แรชฟอร์ดซัดชัย! แมนยูบุกเชือดปารีสหวิว-บรูโน่กดโทษ เตลลิสประเดิม

"ผีแดง" งัดฟอร์มเฉียบหลังบุกไปเอาชนะเจ้าถิ่น ปารีส แซงต์-แชร์กแมง หวุดหวิด 2-1 เกมนี้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยิงจุดโทษขึ้นนำทว่า อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล มาโขกเข้าประตูตัวเอง ก่อนที่ช่วงท้ายเกม มาร์คัส แรชฟอร์ด จะเป็นฮีโร่ยิงประตูชัยให้ แมนฯยูไนเต็ด บุกมาคว้าสามแต้ม ประเดิมนัดแรก ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา
สนาม : ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์

    ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อคืนวันอังคารที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นการแข่งขัน นัดแรกของกลุ่ม เอช ระหว่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เปิดรังพบ แมนฯยูไนเต็ด

    โธมัส ทูเคิ่ล ส่งสามแนวรุกอย่าง อังเคล ดิ มาเรีย, คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ และ เนย์มาร์ ล่าตาข่าย ขณะที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา บอสใหญ่ "ผีแดง" ใช้ระบบ 3-4-1-2 อเล็กซ์ เตลลิส ประเดิมนัดแรกด้วยการยืนวิงซ้าย โดยใช้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ปั้นเกมให้มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
   
    เริ่มเกมมา นาที 12 เจ้าบ้าน เปแอสเช เกือบชิงขึ้นนำไปก่อน จากจังหวะที่ อังเคล ดิ มาเรีย ลากตัดจากขวาเข้ากลางมาปั่นด้วยซ้าย แต่บอลยังไม่ผ่านมือ ดาบิด เด เคอา ที่พุ่งปัดออกไปได้

    ไม่ถึงนาทีถัดมา "ผีแดง" เกือบเสียท่าอีกหลังบอลครอสมาในกรอบ 6 หลา เลย์วิน คูร์ซาว่า พุ่งเข้าชาร์จแต่บอลยังไปติดตัว เด เคอา ก่อนพุ่งตะครุบไว้ได้ทัน

    ทว่าโอกาสลุ้นครั้งแรกของ "ผีแดง" นาที 20 มาได้ลูกที่จุดโทษทันที หลัง ลุค ชอว์ แทงบอลให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล พลิกบอลแต่โดน อับดู ดิยัลโล่ พุ่งมาอัดจนล้ม เชิ้ตดำชาวสเปนเป่าเป็นจุดโทษทันที ทว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยิงไม่ดีไปติดเซฟของ เกย์ลอร์ นาวาส กระนั้นไลน์แมนและ VAR ให้สัญญาณว่า นาวาส ออกมาจากเส้นก่อนทำให้ต้องยิงใหม่ และคราวนี้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยิงไม่พลาดซัดไปทางขวามือตัวเองเข้าไปให้ "ปีศาจแดง" บุกนำ 1-0 ในนาที 23

    นาที 32 เจ้าบ้านกดดันอย่างหนัก บอลขึ้นทาง เนย์มาร์ ครอสเข้าไปในกรอบ 6 หลาอย่างน่ากลัว บอลตกพื้นจะถึง เอ็มบั๊ปเป้ แต่ยังดีที่ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ พุ่งมาสกัดได้ทันหวุดหวิด

    นาที 39 ทีมเยือนเกือบได้เม็ดที่สองนำห่าง อเล็กซ์ เตลลิส ไหลเข้ากลางให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ซัดด้วยขวานอกกรอบ ทว่า เกย์ลอร์ นาวาส  นายด่านปารีสฯยังไวพุ่งปัดออกหลังหวุดหวิด

    และจากลูกคอนเนอร์ในจังหวะต่อมา อเล็กซ์ เตลลิส เปิดบอลโค้งเข้าไปเสาแรกให้ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ สะบัดโขกเต็มแรงบอลไปชน อับดู ดิยัลโล่ ก่อนบอลเปลี่ยนทางถากเสาแรกไปแบบได้เสียว

    จบครึ่งแรก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ตามหลัง แมนฯยูไนเต็ด 0-1
   
    ครึ่งหลัง ทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัว นาที 46 "ผีแดง" พลาดโอกาสได้ลุ้นเม็ดที่สองอย่างน่าเสียดาย หลัง มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดเข้าไปดวลกับแนวรรับเจ้าถิ่นแต่จังหวะจ่ายบอลขึ้นหน้าทำได้ไม่ดีพอ

    นาที 48 เปแอสเช ได้สวนขึ้นมาและเกือบได้ลุ้นตีเสมอ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ กระชากจากซ้ายหนีทั้ง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และวาน บิสซาก้า ก่อนจะตะบันด้วยขวาเต็มแรง บอลพุ่งจน เด เคอา ต้องพุ่งชกออกไป

    นาที 55 เปแอสเช มาไล่ตีเสมอ 1-1 จนได้ จากจังหวะลูกเตะมุมฝั่งซ้าย เนย์มาร์ เปิดไปเสาแรก ทว่า  อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล พยายามโขกสกัดแต่กลายเป็นเช็ดบอลเข้าประตูตัวเองไป

    นาที 67 "ผีแดง" ปรับหมากส่ง ปอล ป็อกบา ลงไปเล่นแทน อเล็กซ์ เตลลิส

    อีกสองนาทีต่อมา แรชฟอร์ด เกือบส่องให้ทีมขึ้นนำอีกครั้ง หลังอัดด้วยขวานอกกรอบแต่บอลยังไปติดเซฟของ นาวาส

    นาที 80  แรชฟอร์ด มีโอกาสอีกครั้ง คราวนี้กดด้วยซ้ายนอกกรอบแต่บอลยังไม่ผ่านมือ เกย์ลอร์ นาวาส

     อีก 3 นาทีถัดมา "เปแอสเช" ได้สวนกลับ เนย์มาร์ ลองกดด้วยขวานอกกรอบเต็มแรงบอลพุ่งจน ดาบิด เด เคอา ต้องทุบออกไป

