ดราม่า!ผอ.ลาซิโอจวก “ซิลบา”,พ่อโดดป้องลูกชาย

อิกลี่ ทาเร่ ผอ.กีฬาลาซิโอ ไม่ปลื้มพฤติกรรมของ ดาบิด ซิลชา มิดฟิลด์จอมเก๋าเลือดกระทิงดุ ที่ไม่รักษาคำพูดย้ายมาสวมชุด "อินทรีฟ้าขาว" แต่กลับไปเซ็นสัญญากับ เรอัล โซเซียดาด ขณะที่พ่อของนักเตะสวนกลับ ลูกชายของเขาไม่ได้ตกลงอะไรกับ ลาซิโอ เลย ฉะนั้นมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจยังไงก็ได้

    อิกลี่ ทาเร่ ผู้อำนวยการกีฬาลาซิโอ สโมสรในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เปิดใจตนไม่ให้ความเคารพ ดาบิด ซิลบา จอมทัพชาวสแปนิช ในฐานะลูกผู้ชาย หลังจากที่นักเตะกลืนน้ำลายไม่ยอมรักษาคำพูดในการมาเล่นให้กับ "อินทรีฟ้าขาว" และเลือกเซ็นสัญญากับ เรอัล โซเซียดาด

    ซิลบา ตัดสินใจยุติชีวิต 10 ปีกับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเตรียมที่จะเดินทางไปยังกรุงโรม เพื่อที่จะเข้ารับการตรวจร่างกายกับ "เบียงโคเชเลสเต้" หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้มีการตกลงเกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆ และนักเตะจะเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 3 ปี

        สุดท้ายเรื่องกลับตาลปัตรเมื่อ ดาวเตะวัย 34 ปี เปลี่ยนใจกลางอากาศย้ายไปเซ็นสัญญา 2 ปีกับ เรอัล โซเซียดาด ทำให้บอร์ดบริหาร ลาซิโอ ไม่พอใจอย่างมาก โดย ทาเร่ ตัดสินใจใช้เว็บไซต์สโมสรแสดงความเห็นอย่างรุนแรงเกี่ยวกับการผิดคำพูดของ ซิลบา ว่า "ผมได้รับทราบเรื่อง ดาบิด ซิลบา ย้ายไปอยู่กับ เรอัล โซเซียดาด แล้ว ผมให้ความเคารพเขาในฐานะนักฟุตบอล แต่ไม่ใช่ในฐานะลูกผู้ชาย"

        จากประเด็นดราม่าในครั้งนี้ทำให้ เฟร์นานโด ฆิมิเนซ ซึ่งเป็นบิดาของ ซิลบา ออกมาตอบโต้ทันทีโดยระบุว่า "ตอนที่พวกเขา (เอเจนต์) บอกกับลาซิโอเรื่องการเจรจากับ เรอัล โซเซียดาด พวกเขา (ลาซิโอ) ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาแย่ๆ ออกมาเลย สุดท้ายมันไม่มีอะไรที่แน่นอนกับเบียงโคเชเลสเต้ แน่นอนว่ามีการติดต่อกับ ลาซิโอ จริงๆ แต่ เรอัล โซเซียดาด และอีกหลายๆ ทีมด้วยเช่นกัน"

        "อย่างไรก็ตาม ลูกชายของผมตัดสินใจที่จะกลับสเปน และเซ็นสัญญากับ เรอัล (โซเซียดาด) ดาบิด ตัดสินใจไปแล้ว และมันเป็นเรื่องที่น่าแปลกมากๆ จากปฏิกิริยาของสโมสรในอิตาลี ทุกๆ คนมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการอะไร  ลาซิโอ เจรจากับเอเจนต์ของเขา ไม่ได้คุยกับ ดาบิด ดังนั้นผมไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงพูดกับเขาแบบนี้ เขายังไม่ได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายกับ ลาซิโอ เลย ที่สำคัญยังมีทีมอื่น ๆที่พูดคุยกับเขาด้วยเช่นกัน" บิดาตำนานทีมชาติสเปน ระบุ

VAR เปลี่ยนชีวิต! ฟาติโดนไล่ออกหลังลงสนามแค่ 5 นาที

แนวรุกอาซูลกรานาต้องเดินออกจากสนามหลังจากที่ถูกเปลี่ยนลงมาเพียง 5 นาทีเท่านั้น จากจังหวะปะทะที่เขายกขาสูงเข้าใส่คู่แข่ง

อันซู ฟาติ กองหน้าบาร์เซโลนาต้องถูกไล่ออกจากสนาม หลังจากที่ถูกเปลี่ยนลงมาเพียง 5 นาที ในเกมที่เจ้าบุญทุ่มเอาชนะเอสปันญอลไป 1-0 ในเกมลาลีกาเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ดาวรุ่งวัย 17 ปีของทีมอาซูลกรานา ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามมาแทนที่เนลสัน เซเมโด้ ตั้งแต่นาทีที่ 46 ของการแข่งขัน เพื่อเสริมเกมรุกให้ทีมซึ่งกำลังเสมอกันอยู่ 0-0 ในเวลานั้น

