คล็อปป์เปิดใจเรื่องทำเฟอร์กี้ตื่นตอนตี3ครึ่ง

หลังจากไม่กี่เดือนก่อน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บอกว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำให้เขาต้องตื่นมาตอนตี 3 ครึ่ง จากการที่ คล็อปป์ แจ้งเรื่อง ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ลีกนั้น ล่าสุด คล็อปป์ ก็บอกว่าตนเผลอทำอย่างนั้นไปจริงๆ จากการที่ส่งข้อความตอบกลับไปหา เฟอร์กูสัน พร้อมบอกว่าไม่รู้ว่า เฟอร์กูสัน จะวางโทรศัพท์มือถือเอาไว้ข้างเตียง
 
เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ยอมรับว่าตนทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องตื่นมาตอนประมาณตี 3 ครึ่งจริงๆ หลังจากตอนแรก เฟอร์กูสัน ส่งข้อความเชิงแสดงความยินดีที่ทีมของตนได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2019-20 มาให้ตนตั้งแต่ในช่วงกลางคืน แต่ตนเพิ่งมาอ่านเจอข้อความนั้นและส่งข้อความตอบกลับไปในอีกหลายชั่วโมงต่อมา

เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คล็อปป์ ได้รับรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำปี 2020 ของสมาคมผู้จัดการทีมลีกในประเทศอังกฤษ (แอลเอ็มเอ) จากการที่เขาพาทีมได้แชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี โดยถ้วยรางวัลดังกล่าวมีชื่อว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โทรฟี่ ซึ่งเป็นการตั้งชื่อเพื่อให้เกียรติแก่ เฟอร์กูสัน ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในวงการฟุตบอลอังกฤษ

แฉสาเหตุที่มอยส์เมินดึงติอาโก้ตอนคุมแมนยู

อีเอสพีเอ็น สื่อกีฬาชื่อก้อง ระบุ สาเหตุที่ เดวิด มอยส์ เคยเมินดึง ติอาโก้ อัลกันตาร่า มาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะไม่มีความรู้มากพอว่า ติอาโก้ มีฝีเท้าแบบไหน โดยเขาอยากให้ทีมล่าตัว เชส ฟาเบรกาส ให้ได้มากกว่า
   
เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด สโมสรในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปฏิเสธที่จะดึง ติอาโก้ อัลกันตาร่า มาร่วมทัพในตอนที่เขาคุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะไม่มีความรู้มากพอว่า ติอาโก้ เป็นนักเตะแบบไหน ตามรายงานของ อีเอสพีเอ็น สื่อกีฬาระดับโลก

ก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยว่า ติอาโก้ เคยเกือบที่จะย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์ ปี 2013 ซึ่งเป็นตอนที่ มอยส์ เข้ามาคุม "ปีศาจแดง" ต่อจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โดยตอนนั้น ติอาโก้ อยากย้ายออกจาก บาร์เซโลน่า มากๆ และว่ากันว่าที่จริง เฟอร์กูสัน วางโครงการที่จะช่วยให้ ติอาโก้ ย้ายมาอยู่ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ตั้งแต่ก่อนหน้าที่เขาจะวางมือจากการคุมทีมแล้ว โดยตอนนั้นคุยเรื่องค่าตัวกันได้ที่ 17 ล้านปอนด์ (ประมาณ 680 ล้านบาท)

มูรินโญ่เผยป๋าเคยแนะเซ็น1แข้งตอนคุมแมนยู

โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือ สเปอร์ส บอกเอง สมัยที่ยังคุม แมนฯ ยูไนเต็ด นั้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยแนะนำให้ตนเซ็นสัญญากับ เดเล่ อัลลี่ ให้ได้ โดยให้เหตุผลว่าที่ตอนนั้นไม่ทำอย่างนั้นเพราะ อัลลี่ เป็นคนที่ซ้อมได้แย่สุดๆ

    โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สโมสรชั้นนำของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดเผยว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยกระตุ้นให้ตนคว้าตัว เดเล่ อัลลี่ ไปร่วมทัพให้ได้ ในตอนที่ตนยังเป็นกุนซือของ "ปีศาจแดง"

