คล็อปป์เป่าปาก! อาแจ็กซ์ยิงตัวเอง-ลิเวอร์พูลบุกเฉือนหวิว เปิดหัวชปล.

"หงส์แดง" ฟอร์มเหนียวแน่นทั้งที่มีปัญหาแนวรับ แต่ยังบุกไปคว้าชัยเหนือ อาแจ็กซ์ หวุดหวิด 1-0 จากการทำเข้าประตูตัวเองของ นิโกลัส ตายาฟิโก้ ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ประเดิมสามแต้มแรก ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา

สนาม :  โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า

    เอริค เทน ฮาก เกมนี้ไม่มีปัญหาเท่าไหร่จัดตัวเก่งทั้ง ดาวิด เนเรส, โมฮัมเหม็ด คูดาส และดูซาน ทาดิช ส่วนทางฝั่ง "หงส์แดง" มาในสภาพทีมไม่สมบูรณ์หลังแนวรับมีปัญหาลงไม่ได้ทั้ง เฟอร์กิล ฟานไดค์ และโฌแอล มาติป ทำให้ ฟาบินโญ่ ต้องยืนเซ็นเตอร์แบ็กคู่กับ โจ โกเมซ แทนส่วนแนวรุกยังเป็น 3 ประสานทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่

    ครึ่งแรกเริ่มมาได้แค่ 9 นาที เจ้าบ้าน อาแจ็กซ์ ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกอย่างรวดเร็วหลัง โมฮัมเหม็ด คูดาส เล่นต่อไม่ไหวทำให้ต้องส่ง ควินซี่ โพรเมส ลงมาเล่นแทน

    นาที 15 อาเดรียน นายด่านของ "หงส์แดง" เกือบทำพลาดหลังออกบอลด้วยเท้าหน้าประตูตัวเองไปติดบล็อคแข้งเจ้าถิ่น แต่ดีที่บอลกระเด้งไปตรงกรอบ

    ก่อนเจ้าถิ่นจะได้เตะมุมในนาทีถัดมา บอลต่อเนื่องจาก ดูซาน ทาดิช เปิดยาวไปเสาไกลให้ ลิซานโดร มาร์ติเนซ เซ็นเตอร์แบ็กเทกตัวขึ้นโขกแต่บอลยังไปตรงตัว อาเดรียน

    "หงส์แดง" ได้ลุ้นบ้าง นาที 19 เจมส์ มิลเนอร์ ซัดนอกกรอบแต่บอลก็ไม่ได้ลุ้น อีกนาทีถัดมา เคอร์ติส โจนส์ ยิงด้วยซ้ายนอกกรอบแต่บอลก็เบาไปเข้ามือ โอนาน่า อีก

    นาที 32 อาแจ็กซ์ พลาดโอกาสลุ้นขึ้นนำ หลัง ดาวิด เนเรส  เปิดบอลให้  ควินซี่ โพรเมส หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิงติดเซฟของ อาเดรียน

    นาที 35 ประตูแรกของเกมเป็นทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่บุกมานำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ มิลเนอร์ ทุ่มบอลเข้ามาให้ ซาดิโอ มาเน่ พลิกบอลหลบเข้าปในกรอบก่อนหวดด้วยขวา บอลพุ่งไปโดนขา นิโกลัส ตายาฟิโก้ กลายเป็นเปลี่ยนทางเสียบเสาสองเข้าประตูตัวเองไป

    นาที 40 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน สปีดพาบอลจากแดนตัวเองขึ้นมาถึงหน้ากรอบก่อนไหลออกขวาให้ ซาลาห์ เลี้ยงตัดเข้าซ้ายข้างถนัดแต่จังหวะสุดท้ายดันยิงไปติดบล็อคอย่างน่าเสียดาย

    นาที 44 "หงส์แดง" เกือบพลาดเสียประตู หลัง ดูซาน ทาดิช หลุดเข้าไปกระดกบอลข้ามหัว อาเดรียน กำลังจะเข้าประตูไปแล้ว แต่ ฟาบินโญ่ ยังวิ่งตามไปสกัดบอลบนเส้นอย่างหวุดหวิด

    อีกนาทีถัดมา โรเบิร์ตสัน กระชากบอลก่อนเปิดไปให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ โขกแต่บอลยังไปติดเซฟของ อ็องเดร โอนาน่า

