เคลียร์!อินเตอร์คอนเฟิร์ม “คอนเต้” คุมทัพต่อ

ไม่เปลี่ยนตัวกุนซือ… "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน ระบุชัด อันโตนิโอ คอนเต้ จะได้อยู่คุมทีมต่อไป ขณะที่สื่อดังเผยสองผู้บริหารคนดังได้อยู่ในตำแหน่งต่อไปด้วย

อินเตอร์ มิลาน สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ประกาศยืนยัน เมื่อวันอังคารที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมาว่า อันโตนิโอ คอนเต้ เฮดโค้ชชาวอิตาเลียน จะได้อยู่คุมทีมต่อไป หลังจากที่ได้มีการประชุมกับ สตีเว่น จาง ประธานสโมสรชาวจีน

ก่อนหน้านี้อนาคตของ คอนเต้ เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม หลังจากที่ "งูใหญ่" แพ้ เซบีย่า 2-3 ในเกม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม ซึ่งหลังเกมเจ้าตัวก็แย้มว่า อาจจะไม่ได้อยู่คุมทีมต่อ ทว่าล่าสุด หลังเสร็จสิ้นการประชุมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อินเตอร์ คอนเฟิร์มว่า กุนซือวัย 51 กะรัต จะได้อยู่ในตำแหน่งต่อไปสำหรับการสู้ศึกฤดูกาลหน้า

"การประชุมในวันนี้ระหว่างสโมสรกับ อันโตนิโอ คอนเต้ ถือเป็นการประชุมที่สร้างสรรค์ ซึ่งเป็นในเรื่องของความต่อเนื่อง และการใช้กลยุทธ์ร่วมกัน ซึ่งมีการตั้้งรากฐานที่จะสานงานร่วมกันต่อไป" แถลงการณ์อย่างเป็นทางการของ อินเตอร์ ระบุ

นอกจากนี้ สกาย สปอร์ต อิตาเลีย สื่อกีฬาชั้นนำแดนมะกะโรนี รายงานว่า ปิเอโร่ ออซิลิโอ ผู้อำนวยการกีฬา และ จูเซ็ปเป้ มาร็อตต้า ประธานบริหาร ต่างจะยังได้ทำงานให้กับทีม "เนรัซซูร์รี่" ต่อไป โดยฤดูกาล 2019/20 ที่ผ่านมา อินเตอร์ จบที่อันดับสองในลีก, รองแชมป์ ยูโรปา ลีก และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในถ้วย โคปปา อิตาเลีย

 

อินเตอร์ว่าไง?เผยค่าตัวก็องเต้ที่เชลซีต้องการ

 

ดิ เอ็กซ์เพรส สื่อของอังกฤษ ตีข่าว เชลซี จะยอมขาย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ให้กับ เชลซี ก็ต่อเมื่อได้เงิน 80 ล้านปอนด์ โดยทั้ง 2 ทีมเจรจาในเบื้องต้นไปแล้ว แต่ทาง แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ เชลซี ยังไม่อยากขายเขา
   
เชลซี สโมสรดังของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตั้งค่าหัว เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสเอาไว้ที่ 80 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,200 ล้านบาท) ตามการเปิดเผยของ ดิ เอ็กซ์เพรส สื่อชั้นนำของเมืองผู้ดี

ก็องเต้ ตกเป็นข่าวเกี่ยวกับการย้ายทีมอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยตอนแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือทีมที่มีข่าวกับเขาอย่างต่อเนื่อง แต่พักหลังมันก็เงียบลงไป ขณะที่ อินเตอร์ มิลาน ก็โผล่มามีข่าวเชื่อมโยงกับแข้งเลือดน้ำหอมอย่างหนักในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยว่ากันว่า อันโตนิโอ คอนเต้ เทรนเนอร์ อินเตอร์ บอกกับบอร์ดบริหารเองเลยว่าอยากร่วมงานกับ ก็องเต้ อีกครั้ง

ทั้งนี้ ดิ เอ็กซ์เพรส เผยว่า อินเตอร์ กับ เชลซี คุยในเบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แต่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี ยังไม่อยากขาย ก็องเต้ ซึ่งถือว่าตรงกันข้ามกับข่าวลือก่อนหน้านี้ที่บอกว่า เชลซี พร้อมโละเขาเพื่อสร้างทีมขึ้นมาใหม่ และ เชลซี ก็ต้องการเงิน 80 ล้านปอนด์ถึงจะยอมปล่อยแข้งวัย 29 ปี

เรื่องดังกล่าวทำให้ อินเตอร์ จำเป็นต้องขายนักเตะบางรายเพื่อหาเงินมาใช้สำหรับการเสริมทัพ ซึ่งหนึ่งในคนที่อาจจะโดนโละคือ คริสเตียน เอริคเซ่น มิดฟิลด์ชาวเดนมาร์กที่เพิ่งย้ายมาอยู่กับทีมเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ขอลาบ้าง!ตัวแทนวิดัลคุยยกเลิกสัญญาบาร์ซ่า

สกายสปอร์ต อิตาเลีย สื่อกีฬาของอิตาลี ระบุ ทีมตัวแทนของ อาร์ตูโร่ วิดัล ได้คุยกับ บาร์เซโลน่า ถึงการขอยกเลิกสัญญา โดยเดิมทีสัญญาระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายยังมีผลจนถึงช่วงซัมเมอร์ ปีหน้า

ทีมเอเยนต์ของ อาร์ตูโร่ วิดัล กองกลางประสบการณ์สูงของ บาร์เซโลน่า สโมสรดังของศึก ลา ลีกา สเปน ได้หารือกับบอร์ดบริหารของทีมเพื่อพูดถึงความเป็นไปได้เกี่ยวกับการยกเลิกสัญญาของดาวเตะชาวชิลี ตามรายงานของ สกายสปอร์ต อิตาเลีย สื่อกีฬาชั้นนำของประเทศอิตาลี