    นาที 87 "ผีแดง" มาเฮกันลั่นหลังแซงขึ้นนำ 2-1 อีกครั้ง จากจังหวะที่ ปอล ป็อกบา ไหลบอลออกขวาให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด พลิกตัวหนี ดานิโล่ ก่อนตะบันด้วยขวาหนีมือ นาวาส ส่งบอลเสียบเสาไกลอย่างเฉียบขาด

    จบเกม  ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แพ้คาบ้านให้ แมนฯยูไนเต็ด 1-2 ส่งให้ "ผีแดง" คว้าสามแต้มแรกประเดิมสนามนัดแรกสำเร็จ

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

         ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (4-3-3) : เกย์ลอร์ นาวาส – อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่, อับดู ดิยัลโล่, เพรสแนล คิมเพมเบ้, เลย์วิน คูร์ซาว่า  – อันเดร์ เอร์เรร่า, อิดริสซ่า กาน่า เกย, ดานิโล่ เปเรยร่า – อังเคล ดิ มาเรีย, คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้, เนย์มาร์

         ผู้จัดการทีม : โธมัส ทูเคิ่ล

         แมนฯยูไนเต็ด (3-4-1-2) : ดาบิด เด เคอา – อั๊กเซล ตวนเซเบ้, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, ลุค ชอว์ – อารอน วาน-บิสซาก้า, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด, อเล็กซ์ เตลลิส – บรูโน่ แฟร์นันด์ส – มาร์คัส แรชฟอร์ด, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล

         ผู้จัดการทีม : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

         ผู้ตัดสิน : อันโตนิโอ มาเตว ลาโอซ (สเปน)

เดเคอาเซฟยับ-เตลลิสเดบิวต์เยี่ยม! ตัดเกรดแข้งแมนยูบุกสยบเปแอสเช

นักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต่างงัดฟอร์มเก่งกันมาเป็นเหตุผลให้พวกเขาบุกเอาชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแม่ง ประเดิมสามแต้มอย่างสวยงามในศึก ยูฟ่า แชมปี้ยนส์ ลีก โดยเกมนี้ต้องชมแท็คติกของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่จัดระเบียบเกมรับกันแน่นหนาและนักเตะก็ตอบสนองแผนของโค้ชเป็นอย่างดี แต่ใครเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ของเกมนี้ เราไปหาคำตอบกัน
ดาบิด เด เคอา 9

    ท็อปฟอร์มสุดๆ เซฟลูกยิงของ อังเคล ดิ มาเรีย และลูกชาร์จจ่อๆของ คูร์ซาว่า ในครึ่งแรก ขณะที่ครึ่งหลังประตูที่เสียโทษเข้าไม่ได้ แต่มีซูเปอร์เซฟลูกยิงของ เอ็มบั๊ปเป้ และ เนย์มาร์ ด้วย

อารอน วาน-บิสซาก้า 7

    เจอปัญหาในการรับมือ เอ็มบั๊ปเป้ อยู่บ้าง แต่เป็นเกมที่เขาเข้าสไลด์แท็กเกิ้ลสวยงามหลายครั้ง (แท็กเกิ้ลทั้งหมด 6 ครั้งมากที่สุดในทีม) ยังมีบล็อกลูกยิงสำคัญของ เอ็มบั๊ปเป้ ในครึ่งหลังด้วย

อั๊กเซล ตวนเซเบ้ 8

    กลับมาลงสนามในรอบ 10 เดือน แต่ฟอร์มยอดเยี่ยมไร้ที่ติ เกมรับแน่นหนา เคลียร์บอลถึง 7 ครั้ง มีจังหวะวิ่งเบียดเอาชนะ เอ็มบั๊ปเป้ ที่หลุดเดี่ยวได้ถึงสองครั้ง

วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ 7

    ไม่ได้โดดเด่นเหมือน ตวนเซเบ้ แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในเกมรับ ยืนตำแหน่งดีทำให้เคลียร์บอลได้ดี การเปลี่ยนระบบมาใช้กองหลัง 3 คนทำให้เขาเล่นง่ายมากขึ้น

ลุค ชอว์ 6.5

    ขยับมาเล่นเป็นเซนเตอร์แบ็ก อาจจะมีจ่ายบอลพลาดบ้างและหลุดตำแหน่งเป็นบางครั้ง แต่ถือว่ามีฟอร์มน่าประทับใจแบบเงียบๆ ลูกจ่ายของเขาทำให้ มาร์กซิยาล เรียกจุดโทษได้สำเร็จ

อเล็กซ์ เตลลิส 7

    ประเดิมสนามนัดแรกด้วยฟอร์มดูดีทีเดียว ลงมาช่วยเกมรับอยู่บ่อยครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นคือการเล่นเกมรุกโดยเฉพาะลูกครอสที่สร้างปัญหาให้แนวรับเปแอสเช ลูกเปิดเตะมุมของเขาได้ลุ้นอยู่ตลอด จ่ายคีย์พาสไปถึง 3 ครั้งมากที่สุดในครึ่งแรก

เฟร็ด 7.5

    แค่สถิติแท็กเกิ้ล 5 ครั้ง, ตัดบอลอีก 3 ครั้ง และเคลียร์บอลอีก 1 ครั้ง ก็ทำให้รู้แล้วว่าเขามีส่วนสำคัญกับเกมแดนกลางมากแค่ไหน พยายามแย่งบอลและเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุกตลอด การเล่นง่ายของเขาทำให้กองกลางประสานงานกันเยี่ยม

สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ 7

    ช่วงแรกๆ มีปัญหากับการรับมือสกิลของ เนย์มาร์ แต่พอจับจังหวะเกมได้ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะเรื่องเกมรับ เคลียร์บอลไปถึง 4 ครั้งและแท็กเกิ้ลอีก 3 ครั้ง

บรูโน่ แฟร์นันด์ส 7.5

    ยิงจุดโทษรอบแรกติดเซฟแต่โชคดีที่ได้ยิงจุดโทษรอบสอง ลูกยิงไกลจากแถวสองมีได้ลุ้นอยู่ครั้งหนึ่งแต่มีหลายรอบที่หลุดเป้าไปไกล การจ่ายบอลของเขายังพึ่งได้เสมอ สร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีม 2 ครั้ง