อย่างไรก็ดี เพียงนาทีที่ 50 ของการแข่งขัน อันซู ฟาติ ก็ต้องเดินออกจากสนาม เมื่อเขาไปเปิดปุ่มยันเข้าใส่หน้าแข้งของ เฟร์นานโด กาเลโร ทีแรกผู้ตัดสินให้เป็นใบเหลือง ทว่าเมื่อวิ่งไปเช็คเหตุการณ์ย้อนหลังที่จอ VAR ก็เปลี่ยนใจมาให้เป็นใบแดงโดยตรงไล่ออกไป

หลังจากนั้นเพียง 3 นาที เอสปันญอลก็มาเหลือ 10 คนเช่นกัน จากจังหวะที่ โปล โลซาโน ไปเปิดปุ่มยันเสาใส่หน้าแข้งของ เคราร์ด ปิเก้ ซึ่งผู้ตัดสินก็เปลี่ยนใจจากใบเหลืองมาให้ใบแดง หลังเดินไปเช็ค VAR เหมือนจังหวะของฟาติไม่มีผิดเพี้ยน

และในที่สุด นาทีที่ 56 บาร์ซาก็มาได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ ลิโอเนล เมสซี ได้ยิงด้วยซ้ายในเขตโทษไปติดบล็อกแนวรับทีมเยือนมาเข้าทาง หลุยส์ ซัวเรซ แปซ้ำดาบสองด้วยขวาเน้น ๆ ตุงตาข่าย ส่งให้เจ้าบ้านออกนำ 1-0 และชนะไปด้วยสกอร์นี้

จบเกม บาร์เซโลนาเก็บเพิ่มเป็น 76 คะแนน รั้งอันดับ 2 ต่อไป แต่ไล่จี้ เรอัล มาดริด จ่าฝูงเหลือแค่แต้มเดียว ส่วนเอสปันญอลจมอยู่อันดับ 20 สุดท้ายของตาราง ยังมี 24 คะแนน และกลายเป็นทีมแรกในลาลีกาฤดูกาลนี้ที่ตกชั้นอย่างเป็นทางการ

เรอัลมาดริดไม่พลาดบุกเฉือนเอสปันญ่อล แซงบาร์ซ่านำจ่าฝูงทิ้ง2แต้ม

กาเซมีโร่ กลายเป็นฮีโร่ของ "ราชันชุดขาว" หลังซัดประตูชัยพาทีมบุกไปเอาชนะ เอสปันญ่อล 1-0 ซิวสามแต้มแซง บาร์เซโลน่า สองคะแนนขึ้นไปนำจ่าฝูงมี 71 แต้ม ส่วนไอ้นกแก้วจมบ๊วยก้นตารางเช่นเดิม ในศึกลา ลีกา สเปน เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
สนาม : อาร์ซีดีอี สเตเดี้ยม

    ลา ลีกา สเปน นัดที่ 32 ประจำคืนวันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา เอสปันญ่อล ทีมบ๊วยของตารางเปิดบ้านต้อนรับ เรอัล มาดริด ซึ่งเกมนี้หาก "ชุดขาว" บุกมาคว้าชัยได้จะแซง บาร์เซโลน่า ถึงสองคะแนนขึ้นไปนั่งเป็นจ่าฝูงแทน

    ออกสตาร์ทครึ่งแรกไม่ถึงนาที เอสปันญ่อล ได้ลุ้นฟรีคิกหน้ากรอบก่อนเลยแต่จังหวะซัดด้วยขวาเต็มแรงของ อาเดรียน เอ็มบาร์บา แต่บอลพุ่งไปเข้าซอง ติโบต์ กูร์กตัวส์

    นาที 10 ชุดขาวได้ลุ้นบ้าง โทนี่ โครส เปิดฟรีคิกมาเสาไกลบอลมาตกใส่เท้าของ กาเซมีโร่ หวดด้วยขวากึ่งยิงกึ่งผ่านไปเข้าหัว เซร์คิโอ รามอส โขกเหินคานออกไป

    นาที 20 เอสปันญ่อล ได้ลุ้นจากลูกนิ่งอีก เอ็มบาร์บา เปิดแรงเข้าไปให้ มาร์ก โรต้า ซัดตามน้ำแต่บอลยังไม่โดน ติโบต์ กูร์กตัวส์

    อีก 5 นาทีต่อมา ไอ้นกแก้วได้ลุ้นบ้าง อาเดรียน เอ็มบาร์บา จ่ายบอลให้ อู่ เล่ย กดด้วยขวาจากนอกรอบ บอลพุ่งหลุดกรอบไปแบบได้เสียว

    นาที 31 โทนี่ ครอส เข้ามาหน้าประตูให้ เซร์คิโอ รามอส ได้โหม่งแต่บอลก็ยังไม่ผ่านมือ ดีเอโก้ โลเปซ  และเป็นจังหวะล้ำหน้าของ รามอส ไปอีกด้วย