วิดัล เหลือสัญญากับ บาร์เซโลน่า จนถึงช่วงเดือนมิถุนายน ปีหน้า แต่ช่วงที่ผ่านมามีข่าวลืออย่างหนักว่าเขาอยากย้ายออกจากทีม โดยไม่นานมานี้เจ้าตัวก็เพิ่งให้สัมภาษณ์เชิงตำหนิบอร์ดบริหารอย่างหนักว่าดำเนินนโยบายได้แย่จนทำให้ภายในทีมมีนักเตะระดับอาชีพแค่ 13 คนเท่านั้น

เป็นที่เชื่อกันว่า อินเตอร์ มิลาน คือทีมที่เป็นเต็ง 1 ที่จะได้ตัว วิดัล ไปร่วมทัพ หลังจากที่ อันโตนิโอ คอนเต้ ชื่นชอบฝีเท้าของแข้งวัย 33 ปีมากๆ และทั้งคู่ก็เคยร่วมงานกันตอนอยู่ที่ ยูเวนตุส มาแล้วด้วย

ยอมไม่ได้!เผยเหตุคอนเต้เดือดหลังโดนบาเนก้าเย้ย

สกายสปอร์ตส์ อิตาเลีย และ กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต 2 สื่อของอิตาลี ระบุ เอเวร์ บาเนก้า ดาวเตะ เซบีย่า เย้ยเรื่องทรงผมของ อันโตนิโอ คอนเต้ หลังจากตอนแรก คอนเต้ ไม่พอใจการตัดสินของกรรมการ ทำเอา คอนเต้ ตอบโต้ไปว่าจะไปรอเจออีกฝ่ายนอกสนาม
     เอเวร์ บาเนก้า กองกลางประสบการณ์สูงของ เซบีย่า สโมสรดังของศึก ลา ลีกา สเปน พูดเยาะเย้ย อันโตนิโอ คอนเต้ เทรนเนอร์ อินเตอร์ มิลาน เรื่องทรงผม ระหว่างเกม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ เซบีย่า ชนะอีกฝ่าย 3-2 เมื่อวันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา ตามการเปิดเผยของ สกายสปอร์ตส์ อิตาเลีย และ กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต 2 สื่อชื่อดังของประเทศอิตาลี

    ในช่วงครึ่งแรกของนัดดังกล่าวมีจังหวะหนึ่งที่ คอนเต้ แสดงความไม่พอใจกับการตัดสินของกรรมการจนประท้วงอย่างรุนแรง ซึ่งมันก็ทำให้ บาเนก้า เข้าไปพูดบางอย่างกับกุนซือชาวอิตาเลียน และทั้งคู่ก็ต่อปากต่อคำกันอยู่พักหนึ่ง โดยตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาทะเลาะกันเรื่องอะไร

    กระทั่งล่าสุด สกายสปอร์ตส์ อิตาเลีย และ กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต ก็เผยว่าในตอนแรกนั้น บาเนก้า แค่บอกให้ คอนเต้ หุบปากไปซะ แต่หลังจากนั้นกองกลางชาวอาร์เจนไตน์ก็เสริมว่า "ไหนขอดูหน่อยสิวะว่ามันเป็นวิกของจริงรึเปล่า" พร้อมกับทำท่าลูบศีรษะของตัวเองไปด้วย โดยมันเป็นการสื่อถึงข่าวลือที่บอกว่า คอนเต้ ทำการปลูกผมมากกว่า 1 ครั้ง เพราะผมของเขาร่วงเยอะมากในสมัยที่ยังเป็นนักเตะ

    เรื่องดังกล่าวทำให้ คอนเต้ โมโหมากๆ จนตะโกนสวนกลับไปว่า "ฉันจะไปรอแกข้างนอกสนามหลังจบเกมนะโว้ย" ยังดีที่มีคนเข้าไปขวาง คอนเต้ เอาไว้ได้จนทำให้สถานการณ์มันไม่บานปลายไปมากกว่านี้่ โดยไม่มีรายงานระบุว่าหลังจบเกมไปแล้วทั้งคู่ยังมีปัญหากันต่อหรือไม่

 

ลูกากูซัดผิดฝั่ง! เซบีย่าเฉือนอินเตอร์สุดมัน ซิวยูโรปาลีกสมัย6

ดีเอโก้ คาร์ลอส ตีลังกาฟาดบอลไปโดนขาด โรเมลู ลูกากู เข้าไป ช่วยให้ เซบีย่า เฉือนเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน แบบสุดมันส์ 3-2 ผงาดคว้าแชมป์ยูโรปาลีกสมัยที่ 6 ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ ในเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูโรปาลีก ที่ประเทศเยอรมัน เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา

สนาม : ไรน์ เอเนอร์กี้ สตาดิโอน (สนามกลาง)

    เกมนัดชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก ที่ประเทศเยอรมัน เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา เป็นการพบกันระหว่าง เซบีย่า เจ้าของแชมป์รายการนี้ 5 สมัย หลังเขี่ย "ปีศาจแดง" หวุดหวิด 2-1 ผ่านเข้ามาพบกับ อินเตอร์ มิลาน ที่ฟอร์มในรอบตัดเชือกไล่ถล่ม ชัคตาห์ โดเนตส์ค ทีมดังจากยูเครนไปแบบเละเทะ 5-0

    เกมนี้ อันโตนิโอ คอนเต้ ยึด 11 ผู้เล่นจากเกมที่แล้วเป็นหลัก เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ ลงจับคู่ โรเมลู ลูกากู ดาวซัลโวของทีมที่พังตาข่ายทุกรายการไปแล้ว 33 ประตู ขณะที่ เซบีย่า ของ จูเลน โลเปเตกี เปลี่ยนหอกเป้าส่ง ลุค เดอ ยอง ฮีโร่จากเกมเฉือนผีแดงลงเล่นเป็นตัวจริงแทน ยูสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ โดยมี ซูโซ่ และลูกัส โอกัมโปส ปั้นเกมรุกทางด้านข้างช่วย