มาร์คัส แรชฟอร์ด 7

    การเคลื่อนที่ของเขาสร้างอันตรายมากมายให้กับแนวรับคู่แข่ง แต่ปัญหายังคงเป็นเรื่องการจบสกอร์และการตัดสินใจในพื้นที่สุดท้ายเพราะหลุดเดี่ยวไปหลายรอบแต่ปล่อยโอกาสหลุดลอย มีโอกาสยิงอยู่ 4 ครั้ง มาสัมฤทธิ์ผลในครั้งสุดท้าย

อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล 5

    เป็นคนเรียจุดโทษแต่ดันมาทำเข้าประตูตัวเอง ฟอร์มโดยรวมยังไม่ดีนัก พยายามเลี้ยงจี้เจาะแผงหลังคู่แข่งแต่ทำไม่ได้สักที

ผู้เล่นสำรองที่ลงสนาม

ปอล ป็อกบา 7 (ลงมาแทน อเล็กซ์ เตลลิส น.67)

    ลงมาเก็บบอลแถวสองได้ดีก่อนจะแอสซิสต์ประตูชัย

ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค – (ลงมาแทน บรูโน่ แฟร์นันด์ส น.88) ลงมาท้ายเกมแล้ว

แดเนี่ยล เจมส์  – (ลงมาแทน อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล น.88) ลงมาท้ายเกมแล้ว

 

แม็กไกวร์คัมแบ็ก!คาดการณ์11ตัวจริงแมนยูฟัดสเปอร์ส

 

"ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมทำศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดบิ๊กแมตช์ กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่สังเวียนแข้ง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คืนวันนี้ ซึ่งแน่นอนว่า กุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา หวังที่จะเห็นทีมรักษาโมเมนตัม และคว้าชัยชนะให้ได้ หลังจากที่ได้เฮมา 3 นัดติด ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ โซลชา จะจัดทัพที่ดีที่สุดลงดวลกับทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ (ระบบ 4-2-3-1)

– ผู้รักษาประตู : ดาบิด เด เคอา
  ถึงแม้ ดีน เฮนเดอร์สัน ทำผลงานได้ดีในบอลถ้วย แต่เกมลีกนัดสำคัญแบบนี้ ยังไงก็ต้องให้ เด เคอา ลงเฝ้าเสาเป็นตัวจริง

 – แนวรับ : อารอน วาน-บิสซาก้า, เอริค ไบยี่, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์
  แม็กไกวร์ คืนตำแหน่งตัวจริงแน่นอน หลังฟื้นตัวจากปัญหาบาดเจ็บที่ข้อเท้า ส่วนคู่หูในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กครั้งนี้น่าจะเป็น ไบยี่ ที่เล่นได้แข็งแกร่งเหลือเกินในเกม คาราบาว คัพ ที่เจอกับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ช่วงกลางสัปดาห์ ส่วนแบ็กขวาและซ้ายสามารถส่ง วาน-บิสซาก้า และ ชอว์ ลงเล่นได้อย่างไม่มีปัญหา

 – สองตัวกลาง : ปอล ป็อกบา, เนมานย่า มาติช
  เกมใหญ่แบบนี้ ป็อกบา ไม่น่าพลาดกับการมีชื่อเป็นตัวจริง แถมเจ้าตัวเพิ่งโชว์ฟอร์มเยี่ยมในการลงสำรองเกมกลางสัปดาห์ ส่วนอีกตัว โซลชา น่าจะเลือกใช้งาน มาติช ช่วยตัดเกมแดนกลางของ สเปอร์ส

 – สามตัวรุก : เมสัน กรีนวู้ด, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, มาร์คัส แรชฟอร์ด
  ในเมื่อทุกคนฟิตเต็มถัง ยังไงก็ต้องเป็นชุดนี้ โดย บรูโน่ ยืนเป็นจอมทัพคอยสร้างสรรค์เกม ขณะที่ แรชฟอร์ด กับ กรีนวู้ด ยืนตรงริมเส้นทางฝั่งซ้ายและขวาตามลำดับ ส่วน ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค คงต้องนั่งสำรองไปก่อน แม้เล่นได้ดีในเกม คาราบาว คัพ ที่เจอกับ ไบรท์ตัน
  
 – หัวหอกตัวเป้า : อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
  แม้ฤดูกาลนี้ มาร์กซิยาล ยังคงทำประตูไม่ได้ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ โซลชา จะใช้ โอเดียน อิกาโล่ ลงเป็นตัวจริงแทนดาวยิงเฟร้นช์แมน

 

 

ห่วยทุกตำแหน่ง! ตัดเกรดแข้งแมนยูเกมสปอร์สยำใหญ่คาบ้าน

ถือเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์อันเลวร้ายของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังพ่ายแพ้คาบ้านต่อ สเปอร์ส ถึง 6-1 เกมนี้แข้ง "ผีแดง" ครบสูตรคำว่า "ย่ำแย่" โดยเฉพาะเรื่องเกมรับที่ปล่อยให้คู่แข่งถลุงตาข่ายง่ายอีกแล้ว นอกจากนี้แนวรุกยังมาโดนใบแดงตอกย้ำอีกด้วย และนี่คือผลสอบของนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมนี้

ดาบิด เด เคอา 4

ไม่ได้แย่เหมือนแผงหลังที่อยู่หน้าเขาแต่ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบกับการเสีย 6 ประตูจากการยิงตรงกรอบ 8 ครั้งในเกมนี้ โดยเฉพาะลูกที่โดน ซน ฮึง-มิน ยิงลอดขา

อารอน วาน-บิสซาก้า 4

อาจจะเป็นคนที่ผิดพลาดน้อยที่สุดในแผงหลัง มีการทำถึง 4 แท็กเกิ้ล แต่ก็เจองานหนักในการประกบ ซน ที่มีความเร็วในลูกสวนกลับ ไม่ได้ทำประโยชน์มากนักเมื่อมีบอลอยู่กับตัว