    นาที 36 "ชุดขาว" เกือบแซงขึ้นนำไปก่อน หลัง คาริม เบนเซม่า โยกหลบก่อนตะบันด้วยขวาเน้นๆแต่ยังโดน ดีเอโก้ โลเปซ เหินปัดบอลออกไป

    ท้ายเกม นาที 43 เจ้าบ้านเกือบทำพลาดอีก หลัง ดีเอโก้ โลเปซ ปัดไม่พ้นทางมาหล่นใส่ เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่ ซัดด้วยขวาไปติดเซฟของโลเปซ ก่อนจะเลยมาเข้ากลางให้ อาซาร์ ตามซ้ำเข้าไปแต่ โลเปซ นายด่านของไอ้นกแก้วก็ปัดออกไปได้

    กระนั้น นาที 45 เรอัล มาดริด ชิงขึ้นนำ 1-0 ได้สำเร็จหลัง คาริม เบนเซม่า หลุดไปทางเสาแรกก่อนจะตอกส้นให้ กาเซมีโร่ วิ่งมายิงด้วยซ้ายเข้าไป

    จบครึ่งแรก เอสปันญ่อล ตามหลัง เรอัล มาดริด 0-1

     ครึ่งหลังกลับมาเล่นกันต่อ นาที 49 อู่ เล่ย ได้กดด้วยซ้ายข้างถนัดแต่บอลยังไม่ผ่านมือ ติโบต์ กูร์กตัวส์

    ชุดขาวตอบโต้บ้าง อีก 2 นาทีต่อมา อีสโก้ วางบอลยาวไปในกรอบ 6 หลาทางเสาไกล เบนเซม่า กระโดดแปแต่บอลก็ไม่ผ่านมือ ของ ดีเอโก้ โลเปซ รับไว้ติดมือ

    เจ้าบ้านไม่อยู่เฉย นาที 74 ได้ลุ้นจากจังหวะ นิโก้ เมลาเหม็ด จ่ายบอลให้ ดาบิด โลเปซ ซัดด้วยขวานอกรอบแต่บอลยังไม่ผ่านมือกูร์กตัวส์รับไว้ได้

    จบเกม เรอัล มาดริด บุกไปคว้าชัยชนะเหนือ เอสปันญ่อล 1-0 เก็บสามแต้มมีเพิ่มเป็น 71 คะแนนนำห่าง บาร์เซโลน่า รองจ่าฝูง 2 คะแนน ส่วนทัพ "นกแก้ว" ยังรั้งบ๊วยของตารางมี 24 คะแนน

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        เอสปันญ่อล (4-4-2) : ดีเอโก้ โลเปซ – บิคตอร์ เปเรีย, เบร์นาโด้ เอสปิโนซ่า, เฟร์นานโด กาเบรอา, ดีดัค บีล่า (อาเดรีย เปโดรซ่า น.46) – มาร์ค โรก้า, ดาบิด โลเปซ (ปอล โลซาโน่ น.84) – อู่ เล่ย (ออสการ์ เมเลนโด้ น.57) ,อาเดรียน เอ็มบาร์บา (โจนาธาน กาเยรี่ น.69) ,เซร์กี้ ดาร์เดร์ (นิโก้ เมลาเหม็ด น.69) – ราอูล เด โทมัส
 
        เรอัล มาดริด (4-3-3) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ – ดานี่ การ์บาฆาล, ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส, มาร์เซโล่ – เฟเด้ บัลเบร์เด้, เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่, โทนี่ โครส – อีสโก้ (โรดรีโก้ น.64), คาริม เบนเซม่า, เอแด็น อาซาร์ (วินิซิอุส จูเนียร์ น.63)

 

สถิติใหม่! โอบาเมยองขึ้นแท่นแข้งอาร์เซนอลยิง 50 ประตูเร็วสุด

กองหน้าชาวกาบองกลายเป็นนักเตะที่ยิงได้ถึง 50 ประตู โดยใช้เวลาเพียง 79 นัด และมีนักเตะอีกเพียง 5 รายในพรีเมียร์ลีกที่ยิงได้ถึงจำนวนนี้เร็วกว่าเขา

ปิแอร์ เอเมริค โอบาเมยอง กลายเป็นนักเตะอาร์เซนอลที่ยิงได้ถึง 50 ประตูในพรีเมียร์ลีก โดยใช้เวลาเพียง 79 นัดเท่านั้น

ดาวยิงวัย 31 ปี ใช้เวลาเพียง 33 นาทีทำสกอร์เบิกร่อง ในเกมเอาชนะนอริช ซิตี้ 4-0 ด้วยการฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของทิม ครูล ที่พยายามเปิดบอล แต่โดนโอบาเมยองวิ่งมาดักทาง และฉกเข้าไปยิงง่ายๆ