    เปิดฉากมาแค่ 3 นาทีแรก เซบีย่า ได้ทักทายก่อนหลังบอลจากลูกเตะมุม เปิดมาเสาแรกให้ ลุค เดอ ยอง โขกเช็ดมากลางประตูถึง แฟร์นานโด ล้มตัววอลเลย์ยิงไปติดเซฟ

    ก่อนที่จังหวะต่อมาเป็น อินเตอร์ มิลาน มาได้ลูกที่จุดโทษอย่างรวดเร็ว จากลูกสวนกลับจากหน้าประตูตัวเอง เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ พาบอลขึ้นมาก่อนแทงออกขวาไปที่ว่างให้ โรเมลู ลูกากู ใช้สปีดแตะบอลหนี ดีเอโก้ คาร์ลอส ก่อนที่จะโดนรวบล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินชาวฮอลแลนด์ชี้เป็นจุดโทษทันทีพร้อมแจกใบเหลืองให้ การ์ลอส ก่อนที่ ลูกากู จะลุกมาสังหารเข้าไปไม่พลาดให้ "งูใหญ่" ออกนำ 1-0

    อีกทั้งอดีตดาวเตะ "ปีศาจแดง" ยังทำสถิติยิงประตูที่ 34 รวมทุกรายการในฤดูกาลแรกให้กับ อินเตอร์ มิลาน เทียบเท่ากับสถิติเดิมของ โรนัลโด้ ที่เคยทำได้เมื่อตอนเปิดตัวซีซั่น 1997-98

    แต่แล้ว นาที 12 เซบีย่า มาทวงประตูตีเสมอ 1-1 จนได้ บอลขึ้นจากด้านขวาถึง เฆซุส นาบาส ก่อนจะครอสเข้าไปในกรอบสุดแม่นให้ ลุค เดอ ยอง หนีตัวประกบพุ่งมาโขกเต็มหัวส่งบอลเข้าไปอย่างสวยงาม

    เซบีย่า ได้ใจเปิดเกมรุกเข้าใส่อย่างหนัก นาที 22 ได้ลุ้นอีกทีหลัง ลูกัส โอกัมโปส ลากจากซ้ายตัดเข้ากลางก่อนอัดด้วยขวาบอลพุ่งถากเสาแรกเข้าข้างตาข่ายแบบได้เสียว

    นาที 33 เอเวร์ บาเนก้า เรียกฟรีคิกทางด้านขวาได้หลังโดน ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ ทำฟาวล์ ก่อนที่ บาเนก้า เองจะลุกมาเปิดบอลไปเสาไกลให ลุค เดอ ยอง คนเดิมเทกตัวโขกย้อนไปเสาแรกหนีมือ ซามีร์ ฮันดาโนวิช เข้าไป ให้ เซบีย่า แซงนำ 2-1 และเป็นประตูที่สองของอดีตแข้ง พีเอสวี และนิวคาสเซิ่ล ในเกมนี้

    กระนั้น นาที 35 อินเตอร์ มิลาน มาทวงประตูตีเสมอ 2-2 อย่างทันควัน คราวนี้ โรเมลู ลูกากู เรียกฟรีคิกได้หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่ ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ จะตักบอลเข้าไปในกรอบ 6 หลาให้ ดีเอโก้ โกดิน เทกตัวโขกบอลผ่านมือ ยัสซีน บูนู เข้าไป

    ช่วงทดเจ็บ นาที 45+2 เซบีย่าเกือบพลิกขึ้นนำหลังได้ลูกเซ็ตเพลย์ทางด้านขวาของสนาม และเป็น เอเวร์ บาเนก้า จอมทัพของทีม เปิดบอลไปเสาแรกให้ ลูกัส โอกัมโปส โฉบมาโขกบอลเกือบจะเสียบใต้คาน แต่ดีที่ ซามีร์ ฮันดาโนวิช ยังไวเหินปัดข้ามคานหวุดหวิด ดีเอโก้ คาร์ลอส

    จบครึ่งแรก เซบีย่า เสมอกับ อินเตอร์ มิลาน 2-2

    ครึ่งหลัง ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น นาที 52 อินเตอร์ มิลาน เกือบขึ้นนำหลังบอลครอสจากขวามาเข้าทาง มาโดน เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ ก่อนไปเข้าทาง โรแบร์โต้ กายาร์ดินี่ วิ่งมาซัดบอลไปติดเท้าของ

    นาที 57 ลูกัส โอกัมโปส เปิดบอลออกซ้ายให้ เซร์คิโอ เรกีลอน กระชากบอลหนีแนวรับงูใหญ่ก่อนจะกดด้วยซ้ายเต็มแรง บอลพุ่งเสียบข้างตาข่ายแบบได้ลุ้น

    จากนั้นอีก 2 นาทีต่อมา อินเตอร์ฯ ตอบโต้มาบ้าง นิโกโล่ บาเรลล่า จ่ายให้ แอชลี่ย์ ที่หุบเข้ามากลางก่อนที่อดีตสตาร์แข้งผีจะตะบันด้วยขวานอกกรอบ บอลพุ่งเหินออกไปแบบได้เสียว

    นาที 65 ลูกทีมของ คอนเต้ พลาดโอกาสขึ้นนำอย่างน่าเสียดายหลัง นิโกโล่ บาเรลล่า จ่ายบอลให้ โรเมลู ลูกากู หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไป แต่หัวหอกทีมชาติเบลเยียมดันยิงไปติดตัวของ ยัสซีน บูนู

    นาที 71 จูเลน โลเปเตกี นายใหญ่ เซบีย่า ต้องเปลี่ยนตัวเอา ลูกัส โอกัมโปส ออกหลังมีอาการเจ็บเล่นต่อไม่ไหวโดยให้ มูนีร์ เอล ฮัดดาดี้ ลงเล่นแทน

