวิด

จบเกม สวิตเซอร์แลนด์ เสมอกับ เยอรมัน 1-1 แบ่งแต้มกันไปทีมละหนึ่งคะแนน ทำให้ เยอรมัน เสมอสองเกมติดมี 2 คะแนน รั้งอันดับ 3 ส่วน สวิส มีแต้มแรกรั้งอยู่บ๊วยของกลุ่ม 4 ลีก เอ

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
   

3เหตุผลแมนยูอยากได้อูปาเมกาโน่มากกว่าคูลิบาลี่

สื่ออังกฤษ เผย 3 เหตุผลที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการดึง ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ มาเสริมแนวรับมากกว่า คาลิดู คูลิบาลี่

 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมจะเดินหน้าล่าตัว ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ เซนเตอร์แบ็กดาวรุ่งคนเก่งของ แอร์เบ ไลป์ซิก มาเข้าถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในช่วงซัมเมอร์นี้

"ปีศาจแดง" หวังดึงเซนเตอร์แบ็กคนใหม่มาจับคู่กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ หลัง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ยังทำผลงานได้ไม่คงเส้นคงวา โดยนอกจากมีข่าวกับ อูปาเมกาโน่ แล้วนั้น ยังจับตาสถานการณ์ของ คาลิดู คูลิบาลี่ ปราการหลัง นาโปลี อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เดลี่ สตาร์ สื่อเมืองผู้ดี เปิดเผยว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้ความสนใจ อูปาเมกาโน่ มากกว่า คูลิบาลี่ เพราะ 3 เหตุผลดังนี้

1. ไม่อยากแข่งกับ แมนฯ ซิตี้

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ นาธาน อาเค่ ไปเสริมแนวรับแล้วก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ยังอยากได้ คูลิบาลี่ อีกราย หลังตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กเป็นปัญหาสำคัญที่มีส่วนทำให้ "เรือใบสีฟ้า" พลาดแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา

"เรือใบสีฟ้า" พร้อมทุ่มสุดตัวเพื่อดึง คูลิบาลี่ มาร่วมทีมให้ได้ ทำให้ "ปีศาจแดง" ไม่อยากจะไปแข่งแย่งตัวกับสโมสรคู่ปรับร่วมเมือง และหันไปสนใจแค่ อูปาเมกาโน่ คนเดียว

2. ค่าตัวถูกกว่า

 แม้ อูปาเมกาโน่ เพิ่งต่อสัญญากับ ไลป์ซิก ออกไปจนถึงปี 2023 แต่ "ปีศาจแดง" เชื่อว่า ค่าตัวระดับ 50 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,050 ล้านบาท) ก็น่าจะทำให้ทีมดัง บุนเดสลีกา ยอมปล่อยนักเตะแล้ว

ขณะที่ คูลิบาลี่ ทาง นาโปลี อยากได้ในราคาถึง 70 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,870 ล้านบาท) และยิ่งมี แมนฯ ซิตี้ สนใจด้วยก็อาจโขกค่าตัวไปมากกว่านั้นอีก

3. อายุใช้งาน

 

เวลานี้ อูปาเมกาโน่ เพิ่งอายุแค่ 21 ปีเท่านั้น ส่วน คูลิบาลี่ อายุ 29 แล้ว ทำให้สามารถใช้งานกองหลังชาวฝรั่งเศส ไปได้อีกนานถ้าดึงมาร่วมทีม

ลุยต่อเนื่อง! แมนยูเตรียมล่า “อูปาเมกาโน่” เสริมแกร่งแนวรับ

 

หลังจากที่ใกล้จะได้ตัว ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค มิดฟิลด์จาก อาแจ็กซ์ ล่าสุด เดลี่ เมล์ และ อีเอสพีเอ็น สื่ออังกฤษเผยว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วางแผนที่จะดึงตัว ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ ปราการหลังตัวเก่งของ แอร์เบ ไลป์ซิก มาร่วมทีมเป็นรายต่อไป
   
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังพิจารณาที่จะคว้าตัว ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ ปราการหลังชาวฝรั่งเศส ของ แอร์เบ ไลป์ซิก มาร่วมทีมต่อจาก ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค มิดฟิลด์จาก อาแจ็กซ์ ที่ใกล้เปิดตัวกับ "ปีศาจแดง" อย่างเป็นทางการ ตามรายงานจาก เดลี่ เมล์ และ อีเอสพีเอ็น สื่อชื่อดังของอังกฤษ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา

ดาวเตะ วัย 21 ปี กลายเป็นผู้เล่นที่เนื้อหอมมากที่สุกคนหนึ่งในช่วงเปิดตลาดซื้อ-ขายนักเตะซัมเมอร์นี้ โดยช่วงที่ผ่านมามียักษ์ใหญ่หลายทีมแสดงความสนใจทั้ง บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค และ อาร์เซน่อล 

ล่าสุดรายงานระบุว่า "ปีศาจแดง" กำลังวางแผนที่จะคว้ากองหลังดาวรุ่งเลือดน้ำหอม โดยหวังให้นักเตะเข้ามาช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้แนวรับมาเป็นคู่หูรายใหม่ของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ หลังจากเวลานี้ตัวเลือกในตำแหน่งเซ็นเตอร์เหลือเพียง วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ และ เอริค ไบยี่ เท่านั้นที่ไว้ใจได้

ทั้งนี้ในตอนแรกเชื่อว่า อูปาเมกาโน่ มีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 52.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,152.5 ล้านบาท) แต่ตัวเลขจะลดลงเหลือเพียง 37 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,537 ล้านบาท) เท่านั้น หากเซ็นสัญญาหลังจบฤดูกาล 2020/21  

สำหรับ อูปาเมคาโน่ ที่เหลือสัญญาถึงปี 2023 เพิ่งถูก ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ นายใหญ่ทีมชาติฝรั่งเศสเรียกตัวติดทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกชุดที่จะทำศึกยูฟ่า เนชันส์ ลีก กับ สวีเดน และโครเอเชีย

แซงรุ่นพี่หลายคน!อัพเดตค่าเหนื่อยนักเตะแมนยูหลังเฮนเดอร์สันต่อสัญญา

เปิดค่าเหนื่อยนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด หลังจับ ดีน เฮนเดอร์สัน ต่อสัญญายาวเรียบร้อย ส่งผลให้แซงรุ่นพี่หลายราย ขณะที่เบอร์ 1 ยังเป็นของ ดาบิด เด เคอา เหมือนเดิม

    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จับ ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตูฝีมือดี เซ็นสัญญาฉบับใหม่ 5 ปี ทำให้จะได้อยู่เฝ้าเสาในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ยาวถึงเดือนมิถุนายน ปี 2025 พร้อมรับค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้น 2 เท่าไปเป็นสัปดาห์ละ 120,000 ปอนด์ (ประมาณ 4.92 ล้านบาท)

    นายด่านวัย 23 ปี ขึ้นไปรั้งอันดับ 9 ค่าเหนื่อยนักเตะ "ปีศาจแดง" ร่วมกับผู้เล่นอย่าง เฟร็ด, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ และ เนมานย่า มาติช ส่วนคนรับมากสุดในเวลานี้คือ ดาบิด เด เคอา โกลทีมชาติสเปน ที่ได้สัปดาห์ละ 350,000 ปอนด์ (ประมาณ 14.35 ล้านบาท)

อันดับค่าเหนื่อยนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
นักเตะ                              ค่าเหนื่อยต่อสัปดาห์ (ปอนด์)
1. ดาบิด เด เคอา                350,000
2. ปอล ป็อกบา                   290,000
3. อองโตนี่ มาร์กซิยาล           250,000 
4.  มาร์คัส แรชฟอร์ด               200,000
5. แฮร์รี่ แม็กไกวร์                    189,000
6.  ฆวน มาต้า                        160,000
7. ลุค ชอว์                            150,000
8. โอเดียน อิกาโล่                   120,000
9. เฟร็ด                                 120,000
9. วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ                120,000
9. เนมานย่า มาติช                    120,000
9. ดีน เฮนเดอร์สัน  120,000
13. บรูโน่ แฟร์นันด์ส                 100,000
14. อารอน วาน-บิสซาก้า          90,000
15. เอริก ไบยี่                         80,000
15. มาร์กอส โรโฮ                  80,000
17. ฟิล โจนส์                        75,000
17. เจสซี่ ลินการ์ด                     75,000
19. คริส สมอลลิ่ง                     70,000
19. เซร์คิโอ โรเมโร่                     70,000
21. สกอตต์ แม็คโทมิเนย์           60,000
22. แดเนียล เจมส์                  45,000
23. เมสัน กรีนวู้ด                     40,000
24. ลี แกรนท์                           30,000
24. อันเดรส เปเรยร่า                  30,000
26. ดีโอโก้ ดาโลต์                  25,000
27. ทิโมธี โฟซู-เมนซาห์               15,000
28. อักเซล ตวนเซเบ้                    15,000