    อัลลี่ ทำผลงานได้โดดเด่นมาโดยตลอดนับตั้งแต่ที่มาเล่นให้กับ สเปอร์ส ในปี 2015 จนทำให้เขาถูกยกว่าเป็นหนึ่งในความหวังของทีมชาติอังกฤษยุคปัจจุบัน โดยจนถึงตอนนี้เขาทำประตูให้ "ไก่เดือยทอง" ไปแล้ว 62 ลูก จากการลงเล่น 222 นัดในทุกรายการ

    มูรินโญ่ กล่าวใน "ออล ออร์ น็อตติง" (All or Nothing) สารคดีของ สเปอร์ส ว่า "ผมบอกกับ เดเล่ โดยตรงเลยว่าเขาเป็นคนที่ซ้อมได้แย่มากๆ เขาไม่ใช่คนที่มักจะทำได้ดีในการซ้อม ผมไม่ได้จะบอกว่าเขาซ้อมได้แย่จนเข้าขั้นห่วยแตกหรอกนะ แต่เขาก็ไม่สามารถซ้อมให้อยู่ในระดับเดียวกับ แฮร์รี่ เคน ได้ แฮร์รี่ เคน เป็นคนที่ซ้อมได้ดีมากๆ

    "ตลอดช่วง 2 ปีครึ่งที่ผมอยู่ที่นั่น (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) น่ะ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ให้คำแนะนำผมแค่เรื่องเดียว นั่นคือให้ผมซื้อ เดเล่ อัลลี่ ซะ เขาบอกว่า -ไอ้หนูนี่มีหลักความคิดที่ดี, มีแนวทางการเล่นที่ยอดเยี่ยม, มีความดุดันที่น่าทึ่ง หมอนี่มันเป็นนักเตะตามแบบฉบับของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชัดๆ ซื้อ เดเล่ อัลลี่ ซะ- ผมบอกเลยว่าเขา (เฟอร์กูสัน) เป็นคนที่มีสายตาเฉียบแหลมในการมองนักเตะ แต่เขา (อัลลี่) เป็นพวกที่ซ้อมได้แย่ และเราก็จำเป็นต้องหาแรงกระตุ้นที่เหมาะสมให้กับเขา"

    ทั้งนี้ ในสารคดีดังกล่าวมีการฉายช่วงที่ มูรินโญ่ ตะโกนตำหนิ อัลลี่ ในการคุมทีมลงซ้อมครั้งแรกด้วยว่า "ขี้เกียจชิบหาย ฟังไว้เลยนะ ฉันจะเป็นคนที่ทำให้นายปวดหัวแน่ๆ (สื่อถึงเรื่องที่ว่า มูรินโญ่ จะเคร่งกับ อัลลี่ จนทำให้ อัลลี่ ต้องเครียด) และนายก็โชคดีมากๆ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันเป็นคนแบบนั้นแล้วน่ะ นั่นก็ถือเป็นเรื่องดี"

เลิกล่าซานโช่!อดีตผู้ช่วยป๋าชี้เป้าแข้งที่แมนยูควรซิวร่วมทีม

 

สตีฟ แม็คคลาเรน ระบุ แมนฯ ยูไนเต็ด ควรจะเลิกจริงจังในภารกิจล่า เจดอน ซานโช่ ปีกตัวจี๊ดของ ดอร์ทมุนด์ แล้วไปเอา เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ หัวหอกเพื่อนร่วมทีมของ ซานโช่ มาร่วมทัพให้ได้ ชี้ ตอนนี้ "ปีศาจแดง" กำลังขาดกองหน้าตัวเป้าที่จบสกอร์เก่งๆ และ ฮาแลนด์ ก็เหมาะกับบทบาทนั้น

สตีฟ แม็คคลาเรน กุนซือว่างงานชาวอังกฤษ แสดงความเชื่อว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรชั้นนำของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ควรจะพยายามคว้าตัว เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ กองหน้าคนเก่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาร่วมทัพให้ได้มากกว่า เจดอน ซานโช่ ซะอีก

 "ปีศาจแดง" มีข่าวกับ ซานโช่ อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมของพวกเขายังต้องการทำให้เกมริมเส้นมีความดุดันมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะหมดหวังในการล่าตัว ซานโช่ แล้ว หลังจากที่ผู้บริหารของ ดอร์ทมุนด์ ให้สัมภาษณ์อย่างต่อเนื่องว่าอดีตลูกหม้อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะยังอยู่กับทีมต่อไปในฤดูกาล 2020-21