    นาที 74 กลายเป็น เซบีย่า ที่พลิกขึ้นนำ อินเตอร์ มิลาน 3-2 อีกครั้งบอลจากลูกเซ็ตเพลย์ทางด้านขวา และเป็นจอมพ่อลูกนิ่ง เอเวร์ บาเนก้า เปิดเข้าไปแม้ สเตฟาน เดอ ฟราย จะโขกออกมาแต่ไม่พ้นทางปืนของ ดีเอโก้ คาร์ลอส กระโดดจักรยานตีลังกาฟาดเข้าไป บอลพุ่งไปโดนขา โรเมลู ลูกากู เข้าประตูตัวเอง

    นาที 80 เซบีย่า ได้ลุ้นอีก และเป็นเจ้าเก่า บาเนก้า ที่เปิดเข้ามาลุ้นในกรอบแต่เข้านี้ ชูลส์ กูนเด้ เซ็นเตอร์เทกตัวโขกบอลหลุดกรอบออกไป

    อีก 2 นาทีถัดมา "งูใหญ่" เกือบได้ลุ้นตีเสมอ หลังบอลครอสจากด้านข้างไปถึง วิคเตอร์ โมเสส แต่อดีตฟูลแบ็กสิงห์บลูส์ยิงไปติดบล็อคแนวรับเซบีย่า แม้บอลจะมาถึง อเล็กซิส ซานเซซ แต่ยิงไม่ถนัดบอลเบาไปก่อนที่ ชูลส์ กูนเด้ จะพุ่งมาล้มตัวสกัดบอลออกไปแบบหวุดหวิด

    ช่วงท้ายเกม แม้แข้ง "งูใหญ่" จะพยายามโหมบุกอย่างหนัก แต่แนวรับเซบีย่ายังช่วยกันได้ดี ก่อนผู้ตัดสินเป่าจบเกม เซบีย่า เบียดเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน ไปแบบหวุดหวิด 3-2 ผงาดคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 6 ไปครอง

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        เซบีย่า (4-3-3) : ยัสซีน บูนู – เฆซุส นาบาส, ชูลส์ กูนเด้, ดีเอโก้ คาร์ลอส (เนมานย่า กูเดลจ์ น.86) , เซร์คิโอ เรกีลอน – เอเวร์ บาเนก้า, แฟร์นานโด เรกิส, โจน จอร์ดาน – ซูโซ่ (ฟรังโก้ บาซเกซ น.78), ลุค เดอ ยอง (ยูสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ น.85), ลูกัส โอกัมโปส (มูนีร์ เอล ฮัดดาดี้ น.71)

        เทรนเนอร์ : จูเลน โลเปเตกี

        อินเตอร์ มิลาน (3-5-2) : ซามีร์ ฮันดาโนวิช – ดีเอโก้ โกดิน (อันโตนิโอ คันเดรว่า น.90), สเตฟาน เดอ ฟราย, อเลสซานโดร บาสโตนี่ – ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ (วิคเตอร์ โมเสส น.78), นิโกโล่ บาเรลล่า, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, โรแบร์โต้ กายาร์ดินี่ (คริสเตียน อีริคเซ่น น.78), แอชลี่ย์ ยัง – เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ (อเล็กซิส ซานเชซ น.78), โรเมลู ลูกากู

        เทรนเนอร์ : อันโตนิโอ คอนเต้

        ผู้ตัดสิน : ดานนี่ มัคเคลี่ (เนเธอร์แลนด์)

 

งูตัดเชือกรอบ10ปี! “ลูกากู” ฮอตอินเตอร์เฉือนห้างยาลิ่วรอบรอง ยูโรปา

"งูใหญ่" ของ อันโตนิโอ คอนเต้ ทำผลงานได้ตามเป้าแม้เกมนี้โดน "วีเออาร์" ริบจุดโทษถึง 2 ครั้งแต่ต้องชมความสุดยอดของ โรเมลู ลูกากู ทำสถิติซัด 9 เกมติดต่อกันในรายการนี้ พาทีมเชือด เลเวอร์คูเซ่น 2-1 ผ่านเข้ารอบตัดเชือกฟุตบอลยุโรปรอบ 10 ปี ในศึกฟุตบอล ยูโรปา ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ คืนวันจันทร์ที่ผ่านมา

สนาม : เมอร์เคอร์ สปีล อารีน่า (สนามกลาง)

    ทีมเนรัซซูรี่ รองแชมป์เซเรีย อา ฤดูกาลล่าสุด ตีตั๋วสู่รอบนี้ด้วยการเอาชนะเคตาเฟ่ 2-0 ที่สนามกลางในเยอรมัน เนื่องจากเกมเลกแรกเดิมทีนั้นถูกเลื่อนในช่วงโควิดแพร่ระบาด

    ทางด้าน "ห้างขายยา" จบอันดับ 5 ในตารางบุนเดสลีกา ซีซั่นล่าสุด จึงต้องเอาโทรฟี่ยูโรปา ลีก ฤดูกาลนี้มาครองให้ได้ หากอยากจะคว้าตั๋วลุยศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนในรอบที่แล้ว พวกเขาผ่านเรนเจอร์สด้วยชัยชนะแบบไป-กลับ โดยบุกรัว 3-1 ก่อนเบรกโควิดแล้วกลับมาเฝ้ารังย้ำแค้น 1-0 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    5 นาทีผ่านเป็น "งูใหญ่" ทำได้ดีกว่ามีจังหวะแก้เพรสซิ่งสวยๆจากบอลหน้าประตูของ ซามีร์ ฮันดาโนวิช เปิดยาวให้ โรเมลู ลูกากู พักอกแปะให้ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ตวัดออกขวาถึง ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ สอดมาครอสเข้าในแต่โดนเคลียร์ทิ้งไปก่อนนิดเดียว