เอริก ไบยี่ 2

มีโอกาสได้ลงเล่นตัวจริงแทนที่ ลินเดอเลิฟ แล้วแต่คว้าโอกาสไม่ได้ ลูกที่ 2 เขามัวแต่เหม่อจนตาม ซน ฮึง-มิน ไม่ทัน ขณะที่ลูกที่สามรับไปเต็มเนื่องจากจ่ายพลาดหน้าปากประตู

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ 3

ความผิดพลาดของเขาทำให้ทีมเสียประตูตีเสมอเร็วจนโมเมนตัมเปลี่ยน ยังเป็นคนที่เข้าบอลโฉ่งฉ่างจนเสียฟรีคิกและเสียประตูที่สองด้วย

ลุค ชอว์ 2

กลายเป็นบ่อน้ำมันรูเบ้อเร่อของเกมนี้ ทั้งการยืนตำแหน่งที่ผิดพลาดไปหมดจน สเปอร์ส ขึ้นเกมรุกแบบขวาผ่านตลอด รวมถึงมีส่วนกับการเสียประตูทั้งหลายลูก

ปอล ป็อกบา 4

ไม่ได้สร้างอิมแพ็คกับเกมรุกเลยแถมยังทำเสียบอลถึง 13 ครั้งเลยทีเดียว เข้าแท็กเกิ้ลพลาดจนทำเสียจุดโทษแบบง่ายๆ

เนมานย่า มาติช 3

แทบจะตามเกมรุกของสเปอร์สไม่ทัน ไม่ได้ทำแท็กเกิ้ลหรือตัดบอลแม้แต่ครั้งเดียวในครึ่งแรก

เมสัน กรีนวู้ด 4

ทำสุดความสามารถของเขา แต่ช่วยเกมรุกได้น้อย โอกาสง้างเท้านับครั้งได้

บรูโน่ แฟร์นันด์ส 5.5

    อุตส่าห์ยิงจุดโทษให้ทีมขึ้นนำเร็วแท้ๆ แต่พอทีมเสียประตูตีเสมอและเสียโมเมนตัมบทบาทก็น้อยลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งโดนเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่ง

มาร์คัส แรชฟอร์ด 4

มีโอกาสหลุดไปยิงชนเสาแต่เป็นจังหวะล้ำหน้าและก็แทบไม่มีบทบาทกับเกมเนื่องจากบอลไปไม่ถึงเขามากนักโดยเฉพาะครึ่งหลังที่โดนจับโยกไปเล่นกองหน้า

อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล 3

เรียกจุดโทษให้กับทีมได้สำเร็จแต่เรื่องดีของเขาทั้งเกมมีแค่นั้น อาจจะไม่แฟร์นักที่โดนใบแดงอยู่คนเดียว แต่ต้องยอมรับว่าเป็นบทเรียนสำคัญของเจ้าตัวไม่ให้ใช้อารมณ์มากเกินไป

ผู้เล่นสำรองที่ลงสนาม

เฟร็ด 4 (ลงมาแทน บรูโน่ แฟร์นันด์ส น.46)

ถูกส่งมาเพื่อให้แดนกลางเข้าที่มากขึ้นแต่สุดท้ายไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่นัก แถมจ่ายขึ้นหน้าพลาดหลายครั้ง

สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ 4 (ลงมาแทน เนมานย่า มาติช น.46)

ไม่ต่างจาก เฟร็ด เนื่องจากไม่ได้ช่วยแดนกลางให้ดีขึ้น

ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค 5 (ลงมาแทน เมสัน กรีนวู้ด น.68)

ลงมาเล่นทางฝั่งขวาแต่ได้บอลค่อนข้างน้อย

 

อย่าไปเทียบเลย! “ริโอ” จัดหนักกองหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ยังห่างชั้นกับ ลิเวอร์พูล

ริโอ เฟอร์ดินานด์ ตำนานแข้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืนยันว่าเกมรับของ "ทัพปีศาจแดง" ยังห่างชั้นกับของฝั่งคู่อริอย่าง ลิเวอร์พูล แบบไกลลิบโลด และต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะพัฒนาขึ้นไปเทียบกัน

"แน่นอนว่าที่ เด เคอา ต้องฟอร์มตกก็เพราะแผงกองหลังคอยปกป้องเขาทำผลงานได้แย่สุดๆ ด้วยโดยเฉพาะเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทั้งสองซึ่งก่อความผิดพลาดง่ายๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก" ริโอ กล่าวกับ BT Sport

"ผมไม่อยากเจาะจงชื่อใครเป็นพิเศษ แต่พวกเขามีทั้งความช้าเป็นเต่า, ความซุ่มซ่ามจนน่าเขกกะโหลก ต้องมีเรื่องให้หยิบมาวิจารณ์กันหลายประเด็นในทุกๆ เกม ฉะนั้น โซลชา ต้องรีบปรับปรุงแก้ไขมันโดยด่วน"

"การที่ ลิเวอร์พูล ยกระดับขึ้นเป็นทีมที่มีแนวรับแกร่งสุดใน พรีเมียร์ลีก ได้อย่างทุกวันนี้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องปรับจูนอย่างหนัก และกุญแจสำคัญก็คือการได้ อลิสซอน มาเฝ้าเสาและมี ฟาน ไดค์ คอยปกปักษ์อยู่ข้างหน้า"

"แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องดีแบบนั้น แต่ดูความต่างชั้นระหว่างทั้งสองทีมสิ ผมไม่เถียงว่าทีมเราจะพัฒนาอยู่จุดดังกล่าวได้สำเร็จในอนาคต แต่ไม่ใช่เร็ว ๆ นี้แน่นอนเมื่อดูจากสภาพปัจจุบัน"

เฮียร์วีโก!7นักเตะเตรียมอำลาแมนยู

นักข่าวดังเปิดรายชื่อ 7 นักเตะที่น่าจะต้องอำลา แมนฯ ยูไนเต็ด ในซัมเมอร์นี้ หลังไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือชาวนอร์วีเจี้ยน
    ฟาบริซิโอ โรมาโน่ นักข่าวกีฬาชื่อดังแห่งค่าย สกาย สปอร์ต อิตาเลีย รายงานว่า ลาซิโอ สโมสรชั้นนำแห่งศึก กัลโช่ เซเรีย อา น่าจะคว้าตัว อันเดรียส เปเรยร่า กองกลาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปเสริมทัพอย่างเป็นทางการในช่วงกลางสัปดาห์นี้