 แม็คคลาเรน ซึ่งเคยเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เผยว่า "4 แนวรุกของพวกเขา (แมนฯ ยูไนเต็ด) ต่างก็เป็นคนที่เร็วมากๆ พวกเขามีฝีเท้าที่น่าตื่นตาตื่นใจ และสร้างปัญหาให้คู่แข่งได้หลายอย่าง มาร์กซิยาล เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม แต่เวลาถึงเกมใหญ่ๆ แล้วนั้นเขากลับไม่เคยสวมบทจอมทำประตูที่แท้จริงได้เลยในจังหวะที่ถือว่าสำคัญต่อเกมมากๆ พวกเขาต้องการนักเตะชั้นยอดในตำแหน่งนั้น (กองหน้าตัวเป้า)"

"ผมไม่คิดว่า (โรเมลู) ลูกากู เหมาะกับแนวทางการเล่นในตอนนี้ของ แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่แล้ว (ตอบโต้เรื่องที่คนบอกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด คิดผิดที่ขาย ลูกากู) เพราะตอนนี้พวกเขาเล่นแบบวิ่งไล่กดดันสูง และผมคิดว่าพวกเขาควรจะต้องเล่นแบบนั้นให้ได้"

 "ผู้จัดการทีมจะทำอะไรไม่ได้เลยหากสโมสรไม่หนุนหลังเขาและไม่ดึงนักเตะอย่าง ฮาแลนด์ มาร่วมทัพ เขาจะเป็นคนที่เข้ากับทีมอย่างสมบูรณ์แบบ ผมได้เห็นฟอร์มของเขาที่ ดอร์ทมุนด์ และเขาก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมทั้งที่เพิ่งมีอายุเพียง 20 ปี ลองจินตนาการดูสิว่าถ้ามีนักเตะแบบเขาอยู่ในทีม แมนฯ ยูไนเต็ด มันจะเป็นยังไง มันจะลงล็อกเลยล่ะ"

    "ตอนนี้พวกเขาไม่ได้ห่างชั้นจากทีมอื่นๆ แบบไกลคนละโลก แต่พวกเขาจำเป็นต้องใช้เงินกับการเสริมทัพและดึงนักเตะที่เหมาะสมมาร่วมทีม ผมเห็น เจดอน ซานโช่ เล่นให้ ดอร์ทมุนด์ มาแล้วหลายนัด จริงอยู่ว่าเขาเป็นนักเตะที่น่าตื่นตาตื่นใจมากๆ แต่เขามีสไตล์คล้ายกับ มาร์กซิยาล, แรชฟอร์ด และ กรีนวู้ด นิดหน่อย มันทำให้ผมสงสัยว่าพวกเขา (แมนฯ ยูไนเต็ด) ต้องการนักเตะแบบนั้นจริงๆ งั้นเหรอ ?"

    "เขา (ซานโช่) ไม่ใช่นักเตะประเภทกองหน้าตัวเป้าหมายเลข 9 มาร์กซิยาล, แรชฟอร์ด และ กรีนวู้ด ก็ไม่ใช่นักเตะแบบนั้นเหมือนกัน คุณจำเป็นต้องมีนักเตะประเภทเพชฌฆาตในกรอบเขตโทษ, พวกที่จบสกอร์เก่งแบบนักเตะหมายเลข 9 และพวกเขาก็จำเป็นต้องหานักเตะแบบนั้นให้เจอโดยเร็วด้วย"

    "ใช่ ซานโช่ จะทำให้ขุมกำลังของพวกเขาดีขึ้นได้ แต่การที่จะชนะเกมใหญ่ๆ และได้แชมป์มาครองน่ะ คุณจำเป็นต้องมีนักเตะประเภทหมายเลข 9 อยู่ในทีม และต้องมีเซนเตอร์แบ็กที่เก่งๆ 2 คนด้วย ฮาแลนด์ จะเป็นการเสริมทัพที่สมบูรณ์แบบ เขาเป็นกองหน้าฝีเท้าดีที่อายุยังน้อย, เป็นนักเตะประเภทหมายเลข 9 ที่รับมือกับแรงกดดันได้ นักเตะแบบนี้น่ะหาได้ยากมากๆ ส่วนรายของ แฮร์รี่ เคน นั้น คำถามคือพวกเขาจะดึงเขามาจาก ท็อตแน่ม ได้รึเปล่า ? ผมไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะทำอย่างนั้นได้ แต่พวกเขาต้องการนักเตะประเภทนั้นอย่างมาก"

อดีตซีอีโอ แมนยู เผย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โทรหาอยากได้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้