    นาทีที่ 15 อินเตอร์ มิลาน มาได้ประตูขึ้นนำจากการประสานงานสุดสวย แอชลี่ย์ ยัง สอดมารับบอลทางซ้ายจ่ายเร็วเข้าในให้ โรเมลู ลูกากู พักบอลก่อนได้ช่องซัดไปติดบล็อคโชคดีเด้งมาเข้าทาง นิโกโล่ บาเรลล่า ตามมากดไซค์ก้อยโค้งผ่านมือ ลูคัส ฮราเด็คกี้ ตุงตาข่าย

    5 นาทีต่อมา "งูใหญ่" เร่งเครื่องต่อเนื่องคราวนี้เป็น เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ใช้ความสามารถเฉพาะตัวลากบอลเข้าเขตโทษก่อนตวัดเข้ากลางให้ นิโกโล่ บาเรลล่า แปร์เต็มแรงไปติดบล็อค ลูคัส ฮราเด็คกี้

    แต่แล้วนาทีต่อมา อินเตอร์ มิลาน บวกสกอร์เพิ่มสำเร็จเป็น แอชลี่ย์ ยัง โชว์เหนือจ่ายแทงช่องเข้าเขตโทษให้ โรเมลู ลูกากู ใช้ตัวบัง เอ็ดมอนด์ ทัปโซบา ก่อนล้มตัวยิงผ่าน ลูคัส ฮราเด็คกี้ ไม่มีพลาด

    เกมแลกกันสุดมันส์นาทีที่ 25 "ห้างขายยา" ตามตีไข่แตกเป็นจังหวะสกัดไม่ดีของ ดีเอโก้ โกดิน บอลหลุดมาถึง ไค ฮาแวร์ทซ์ แหวกเข้าไปทำชิ่งกับ เควิน โฟลลันด์ ก่อนตะบันแฉลบหว่างขา ซามีร์ ฮันดาโนวิช เข้าไป

    นาทีต่อมา "งูใหญ่" พลาดโอกาสทิ้งห่างอีกครั้งเป็น ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ ยกบอลไปโดนหัวไหล่ ดาลี่ย์ ซิงค์กราเวน ผู้ตัดสินไม่รอช้าเป่าให้เป็นจุดโทษก่อนชั่งใจวิ่งไปเช็ค "วีเออาร์" และหันกลับมาริบจุดโทษคืน

    ช่วงท้าย "ห้างขายยา" เริ่มครองเกมได้มากขึ้นพาบอลเข้าพื้นที่อันตรายแต่ยังมีปัญหาในการจบสกอร์ หมดครึ่งเวลาแรก อินเตอร์ มิลาน 2 เลเวอร์คูเซ่น 1

    เปิดฉากครึ่งหลังได้ 5 นาที อินเตอร์ มิลาน โหมใส่ทันทีแต่มาพลาดกันเองเป็น แอชลี่ย์ ยัง ตักบอลเข้าเขตโทษให้ โรแบร์โต้ กายาร์ดินี่ ทิ้งตัวดีดระยะไม่ถึง 5 หลาไปติด โรเมลู ลูกากู เด้งออกมา

    นาทีที่ 60 เลเวอร์คูเซ่น พลาดโอกาสสำคัญเป็น เคเรม เดเมียร์บาย ฉกบอลตัดหน้า นิโกโล่ บาเรลล่า ก่อนตะบันด้วยซ้ายระยะ 18 หลาแต่น่าเสียดายไปตรงตัว ซามีร์ ฮันดาโนวิช ปัดข้ามคานออกไป

    5 นาทีต่อมาเป็นจังหวะประสานงานของตัวสำรองอย่าง คริสเตียน อีริคเซ่น จ่ายถวายพานให้ อเล็กซิส ซานเชซ ยืนซัดโล่งๆในกรอบเขตโทษไปติดเซฟ ลูคัส ฮราเด็คกี้ เหลือเชื่อ

    ก่อนหมดเวลา 15 นาที "งูใหญ่" ชวดบวกสกอร์ปิดเกมทั้งจากลูกยิงไปติดบล็อคของ มาร์เซโล่ โบรโซวิช และความเหนือชั้นของ วิคเตอร์ โมเซส สอดมารับบอลก่อนล็อคเข้าในกดด้วยซ้ายไปติดเซฟ ลูคัส ฮราเด็คกี้
   
    พอทำไม่ได้ 5 นาทีต่อมากลายเป็น "ห้างขายยา" เกือบตีเจ๊าจากบอลริมเส้นทางซ้ายของ  เลออน ไบลี่ย์ ครอสเข้าในเกือบถึง ไค ฮาแวร์ทซ์ บอลหลุดมาเสาไกล เควิน โฟลลันด์ ทิ้งตัวสไลด์ก็ยังไม่ทันหลุดออกไป

    ช่วงทดเจ็บ อินเตอร์ มิลาน โชคร้ายซ้ำ คาริม เบลลาราบี้ ไปเหนี่ยวแขน คริสเตียน อีริคเซ่น ร่วงลงไป การ์ลอส เดล เซร์โร่ เป่าให้เป็นจุดโทษแต่หลังจากดู "วีเออาร์"  บอลไปโดนมือ นิโกโล่ บาเรลล่า กลายเป็น เลเวอร์คูเซ่น ได้ฟรีคิก

    นาทีที่ 90+5  โรเมลู ลูกากู เบียดเอาชนะ เอ็ดมอนด์ ทัปโซบา ส่งบอลผ่านมือ ลูคัส ฮราเด็คกี้ ไปซุกก้นตาข่ายแต่ การ์ลอส เดล เซร์โร่ เป่าให้ฟาลว์กับ "ห้างขายยา"