    จบครึ่งแรก อาแจ็กซ์ ตามหลัง ลิเวอร์พูล 0-1

    ครึ่งหลังกลับมาบู๊กันแค่ นาที 46 เจ้าบ้านเกือบได้ลูกตีเสมอหลัง ดาวี่ คลาสเซ่น ซัดบอลนอกกรอบผ่านมือ อาเดรียน ไปแล้วแต่ยังไปแม่นเสาอย่างน่าเสียดาย

     เกมแลกกันสนุก นาที 57 ทัพหงส์ได้ลุ้นจากลูกเตะมุม แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดมาเข้าหัว ฟาบินโญ่ โหม่งเน้นๆแต่บอลไปติดผู้เล่นเจ้าถิ่นออกหลังหวุดหวิด

    อีกนาทีถัดมา แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่วันนี้โดดเด่นสุดๆ ครอสบอลไปหน้ากรอบให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ขึ้นโขกหลุดกรอบออกไป

    ทว่าหงส์บุกเพลินๆ เกือบโดน อาแจ็กซ์ ตีเสมอ นาที 58 บอลสวนกลับของ นูส์แซร์ มาซราอูย แบ็กขวาครอสมาให้ ควินซี่ โพรเมส ยิงเน้นๆแต่ยังไปติดเซฟของ อาเดรียน ปัดออกหลัง

    นาที 60 เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนรวดเดียว 3 คน ถอดสามแนวรุกทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ ออกแล้วส่ง เซอร์ดาน ชากิรี่, ทาคูมิ มินามิโนะ และดีโอโก้ โชต้า ลงไปเล่นแทน

    อีก 10 นาทีถัดมา ทาคูมิ มินามิโนะ เกือบใส่สกอร์ที่สองให้ลิเวอร์พูล หลังรับลูกจาก ชากิรี่ ก่อนตั้งป้อมตะบันไกลเต็มแรงบอลพุ่งจน อ็องเดร โอนาน่า ต้องปัดออกไป

    ช่วงเวลาที่เหลือ เจ้าถิ่นไม่สามารถทวงประตูคืนได้ จบเกม อาแจ็กซ์ พ่ายคาบ้านให้ ลิเวอร์พูล 0-1

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

         อาแจ็กซ์ (4-3-3) : อ็องเดร โอนาน่า – นูส์แซร์ มาซราอูย, แปร์ ชูร์ส์,  ลิซานโดร มาร์ติเนซ, นิโกลัส ตายาฟิโก้ –  ไรอัน กราเวนเบิร์ค, ดาเล่ย์ บลินด์, ดาวี่ คลาสเซ่น – ดาวิด เนเรส, โมฮัมเหม็ด คูดาส (ควินซี่ โพรเมส น.9), ดูซาน ทาดิช

         ผู้จัดการทีม : เอริค เทน ฮาก

         ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อาเดรียน – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ฟาบินโญ่, โจ โกเมซ, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – เคอร์ติส โจนส์, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์ – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่
 
       ผู้จัดการทีม :  เจอร์เก้น คล็อปป์

         ผู้ตัดสิน : เฟลิกซ์ ไบรช์ (เยอรมัน)

เพลินตา!คล็อปป์ปลื้มฟอร์มลิเวอร์พูลบุกยำลินคอล์น

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล พอใจสุดๆ กับฟอร์มของลูกทีม หลังบุกกระซวก ลินคอล์น ซิตี้ 7-2 ในเกม คาราบาว คัพ รอบสาม เมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมอวยทุกคนเล่นได้น่าดูชมมากในเกมนี้
     เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล เผยว่า ตนรู้สึกประทับใจอย่างมากกับฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของลูกทีม หลังจากที่ทัพ "หงส์แดง" บุกไปถล่ม ลินคอล์น ซิตี้ สโมสรระดับ ลีก วัน 7-2 ในศึก คาราบาว คัพ รอบสาม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา

     เกมนี้ คล็อปป์ เลือกใช้บริการผู้เล่นสำรองและดาวรุ่งเป็นหลักตามคาด และขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 9 จากการยิงฟรีคิกสุดสวยของ เซอร์ดาน ชากิรี่ จากนั้นนาทีที่ 18 สกอร์เปลี่ยนเป็น 2-0 จากการยิงอย่างงามของ ทาคุมิ มินามิโนะ ก่อนที่ เคอร์ติส โจนส์ จะกดคนเดียวสองประตูติดๆ กันในนาทีที่ 32 และ 36 ทำให้ ลิเวอร์พูล จบครึ่งแรกด้วยสกอร์นำ 4-0