       อดีตซีอีโอ แมนยู ปีเตอร์ เคนยอน เผยเรื่องราวเมื่อครั้งที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สายตรงมาหาเพื่อขอให้ซื้อตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาร่วมทีมให้ได้ หลังประใจในฝีเท้าอย่างมาก จากการรายงานของ Mirror สื่อชื่อดังต่างประเทศ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2563

        ย้อนกลับไปเมื่อปี 2003 แมนยู ของตำนานกุนซือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้สร้างความประหลาดใจให้แฟนบอล เมื่อพวกเขายอมทุ่มเงินจำนวน 12 ล้านปอนด์ เพื่อแลกกับแข้งชาวโปรตุเกสที่ชื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งในตอนนั้นถือว่าเป็นเงินจำนวนที่มากสำหรับดาวรุ่งคนหนึ่ง

        แต่เมื่อเวลาผ่านไป ป๋าเฟอร์กี้ ก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าสายตาของเขาฉียบคมแค่ไหน เมื่อ โรนัลโด้ ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะซูเปอร์สตาร์ของโลก พร้อมกับประสบความสำเร็จอย่างมากกมายอีกด้วย ซึ่ง ปีเตอร์ เคนยอน อดีตซีอีโอ แมนยู ได้ออกมาเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่ กุนซือชาวสก็อตโทรมาบอกให้ซื้อตัวปีกแดนฝอยทองมาร่วมทีมให้ได้

        "ผมได้รับโทรศัพท์จากเขา (เฟอร์กูสัน) ในช่วงพักครึ่ง เขาบอกกับผมว่า แทนที่เราจะทิ้งเขาไว้ที่นี่ เราพาเขากลับบ้านด้วยได้ไหม และในวันรุ่งขึ้นทีมเราต้องเดินทางกลับ แต่ผมต้องอยู่ที่นั่นต่อ เพื่อจัดการเรื่องนี้ให้กับเขา" ปีเตอร์ เคนยอน กล่าว

        ทั้งนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประทับใจในฝีเท้าของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จากเกมอุ่นเครื่องในช่วงปรี-ซีซั่นตามโปรแกรมบอลที่พวกเขาต้องลงเล่นกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ในปี 2003

ดัลกลิชเผยเฟอร์กี้ส่งข้อความยินดีลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ฯ

เซอร์ เคนนี่ ดัลกลิช ระบุ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ส่งข้อความแสดงความยินดีกับการที่ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ลีก พร้อมบอกว่านี่เป็นการแสดงออกที่ยอดเยี่ยม

    เซอร์ เคนนี่ ดัลกลิช ตำนานนักเตะและผู้จัดการทีมของ ลิเวอร์พูล เปิดเผยว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตยอดกุนซือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่งข้อความร่วมแสดงความยินดีกับการที่ "หงส์แดง" ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2019-20 ด้วย

    เฟอร์กูสัน ได้รับการยกย่องว่าเป็นคนที่มีความสำคัญมากที่สุดในการพา แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้มากที่สุดของเกาะอังกฤษ หลังจากที่เขาพา "ปีศาจแดง" ได้แชมป์ลีกไปครองถึง 13 สมัย จนทำให้ยอดรวมแชมป์ลีกของ แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ที่ 20 รายการ โดยเขาเองก็เคยบอกว่าจะเขี่ย ลิเวอร์พูล ลงจากหิ้งการเป็นทีมเบอร์ 1 ของเกาะอังกฤษให้ได้ด้วย

    ดัลกลิช เผยว่า "เขาติดต่อมาหาเราเพื่อแสดงความยินดีกับเรา คือคุณต้องเข้าใจก่อนนะว่าเราไม่ได้ทำสงครามกันอยู่สักหน่อย! โอเคล่ะว่าทีมคู่อริกันน่ะต้องมีการดวลกันอยู่แล้ว แต่ท้ายที่สุดแล้วคุณก็จะส่งจดหมายเชิงแสดงความยินดีให้กับอีกฝ่ายเพื่อชมอีกฝ่ายว่าทำได้ดี จนถึงตอนนี้มันก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ และมัน (คำแสดงความยินดีจาก เฟอร์กูสัน) ก็เป็นเหมือนคำชมที่ยอดเยี่ยม"