ประตูดังกล่าวถือเป็นประตูที่ 50 ของตัวเองในลีกสูงสุดของอังกฤษ ซึ่งแซงหน้าเจ้าของสถิติเดิมอย่างเธียร์รี อองรี ซึ่งใช้เวลา 87 นัด และเอียน ไรท์ ซึ่งใช้เวลา 101 นัดได้สำเร็จ

ก่อนหน้านี้มีนักเตะเพียง 5 รายเท่านั้นที่ยิงได้ถึง 50 ประตูในพรีเมียร์ลีกได้เร็วกว่าเขา คือ แอนดี้ โคล ที่ทำได้ใน 65 นัด, อลัน เชียร์เนอร์ 66 นัด, รุด ฟาน นิสเตลรอย 68 นัด, โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ และเฟร์นานโด ตอร์เรส ซึ่งใช้เวลา 72 นัดเท่ากัน

หลังจากนั้น โอบาเมยองยังฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของกองหลัง ทำประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้ ทำให้ทีมปืนใหญ่เก็บเพิ่มเป็น 46 คะแนน พร้อมขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 7 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกเวลานี้

เมสซี่จ่าย2! บาร์ซ่าบุกต้อนบียาร์เรอัล จี้จ่าฝูงชุดขาว4แต้มเหมือนเดิม

ลิโอเนล เมสซี่ โชว์สองแอสซิสต์ให้เพื่อนก่อนพารองจ่าฝูง บาร์เซโลน่า บุกเอาชนะ บียาร์เรอัล 4-1 คว้าสามแต้มมีเพิ่มเป็น 73 คะแนนตามหลังจ่าฝูง เรอัล มาดริด 4 แต้มเหมือนเดิม ส่วน บียาร์เรอัลรั้งอันดับ 5 ยังเหลืออีก 4 นัดสุดท้ายเพื่อลุ้นโควต้ายูซีแอล ในศึกลาลีกา สเปน เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

สนาม : เอสตาดิโอ เด ลา เซรามีก้า

    ก่อนลงสนาม "เจ้าบุญทุ่ม" มีแต้มตามหลัง เรอัล มาดริด ที่บุกไปคว้าชัยเหนือ แอธ.บิลเบา 7 คะแนน ทำให้เกมนี้แชมป์เก่าต้องเน้นชนะสถานเดียวหากต้องการลุ้นแชมป์ลีกอีก 4 เกมที่เหลือต่อไป เช่นเดียวกับเจ้าถิ่น บียาร์เรอัล หากเกมนี้คว้าชัยได้จะมีแต้มเท่ากับอันดับ 4 เซบีย่า

    ครึ่งแรก เริ่มมาได้แค่ 3 นาที กลายเป็น บาร์เซโลน่า ที่บุกมาขึ้นนำเจ้าถิ่น 1-0 อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ เซร์จี้ โรเบร์โต้ พาบอลขึ้นมาแล้วจ่ายออกซ้ายให้ จอร์ดี้ อัลบา ปาดมาเสาแรกบอลไปโดน เปา ตอร์เรส จิ้มเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองไป

    กระนั้น นาที 14 บียาร์เรอัล มาไล่ตีเสมอบาร์ซ่า 1-1 สำเร็จ จากจังหวะที่ ปาโก้ อัลกาเซร์ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไป ก่อนจะปาดมาเสาสองให้ ซานติ กาซอร์ล่า ซัดด้วยขวาไปติดเซฟ แทร์ ชเตเก้น บอลมาเข้าทาง  เคราร์ด โมเรโน่ แปยัดด้วยซ้ายไม่ถึง 10 หลาเข้าไป

    แต่แค่ นาทีที่ 20 บาร์ซ่าเอาคืนทันควัน หลังแซงกลับมานำเจ้าถิ่น 2-1 เมสซี่ เก็บบอลจากกลางสนามก่อนพาบอลตะลุยมาคนเดียว แล้วจ่ายออกซ้ายให้ หลุยส์ ซัวเรซ วิ่งมาปั่นด้วยขวาบนเส้น 18 หลา บอลโค้งเสียบมุมเข้าไปอย่างงามหยด

    เกมเล่นกันสนุก นาทีที่ 30 "เรือดำน้ำสีเหลือง" สวนกลับขึ้นมาอีก เคราร์ด โมเรโน่ จ่ายออกขวาให้ ซามูแอล ชุคเวเซ่ เลี้ยงตัดเข้ากลางแล้วอัดด้วยซ้ายเหินคานออกไปแบบสุดเสียว

    นาที 36 บียาร์เรอัล ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกหลัง ปาโก้ อัลกาเซร์ หัวหอกตัวเก่งมีอาการเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง คาร์ลอส บัคก้า ลงเล่นแทน

     นาที 38 เจ้าบุญทุ่มเล่นบอลสวนกลับเร็วอีก อองตวน กรีซมันน์ พาบอลขึ้นมาด้านซ้ายก่อนจะไหลไปทางขวาให้ อาร์ตูโร่ วีดาล วิ่งมากดด้วยขวาเต็มแรงแต่ยังไปติดมือ เซร์คิโอ อาเซนโฆ ปัดออกหลังหวุดหวิด