เดือด!บรูโน่-ลินเดอเลิฟเถียงกันระหว่างเกม

บรูโน่ แฟร์นันด์ส กับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ทะเลาะกันอย่างดุเดือดระหว่างเกมที่พ่าย เซบีย่า โดยหลังจบเกมไปแล้วนั้น บรูโน่ ชี้แจงว่าแค่เป็นการทะเลาะกันจากอารมณ์ชั่วครู่แบบปกติ ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรเลย
    บรูโน่ แฟร์นันด์ส กับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ 2 นักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรชั้นนำของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทะเลาะกันระหว่างเกม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบรองชนะเลิศ ที่ทีมของพวกเขาแพ้ เซบีย่า 1-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา

    ประตูชัยในนัดดังกล่าวของ เซบีย่า มาจากการที่ ลุค เดอ ยอง ดาวเตะ เซบีย่า ได้ยิงโล่งๆ ในตอนที่เขายืนอยู่ตรงกลางระหว่าง ลินเดอเลิฟ กับ อารอน วาน-บิสซาก้า ซึ่งบางคนมองว่าเซนเตอร์แบ็กชาวสวีดิชยืนห่างจาก เดอ ยอง มากเกินไป

    ทันทีที่เสียประตูนั้น บรูโน่ ก็เข้าไปตำหนิ ลินเดอเลิฟ ทันที เพราะมองว่าเขาประกบอีกฝ่ายได้แย่ ทำเอากองหลังเลือดไวกิ้งตอบโต้ไปอย่างดุเดือด โดยมีการเปิดเผยว่า ลินเดอเลิฟ พูดเป็นภาษาโปรตุกีสว่า "ฟิลโญ่ ดา ปูต้า" ที่แปลเป็นไทยได้ประมาณว่า "ไอ้เวรตะไล" โดยสาเหตุที่ ลินเดอเลิฟ พูดภาษาโปรตุกีสได้คล่องนั้นเป็นเพราะเขาเคยเล่นให้ เบนฟิก้า ระหว่างปี 2013-2017

    ทั้งนี้ หลังจบเกมไปแล้วนั้น บรูโน่ ให้สัมภาษณ์ว่าทุกคนในทีมต้องมีส่วนรับผิดชอบกับทุกประตูที่เสียไป ไม่เว้นแม้กระทั่งแนวรุก ส่วนที่มีปากเสียงกับ ลินเดอเลิฟ เป็นเพียงการทะเลาะกันตามปกติจากอารมณ์ชั่วครู่เท่านั้น ไม่ใช่การบาดหมางที่ร้ายแรงอะไร "ผมคิดว่าเมื่อเราเสียประตูแล้วนั้นมันก็ถือเป็นความผิดของทุกคน เริ่มตั้งแต่แดนหน้าเลย ในครึ่งแรกเราไม่สามารถเสียประตูที่เริ่มจากลูกทุ่มธรรมดาๆ ได้ เราต้องกดดันพวกเขาให้ดีกว่านี้ พวกเขาไม่ควรได้ขึ้นเกมง่ายๆ หลังจากนั้นเราก็เล่นผิดพลาดซ้ำไปซ้ำมา เราโมโหที่เสียประตู แต่มันเป็นความผิดของทุกคน มันไม่ใช่ความผิดของนักเตะคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว แต่เป็นของทุกคน"

    "สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ผมหรือ วิคตอร์ สิ่งที่สำคัญคือเรื่องทุกเรื่อง เรื่องระหว่างเรามันไม่มีอะไรทั้งนั้น มันเป็นเรื่องปกติ ฟุตบอลมันก็เป็นแบบนี้ มันสามารถเกิดเรื่องแบบนี้ได้เป็นธรรมดา มันเป็นเหมือนการคอยดูแลกันและกัน มันจะเกิดเรื่องแบบนี้อีกหลายครั้ง และทีมอื่นๆ ก็จะเจอเรื่องแบบนี้เหมือนกัน สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือการพิจารณาถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และหาทางปรับปรุงในนัดต่อๆ ไป"

แมนยูอย่าช้า!จีนาสชี้ใครเหมาะยืนเซนเตอร์คู่แม็กไกวร์

ท่ามกลางกระแสข่าวการเสริมทัพในแดนหลังของ แมนฯ ยูไนเต็ด เจอร์เมน จีนาส อดีตมิดฟิลด์ชาวอังกฤษ ก็แสดงความเห็นว่า ยาน แฟร์ต็องเก้น เหมาะกับการเป็นคู่หูของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แถมยังเป็นดีลที่คุ้มค่าสุดๆ จากการที่ตอนนี้ แฟร์ต็องเก้น เป็นนักเตะไร้สังกัด
    เจอร์เมน จีนาส อดีตกองกลางชาวอังกฤษ แสดงความเชื่อว่า ยาน แฟร์ต็องเก้น กองหลังไร้สังกัด จะเป็นคู่หูที่ดีของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ปราการหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

    แฟร์ต็องเก้น เพิ่งหมดสัญญากับ สเปอร์ส จนทำให้ตอนนี้เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะไร้สังกัด โดยจนถึงตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าแข้งวัย 33 ปีจะไปเล่นให้ทีมไหนต่อ ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีข่าวว่ากำลังมองหาเซนเตอร์แบ็กสักคนเพื่อมาเป็นคู่หูของ แม็กไกวร์ หลังจากที่ทั้ง แม็กไกวร์ และ ลินเดอเลิฟ 2 เซนเตอร์แบ็กตัวหลักของ แมนฯ ยูไนเต็ด ต่างก็เป็นคนที่มีสไตล์การเล่นแบบเดียวกัน จนทำให้มีจังหวะผิดพลาดในบางครั้ง

    จีนาส เผยว่า "ผมตามชมเขาอยู่เสมอ แต่ขอโทษทีนะที่ผมต้องขอบอกอีกครั้งว่า ยาน แฟร์ต็องเก้น ที่เป็นนักเตะไร้สังกัดน่ะเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟของฟรีที่ดีที่สุดในตอนนี้เลย ถ้าคุณทำให้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ไปยืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟฝั่งขวาได้ และหาเซนเตอร์ฮาล์ฟที่เล่นกับบอลได้จริงๆ ไปยืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟฝั่งซ้ายได้แล้วล่ะก็ มันก็จะมีผลกับทีม แม้ว่ามันจะมีผลนิดหน่อยแต่มันก็อาจจะเปลี่ยนหลายอย่างให้พวกเขาได้เลย แถมตอนนี้เขาก็เป็นนักเตะไร้สังกัดอีก"

    "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รู้ดีว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ พวกเขาจะมีแผนที่เหมาะกับทีม แต่ในด้านเกมรับแล้วพวกเขายังอยู่ห่างจากคำว่าทำได้ดีไปเยอะเลย ผมรู้ดีว่าเขา (แฟร์ต็องเก้น) เก่งแค่ไหน ผมงงสุดๆ ในทุกครั้งที่เขาทำได้เพียงนั่งดูเกมอยู่บนอัฒจันทร์ เพราะผมรู้ดีว่าเขาเป็นนักเตะที่เก่งแค่ไหน ผมเคยเล่นร่วมกับเขามาแล้ว ผมเคยเห็นเขาเล่นด้วยตาตัวเอง และตอนนี้เขาก็เป็นนักเตะแบบไร้ค่าตัวอีก มันเป็นดีลที่สมเหตุสมผลสุดๆ"

“แรชฟอร์ด” โชว์เหนือ, “เดเคอา” หนึบ!ตัดเกรดแข้งแมนยูเกมบุกสอยพาเลซ

"ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก็บสามแต้มสำคัญได้สำเร็จ หลังบุกไปเอาชนะ คริสตัล พาเลซ 2-0 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยได้ประตูจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ช่วยกดคนละตุง แต่อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ดาบิด เด เคอา ที่เกมนี้โชว์เซฟสวยๆ ได้หลายครั้ง และนี่คือผลสอบของลูกทีม โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แต่ละคนที่ลงเล่นในเกมนี้ 