    "คุณอาจจะเป็นคู่แข่งกัน แต่คุณก็ต้องมีสติที่ดีด้วยเพื่อที่จะได้ใจกว้างมากพอสำหรับการส่งจดหมายแสดงความยินดีให้กับคู่อริ จริงอยู่ว่าบรรดาคู่แข่งที่คุณดวลด้วยตลอดชีวิตในฟุตบอลน่ะย่อมอยากได้แชมป์เองเป็นธรรมดา แต่พวกเขาก็มีความภาคภูมิใจที่จะแสดงความนับถือต่อคนอื่นเช่นกัน"

    สำหรับ เฟอร์กูสัน นั้น ถึงขั้นเคยออกมาขอร้องให้แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด อย่าร้องเพลงล้อ ลิเวอร์พูล เกี่ยวกับโศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร่มาแล้ว ในตอนที่มีการตัดสินว่าแฟนบอล "หงส์แดง" ไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมดังกล่าว ขณะที่ ดัลกลิช ก็เคยเปิดเผยว่า เฟอร์กูสัน โยนความบาดหมางทิ้งไปและติดต่อมาหาตนในช่วงแรกๆ ที่เกิดโศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร่เหมือนกัน โดยโศกนาฏกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นในตอนที่ ดัลกลิช ยังเป็นกุนซือของ ลิเวอร์พูล อยู่

คล็อปป์ถ่อมตัวลิเวอร์พูลคงเทียบแมนยูยุคป๋าไม่ได้

เจอร์เก้น คล็อปป์ เผยว่า ลิเวอร์พูล คงยากที่จะครองความยิ่งใหญ่ได้เหมือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่กวาดแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ถึง 13 สมัย พร้อมย้ำความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มเจ้าของทีม

    เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล กำลังจะพา ‘หงส์แดง’ คว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 30 ปี และตั้งมั่นว่าจะนำพาสโมสรคืนสู่ความยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตามเจ้าตัวยืนยันว่าการจะครองความยิ่งใหญ่ให้ได้เหมือน แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั้นเป็นไปได้ยากเนื่องจากมีปัจจัยหลาย ๆ อย่าง

    "พูดตามตรงเลยนะ ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้เลย(เรื่องครองความยิ่งใหญ่เหมือน แมนยู)"

    "ในตอนนั้นสโมสรอื่นๆ ไม่ได้มีส่วนผสมที่ยอดเยี่ยมระหว่างตัวผู้จัดการทีมกับขุมกำลังเหมือน ยูไนเต็ด แต่ตอนนี้มีหลายทีมที่มีอะไรเหมือน ๆ กัน"

    "แมน ซิตี้ เปลี่ยนแปลงผู้เล่น 5 คนในการเจอ อาร์เซน่อล และ เลรอย ซาเน่ ยังนั่งสำรอง ส่วน ยูไนเต็ด ก็ตั้งเป้าจะกลับมา, เชลซี ก็พร้อมเหมือนกัน ผมไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ที่จะยึดครองได้แบบนั้น"

    แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะอยากเสริมทัพให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น แต่ คล็อปป์ ก็เชื่อว่าตลาดในช่วงซัมเมอร์นี้จะไม่ได้เป็นตลาดที่มีการทุ่มเงินก้อนโตในทันที หลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคร้ายไปทั่วโลก

    "เชลซี กำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่ แต่นอกจากพวกเขาแล้วมันไม่มีทีมไหนเลยที่ลงมือเสริมทัพแบบหนักหน่วง เพราะตอนนี้มันเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน"

    "ถ้าคุณพักอาศัยอยู่ในแฟลตที่ดีอยู่แล้วเนี่ย ผมก็ไม่คิดว่านี่จะเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการไปเสียเงินซื้อบ้าน มันต้องดูความคืบหน้าของสถานการณ์ให้ดี"

    นอกจากนี้ นายใหญ่เลือดด๊อยช์ท ยังยืนยันถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับเจ้าของทีม ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้สโมสรประสบความสำเร็จ "ตอนเริ่มต้นผมต้องการเวลา แต่ ไมค์ กอร์ดอน (ประธานสโมสร) ก็ใจเย็นเพราะเขาเห็นถึงการพัฒนา แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้อะไรกับผมเลย ความสัมพันธ์ของพวกเรานั้นเยี่ยมมาก ๆ "