    นาที 45 ทีมเยือนมาได้ประตูนำห่าง 3-1 จากการเข้าทำอันยอดเยี่ยมของสามประสานบาร์ซ่า ซัวเรซ ไหลเข้ากลางให้ กรีซมันน์ แตะสั้นให้ เมสซี่ พาบอลลุยเข้าไปในกรอบก่อนจะดีดคืนหลังให้ อองตวน กรีซมันน์ วิ่งมาตักบอลด้วยซ้ายลอยข้ามหัว เซร์คิโอ อาเซนโฆ เช็ดใต้คานเข้าไปอย่างเหนือชั้น 

    จบครึ่งแรก บียาร์เรอัล ตามหลัง บาร์เซโลน่า 1-3

    ครึ่งหลัง นาที 53 เมสซี่ รับบอลจากกรีซมันน์ แต่จังหวะหลุดเข้าไปยิงด้วยซ้ายนั้นยังไม่ผ่านมือเซร์คิโอ อาเซนโฆ

    นาที 60 ทีมเยือนเปลี่ยนเอา อิวาน ราคิติช และริกี้ ปูอิก ลงมาแทน หลุยส์ ซัวเรซ และเนลสัน เซเมโด้

    นาที 69 ลิโอเนล เมสซี่ ส่งบอลเข้าไปนอนก้นตาข่ายได้แล้ว แต่ผู้ตัดสินเช็กกับ VAR แล้วปฎิเสธไม่ให้ประตู เนื่องจากก่อนหน้านั้น อาร์ตูโร่ วีดาล ไปยืนในตำแหน่งล้ำหน้า

     นาที 86 กลายเป็นทีมเยือนที่ทำได้เหนือกว่ามาก คราวนี้มาได้ประตูที่ 4 นำห่างจนได้ จากจังหวะที่ อัลบ้า แทงบอลให้ อันซู ฟาติ หลุดเข้าไปในกรอบก่อนยิงเล่นทางหนีมือ อาเซนโฆ เข้าไป บียาร์เรอัล ตามหลัง บาร์เซโลน่า 1-4

    ช่วงทดเจ็บ นาที 90+3 เมสซี่ เกือบพังประตูได้ในเกมนี้หลังซัดฟรีคิกไปชนคาน บอลเลยมาเข้าทาง มาร์ติน เบรวธเวต โขกซ้ำจ่อๆ ยังไปติด เซร์คิโอ อาเซนโฆ เซฟไว้ได้อีก

    จบเกม บาร์เซโลน่า บุกคว้าชัยเหนือ บียาร์เรอัล ขาดลอย 4-1 คว้าสามแต้มรั้งรองจ่าฝูงต่อไป โดยมีแต้มตามหลัง เรอัล มาดริด  4 คะแนนเหมือนเดิม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        บียาร์เรอัล (4-4-2) :เซร์คิโอ อาเซนโฆ – มาริโอ กาสปาร์, ราอูล อัลบิโอล, เปา ตอร์เรส, อัลเบร์โต้ โมเรโน่ – ซามูแอล ชุคเวเซ่, บิเซนเต้ อิบอร์ร่า (บรโน่ น.46), แซมโบ อันกีสซ่า, ซานติ กาซอร์ล่า (มานู ตริเกรอส น.56) – เคราร์ด โมเรโน่ (มอย โกเา, ปาโก้อัลกาเซร์ (คาร์ลอส บัคก้า น.36 (เฟร์นานโด้ นินโย่ น.90))

        บาร์เซโลน่า (4-3-3) :   มาร์ก อันเดร แทร์ ชเตเก้น – เนลสัน เซเมโด้ (อิวาน ราคิติช น.60), เคราร์ด ปีเก้ (โรนัลด์ อเราโย่ น.82), เกลม็องต์ ล็องเล่ต์, จอร์ดี้ อัลบา – อาร์ตูโร่ วีดาล, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ (มาร์ติน เบรธเวท น.73), เซร์จี้ โรเบร์โต้ – ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ (ริกี้ ปูอิก น.60), อองตวน กรีซมันน์ (อันซู ฟาติด น.72)

บาร์นส์เชื่อถ้าเงินถึงทั้งซาลาห์-มาเน่ก็พร้อมย้าย

จอห์น บาร์นส์ อดีตปีกระดับตำนานของ ลิเวอร์พูล ออกมาเตือนต้นสังกัดเก่าว่า อาจต้องเสีย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ออกไปหลังตกเป็นข่าวย้ายทีมในช่วงที่ผ่านมา สาเหตุเพราะเรื่องเงินคือปัจจัยสำคัญในฟุตบอลสมัยใหม่

    ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ต้องเสียนักเตะฝีเท้าดีในสังกัดมาแล้วหลายต่อหลายคน ทั้ง หลุยส์ ซัวเรซ และ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่ย้ายออกจากทีมเงินก้อนโตในช่วงซัมเมอร์ ปี 2014 รวมถึง ฟิลิปปเป้ คูตินโญ่ เมื่อต้นปี 2018 อย่างไรก็ตาม เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ยังสามารถสร้างแนวรุกก้าวขึ้นมาทดแทน โดยมี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ เป็นแกนหลัก

    ด้าน จอห์น บาร์นส์ อดีตดาวดังของ ‘หงส์แดง’ ให้ความเห็นถึงเรื่องนี้ว่า สโมสรเก่าอาจต้องเสียสองดาวเตะคนสำคัญนี้ออกไป หากมีเงินก้อนใหญ่เข้ามาให้ผู้เล่นพิจารณา "ในฟุตบอลสมัยใหม่ ทุก ๆ ทีมสามารถขายนักเตะกันได้ทั้งนั้นแหละ ดูอย่าง บาร์เซโลน่า ก็ยังถูกบังคับให้ขาย เนย์มาร์ ได้เลย"

    "สิ่งที่ดึงดูดนักฟุตบอลในทุกวันนี้คือ ค่าเหนื่อยที่พวกเขาได้รับ ไม่ว่าใครก็ตาม อย่าง ซาดิโอ มาเน่ หรือ โม ซาลาห์ หากใครเสนอเงินสักหนึ่งล้านปอนด์ต่อสัปดาห์ พวกเขาก็พร้อมตกลงปลงใจไปร่วมทีมโดยไม่คิดถึงศักยภาพหรือมาตรฐานได้หรอก นี่คือความจริงของฟุตบอลสมัยใหม่"

    "เรามีผู้เล่นยอดเยี่ยมมากมายที่ย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล ทั้ง เฟร์นานโด ตอร์เรส, หลุยส์ ซัวเรซ, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ยังเป็นเรื่องดีนะที่ตอนนี้ ลิเวอร์พูล แข็งแกร่งเพราะเรื่องในสนามที่ประสบความสำเร็จ แต่ผู้เล่นเข้ามาก็ต้องจากไปอยู่ดี"

    "ผมบอกเสมอกับแฟนบอลว่าให้สนับสนุนสโมสรไม่ใช่เพราะผู้เล่น นักเตะจะต้องไม่ถูกบังคับให้อยู่กับทีมต่อแบบขัดความรู้สึกของตัวเอง เพราะนั่นจะทำให้นักเตะมีอำนาจเหนือสโมสร ซึ่งเพราะเหตุนี้แหละ จะทำให้เขามีเรื่องรับผิดชอบน้อยลงกับผลงานในสนาม"

    "เรื่องดีที่ผมรับประกันได้คือสถานการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นภายใต้การทำงานของ คล็อปป์ เพราะเขาสามารถควบคุมผู้เล่นและทีมได้ นักเตะรู้ตัวดีว่าพวกเขาไม่สามารถล้ำเส้นเจ้านายคนนี้ได้หรอก"

หลุยส์ ฟิโก้ เปิดใจทำไมหัก บาร์เซโลนา ซบ เรอัล มาดริด

        หลุยส์ ฟิโก้ อดีตซุปตาร์โปรตุกีส ได้ออกมาเปิดใจถึงสาเหตุที่เขาเลือกบอกลา บาร์เซโลนา แล้วย้ายไปอยู่กับอริตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด จากรายงานของ marca.com เมื่อ 5 พฤษภาคม 2563

        เมื่อปี 2000 หลุยส์ ฟิโก้ ทำเอาแฟนบอล บาร์เซโลนา ทั้งโลกถึงกับหัวร้อน เมื่อเขาตัดสินใจย้ายออกจากทีมแล้วไปอยู่กับคู่แข่งตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวสถิติโลกในตอนนั้นที่ 62 ล้านยูโร

        หลุยส์ ฟิโก้ เปิดใจถึงการย้ายทีมบรรลือโลก ว่า "มันเป็นการตัดสินใจที่ยากมากนะ เมื่อคุณต้องจากเมืองที่ให้อะไรคุณมาตลอด 5 ปี แต่ฟุตบอลมันก็แบบนี้แหละ ผมไม่คิดว่าอะไร ๆ ในตอนนั้นที่ บาร์ซ่า มันจะไปในทิศทางที่ดี เมื่อมีการเลือกตั้งประธานคนใหม่ ผมไม่ค่อยเชื่อในเขามากนัก (โจน กาสปาร์ต)"

นักเตะระดับพระเจ้าของแฟนบอล เมื่อย้ายไปอยู่ทีมคู่อริก็ต้องเจออะไรแบบนี้เป็นเรื่องปกติ

        "ขณะที่ตัวแทนของผมก็ได้ไปคุยกับทาง ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ซะแล้ว ซึ่งทุกอย่างมันโอเคจริง ๆ เขามีทิศทางในการสร้างทีมที่น่าสนใจทีเดียว และทาง บาร์เซโลนา ก็ไม่ได้ว่าอะไรซะด้วย พวกเขาบอกแค่ว่า ถ้าเงินมา นายก็ไปได้"