     เริ่มครึ่งหลังได้แค่นาทีเดียว ลิเวอร์พูล หนีเป็น 5-0 จากการยิงของ มินามิโนะ ซึ่งถือเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้ หลังจากนั้นนาทีที่ 60 ลินคอล์น มาได้ประตูตีไข่แตกจากการยิงของ เทโย เอดัน แต่นาทีที่ 65 มาร์โก กรูยิช ทำประตูจากนอกกรอบเขตโทษ ช่วยให้ "หงส์แดง" ทิ้งห่างเป็น 6-1 แม้ 2 นาทีต่อมา เจ้าถิ่นได้เพิ่มอีกประตูจากการโขกของ ลูอิส มอนท์สม่า ทว่านาทีที่ 89 ทีมแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาได้ประตูปิดเกม 7-2 จากการยิงสุดเฉียบของ ดิว็อค โอริกี้

     "เรามีเกมที่ยอดเยี่ยมในค่ำคืนนี้" ยอดกุนซือชาวเยอรมันวัย 53 ปี กล่าวกับ บีบีซี สื่อดังอังกฤษ โดย ลิเวอร์พูล เข้ารอบสี่ไปชนกับ อาร์เซน่อล "มันเป็นอะไรที่เพลินตามาก เราผ่านบอลและจบสกอร์กันได้เยี่ยม นักเตะแต่ละคนต่างต้องการเล่น และแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ดีเยี่ยม"

     "นั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น สำหรับการได้สวมเสื้อของสโมสรนี้ ผมแฮปปี้ในทุกๆ ด้านเลย สองประตูที่เสียไปไม่ค่อยโอเคนัก แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเกมแบบนี้คุณก็สามารถเจออะไรแบบนี้ได้อยู่แล้ว"
 

“โชต้า”ลงโชว์! คาดการณ์11ตัวจริงลิเวอร์พูลฉะลินคอล์น

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล มีคิวลงทำศึก คาราบาว คัพ รอบสาม คืนวันนี้ โดยจะยกพลบุกไปเยือน ลินคอล์น ซิตี้ สโมสรระดับ ลีก วัน ที่สังเวียนแข้ง ซินซิล แบงค์ ซึ่งแน่นอนว่า เกมนี้กุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเน้นส่งบรรดานักเตะสำรอง+ดาวรุ่งเป็นหลัก แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ กลุ่มแข้งใหม่อย่าง ดิโอโก้ โชต้า, คอสตาส ซิมิคาส และ ติอาโก้ อัลกันตาร่า น่าจะได้ลงโชว์ฝีเท้าด้วย และนี่คือการคาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง "หงส์แดง" สำหรับแมตช์นี้ จากทางเว็บไซต์ thisisanfield.com (ระบบ 4-3-3)
– ผู้รักษาประตู : อาเดรียน

        เกมบอลถ้วยแบบนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่นายประตูมือสองชาวสแปนิชวัย 33 ปี จะได้ลงโชว์ฝีมือ เพื่อเป็นการเปิดทางให้ อลีสซง เบ็คเกอร์ ได้พักแข้ง

– แนวรับ : เนโก วิลเลี่ยมส์, นาธาเนียล ฟิลลิปส์, เซ็ปป์ ฟาน เดน เบิร์ก, คอสตาส ซิมิคาส

        เรียกได้ว่าสำรองแบบยกชุด โดย วิลเลี่ยมส์ จะประจำการเป็นแบ็กขวา ส่วนแข้งใหม่อย่าง ซิมิคาส จะเล่นเป็นแบ็กซ้าย โดยที่มี ฟิลลิปส์ กับ ฟาน เดน เบิร์ก เป็นคู่เซนเตอร์แบ็ก

– แดนกลาง : มาร์โก กรูยิช (ติอาโก้ อัลกันตาร่า), เจมส์ มิลเนอร์, เคอร์ติส โจนส์

        สำหรับแผงมิดฟิลด์มีโอกาสสูงมากที่ โจนส์ กับ มิลเนอร์ สองแข้งต่างวัย จะได้สตาร์ทเป็นตัวจริง ขณะที่กลางรับ คล็อปป์ อาจจะเลือกใช้บริการแข้ง กรูยิช แต่ก็มีโอกาสเช่นกันที่ ติอาโก้ จะได้ลงเล่นตั้งแต่นาทีแรก หลังจากที่เจ้าตัวได้ลงโชว์เพลงแข้งช่วง 45 นาทีหลังในเกมบุกสอย เชลซี 2-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

– แนวรุก : เซอร์ดาน ชากิรี่, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ (ดิโอโก้ โชต้า), ทาคุมิ มินามิโนะ

        เกมนี้ มินามิโนะ คงจะได้สตาร์ทเป็นตัวจริงค่อนข้างแน่ และอาจจะถูกใช้งานเป็นกองหน้าตัวเป้าด้วย ขณะที่สองตัวริมเส้นนั้น ชากิรี่ มีแววที่จะได้รับโอกาสโชว์ฝีเท้าบ้าง เช่นเดียวกับเจ้าหนูวัย 17 ปี อย่าง เอลเลียตต์ แต่ต้องไม่ลืมว่า เกมนี้ คล็อปป์ อาจจะให้แข้งใหม่อย่าง โชต้า ได้ลงสัมผัสเกมตั้งแต่ออกสตาร์ท เพื่อจูนความเข้าใจกับเพื่อนๆ ด้วย

มินามิโนะ,โจนส์โชว์ออฟ!ตัดเกรดแข้งลิเวอร์พูลหลังบุกกระซวกลินคอล์น

 "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ไม่มีปัญหาในการตบเท้าเข้าสู่รอบสี่ศึก คาราบาว คัพ หลังบุกไปยำ ลินคอล์น ซิตี้ สโมสรจาก ลีก วัน ถึงบ้าน 7-2 ในเกมรอบสาม เมื่อคืนที่ผ่านมา แม้เกมนี้กุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ใช้บริการแข้งตัวสำรอง+ดาวรุ่งเป็นหลัก แต่ก็มีดีพอที่จะเก็บชัยชนะได้อย่างสบายๆ โดยเฉพาะ ทาคุมิ มินามิโนะ กับ เคอร์ติส โจนส์ ที่เล่นได้แจ่มมากๆ และนี่คือผลสอบของนักเตะ ลิเวอร์พูล แต่ละคนที่ลงเล่นแมตช์นี้  
 – อาเดรียน : 6.5
  แทบไม่ต้องทำอะไรมากช่วงครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังเด่นทีเดียว เพราะมีโชว์เซฟสวยๆ หลายครั้ง ทว่ามาเสียท่าที่ออกมาไม่ดีในจังหวะเสียลูกที่สอง

 – เนโก วิลเลี่ยมส์ : 6.5
   เข้าถึงบอลก่อนคู่แข่งได้แทบตลอด แต่ก็มีปัญหาบางอย่างที่จะต้องปรับปรุงเรื่องเกมรับ ซึ่งก็ต้องพัฒนากันต่อไป

 – รีส วิลเลี่ยมส์ : 7
  เล่นดูมีชั้นเชิงเลยทีเดียว มีความมั่นใจ และมีส่วนร่วมกับประตู 3-0 ที่วางบอลยาวสุดแม่นให้ โอริกี้ โหม่งชงให้ โจนส์ จบสกอร์ 

 – เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ : 7
  เจองานไม่หนักมาก ช่วยคุมแนวรับได้อย่างสบายๆ ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกหลังจบครึ่งแรก


 

 – คอสตาส ซิมิคาส : 7
  นี่คือเกมอย่างเป็นทางการนัดแรกในสีเสื้อ "หงส์แดง" ของแบ็กซ้ายชาวกรีซ อาจไม่โดดเด่น แต่ทำได้ดีในการช่วยเติมเกมรุก แถมขยันดีเยี่ยม
 
 – มาร์โค กรูยิช : 7
  โดยรวมคุมแดนกลางได้โอเค แถมมีชื่อเป็นคนทำประตูด้วยในลูก 6-1

 – เคอร์ติส โจนส์ : 8
  ยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ มีชั้นเชิงในการเล่น และทำสองประตูได้อย่างสุดสวย ดูแล้วสามารถเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมได้แบบยาวๆ

 – ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ : 7
  ไม่ได้โดดเด่นมาก แต่ก็มีส่วนช่วยให้ทีมได้สองประตู แถมมีการเล่นที่ฉลาดในหลายจังหวะ ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกช่วงกลางครึ่งหลัง

 – เซอร์ดาน ชากิรี่ : 7.5
  ยิงฟรีคิกสุดสวยให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 9 และโดยรวมถือว่าเล่นได้โดดเด่นทีเดียวกับบทบาทมิดฟิลด์ตัวกลาง

 – ทาคุมิ มินามิโนะ : 8.5
  โดดเด่นอย่างแรงสำหรับดาวเตะชาวญี่ปุ่น เพราะนอกจากยิงสองตุงแล้ว ยังทุ่มเทสุดๆ ขยันวิ่งไล่บอล และปิดท้ายด้วยการแอสซิสต์ให้ โอริกี้ ยิงประตู 7-2

 – ดิว็อค โอริกี้ : 7
  แม้เป็นคนโหม่งแอสซิสต์ให้ โจนส์ ทำประตู 3-0 แต่โดยรวมมีเกมที่ค่อนข้างเงียบ จนกระทั่งเป็นคนจบสกอร์ 7-2 ในนาทีสุดท้าย

สำรองที่ได้ลงเล่น

 – ฟาบินโญ่ (แทน ฟาน ไดค์ น. 46) : 6
  ช่วยประคองเกมรับแทน ฟาน ไดค์ ช่วงครึ่งหลัง แทบเกือบทำประตูได้จากลูกฟรีคิก

 – ดิโอโก้ โชต้า (แทน เอลเลียตต์ น. 57) : 6
  ทำอะไรไม่ได้มาก แต่เกือบมีสกอร์เหมือนกัน

 – นาบี เกอิต้า (แทน ชากิรี่ น. 75) : –
  ไม่สามารถให้คะแนนได้

ฮอตอีก!มินามิโนะทำประตูเกมอุ่นเกือกนอกรอบ

ทาคูมิ มินามิโนะ ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ได้อีกแล้ว ในเกมอุ่นเกือกแบบลับสุดยอดที่ "หงส์แดง" เจอกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ โดยคนที่ได้ลงเล่นนัดดังกล่าวเป็นพวกที่ไม่ได้ลงเป็นตัวจริงในเกมกับ ลีดส์
    ทาคูมิ มินามิโนะ ปีกชาวญี่ปุ่นของ ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทำประตูได้ในเกมอุ่นเครื่องกับทีมชุด บี ของ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา

    ส่วนใหญ่แล้วคนของ ลิเวอร์พูล ที่ได้ลงเล่นในนัดดังกล่าวคือนักเตะในทีมชุดใหญ่ที่ไม่ได้เป็นตัวจริงในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ "หงส์แดง" ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 4-3 เมื่อวันเสาร์ที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา โดยมันเป็นเกมที่ลับสุดยอดมากๆ จนเพิ่งมีคนมารู้ว่าเตะกัน และเป็นเกมที่ไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้ามาดูในสนามด้วย

    ทั้งนี้ มินามิโนะ ทำประตูได้ในช่วงก่อนพักครึ่ง แต่ทีมชุดบีของ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ได้ประตูตีเสมอในช่วง 15 นาทีสุดท้ายจากการที่มีนักเตะ ลิเวอร์พูล ทำเข้าประตูตัวเอง ทำให้สกอร์จบลงที่การเสมอกัน 1-1 แต่มันก็ถือว่าอดีตแข้ง เร้ดบูลล์ ซัลซบวร์ก กำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีพอตัว เพราะเมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่ผ่านมา เขาทำประตูในเกมอุ่นเกือกที่ ลิเวอร์พูล ถล่ม แบล็คพูล 7-2 ได้ และถ้าย้อนไปก่อนหน้านั้นก็ทำประตูในเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่ทีมแพ้ อาร์เซน่อล ในช่วงดวลจุดโทษเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาได้เหมือนกัน

    นอกจาก มินามิโนะ แล้วนั้น คนที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมามีอย่างเช่น อาเดรียน, เจมส์ มิลเนอร์, เซอร์ดาน ชากิรี่, ดิว็อค โอริกี้ และ โฌแอล มาติป ส่วน ลอริส คาริอุส, แฮร์รี่ วิลสัน และ ริอาน บรูว์สเตอร์ ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามในช่วงพักครึ่ง

ชากิรี่เผยแล้วคิดลาลิเวอร์พูลหรือขอสู้ต่อ

หลังจากตกเป็นข่าวย้ายทีมอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุด เซอร์ดาน ชากิรี่ ปีก ลิเวอร์พูล ก็บอกว่าตอนนี้ต้องการช่วยทีมในซีซั่น 2020-21 เพื่อที่จะได้มีโอกาสลงเล่นเยอะเหมือนฤดูกาล 2018-19 พร้อมบอกว่า "หงส์แดง" ตื่นเต้นกับการได้ป้องกันแชมป์ลีกสุดๆ
    เซอร์ดาน ชากิรี่ ปีกชาวสวิสของ ลิเวอร์พูล แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลล่าสุด แสดงเจตนารมณ์ว่าต้องการอยู่กับทีมต่อไป ด้วยการบอกว่าตั้งตารอที่จะได้ช่วยทีมในฤดูกาล 2020-21 อย่างใจจดใจจ่อ

    หลังจากได้ลงเล่น 30 นัดในทุกรายการเมื่อซีซั่น 2018-19 ชากิรี่ ก็ได้ลงเล่นในทุกรายการเพียง 11 นัดในซีซั่น 2019-20 โดยถึงแม้ส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะเขาเคยเจ็บตรงน่อง แต่พอหายเดี้ยงแล้วแข้งวัย 28 ปีก็ไม่ค่อยโดน เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันใช้งานเลย จนทำให้เจ้าตัวตกเป็นข่าวเกี่ยวกับการย้ายทีมหนักพอตัว

    ชากิรี่ ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ ลิเวอร์พูล ว่า "ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บหรือไม่ได้เล่นแล้วน่ะคุณก็จะรู้สึกหงุดหงิดเป็นธรรมดา แต่ผมตั้งตารอที่จะได้เล่นในซีซั่นนี้ และตั้งตารอที่จะได้พยายามช่วยทีม เพื่อที่ผมจะได้มีโอกาสลงเล่นเยอะเหมือนอย่างในฤดูกาลแรก (ของตัวเองกับ ลิเวอร์พูล)"

    "ในฐานะทีมแล้วนั้นผมอยากประสบความสำเร็จหลายอย่าง ผมคิดว่าเรามีนักเตะเก่งๆ หลายคนอยู่ในทีม ทุกคนมีดีพอที่จะได้ลงเล่น และเราก็พยายามทำให้โค้ชต้องหนักใจมากๆ อยู่เสมอ (หมายถึงทุกคนพยายามทำงานอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ คล็อปป์ เลือกยากว่าจะใช้งานใครดี) ผมเองก็พยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้, ช่วยให้ทีมชนะ และได้แชมป์มาครองเหมือนกัน นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดสำหรับผม"

    "ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ลงเล่นอีกครั้ง และเพื่อป้องกันแชมป์ที่คว้ามาครองได้เมื่อฤดูกาลก่อน แน่นอนว่ามันเป็นงานยากมากๆ แต่เราก็พยายามที่จะทำหลายอย่างให้ได้อีกครั้ง และอยากชนะหลายต่อหลายเกมด้วย เรามีความสามารถดีพอที่จะทำอย่างนั้นได้ เรามีทีมที่ยังกระหายความสำเร็จ และอยากได้แชมป์อีกหลายรายการ"

    "มันรู้สึกยอดเยี่ยมมากๆ ที่ฤดูกาลก่อนเราได้แชมป์ลีก มันให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปทั้งสำหรับแฟนบอลและสำหรับเราหลังจากที่ทีมไม่ได้แชมป์ลีกมานาน 30 ปี เราตื่นเต้นกันมากๆ และอยากชนะให้ได้ทุกนัด แต่เราก็รู้ดีว่ามันจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากสุดๆ เช่นกัน ทีมอื่นๆ ต่างก็อยากจะชนะให้ได้เหมือนกัน ดังนั้นผมเลยคิดว่ามันจะเป็นฤดูกาลที่น่าตื่นเต้น"

อะไหล่สำรอง!ลิเวอร์พูลเตรียมยื่นซื้อแบ็กซ้ายนอริชร่วมทัพ

เดอะ มิร์เรอร์ สื่อของอังกฤษ ตีข่าว ลิเวอร์พูล เตรียมยื่นซื้อ จามาล ลูอิส แบ็กซ้าย นอริช ด้วยค่าตัว 10 ล้านปอนด์ โดยว่ากันว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ถูกใจฝีเท้าของเขามากๆ
    ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังเตรียมที่จะยื่นข้อเสนอเป็นเงิน 10 ล้านปอนด์ (ประมาณ 400 ล้านบาท) เพื่อขอซื้อ จามาล ลูอิส แบ็กซ้ายดาวรุ่งของ นอริช ซิตี้ มาร่วมทัพ ตามรายงานของ เดอะ มิร์เรอร์ สื่อชั้นนำของเมืองผู้ดี

    แม้ว่า นอริช จะเป็นอันดับสุดท้ายในฤดูกาล 2019-20 จนต้องตกชั้นไปเล่นใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ในซีซั่นหน้า แต่ผลงานส่วนตัวของ ลูอิส ถือว่าน่าประทับใจพอตัว โดยเฉพาะด้านเกมรุกที่ทำได้โดดเด่น โดยเขายังทำได้ 1 ประตูด้วย นอกจากนี้ แข้งวัย 22 ปี ยังโยกไปเล่นในตำแหน่งอื่นๆ ในแนวรับได้เช่นกัน

    สื่อเจ้าเดิมบอกว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล และสตาฟฟ์ด้านการเสริมทัพส่วนหนึ่งของทีมประทับใจกับผลงานของ ลูอิส มากๆ จนมองว่าเขาจะเป็นแบ็กอัพที่ดีของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายคนเก่งของทีม อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อาจจะเป็นปัญหาในดีลนี้ก็คือ ลูอิส ต้องการได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง และการมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ก็อาจจะทำให้เขาไม่ได้รับโอกาสแบบนั้น

    ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่เข้ามาคุม ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2015 คล็อปป์ ก็เคยดึงนักเตะจากทีมที่เพิ่งตกชั้นมาร่วมทัพหลายราย ไม่ว่าจะเป็น โรเบิร์ตสัน, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม และ เซอร์ดาน ชากิรี่ ซึ่งรายของ โรเบิร์ตสัน กับ ไวจ์นัลดุม ทำผลงานได้ดีจนถึงขั้นเป็นกำลังหลักของทีม ส่วน ชากิรี่ ก็เคยเล่นได้โดดเด่นอยู่พักหนึ่ง

ไม่ใช่3เทพ!โลเนอร์แกนเผยกลัวใครสุดตอนซ้อม

แอนดี้ โลเนอร์แกน ระบุ ในขุมกำลังชุดปัจจุบันของ ลิเวอร์พูล คนที่ตนไม่อยากดวลด้วยมากที่สุดในการซ้อมคือ เซอร์ดาน ชากิรี่ ระบุ ดาวเตะชาวสวิสเป็นคนที่ยิงได้น่ากลัวมากๆ
    แอนดี้ โลเนอร์แกน อดีตผู้รักษาประตู ลิเวอร์พูล ชุดแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2019-20 เปิดเผยว่า เซอร์ดาน ชากิรี่ ปีกชาวสวิสเป็นนักเตะที่น่ากลัวจนตนไม่อยากดวลด้วยมากที่สุดในการซ้อม

    ชากิรี่ กลายเป็นตัวเลือกลำดับท้ายๆ ของทีมอย่างสมบูรณ์แบบในฤดูกาลล่าสุด หลังจากได้ลงเล่นไปเพียง 11 นัดในทุกรายการ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขามีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บ ขณะเดียวกันทั้ง ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ 3 แนวรุกตัวหลักของทีมต่างก็โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมสุดๆ

    โลเนอร์แกน ให้สัมภาษณ์กับ ลิเวอร์พูล เอ็คโค่ สื่อท้องถิ่นชื่อดังประจำย่านเมอร์ซี่ย์ไซด์ว่า "ไม่มีใครทำให้ผมรู้สึกแปลกใจเลยนะ เพราะพวกเขาทุกคนต่างก็เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมมากๆ อยู่แล้ว แต่คนที่ผมไม่อยากเผชิญหน้าด้วยคือ ชากิรี่ เวลาที่เขายิงน่ะเขาสามารถยิงได้ทุกรูปแบบตามที่ต้องการด้วยเท้าซ้ายของเขา เวลาที่เราต้องแบ่งทีมดวลกันแบบ 5 ต่อ 5 ผมจะคิดอยูาเสมอว่า -ขอให้เขาอยู่ทีมเดียวกับฉันทีเถอะ- เพราะถ้าเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณแล้วล่ะก็ เขาก็จะสร้างความอันตรายจากการจบสกอร์ได้ดีจนเป็นเหมือนนักมายากลนิดๆ เลยล่ะ"

 

อลีสซง,ฟานไดค์ทำพัง! ตัดเกรดแข้งลิเวอร์พูลเกมบุกพ่ายอาร์เซน่อล

ถึงแม้ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้มาครองเรียบร้อย แต่การบุกไปแพ้ อาร์เซน่อล 1-2 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ถือว่าน่าเจ็บใจไม่น้อยสำหรับสาวก "เดอะ ค็อป" เพราะทุกอย่างมาพังจากความผิดพลาดส่วนบุคคลของ 2 ผู้เล่น ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญของทีม ทั้งๆ ที่รูปเกมเหนือกว่า และดูเข้าทางไปซะหมดตอนที่มีสกอร์นำ 1-0 และนี่คือผลสอบของนักเตะ "หงส์แดง" แต่ละคนที่ลงเล่นในแมตช์นี้

11 ผู้เล่นตัวจริง

 – อลีสซง เบ็คเกอร์ : 4

นอกจากตลอดทั้งเกมไม่ได้เซฟแม้แต่ครั้งเดียวแล้ว ความผิดพลาดของเจ้าตัวยังส่งผลให้ทีมกลับมาเป็นฝ่ายพลิกปราชัย ถือเป็นเกมที่น่าผิดหวังอย่างแรงสำหรับนายประตูหน้าหล่อชาวบราซิเลียน

– เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ : 6.5

เติมเกมรุกได้ดี มีจังหวะเปิดบอลเข้ากลางได้เสียว แต่โชคดีไม่น้อยเช่นกัน ที่ได้รับแค่ใบเหลืองจากจังหวะเข้าหนักใส่คู่แข่งช่วงครึ่งหลัง 

 – โจ โกเมซ : 7.5

ช่วยดักบอลสวยๆ หลายครั้ง เล่นได้นิ่ง ถือเป็นเกมที่เจ้าตัวช่วยแบกเกมรับได้ดี 

– เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (กัปตันทีม) : 5

รับไปเต็มๆ กับจังหวะส่งบอลคืนหลังไม่ดี จนนำไปสู่การเสียประตูตีเสมอ แถมการผ่านบอลก็ดูไม่ค่อยมั่นใจ ถือเป็นเกมที่ฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐานอย่างแรง

 – แอนดี้ โรเบิร์ตสัน : 7

แอสซิสต์สุดคมให้ มาเน่ กระทุ้งประตู 1-0 โดยรวมทำหน้าที่ของตัวเองได้โอเค ทั้งเกมรับและรุก

 – ฟาบินโญ่ : 6

ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐาน มีหลายครั้งที่เสียบอลง่าย แม้บางจังหวะช่วยเล่นเกมรับได้ดี 

 – อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน : 6

มีโอกาสได้ทดสอบ มาร์ติเนซ แต่โดยรวมค่อนข้างเงียบ

– จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม : 7

เดินเกมแดนกลางได้ไม่เลว สร้างโอกาสให้เพื่อนลุ้นทำประตูถึง 4 หน

 – โมฮาเหม็ด ซาลาห์ : 6.5

จริงๆ แล้วไม่ใช่เกมที่เลวร้าย แต่เหมือนเดิมคือ จบสกอร์ไม่คมในจังหวะที่ได้ยิงเน้นๆ

 – ซาดิโอ มาเน่ : 7.5

กดประตูขึ้นนำ 1-0 ได้เฉียบขาด และป่วนแนวรับเจ้าถิ่นได้เรื่อยๆ ถือเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นสุดของทีมในเกมนี้

 – โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ : 6

เชื่อมเกมได้อย่างโดดเด่น มีส่วนขึ้นเกมในจังหวะได้ประตูนำ 1-0 แต่ก็ดีได้แค่ครึ่งทางครึ่งแรก จากนั้นก็หายไปจากเกม ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกช่วงครึ่งหลัง

 สำรองที่ได้ลงเล่น

 – ทาคูมิ มินามิโนะ (แทน ฟีร์มีโน่ น. 61) : 6

มีความมุ่งมั่นดี และมีลุ้นทำประตูด้วย ทว่าโดยรวมสร้างความแตกต่างให้กับเกมไม่ได้มาก 

 – นาบี เกอิต้า (แทน อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น. 62) : 6.5

ช่วยยกระดับเกมแดนกลางได้พอสมควร และมีโอกาสยิงไกลแบบได้ลุ้น

– เซอร์ดาน ชากิรี่ (แทน ซาลาห์ น. 83) : –

ไม่สามารถให้คะแนนได้ 

 – ดิว็อค โอริกี้ (แทน ไวจ์นัลดุม น. 83) : –

ไม่สามารถให้คะแนนได้