11 ผู้เล่นตัวจริง

  – ดาบิด เด เคอา : 8
  ได้ออกแรงเซฟตั้งแต่ต้นเกม และเซฟได้เยี่ยมอีกครั้งในช่วงท้ายครึ่งแรก โดยเฉพาะจังหวะบินปัดลูกยิงฟรีคิกของ ลูก้า มิลิโวเยวิช แถมช่วงท้ายเกมมีชอตเซฟลูกยิงของ ซาฮา ด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งพระเอกของทีมในแมตช์นี้

 – อารอน วาน-บิสซาก้า : 6
  มีอาการล้าอย่างเห็นได้ชัด เจอปัญหาหลายครั้งยามที่ต้องดวลกับ ซาฮา 

 – วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ : 6
  แม้เป็นเกมที่ทีมเก็บคลีนชีตได้ แต่ไม่ใช่วันที่ดีนักสำหรับ ลินเดอเลิฟ เพราะหลายครั้งดูเชื่องช้า และเกือบทำเสียจุดโทษในจังหวะปะทะกับ ซาฮา

 – แฮร์รี่ แม็กไกวร์ : 7.5
  มีจังหวะสกัดสวยๆ ให้เห็น แถมขึ้นมาลุ้นทำประตูจากลูกเตะมุมได้เสียวหลายครั้ง แต่ช่วงท้ายเกมมีจังหวะเสียท่าให้ ซาฮา กระนั้นโดยรวมถือว่าคุมแนวรับได้เยี่ยม

– ทิโมธี โฟซู-เมนซาห์ : 7
  ได้สตาร์ทเป็นตัวจริงแบบเหนือความคาดหมาย แต่โดยรวมทำผลงานได้โอเค อาจไม่ได้มีส่วนช่วยเกมรุกมากนัก นั่นก็เป็นเพราะเจ้าตัวเน้นเล่นเกมรับเป็นหลัก 

 – สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ : 6 
  ไม่ใช่วันที่ดีสำหรับหนุ่มเลือดวิสกี้ เพราะช่วยเบรกเกมแดนกลางของเจ้าถิ่นไม่ค่อยได้ ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกช่วงครึ่งหลัง 

 – ปอล ป็อกบา :  6.5
  ไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก เน้นไปในทางช่วยผ่านบอลและขึ้นเกมเป็นหลัก
 
 – เมสัน กรีนวู้ด : 6.5
  อาจจะค่อนข้างเงียบ และมีโอกาสได้ลองยิงแค่หนเดียว แต่ทำได้ดีในการพาบอล ก่อนถูกถอดออกช่วงครึ่งหลัง ซึ่งดูแล้วสภาพร่างกายยังไม่เต็มร้อย แม้ผ่านเช็คความฟิตลงเล่นเกมนี้ได้

 – บรูโน่ แฟร์นันด์ส : 7.5
  แม้ไม่ได้เป็นแอสซิสต์ แต่ก็มีส่วนสำคัญกับทั้งสองประตูที่ทีมทำได้ แถมเกือบยิงเองได้ด้วย ถือเป็นเกมที่น่าประทับใจสำหรับเจ้าตัว ถึงแม้ไม่ใช่วันที่เล่นได้ท็อปฟอร์มก็ตาม

 – มาร์คัส แรชฟอร์ด : 8
  เหนือชั้นและเยือกเย็นมากๆ ในจังหวะยิงประตูขึ้นนำ 1-0 แถมเป็นคนแอสซิสต์ให้ มาร์กซิยาล จบสกอร์ 2-0 ด้วย

 – อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล : 7.5
  เป็นอีกเกมที่เล่นได้ดี มีความดุดันแถมมั่นใจ และจบสกอร์ลูก 2-0 ได้เฉียบขาด 

 สำรองที่ได้ลงเล่น

 – เจสซี่ ลินการ์ด (แทน กรีนวู้ด น. 63) : 6
  ดูมีความมุ่งมั่นกับการเล่นดี แต่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

 – เนมานย่า มาติช (แทน แม็คโทมิเนย์ น. 63) : 6.5
  อาจจะมีกั๊กจังหวะกับ แม็กไกวร์ ช่วงท้ายเกม แต่โดยรวมลงไปช่วยให้แดนกลางดูแน่นขึ้น