    "ผมมั่นใจว่า เฟอร์กี้ ไม่ได้บอกหรอกว่าตอนเริ่มคุมทีมเขาจะคว้าแชมป์ได้ 13 สมัย เขาก็ทำในสิ่งที่เขาทำและเป็นการตัดสินใจที่ดีมาก พวกเราก็เป็นเหมือนกันและมันก็นำพามาสู่เรา"

สกายสปอร์ตส์เผยไลน์อัพแมนยูแต่พลาดมหันต์

สื่อผู้ดีพลาดมหันต์เมื่อเผยไลน์อัพแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ดันสลับชื่อสองแนวรุกสำคัญ จำทำให้คอบอลออกมาแซวกันอย่างเมามัน แต่ถึงกระนั้นบทสรุปสุดท้าย "ผีแดง" ไล่ถลุง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ยับเยิน ในเกมลีกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
               สกายสปอร์ตส์ สื่อดังในประเทศอังกฤษ ทำพลาดมหันต์หลังเปิดรายชื่อ 11 ตัวจริง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ดันสลับชื่อกับใบหน้าระหว่าง อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล กับ มาร์คัส แรชฟอรด์ ก่อนเกมที่ "ผีแดง" ไล่ถลุง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3-0 เกมพรีเมียร์ลีก เมื่อวันพุธที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา

               ช่วงที่มีการเผยไลน์อัพของ "ปีศาจแดง" บรรดาผู้ชมทางโทรทัศน์ต้องอึ้งปนขำกับความผิดพลาดแบบไม่น่าเกิดขึ้นของ สกายสปอร์ตส์ สื่อที่คร่ำหวอดในวงการกีฬามานาน และงานบรรดาคอบอลไม่ปล่อยโอกาสทองต้องหลุดลอยไปโดยจัดการแซวผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างเมามัน

               ข้อความของผู้ชมรายแรกระบุว่า "ไม่รู้ว่า แรชฟอร์ด เหมือนกับ มาร์กซิยาล หรือ มาร์กซิยาล เหมือนกับ แรชฟอร์ด กันแน่" ตามด้วย "มาร์กซิยาล กับ แรชฟอร์ด ดูคล้ายกันมากๆ และนับวันยิ่งเหมือนกัน !!" ขณะที่รายที่สามเผยว่า "พวกเขาทำผิดพลาดกับ แรชฟอร์ด และ มาร์กซิยาล แบบนั้นได้ยังไง"

                อย่างไรก็ตามในแมตช์นี้ทั้งสองคนประสานงานกันได้อย่างสุดยอดโดย แรชฟอร์ด ช่วยทำ 2 แอสซิสต์ให้กับ มาร์กซิยาล ในขณะที่ หัวหอกเลือดเฟร้นช์ ซัดแฮตทริกครั้งแรกในอาชีพ และยังเป็น 3 ประตูครั้งแรกของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทำได้นับตั้งแต่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เคยทำในยุคเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เมื่อปี 2013

 

พอล สโคลส์ เผยชื่ออดีตเพื่อนร่วมทีม แมนยู ผู้เป็นฝันร้ายในสนามซ้อม

 

      พอล สโคลส์ ตำนานกองกลาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ออกมาเปิดเผยว่า สมัยที่เขายังลงเล่นให้ แมนยู นั้น ปาร์ค จี ซอง แข้งเกาหลีใต้ ถือว่าเป็นฝันร้ายของเขาในสนามซ้อม เพราะเป็นผูเล่นที่ไล่ตามประกบคู่แข่งได้ดีสุด ๆ จากรายงานของ mirror.co.uk เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2563

        สำหรับ ปาร์ค จี ซอง นั้นย้ายจาก พีเอสวี มาอยู่กับ แมนยู เมื่อปี 2005 ด้วยค่าตัว 4 ล้านปอนด์ และกลายมาเป็นกำลังสำคัญของ ปีศาจแดง ภายใต้การคุมทัพของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โดยลงสนามไปทั้งหมด 205 นัด และยิงได้ 27 ประตู ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ คิวพีอาร์ ในปี 2012 และแขวนสตั๊ดไปเมื่อปี 2014

        พอล สโคลส์ ได้กล่าวกับ เวส บราวน์ อดีตเพื่อนร่วมทีมผ่านทาง MUTV ว่า "ฉันจำได้ว่าตอนซ้อมนาย (เวส บราวน์) พยายามจะตามประกบฉัน แต่นายไม่ใช่คนเดียวที่ทำแบบนั้น"