    นอกจากนั้น โรมาโน่ ยังเผยว่า เอซี มิลาน อีก 1 ทีมในอิตาลี ต้องการดึง ดิโอโก้ ดาโลต์ แบ็กขวา "ปีศาจแดง" ไปร่วมทีม โดยจะขอยืมตัวไปใช้งานก่อนและมีเงื่อนไขสามารถซื้อขาดได้เหมือนกับดีลของ เปเรยร่า กับ ลาซิโอ

    ด้าน เจมส์ ร็อบสัน นักข่าวของ อีฟนิ่ง สแตนดาร์ด รายงานว่า นอกจาก เปเรยร่า กับ ดาโลต์ แล้วนั้น ยังมีอีก 5 นักเตะที่ส่อแววต้องอำลาถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในซัมเมอร์นี้ ได้แก่ คริส สมอลลิ่ง, มาร์กอส โรโฮ, ฟิล โจนส์, เซร์คิโอ โรเมโร่ และ เจสซี่ ลินการ์ด

    5 นักเตะที่ส่อแววอำลา แมนฯ ยูไนเต็ด ตาม เปเรยร่า และ ดาโลต์

 1. เจสซี่ ลินการ์ด

    กองกลางวัย 28 ปี เป็นผลผลิตจากอคาเดมี่ของสโมสร โดยเคยได้รับการจับตามองว่าน่าจะมีอนาคตสดใส แต่สุดท้ายก็เข็นไม่ขึ้น หลังทำผลงานไม่ดี แม้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา พยายามให้โอกาสก็ตาม

 2. คริส สมอลลิ่ง

เฮียร์วีโก!7นักเตะเตรียมอำลาแมนยู
    แม้ สมอลลิ่ง จะไปทำผลงานได้ดีในการเล่นให้ โรม่า แบบยืมตัวในฤดูกาลที่แล้ว แต่ดูเหมือนไม่อยู่ในแผนทำทีมของ โซลชา และสโมสรพร้อมขายขาดถ้าได้ค่าตัวเหมาะสม

 3. ฟิล โจนส์

    กองหลังวัย 28 ปี ทำผลงานไม่ดีเวลาที่ได้โอกาสลงสนามในซีซั่นที่ผ่านมา ทำให้คงหมดอนาคตในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แถมบาดเจ็บออดๆ แอดๆ อีกด้วย

 4. มาร์กอส โรโฮ

    โรโฮ วัย 30 ปี โดนส่งไปให้ เอสตูเดียนเตส สโมสรในอาร์เจนตินาบ้านเกิดยืมใช้งานในซีซั่นที่ผ่านมา หลังไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ โซลชา และเวลานี้ทีมก็พร้อมขายขาด

 5. เซร์คิโอ โรเมโร่

    นายทวารชาวอาร์เจนไตน์ วัย 33 ปี คงต้องอำลาถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ตาม โรโฮ เพื่อนร่วมชาติ หลัง ดีน เฮนเดอร์สัน กลับมาแย่งมือ 1 กับ ดาบิด เด เคอา

3ตัวสำรองโชว์ทีเด็ด!ตัดเกรดแข้งแมนยูหลังอัดลูตันถ้วยคาราบาวคัพ

"ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่มีปัญหาในการตบเท้าเข้าสู่รอบสี่ในศึก คาราบาว คัพ หลังบุกไปสอย ลูตัน ทาวน์ สโมสรระดับ แชมเปี้ยนชิพ 3-0 ในเกมรอบสาม เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งต้องยอมรับว่า โดยรวมไม่ใช่ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด จนกระทั่งมาได้สามตัวสำรองมาช่วยยกระดับเกมในช่วง 10 นาทีสุดท้าย และนี่คือผลสอบของลูกทีม โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แต่ละคนในแมตช์นี้
11 ผู้เล่นตัวจริง

 – ดีน เฮนเดอร์สัน : 7
  ตลอดทั้งเกมอาจจะออกแรงเซฟแค่หนเดียว แต่เป็นการเซฟที่สำคัญมากในช่วงนาทีที่ 81 แถมมีความมั่นใจในการออกมาตัดบอล ซึ่งงานนี้มือหนึ่งอย่าง ดาบิด เด เคอา คงกดดันไม่น้อย

 – อารอน วาน-บิสซาก้า : 6.5
  ฟอร์มยังไม่โดดเด่น แถมสภาพร่างกายยังไม่ฟิตเต็มร้อย แต่ช่วยประคองเกมรับของทีมได้พอสมควร

 – เอริก ไบยี่ : 7
  โดดเด่นทีเดียวในแมตช์นี้ แถมมีการยืนตำแหน่งที่ดีในการรับมือกับลูกครอส

 – แฮร์รี่ แม็กไกวร์ (C) : 6.5
  เกมนี้อาจไม่เด่นเท่า ไบยี่ แต่ยังพอไว้ใจได้เรื่องลูกกลางอากาศ กระนั้นก็มีลูกลังเลให้เห็นหลายครั้งในการตัดสินใจเข้าแท็กเกิ้ล โดยรวมถือว่าฟอร์มยังไม่ได้ตามมาตรฐาน

 – แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ : 7
  ทำได้ดีพอสมควรทั้งเกมรับและรุก แถมเป็นคนเรียกจุดโทษให้ทีม

 – เฟร็ด : 7
  อาจไม่เด่นมาก แต่ช่วยเกมรับได้ดีเยี่ยม ด้วยสถิติแท็กเกิ้ลชนะ 4 ครั้ง ซึ่งมากสุดในทีม "ปีศาจแดง" เกมนี้

 – เนมานย่า มาติช : 7
  อาจจะดูช้าไปในหลายจังหวะ แต่ช่วยได้เยอะเลยทีเดียวในแดนกลาง แถมมีการผ่านบอลแม่นยำถึง 93%

 – ฆวน มาต้า : 7.5
  ถือว่าโดดเด่นทีเดียว โดยเฉพาะช่วงครึ่งแรก ประสานงานในแดนกลางกับ ฟาน เดอ เบ็ค ได้ดี และเป็นคนสังหารลูกจุดโทษช่วยให้ทีมขึ้นนำ 1-0

 – ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค : 7
  โดยรวมค่อนข้างน่าประทับใจ มีพลังในการเล่น หาพื้นที่เก่ง โดยเฉพาะการวิ่งเข้าไปในกรอบเขตโทษ และเกือบทำประตูได้ด้วย

 – เจสซี่ ลินการ์ด : 6
  มีความมุ่งมั่นดี แต่ยิงทิ้งยิงขว้างไปหลายครั้ง แถมยังขาดคุณภาพในจังหวะเข้าทำ

 – โอเดียน อิกาโล่ : 5
  มีส่วนร่วมกับเกมน้อย ไม่มีจังหวะอันตรายให้เห็น ทั้งเกมได้ลุ้นยิงแค่หนเดียว 

 สำรองที่ได้ลงเล่น

 – บรูโน่ แฟร์นันด์ส (แทน ฟาน เดอ เบ็ค น. 78) : 7
  ลงมาทำให้แดนกลางน่ากลัวขึ้นทันตาเห็น และเป็นคนแอสซิสต์ให้ กรีนวู้ด จบสกอร์ลูกปิดท้าย 

 – เมสัน กรีนวู้ด (แทน อิกาโล่ น. 78) : 8
  เป็นคนช่วยพลิกเกมได้อย่างแท้จริง แม้มีเวลาอยู่ในสนามแค่สิบกว่านาที โดยเป็นคนแอสซิสต์สวยๆ ให้ แรชฟอร์ด ยิงประตู 2-0 ก่อนจบสกอร์เองในลูก 3-0

 – มาร์คัส แรชฟอร์ด (แทน มาต้า น. 79) : 7
  เหมือนกับ กรีนวู้ด ที่ลงมาช่วยให้เกมรุกของทีมเฉียบขาดมากขึ้น แถมจบสกอร์ได้สุดเฉียบในประตู 2-0

ลินเดอเลิฟฟอร์มไม่น่า”เลิฟ”!ตัดเกรดแข้งแมนยูเกมพ่ายพาเลซคาบ้าน

ถือเป็นการออกสตาร์ทในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020/21 ได้อย่างน่าผิดหวังสำหรับ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่พลาดท่าแพ้ คริสตัล พาเลซ 1-3 คารัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดูไม่จืดเลย เพราะเล่นแย่ทั้งทีม โดยเฉพาะ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ที่ทำแฮตทริก… มีส่วนร่วมกับทั้งสามประตูที่เสีย แต่อย่างน้อยมีเรื่องเชิงบวกให้แฟนๆ ได้ชื่นใจหนึ่งอย่างคือ แข้งใหม่อย่าง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ทำประตูได้ทันทีตั้งแต่เกมแรกในสีเสื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด และนี่คือผลสอบของลูกทีม โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แต่ละคนในแมตช์นี้ 

11 ผู้เล่นตัวจริง

 – ดาบิด เด เคอา : 6
ช่วงต้นเกมมีจังหวะผ่านบอลพลาดหน้าประตูตัวเองแบบง่ายๆ จนทำให้แฟนๆ หัวเสียไม่น้อย ทว่ากับสามประตูที่เสียไปก็ไม่สามารถไปโทษอะไรเจ้าตัวได้ เพราะ เด เคอา ก็ช่วยเซฟลูกโทษได้หนึ่งครั้งด้วย แม้ป้องกันไม่สำเร็จในจังหวะที่ พาเลซ ได้ยิงจุดโทษรอบสองก็ตาม

 – ทิโมธี โฟซู-เมนซาห์ : 5
  ได้สตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมนี้ แต่กลับทำผลงานได้น่าผิดหวังในเกมรับ และมีส่วนต้องรับผิดชอบกับจังหวะเสียประตูแรกที่หลุดตำแหน่ง

 – วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ : 3
  เป็นวันที่เลวร้ายสุดๆ สำหรับ ปราการหลังชาวสวีดิชวัย 26 ปี เพราะนอกจากปล่อยให้คู่แข่งพาบอลผ่านแบบง่ายๆ ตลอดทั้งเกมแล้ว ทั้งสามประตูที่ทีมเสีย เจ้าตัวมีส่วนต้องรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการทำแฮนด์บอลเสียจุดโทษ

 – แฮร์รี่ แม็กไกวร์ : 5
  ฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐานอีกหนึ่งเกมสำหรับกัปตัน แม็กไกวร์ โดยเฉพาะเรื่องความเชื่องช้าที่ถือเป็นจุดอ่อนสำคัญของเจ้าตัวในเกมนี้

 – ลุค ชอว์ : 4
  รับไปเต็มๆ กับประตูแรกที่เสีย เพราะคุม แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ไม่ดี แถมแทบไม่ได้ช่วยอะไรเรื่องเกมรุกด้วย 

 – ปอล ป็อกบา : 5
  ถูกส่งลงสนามตัวจริงทั้งที่ชัดเจนว่าสภาพร่างกายยังไม่ฟิตสมบูรณ์ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ ป็อกบา ดึงฟอร์มเก่งออกมาไม่ได้ และขาดความคล่องตัว ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกช่วงกลางครึ่งหลัง 

 – สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ : 5.5
  ถึงแม้มีบางจังหวะที่ตามสกัดสวยๆ แต่นอกเหนือจากนั้นถือว่าน่าผิดหวัง

 – แดเนี่ยล เจมส์ : 4
  มีส่วนร่วมกับเกมน้อยมาก จนแทบไร้ตัวตนในสนาม

 – บรูโน่ แฟร์นันด์ส : 5.5
  เป็นเกมที่ บรูโน่ เค้นฟอร์มเก่งไม่ออก ไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้ ถึงแม้มีการผ่านบอลให้เพื่อนลุ้นทำประตูได้ถึง 5 ครั้ง ซึ่งมากสุดในสนามก็ตาม

 – มาร์คัส แรชฟอร์ด : 5
  เล่นไม่ออก ตลอดทั้งเกมได้ลุ้นยิงแค่หนเดียว แต่ก็ได้อยู่ในสนามจนจบเกม

 – อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล : 5
  ไม่ต่างกับ แรชฟอร์ด ที่ดับสนิท แถมมีส่วนร่วมกับเกมน้อยด้วย

 

สำรองที่ได้ลงเล่น

 – เมสัน กรีนวู้ด (แทน เจมส์ นาทีที่ 46) : 6
  ไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้ แต่ได้ลุ้นกับจังหวะโหม่งหลุดกรอบช่วงที่ทีมมีสกอร์ตามหลัง 0-1

– ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค (แทน ป็อกบา นาทีที่ 67) : 7
  แม้ทีมปราชัย แต่ถือเป็นการเปิดตัวได้สวยทีเดียวสำหรับแข้งใหม่ชาวดัตช์ที่ทำประตูได้ทันที หลังใช้เวลาอยู่ในสนามแค่ 13 นาทีเท่านั้น ซึ่งนั่นก็มาจากการยืนถูกที่ถูกเวลาของเจ้าตัว  

 – โอเดียน อิกาโล่ (แทน โฟซู-เมนซาห์ นาทีที่ 81) : –
  ไม่สามารถให้คะแนนได้ 
 

รามอสเบิ้ล-ฟาติแจ่ม! สเปนฟอร์มดุเปิดบ้านยำยูเครนศึกเนชั่นส์ ลีก

หลุยส์ เอ็นรีเก้ นายใหญ่ ”กระทิงดุ” เรียกความมั่นใจคืนสู่ทีมสำเร็จหลังได้ เซร์คิโอ รามอส เหมาคนเดียว 2 ประตูก่อน อันซู ฟาติ เปิดซิงสกอร์แรกในรั้วทีมชาติพาทีมถล่ม ยูเครน 4-0 มีเพิ่มเป็น 4 คะแนนขึ้นนำจ่าฝูง ลีกเอ กลุ่ม 4 ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก คืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา


สนาม :  เอสตาดิโอ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่, มาดริด

หลุยส์ เอ็นรีเก้ เทรนเนอร์ทีมชาติสเปน พาทีมไล่ตีเสมอเยอรมัน 1-1 ในช่วงท้ายเกมของศึกเนชั่นส์ ลีก นัดล่าสุด โดยได้ประตูจากโฆเซ่ หลุยส์ กาย่า ช่วยให้รอดพ้นความพ่ายแพ้แบบหวุดหวิด และทำให้ไม่แพ้มา 5 เกมแล้ว

ทางด้าน อังเดร เชฟเชนโก้ เทรนเนอร์ทีมชาติยูเครน พาทีมเบียดชนะสวิตเซอร์แลนด์ 2-1 ในเกมเนชั่นส์ ลีกล่าสุด เป็นชัยชนะนัดที่ 4 ในรอบ 5 เกม

เปิดฉากได้เพียง 2 นาที  ”กระทิงดุ” ทะยานออกนำอย่างรวดเร็วจากลูกจุดโทษเป็นจังหวะของ อันซู ฟาติ โชว์ลีลาไขว้บอลหลบก่อนโดน เซอร์เก คริฟต์ซอฟ แหย่ข้อเท้าร่วงลงไปในกรอบเขตโทษ เซร์คิโอ รามอส รับหน้าที่สังหารไม่พลาด

นาทีที่ 11 สเปน ได้เสียวอีกจากลูกวางยาวของ เซร์คิโอ รามอส หยอดออกซ้ายให้ เซร์คิโอ เรกีลอน หลุดกับดักล้ำหน้าสอดมาพักอกก่อนตวัดด้วยซ้ายบอลผ่านหน้าประตูออกหลังไป

5 นาทีต่อมาคราวนี้เป็นลูกสูตรเตะมุมทางฝั่งซ้ายของ เจ้าถิ่น เซร์คิโอ เรกีลอน สอดมาครอสเข้าหัว เซร์คิโอ รามอส โขกเปลี่ยนทางแต่ไปตรงตัว อังเดร เปียตอฟ

โหมบุกอยู่ฝ่ายเดียวนาทีที่ 18 อันซู ฟาติ ถอยมารับบอลก่อนแทงช่องให้ เคราร์ด โมเรโน่ หลุดเดี่ยวเข้ากรอบเขตโทษแต่จังหวะยิงด้วยซ้ายหักข้อมากไปหลุดเสาไกลนิดเดียว

ครึ่งทางผ่าน ”กระทิงดุ” เร่งเครื่องต่อเนื่อง อันซู ฟาติ รับบอลทางริมเส้นฝั่งขวาโชว์ลีลาแหวกแนวรับ ยูเครน หลุดเข้าเขตโทษก่อนเลือกปั่นด้วยขวาเฉี่ยวเสาออกไปได้ลุ้น

สุดท้ายนาทีที่ 29 สเปน หนีห่างออกไปจนได้เป็นลูกเปิดของ ดานี่ โอลโม่ ตักย้อนมาเสาไกลให้ เซร์คิโอ รามอส ที่ยืนอยู่หลัง เซอร์เก คริฟต์ซอฟ แต่ขึ้นได้สูงกว่าชิงโขกย้อยข้าม อังเดร เปียตอฟ ซุกก้นตาข่าย

3 นาทีต่อมากลายเป็นยำใหญ่คราวนี้ อันซู ฟาติ ขอบ้างดึงจังหวะพาบอลตัดเข้าในก่อนตะบันด้วยขวาบอลโค้งอ้อมแนวรับ ยูเครน ผ่านมือ อังเดร เปียตอฟ เช็ดเสาไกลเข้าประตูสุดงาม

โอกาสยิงครั้งแรกของ ยูเครน ต้องรอถึงนาทีที่ 41 เป็นลูกจ่ายของ รุสลัน มาลินอฟสกี้ แทงช่องต่อให้ บ็อกดาน มิคาอิลเชนโก้ หลุดขึ้นมาทางซ้ายแต่จังหวะยิงไม่ดีเบาไปตรงตัว ดาบิด เด เคอา

หมดครึ่งเวลาแรก สเปน 3 ยูเครน 0

60 นาทีผ่านยังคงเป็น สเปน ที่เหนือกว่าทั้งรูปเกมและจังหวะลุ้นประตูคราวนี้เป็น ดานี่ โอลโม่ ปั่นด้วยซ้ายหน้าหัวกะโหลกไปติดมือ อังเดร เปียตอฟ ตะปปเอาไว้ได้ทัน

2 นาทีต่อมา เซร์คิโอ เรกีลอน เก็บตกหน้ากรอบเขตโทษซัดไปติดเซฟ อังเดร เปียตอฟ เด้งมาเข้าทาง เคราร์ด โมเรโน่ ส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายน่าเสียดายธงล้ำหน้ายกขึ้นมาก่อนแล้ว

ก่อนหมดเวลา 15 นาที ”กระทิงดุ” หวิดบวกสกอร์ปิดกล่องเป็น ออสการ์ โรดรีเกซ ตัวสำรองก้มหน้าปั่นด้วยขวาบอลพุ่งแรงติดปลายมือ อังเดร เปียตอฟ เปลี่ยนทางไปชนคานออกหลัง

 แต่แล้วนาทีที่ 84 ดาวยิงป้ายแดงแมนฯซิตี้มาปิดกล่องให้ สเปน จนได้เป็นจังหวะส้มหล่น มีโคล่า มัตวิเยนโก้ โขกสกัดไม่ดีมาเข้าทาง เฟร์ราน ตอร์เรส ตวัดตูมเดียวบอลกระดอนพื้นผ่านมือ อังเดร เปียตอฟ ตุงตาข่าย

จบเกม สเปน 4 ยูเครน 0 ลูกทีมของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ เรียกความมั่นใจสำเร็จพร้อมเก็บเพิ่มเป็น 4 คะแนนขึ้นนำจ่าฝูง ลีกเอ กลุ่ม 4

รายชื่อนักเตะที่ลงสนามตัวจริง
   
สเปน (4-3-3) : ดาบิด เด เคอา – เฆซุส นาบาส, เซร์คิโอ รามอส (เอริค การ์เซีย น.61), เปา ตอร์เรส, เซร์คิโอ เรกีลอน –  โรดริโก้ เอร์นานเดซ (ออสการ์ โรดรีเกซ น.69), ติอาโก้ อัลกันตาร่า, มิเกล เมริโน่ – ดานี่ โอลโม่, อันซู ฟาติ, เคราร์ด โมเรโน่ (เฟร์ราน ตอร์เรส น.74)

เทรนเนอร์ : หลุยส์ เอ็นรีเก้  
  
ยูเครน (4-2-3-1) : อังเดร เปียตอฟ – โอเล็กซานเดอร์ ทิมชิค, เซอร์เก คริฟต์ซอฟ, มีโคล่า มัตวิเยนโก้, บ็อกดาน มิคาอิลเชนโก้ – รุสลัน มาลินอฟสกี้, อีกอร์ คาราติน (เซอร์เก ซิดอร์ชุค น.63) – อังเดร ยาร์โมเลนโก้ (วิคเตอร์ โควาเลนโก้ น.79), โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, โรมัน ยาเร็มชุค – มาร์ลอส (วิคเตอร์ ทซีกานคอฟ น.55)

แซงรุ่นพี่หลายคน!อัพเดตค่าเหนื่อยนักเตะแมนยูหลังเฮนเดอร์สันต่อสัญญา

เปิดค่าเหนื่อยนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด หลังจับ ดีน เฮนเดอร์สัน ต่อสัญญายาวเรียบร้อย ส่งผลให้แซงรุ่นพี่หลายราย ขณะที่เบอร์ 1 ยังเป็นของ ดาบิด เด เคอา เหมือนเดิม

    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จับ ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตูฝีมือดี เซ็นสัญญาฉบับใหม่ 5 ปี ทำให้จะได้อยู่เฝ้าเสาในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ยาวถึงเดือนมิถุนายน ปี 2025 พร้อมรับค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้น 2 เท่าไปเป็นสัปดาห์ละ 120,000 ปอนด์ (ประมาณ 4.92 ล้านบาท)

    นายด่านวัย 23 ปี ขึ้นไปรั้งอันดับ 9 ค่าเหนื่อยนักเตะ "ปีศาจแดง" ร่วมกับผู้เล่นอย่าง เฟร็ด, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ และ เนมานย่า มาติช ส่วนคนรับมากสุดในเวลานี้คือ ดาบิด เด เคอา โกลทีมชาติสเปน ที่ได้สัปดาห์ละ 350,000 ปอนด์ (ประมาณ 14.35 ล้านบาท)

อันดับค่าเหนื่อยนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
นักเตะ                              ค่าเหนื่อยต่อสัปดาห์ (ปอนด์)
1. ดาบิด เด เคอา                350,000
2. ปอล ป็อกบา                   290,000
3. อองโตนี่ มาร์กซิยาล           250,000 
4.  มาร์คัส แรชฟอร์ด               200,000
5. แฮร์รี่ แม็กไกวร์                    189,000
6.  ฆวน มาต้า                        160,000
7. ลุค ชอว์                            150,000
8. โอเดียน อิกาโล่                   120,000
9. เฟร็ด                                 120,000
9. วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ                120,000
9. เนมานย่า มาติช                    120,000
9. ดีน เฮนเดอร์สัน  120,000
13. บรูโน่ แฟร์นันด์ส                 100,000
14. อารอน วาน-บิสซาก้า          90,000
15. เอริก ไบยี่                         80,000
15. มาร์กอส โรโฮ                  80,000
17. ฟิล โจนส์                        75,000
17. เจสซี่ ลินการ์ด                     75,000
19. คริส สมอลลิ่ง                     70,000
19. เซร์คิโอ โรเมโร่                     70,000
21. สกอตต์ แม็คโทมิเนย์           60,000
22. แดเนียล เจมส์                  45,000
23. เมสัน กรีนวู้ด                     40,000
24. ลี แกรนท์                           30,000
24. อันเดรส เปเรยร่า                  30,000
26. ดีโอโก้ ดาโลต์                  25,000
27. ทิโมธี โฟซู-เมนซาห์               15,000
28. อักเซล ตวนเซเบ้                    15,000