    จบเกม อินเตอร์ มิลาน 2 เลเวอร์คูเซ่น 1

รายชื่อผู้เล่นลงสนามตัวจริง

    อินเตอร์ มิลาน (3-5-2) : ซามีร์ ฮันดาโนวิช – ดีเอโก้ โกดิน, สเตฟาน เดอ ฟราย, อเลสซานโดร บาสโตนี่ – ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ, นิโกโล่ บาเรลล่า, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, โรแบร์โต้ กายาร์ดินี่, แอชลี่ย์ ยัง – เลาตาโร่ มาร์ติเนซ, โรเมลู ลูกากู

เทรนเนอร์ : อันโตนิโอ คอนเต้

    เลเวอร์คูเซ่น (4-2-3-1) : ลูคัส ฮราเด็คกี้ – ลาร์ส เบนเดอร์, สเวน เบนเดอร์, เอ็ดมอนด์ ทัปโซบา, ดาลี่ย์ ซิงค์กราเวน – ยูเลี่ยน บอมการ์ทลิงเกอร์, เอเชเกล ปาลาซิออส – ไค ฮาแวร์ทซ์, เคเรม เดเมียร์บาย, มูสซ่า ดิยาบี้ – เควิน โฟลลันด์

เทรนเนอร์ : ปีเตอร์ บอสซ์

ผู้ตัดสิน : การ์ลอส เดล เซร์โร่ (สเปน)

สื่อเผยงูผ่าทีมใหญ่-เอริคเซ่นติดร่างแห

มีเดียเซ็ตเผย อินเตอร์ มิลาน เตรียมผ่าทีมครั้งใหญ่ในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยมีชื่อของ คริสเตียน เอริคเซ่น กองกลางที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาอยู่ในลิสต์ด้วย

 กองกลางทีมชาติเดนมาร์กทำได้แค่ประตูเดียวจาก 11 เกมที่ลงสนามในเกมกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี นับตั้งแต่มาค้าแข้งในถิ่นจูเซปเป้ เมอัซซ่า ซึ่งไม่ประทับใจทาง อันโตนิโอ คอนเต้ เทรนเนอร์ของทีม โดยที่สองเกมหลังถูกส่งลงเป็นสำรองและได้ลงเล่นสองเกมรวมเพียง 8 นาทีเท่านั้น

 ล่าสุดทางสื่อเจ้าดังเผยว่า "งูใหญ่" พร้อมที่จะผ่าทีมเพื่อสู้ศึกฤดูกาลหน้า และอาจจะมีการปล่อยผู้เล่นออกจากทีมถึง 11 คน โดยหนึ่งในนั้นมีชื่อของมิดฟิลด์ทีมชาติเดนมาร์กอยู่ในลิสต์ที่จะโดนปล่อยตัวออกจากทีมด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะเพิ่งย้ายมาอยู่กับทีมเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร

 อีกคนที่ถูกพูดถึงก็คือ มิลาน สคริเนียร์ กองหลังของทีมที่ตอนนี้มีชื่อพัวพันกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งคาดว่าจะได้ค่าตัวไม่น้อย

 สำหรับซีซั่นนี้ทีมเสริมทัพเข้ามาหลายคนในยุคของ คอนเต้ โดยคนที่เห็นหน้ากันบ่อยๆอย่าง โรเมลู ลูกากู, แอชลี่ย์ ยัง, เอริคเซ่น, ดีเอโก้ โกดิน รวมถึงแข้งที่เข้ามาแล้วโดนปล่อยยืมตัวอย่าง มัตเตโอ โปลิตาโน่, วาเลนติโน่ ลาซาโร่ และ อันเดรจ์ ราดู

เพิ่งย้ายมาแท้ๆ!อินเตอร์เล็งโละ “อีริคเซ่น” หลังจบซีซั่น

สื่อเลี่ยนตีข่าว "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน พร้อมโละ คริสเตียน อีริคเซ่น จอมทัพเลือดโคนม หลังจบซีซั่นนี้ ถึงแม้นักเตะเพิ่งย้ายมาอยู่กับทีมได้แค่ครึ่งปี

     อินเตอร์ มิลาน สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี พร้อมพิจารณาขาย คริสเตียน อีริคเซ่น เพลย์เมกเกอร์ชาวเดนิช หลังจบฤดูกาลนี้ เนื่องจากไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นแกนหลักของทีมได้ ตามรายงานจาก มีเดีย เซ็ต สื่อแดนมะกะโรนี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
 
     สตาร์ทีมชาติเดนมาร์กวัย 28 ปี เพิ่งย้ายจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มาร่วมทัพ "งูใหญ่" ด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร (ประมาณ 700 ล้านบาท) เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงแบบถาวรได้ โดยสตาร์ทเป็นตัวจริง 8 นัด และลงสำรองอีก 7 นัด ทำได้ 3 ประตู กับ 3 แอสซิสต์

     ถึงแม้ผลงานในสนามถือว่าไม่เลว แต่ล่าสุด มีเดีย เซ็ต ระบุว่า อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือ อินเตอร์ ยินดีรับพิจารณาข้อเสนอขอซื้อตัว อีริคเซ่น โดยเชื่อกันว่า ทีม "เนรัซซูร์รี่" ตั้งค่าหัว อดีตแข้ง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ไว้ที่ 60 ล้านยูโร (ประมาณ 2,100 ล้านบาท) ซึ่งหากขายได้เท่ากับว่า อินเตอร์ จะได้กำไรอย่างมหาศาลเลยทีเดียว

ฟาน ไดค์ เผยปัด 2 ทีมใหญ่เลือกลิเวอร์พูลเพราะคนคนเดียว

 

เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เปิดอกเผยเหตุผลที่เลือกย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล พร้อมยอมรับว่าช่วงเวลานั้นยังมีอีก 2 ทีมใน พรีเมียร์ลีก อยากได้ตัวเขาไปร่วมทีม

    เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ยอดปราการหลังชาวดัตช์ของ ลิเวอร์พูล เผยว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตนเลือกย้ายมาเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ คือการที่ ‘หงส์แดง’ มีผู้จัดการทีมคือ เจอร์เก้น คล็อปป์ พร้อมยอมรับว่าตนมีโอกาสเลือก เชลซี และ แมนฯ ซิตี้ แต่ก็ได้ปฏิเสธไป

    ฟาน ไดค์ วัย 28 ปี ประสบความสำเร็จกับ ลิเวอร์พูล เป็นอย่างมากหลังย้ายมาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2,900 ล้านบาท เมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี 2018 ทั้งคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2019 และล่าสุดก็พา ‘หงส์แดง’ คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี

    อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาดังกล่าวเจ้าตัวยังได้รับความสนใจจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ แมนฯ ซิตี้ รวมถึง เชลซี ที่ตอนนั้นมี อันโตนิโอ คอนเต้ เป็นผู้จัดการทีม ซึ่ง ฟาน ไดค์ เผยถึงเรื่องนี้ว่า "ผมมีโอกาสจะได้ไป เชลซี กับ แมนฯ ซิตี้ "

    "เมื่อคุณเปรียบเทียบกันแล้ว(หมายถึง เชลซี, แมนฯ ซิตี้ และลิเวอร์พูล) พิจารณาจากเรื่องประวัติศาสตร์, สภาพเมือง, ขุมกำลังชุดปัจจุบัน รวมถึงแผนการในอนาคตอันใกล้"

    "แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณต้องพิจารณาคือตัวผู้จัดการทีม และ เจอร์เก้น คล็อปป์ คือเหตุผลสำคัญว่าทำไมผมถึงเลือก ลิเวอร์พูล"

    "คล็อปป์ เป็นคนที่พิเศษ ไม่ว่าเรื่องพลังในตัว หรือภาพลักษณ์โดยรวม บางครั้งผมก็มานั่งคิดถึงสิ่งที่เขาทำซึ่งเขาทำมันได้เหนือกว่าใครๆ"

    "ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องการจัดการความเป็นมนุษย์ของเขา ทุกวันนี้สิ่งนั้นมันสำคัญมาก มากกว่าเรื่องของฟุตบอลเสียอีก"

    "คล็อปป์ มอบความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมให้แก่คุณ ในตอนเช้าที่คุณเข้าไปยังสโมสร เขาจะมีความสุขอย่างแท้จริง มันฟังดูแล้วน่าตลกนะ แต่สิ่งนี้คือแรงบันดาลใจให้แก่คุณในฐานะผู้เล่นได้จริงๆ "

เจ็บสุดต้อง “มาเคด้า”! 10 แข้งดังอดได้เหรียญรางวัลทั้งที่อยู่ทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก

บรรดานักเตะที่ค้าแข้งกับสโมสรใหญ่ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่างก็มีความใฝ่ฝันที่จะได้สัมผัสกับตำแหน่งแชมป์สักครั้ง และมันคงจะมีความหมายมากยิ่งขึ้นไปอีก หากได้เหรียญรางวัลการันตีความสำเร็จไปประดับตู้โชว์ที่บ้าน ทว่าช่วงที่ผ่านมาก็มีนักเตะหลายคนเช่นกัน ที่อยู่ในทีมชุดคว้าแชมป์ แต่กลับไม่ได้เหรียญรางวัลคล้องคอเหมือนกับเพื่อนๆ ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าเจ็บปวดอยู่เหมือนกัน และนี่คือ 10 แข้งดังที่ผ่านประสบการณ์แบบนี้มาแล้ว โดยทั้งนี้ทาง พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่เริ่มต้น (1992/93) มาจนถึงฤดูกาล 2012/13 กำหนดให้นักเตะทีมแชมป์ต้องลงเล่นอย่างน้อย 10 เกม ถึงจะได้เหรียญรางวัล ก่อนปรับลดลงมาเหลืออย่างน้อย 5 เกม จนถึงปัจจุบัน  

 

 10. อันเดร ครามาริช (เลสเตอร์ ซิตี้)

    เลสเตอร์ ซื้อ ครามาริช มาจาก ริเยก้า เมื่อเดือนมกราคมปี 2015 ด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสร ณ เวลานั้นที่ 9 ล้านปอนด์ (ประมาณ 360 ล้านบาท) แต่หัวหอกชาวโครแอตไม่สามารถแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงจาก เจมี่ วาร์ดี้ ได้ และในฤดูกาล 2015/16 ครามาริช ได้ลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก แค่ 2 นัดเท่านั้น ก่อนถูกปล่อยตัวให้ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ยืมใช้งานช่วงครึ่งซีซั่นหลัง ซึ่งแน่นอนว่า เขาอดได้เหรียญรางวัลในฤดูกาลดังกล่าว ที่ เลสเตอร์ ผงาดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครองได้แบบช็อกวงการลูกหนัง

 

 

 9. สก็อตต์ พาร์เกอร์ (เชลซี)

    พาร์เกอร์ วนเวียนอยู่ในเมืองหลวงเกือบทั้งชีวิต โดยเล่นให้กับห้าสโมสรดังในกรุงลอนดอนอย่าง ชาร์ลตัน แอธเลติก, เชลซี, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ ฟูแล่ม โดยฤดูกาล 2004/05 เขาอยู่ในทัพ "สิงห์บลูส์" ชุดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ด้วย แต่ก็ได้แค่ชูถ้วย ไม่ได้เหรียญ หลังได้ลงเล่นแค่ 4 นัด เพราะกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ นิยมใช้งาน โคล้ด มาเกเลเล่ คู่กับ ติอาโก้ เมนเดส ในแดนกลางมากกว่า 

 

 

 8. กาเบรียล โอแบร์กต็อง (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

     ปีกร่างบางชาวฝรั่งเศส ถูกซื้อมาจาก ลอริยองต์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2009 แต่ไปไม่รอดกับระยะเวลา 2 ปีในรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยฤดูกาล 2010/11 ถึงแม้ "ปีศาจแดง" ผงาดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครองเป็นสมัยที่ 12 (หากเป็นลีกสูงสุดถือเป็นสมัยที่ 19) แต่ โอแบร์กต็อง ไม่ผ่านเกณฑ์การได้เหรียญ เพราะลงเล่นแค่ 7 นัดในลีก

 

 

 7. คาร์ลตัน โคล (เชลซี)

     หัวหอกที่เคยพุ่งขึ้นมาได้อย่างน่าจับตามองของ เชลซี โดยฤดูกาล 2005/06 "สิงห์บลูส์" ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครองเป็นสมัยที่สอง แต่ โคล อดได้เหรียญรางวัลไปโชว์ที่บ้านอย่างน่าเจ็บใจ เพราะฤดูกาลดังกล่าวลงเล่นเกมลีก 9 นัด ซึ่งอีกแค่เกมเดียวก็ผ่านเกณฑ์แล้ว

 

 

 6. คาร์โล คูดิชินี่ (เชลซี)

     อยู่รับใช้ เชลซี นานถึง 9 ปี (2000-2009) แถมบางคนยกให้เป็นตำนานคนหนึ่งของสโมสรด้วย จากการที่เคยถูกโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรในฤดูกาล 2001/02 แต่การมาของ ปีเตอร์ เช็ก (ปี 2004) ทำให้เขาต้องหลุดไปเป็นโกลสำรอง และในช่วงนั้น "สิงห์บลูส์" ก็ก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่พอดี ซึ่งแน่นอน คูดิชินี่ เป็นแค่ตัวประกอบและไม่ได้เหรียญรางวัลในฤดูกาล 2004/05 และ 2005/06 ที่ เชลซี ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก

 

 

 5. โชเซ่ โบซิงวา (เชลซี)

    ถือเป็นอีกหนึ่งแข้งผู้โชคร้ายจากค่าย "สิงห์บลูส์" เพราะ โบซิงวา ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 4 ปีที่อยู่กับ เชลซี แต่ดันมาเจ็บหนักในฤดูกาล 2009/10 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ เชลซี ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก พอดี และด้วยการที่ซีซั่นดังกล่าวเขาลงเล่นเกมลีกแค่ 8 นัด ทำให้เขาอดได้เหรียญรางวัลไปแบบน่าเจ็บช้ำ

 

 

    4. เบน ฟอสเตอร์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

  ฟอสเตอร์ ย้ายมายังถิ่น โอลด์ แทร็ฟอร์ด เมื่อปี 2005 ซึ่งหลังจากที่ออกไปเล่นให้ วัตฟอร์ด แบบสัญญายืมตัว 2 ปี เขาก็กลับมาร่วมก๊วน "ปีศาจแดง" อีกครั้ง แต่ก็เป็นได้แค่นายประตูอะไหล่สำรองให้กับ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ และก็แน่นอนว่า เขาไม่ผ่านเกณฑ์ที่จะได้เหรียญรางวัลในฤดูกาล 2007/08 (เล่น 1 เกม) และ 2008/09 (เล่น 2 เกม) ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครอง

 

 

    3. นาธาน อาเก้ (เชลซี)

  อาเก้ เป็นเด็กปั้นของ เชลซี และก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ในปี 2012 แต่ไม่สามารถยกระดับขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมได้ ซึ่งฤดูกาล 2016/17 เขาถูกกุนซือ อันโตนิโอ คอนเต้ ดึงกลับมาจากสัญญายืมตัวที่ บอร์นมัธ กลางซีซั่น หลังจากที่ทำผลงานได้ดี โดยตอนแรกเป็นที่คาดหมายกันว่า คอนเต้ น่าจะใช้งาน อาเก้ เป็นหนึ่งในแผนการเล่นกองหลังสามตัว ทว่าสุดท้าย อาเก้ ได้รับโอกาสโชว์ฝีเท้าหลังจากที่ เชลซี การันตีตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก แล้วเท่านั้น จึงอดได้เหรียญรางวัลไปคล้องคอ เพราะลงเล่นแค่ 2 เกม

 

 

    2. เฟเดริโก้ มาเคด้า (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

  เมื่อวันที่ 5 เมษายน ปี 2009 มาเคด้า กลายเป็นหัวหอกดาวรุ่งที่บรรดาสาวก "ปีศาจแดง" ต่างพูดถึง หลังเจ้าตัวซัดประตูชัยสุดสวยช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ช่วย แมนฯ ยูไนเต็ด พลิกเชือด แอสตัน วิลล่า 3-2 แบบสุดมันส์ในเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และหลังจากนั้น 6 วัน มาเคด้า ก็แผลงฤทธิ์อีก ทำประตูชัยให้ทีมบุกไปเชือด ซันเดอร์แลนด์ 2-1 ซึ่งแน่นอนว่า สองเกมนี้มีความหมายอย่างมากในการช่วย "ปีศาจแดง" ผงาดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2008/09 แต่สุดท้าย มาเคด้า ไม่ได้เหรียญรางวัล เพราะลงเล่นไปแค่ 4 เกมเท่านั้น และหลังจากนั้นชื่อของเขาก็ค่อยๆ จางหายไปจากความทรงจำ

 

 

 1. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (เชลซี)


    สมัยอยู่กับ เชลซี นั้น ในฤดูกาล 2014/15 ซาลาห์ ได้รับโอกาสลงเล่นเกมลีก 3 นัด ก่อนถูกปล่อยตัวให้ ฟิออเรนติน่า ยืมใช้งานในช่วงครึ่งซีซั่นหลัง และด้วยการที่ลงเล่นแค่ 3 เกม ทำให้ดาวเตะชาวอียิปต์อดได้เหรียญรางวัล ทั้งที่ฤดูกาลนั้น เชลซี ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก แต่ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ซาลาห์ จะได้เหรียญรางวัลแชมป์ พรีเมียร์ลีก กลับไปโชว์ที่บ้านในเร็วๆ นี้