        "นายรู้ไหมใครคือคนที่เลวร้ายที่สุดในสนามซ้อม ? ปาร์ค จี ซอง ไง เขาคือฝันร้ายชัด ๆ เขาน่าเหลือเชื่อมาก นายจำได้ไหมตอนที่เขาดวลกับ อันเดรีย ปิร์โล่ ? เขาน่ะของจริง เขามีพลังงานทั้งวันทั้งคืน และเล่นตามแท็กติก มีระเบียบวินัยสุด ๆ"

        "และตอนที่เขาตามประกบฉันตอนซ้อม เขามองมาที่ฉันโดยไม่พูดสักคำ เขาเข้ามายืนข้าง ๆ ฉัน ‘โอ้ พระเจ้า เรามาเริ่มกันเลย’ แค่ช่วยพูดกับฉันสักคำ หัวเราะกับฉันก็ได้ แต่เขาก็น่าทึ่งจริง ๆ เขามาถึง และจ้องหน้าฉัน จ้องมองที่ตาของฉัน ประมาณว่า ‘วันนี้นายยังไม่โดนเตะสินะ"

“Ferguson soltó a Park Ji-sung para seguirme como sombra. Me atacó a la velocidad de un electrón. Lo habían programado para detenerme. A pesar de ser un jugador famoso, había accedido a ser usado como perro guardián”.

Andrea Pirlo, en su autobiografía pic.twitter.com/XyU8OSklpu

— Fede Praml (@Tuitbol) June 5, 2020
        ทั้งนี้ แมนยู มี โปรแกรมบอล กลับมาลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก อีกครั้งหลังจากหยุดพักเบรกหนี โควิด 19 ไปตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยจะพบกับ สเปอร์ส ในคืนวันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน นี้

ชิชาริโต้ เผย เดวิด มอยส์ ทำเมิน ท่านเซอร์ เลยอยู่กับ แมนยู ได้ไม่นาน

       เจ้าถั่วน้อย ชิชาริโต้ หรือ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ อดีตกองหน้าแมนยู ออกมาเผยว่า เดวิด มอยส์ เป็นคนที่หัวรั้นมาก ๆ เลยทำให้เขาอยู่กับ แมนยู ได้ไม่นาน แถมยังทำเมินคำแนะนำของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อีกด้วย จากรายงานของ goal.com เมื่อ 31 พฤษภาคม 2563

        หลังจากที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือจาก แมนยู ก็ได้ไปเลือกเอา เดวิด มอยส์ กุนซือรุ่นน้องมาจาก เอฟเวอร์ตัน เนื่องจากเชื่อในฝีมือ และเป็นคนสกอตแลนด์เหมือนกัน ทว่า มอยส์ กลับทำ ทัพปีศาจแดง ลุยใน พรีเมียร์ลีก ได้เพียงแค่ 7 เดือนเท่านั้น ก่อนจะถูกอัปเปหิออกจากสโมสร หลังทำผลงานไม่เอาอ่าว

        ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ เผยว่า "ช่วงก่อนที่ผมจะย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ผมได้มีโอกาสคุยกับ ท่านเซอร์ และเขาก็บอกว่าเขารู้ว่าผมไม่โอเคเลยที่ไม่ได้รับโอกาสลงสนาม และจะต้องย้ายออกไป แต่ผมโอนะกับ เรอัล มาดริด สำหรับชาวเม็กซิกันแล้วคือเจ๋งมาก"

        "นอกจากนั้น ท่านเซอร์ ยังบอกผมว่าเขาได้คุยกับ มอยส์ ว่าให้ส่งผมลงสนามให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็นั่นแหละเขาเมินคำพูดแบบไม่ใยดี และไม่เคยคิดจะส่งผมลงสนามเลย แล้วนอกจากไม่ให้ผมลง เขายังไม่ให้ผมย้ายทีมด้วย มันบ้ามาก"

        "ใช่เลย เขาหัวรั้นเขาเป็นคนแบบนั้น มันเลยทำให้เขาไปไม่รอดกับ ยูไนเต็ด คิดดูเขาอยู่กับสโมสรได้แค่ 7 เดือนเท่านั้นเอง ซึ่งมันก็สมเหตุสมผลแล้ว"

        ทั้งนี้ หลังจากที่ เดวิด มอยส์ โดนลปดออกไป ชิชาริโต้ ก็ได้ย้ายแบบยืมตัวไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ในเวลาต่อมา ก่อนจะโดนขายขาดไปให้กับ เลเวอร์คูเซ่น