        "และเมื่อผมย้ายมายัง เรอัล มาดริด ก็มีเรื่องต่าง ๆ ตามมาอีกพอสมควร แต่ยังไงซะมันคือฟุตบอล และผมต้องทำงานของผม แน่นอนว่าผมมี ราอูล กอนซาเลซ และ เฟร์นานโด เอียร์โร่ ที่ช่วยดูแลผมอย่างดี"

        ทั้งนี้ หลุยส์ ฟิโก้ ลงเล่นให้ เรอัล มาดริด ยาว 5 ฤดูกาลด้วยกัน โดยลงสนามไปทั้งหมด 239 นัด ยิงไป 57 ประตู ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน ในปี 2005 และประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2009

เจมี่ คาราเกอร์ สุดทึ่ง ลิเวอร์พูล ย้อมแมวขาย เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้ 50 ล้านปอนด์



เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลังลิเวอร์พูล ออกมาเผยว่า เมื่อตอนที่ ลิเวอร์พูล ปล่อยตัว เฟร์นานโด ตอร์เรส ออกจากทีมไปให้ เชลซี ด้วยเงินจำนวนมหาศาล 50 ล้านปอนด์ มันทำให้เขางงมาก ๆ เพราะว่าตอนนั้นดาวยิงแก้มแดงฟอร์์มฝืดสุด ๆ จากรายงานของ mirror.co.uk เมื่อ 24 เมษายน 2563

        ย้อนกลับไปเมื่อปี 2011 ลิเวอร์พูล ตัดใจขาย เฟร์นานโด ตอร์เรส ไปให้กับ เชลซี ด้วยค่าตัวสูงเป็นสถิติสโมสรที่ 50 ล้านปอนด์ ซึ่งกว่าเรื่องจะเรียบร้อยก็ปาเข้าไปวันสุดท้ายของตลาดพอดี ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวนั้น คาร์ร่า เผยว่าเป็นตัวเลขที่แข้งหงส์แดงงุนงงกันไปหมด

        เจมี่ คาร์ราเกอร์ เผยว่า "ผมพูดตรง ๆ เลยในตอนที่รู้ว่า ลิเวอร์พูล ขาย เฟร์นานโด ตอร์เรส ออกไปได้ 50 ล้านปอนด์ ผมแทบไม่อยากเชื่อ แต่ก็คิดว่าเราได้ลวงเชลซีไปเต็ม ๆ"

        "เพราะอะไรนะเหรอ มันเป็นเพราะว่าในช่วง 18 เดือนแรกของเขากับ ลิเวอร์พูล คือฟอร์มดีจริง ๆ แต่ในช่วงปีสุดท้ายผมคิดว่าเขาดรอปลงไปเยอะนะ อาจจะเป็นเพราะว่าเขามัวแต่คิดเรื่องของตัวเองมากไป"

        "โอเค ผมเข้าใจได้ว่าเจ้าของเชลซี เขาชอบซื้อนักเตะที่ตัวเขาชื่นชอบก่อนเป็นอย่างแรก ซึ่งเราก็ได้เห็นจากเคส เชฟเชนโก้ ส่วน ตอร์เรส มันเป็นช่วงที่เขายิงประตูไม่ค่อยได้เลยด้วยซ้ำ แถม ลิเวอร์พูล เองก้ฟอร์มตกมาก ๆ แต่ในเกมที่เจอกับเชลซีเราดันเล่นได้ดี และตอร์เรสก็ยิงได้อีก 2 ลูก ผมคิดว่าเราถูกโฉลกกับการทำประตูเชลซีจริง ๆ"

        "แน่นอนว่า 50 ล้านปอนด์ มันเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก ๆ ผม และนักเตะทุกคนในทีมอึ้งกันไปหมดว่าเราขายเขาไปได้ราคานี้เลยเหรอ แต่ก็นั่นแหละสุดท้ายเราก็เอาเงินไปให้นิวคาสเซิลต่อจากดีล แอนดี้ แคร์โรล แต่ยังโชคดีที่เราได้ หลุยส์ ซัวเรซ เข้ามา"

        ทั้งนี้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ถือว่าล้มเหลวกับ เชลซี อย่างสิ้นชิง โดยลงสนามทั้งหมด 172 นัด ยิงได้ 45 ประตู ก่อนจะถูกปล่อยยืมต่อไป เอซี มิลาน และแอต.มาดริด จนหมดสัญญา

เมิน “ซัวเรซ”! “เจอร์ราร์ด” เผยชื่อ 2 แข้งที่ชอบเล่นด้วยมากสุด

สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนาน ลิเวอร์พูล เผยชื่อสองแข้งเน้นๆ ที่ชอบเล่นด้วยมากที่สุด พร้อมแจงเหตุผลที่ทำให้เมินเลือก หลุยส์ ซัวเรซ

     สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตยอดกองกลางกัปตันทีม ลิเวอร์พูล เผยว่า ไมเคิ่ล โอเว่น กับ เฟร์นานโด ตอร์เรส เป็นสองผู้เล่นกองหน้าที่ตนชอบเล่นด้วยมากที่สุด สมัยที่ยังค้าแข้งกับ "หงส์แดง"

     เจอร์ราร์ด เคยเล่นร่วมกับดาวยิงระดับเวิลด์คลาสมากมาย ตลอดระยะเวลา 17 ปีในถิ่น แอนฟิลด์ แต่ "สตีวี่จี" เลือก โอเว่น กับ ตอร์เรส เหนือ หลุยส์ ซัวเรซ เพราะด้วยบทบาทการเล่นในสนามที่ได้ประสานงานกันมากกว่า

         "ผมคิดว่า คงจะเป็น ไมเคิ่ล โอเว่น กับ (เฟร์นานโด) ตอร์เรส ผมเล่นกับ ไมเคิ่ล มาตั้งแต่ยังเด็ก และก็อยากจะเล่นกับเขาให้นานกว่านี้อีกหน่อยด้วย โดยเฉพาะในช่วงที่เราสองคนพีก ตอนผมเปิดบอล ผมแทบไม่จำเป็นต้องมองหาเขาก่อนเลย เพราะผมรู้อยู่แล้วว่า เขาจะวิ่งไปตรงไหน เราจูนสัญญาณติดกันเสมอ"

         "ผมเป็นแบบนี้เช่นกันกับ ตอร์เรส ตอนที่ผมถูกดันขึ้นไปเล่นในบทบาทนักเตะหมายเลข 10 แต่ตอนเล่นกับ ซัวเรซ บทบาทของผมแตกต่างออกไป เพราะผมต้องลงต่ำ ตอนนั้นผมคิดว่า ซัวเรซ มีแข้งความสามารถสูงอยู่รอบๆ อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น (ฟิลิปเป้) คูตินโญ่ และ (แดเนี่ยล) สเตอร์ริดจ์ ซึ่งต่างสามารถสร้างสรรค์โอกาสให้กับเขาได้ มันก็เลยทำให้ผมมีบทบาทน้อยลง"

         "ดังนั้นผมจึงขอเลือก ไมเคิ่ล โอเว่น กับ ตอร์เรส เป็นสองผู้เล่นที่ดึงสิ่งที่ดีที่สุดออกมาจากผมได้มากที่สุดในฐานะผู้เล่นมิดฟิลด์เบอร์ 8" ตำนานแห่งถิ่น แอนฟิลด์ วัย 39 ปี ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีม เรนเจอร์ส กล่าวกับ สกาย สปอร์ตส์ สื่อกีฬาชั้นนำเมืองผู้ดี

ผียิ้ม! สื่อเผยมีทีมในพรีเมียร์สนใจซิวอเล็กซิส

เอฟซี อินเตอร์ นิวส์ สื่อจากอิตาลี เปิดเผยข่าวดีให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด หลังระบุว่า เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ได้ติดต่อกับตัวแทนของ อเล็กซิส ซานเชซ กองหน้าสัญญาเช่าของ อินเตอร์ มิลาน เพื่อสอบถามถึงความเป็นไปได้ในการดึงดาวยิงชาวชิลีมาร่วมทีมในฤดูกาลหน้า
    เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ได้ติดต่อกับ เฟร์นานโด เฟลิเซวิช เอเยนต์ส่วนตัวของ อเล็กซิส ซานเชซ กองหน้าทีมชาติชิลี เพื่อเจรจาถึงความเป็นไปได้ได้การคว้าตัวนักเตะในความดูแลมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ ตามรายงานจาก เอฟซี อินเตอร์ นิวส์ สื่อจากอิตาลี

    ดาวเตะวัย 31 ปี ย้ายจาก แมนฯ ยูไนเต็ด มาเล่นในถิ่น จูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า ด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล แต่ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งออกมาได้ หลังต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บจนต้องร้างสนามถึง 3 เดือน ทำให้ได้ลงเล่นให้ทีม "งูใหญ่" เพียง 9 นัดในลีกและทำได้ 1 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ เท่านั้น

    จากผลงานดังกล่าวเป็นที่เชื่อกันว่าขุนพล "เนรัซซูรี่" ไม่ต้องการใช้ออปชั่นซื้อขาดเพราะไม่ต้องการจ่ายค่าเหนื่อยมหาศาลถึง 10.6 ล้านยูโร (ประมาณ 376 ล้านบาท) ต่อปี แต่ถึงกระนั้นล่าสุดมีรายงานระบุว่า เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ได้ติดต่อสอบถามถึงความเป็นไปได้กับเอเยนต์ส่วนตัวแล้ว แต่ติดปัญหาอยางเดียวคือค่าเหนื่อยแสนแพงที่ อเล็กซิส ได้รับอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งหากนักเตะยอมหั่นค่าเหนื่อยลงมาก็มีโอกาสเช่นกันที่จะเห็น อเล็กซิส ย้ายกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง