คิดแล้วเสียดาย! “โคล” สุดมั่นถ้า “ฟาน ไดค์” เจอตนสมัยค้าแข้งรับรองไม่ได้เกิด

แอนดี้ โคล อดีตกองหน้าระดับตำนานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาแสดงความมั่นใจว่าตนสามารถทำให้ เวอร์กิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังลิเวอร์พูลเจอกับฝันร้าย ถ้าได้ดวลกันสมัยที่ตนเองยังค้าแข้งอยู่

"ฟาน ไดค์ ถือเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม แต่สำหรับผม ผมชอบดวลกับผู้เล่นแบบเขา ผมรู้สึกว่าผมต้องเล่นงานเขาให้ได้ คุณต้องการทดสอบตัวเองกับสิ่งที่ดีที่สุด และเขาก็ถือว่าเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในขณะนี้ แต่ผมชอบมองไปที่กองหลัง และหาจุดอ่อนในตัวพวกเขา และเราได้เห็นจาก ฟาน ไดค์ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา"

"ผมดูเขาเล่นในเกมเปิดฤดูกาลกับ ลีดส์ และกองหน้าที่ทำให้เขามีปัญหาคือคนที่วิ่งสอดมาจากข้างหลังเขา ซึ่งพวกเขายิงได้สามประตูในวันนั้น และ ฟาน ไดค์ ก็ดูไม่มีความสุขกับประสบการณ์แบบนี้เลย"

"เขาเป็นกองหลังระดับหรูแบบรถโรลส์รอยซ์ แต่เขาไม่ชอบวิ่งไล่คู่แข่งที่สอดมาข้างหลังเขา ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ผมมักทำประจำ เมื่อตอนที่ผมอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด ดังนั้น ผมอาจจะเป็นฝันร้ายสุดๆสำหรับเขาถ้าหากเราได้ดวลกัน"

ต้องการเซ็นเตอร์แบ๊คอีกมั้ย?

เป็นสัปดาห์ที่เปลี่ยนแปลงเร็วมากสำหรับลิเวอร์พูล

จากชนะลีดส์แบบไม่สวย เกมรับหลวม โดนแฟนเคืองเรื่องไม่เสริมตัวเจ๋งๆ "นี่งัย บอกแล้ว" ถัดมาไม่กี่วัน มีเซอร์ไพรส์การชูเสื้อของ ติอาโก้ อัลกันตาร่า มิดฟิลด์ระดับโลกที่อยู่ในกระแสความสนใจไม่ต่ำกว่าสามเดือนจนนึกว่าไม่ได้แล้ว จากนั้นยังตามมาด้วยการเสริม ดีโอโก้ โชต้า ซึ่งจะมาเป็นเงื่อนไขในแดนหน้า เล่นได้หลากหลายบทบาท

ปิดด้วยการไปเยือนเชลซี ซึ่งเสริมตัวแบบตื่นตาตื่นใจ, ดูขุมกำลังแล้วเหมือนว่าจะพร้อมแย่งชิงแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ – ทีมของคล็อปป์กลับมาเล่นดีผิดหูผิดตา คืนฟอร์มเก่ง การทำงานหนักเป็นทีม

เห็นแบบนี้แล้ว แฟนหงส์น่าจะอุ่นใจกันนะครับ

1. "ฟาบินโญ่" เซ็นเตอร์แบ๊คชั่วคราว หรือถาวรดี

เพราะการบาดเจ็บเล็กน้อยของขาประจำในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ๊ค โจ โกเมซ ทำให้เห็นภาพเงื่อนไขที่อุ่นใจในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ๊คของลิเวอร์พูลขึ้นมาบ้าง

โกเมซ ไม่น่าเป็นห่วงอะไรนะครับ เจอร์เก้น คล็อปป์ บอกว่าอาจจะเป็นแค่วันนี้นี่แหล่ะ ส่วนโฌแอล มาติป นั้นอาการกล้ามเนื้อทำให้ยังใช้บริการไม่ได้ ต้องขาดหายยาวต่อไป  (แฟนหงส์น่าจะชินแล้ว)

นั่นเลยทำให้เห็น การใช้ ฟาบินโญ่ จากบทบาทคุ้นตาเป็นมิดฟิลด์ตัวรับมาเคียงข้าง เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ในการไปเยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์  – แม้เป็นหมากที่แฟนหงส์คิดเผื่อไว้แล้วหล่ะ กรณีลุ้นซื้อเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคนใหม่ไม่สำเร็จ และโกเมซ / มาติป มีปัญหา หากไม่น่าจะคิดว่า เอ๊ะ มันต้องลองใช้ตั้งแต่นัดที่สองของฤดูกาลแบบนี้เลยเหรอ

ปรากฎ ฟาบินโญ่ เล่นได้นิ่งมาก เข้าแย่งบอลสวยๆ จากติโม แวร์เนอร์ กองหน้าทีมชาติเยอรมัน, ทำหน้าที่ตลอดเกมเหมือนตรงนั้นเป็นพื้นที่ประจำของเขา

จากเล่นตำแหน่งประจำตรงแดนกลางไม่ได้ดั่งใจกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์นัก ในช่วงอุ่นเครื่องปรีซีซั่นที่สั้นมาก จนเปิดฤดูกาลกับลีดส์ โดนถอดไปเป็นตัวสำรอง มาวันนี้ น่าสนใจนะครับว่า ฟาบินโญ่ ควรได้เล่นตรงเซ็นเตอร์แบ๊คนี้ยาวๆ หรือเปล่า (เพื่อนๆ มีความเห็นเช่นไร ลองแสดงทัศนะด้านล่างกันครับ)

 2. ใบแดงท้ายครึ่งแรก สมควรและสำคัญต่อเกม

 ลิเวอร์พูลยังคงให้แนวหลังเล่นไลน์สูงนะครับ แต่สิ่งที่แตกต่างจากเกมลีดส์คือตั้งแต่แดนหน้าเพรสได้ดี ก็เลยคุมสถานการณ์ได้ อาจจะมีสวนน่ากลัวบ้าง อันนั้นเป็นเรื่องธรรมดาของทัพคุณภาพอย่างเชลซี ซึ่งช่วงนี้อาวุธยังไม่ครบมือ ตัวใหม่หลายคนยังไม่พร้อมใช้งาน ฮาคิม ซีเย็ค, เบน ชิลเวลล์, ติอาโก้ ซิลวา รวมทั้งตัวเก่าที่อันตรายมากๆ คริสเตียน พูลิซิช

ครึ่งแรก ลิเวอร์พูลเหนือกว่าเห็นได้ชัด หากขาดจังหวะจะแจ้ง ดังนั้นเชลซีก็ยังอยู่ในเกม!

ก่อนฮาล์ฟไทม์ จังหวะเหมาะเหม็งมาก คนผ่านยาว กัปตันเฮนโด้ , คนวิ่งโฉบ ซาดิโอ มาเน่

มาเน่บอกกับ อันเดรียส คริสเตนเซ่น นะครับว่า "เพื่อนเอ๋ย มันเป็นใบแดง" ก่อนที่ผู้ตัดสินจะวิ่งไปดูจอข้างสนาม วีเออาร์เปลี่ยนคำตัดสินจากควักแค่ใบเหลือง มาเป็นใบแดง เสียอีก

ใบแดงจริงๆ ครับ กองหลังตัวสุดท้าย เหนี่ยวแบบนั้น จังหวะหลุดตรงกลางเลย

3. ความขยันของมาเน่

โอเคหล่ะ ทั้งโหม่ง และยิง เหมาสองประตู หัวหอกเซเนกัล ต้องมีความดีความชอบอยู่แล้ว

หากอยากให้มองการทำงานหนักในสนามของเขา การทำให้คริสเตียนเซ่น โดนใบแดง

การเข้าไปโหม่งกระทุ้งประตูแรก หลังจากโม กะบ๊อบบี้ ประสานกันมา สวยงามในแง่ยืนอยู่ด้านไกล แล้วโฉบเข้าไปในตำแหน่งเข้าทำตรงจังหวะ

แต่ที่ชอบที่สุด ประตูที่สอง ทุกคนอาจมองไปที่ความผิดพลาดในการออกบอลของเกป้า หากอยากให้ย้อนไปดูก่อนหน้าด้วย  "มาเน่ จ่ายบอลให้บ๊อบบี้แรงไป / เขาแสดงท่าโมโหตัวเองออกมา / จากนั้นแทนที่จะหยุดเฉย เสียบอลแล้วก็ต้องไล่สิ วิ่งเข้าไปหาคีพเพอร์แล้วอ่านทาง ไปดักจนได้บอลยิงเฉย" – เก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องทำงานหนักด้วยนะ

4. ติอาโก้ สมราคาเวิลด์ คลาส

พักครึ่งกัปตันเฮนโด้ บอกเจ้านายว่ามีปัญหาเล็กน้อย อยากจะเล่นต่อนะ แต่คล็อปป์ไม่เสี่ยง ก็เลยได้เห็น ตีอาโก้ ลงประเดิมนัดแรกทันที

แม้จะทำเสียจุดโทษแบบไม่น่า ดีนะที่ อลีสซอน เบ๊คเกอร์ เข้าฟอร์มเซฟจอร์จินโญ่ได้ ไม่เช่นนั้น ถึงเชลซีจะมีสิบคน ก็ยังได้ลุ้นต่อในสิบห้านาทีสุดท้าย

โดยรวมแล้วเยี่ยมเลย ข้อมูลจาก opta  (เก็บสถิติต่างๆ ในการเล่น) บอกว่า ตีอาโก้ ผ่านบอลสมบูรณ์ 75 ครั้ง มากกว่าผู้เล่นเชลซีทุกคนตลอดเกม!

เล่นแบบธรรมชาติมากครับ ไม่มีตัวเพิ่มมากกว่านี้ ผมก็ว่า ลิเวอร์พูลพร้อมท้าชนได้หมดแล้วนะ เพื่อนๆ หล่ะครับ ว่างัย

คล็อปป์ว่าอย่างไรเรื่องเกมรับรั่วเสีย 3 ประตู

เจอร์เก้น คล็อปป์ ดูเหมือนจะไม่ได้กังวลอะไรมากเกี่ยวกับเกมรับของ ลิเวอร์พูล ถึงแม้จะเสียถึง 3 ประตูในเกมเปิดซีซั่น ที่ทีมเอาชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 4-3 ในเกมพรีเมียร์ลีก เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

"แชมป์เก่า" ลิเวอร์พูล เอาชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 4-3 ในเกมเปิดสนามพรีเมียร์ลีก โดยถึงแม้เกมรุกจะทำได้ถึง 4 ประตู แต่เรื่องเกมรับเป็นคำถามว่าพวกเขาหละหลวมเกินไปหรือเปล่าที่เสียประตูในเกมเดียวถึง 3 ลูก

โดยทาง เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ‘หงส์แดง’ เองก็ได้ให้คำอธิบายถึงเรื่องนี้ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นกังวลมากเท่าไหร่ พร้อมกระตุ้นให้ทีมพัฒนาต่อไป

"ผมไม่ได้มองว่าเราเจอความยุ่งยากอะไรเรื่องเกมรับเลยนะ ในแนวทางการเล่นของพวกเขาน่ะ เราไม่มีทางป้องกันได้ 100% ตลอดเวลาหรอก" นายใหญ่เลือดด๊อช์ท เผย

"ประตูแรก ฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งอยู่ลึกกว่าคู่ เซนเตอร์แบ็ก ซึ่งมันไม่ควรที่จะเกิดขึ้น ประตูที่สองผมคิดว่าเกิดจากความไม่เข้าใจกันระหว่าง เฟอร์กิล (ฟาน ไดค์) และ อลีสซง ซึ่งมันเป็นอะไรที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ก็ไม่ควรที่จะเกิดขึ้นแต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ ผมไม่คิดว่าเราจะเจอแบบนี้บ่อยๆ หรอก ส่วนประตูที่สาม​ เราเพิ่งเปลี่ยนตัว​ก่อนหน้านั้นไม่นาน​ แล้ว​จากจังหวะทุ่ม​ เราไม่ขยับตาม,​ เสียสมาธิ, เปิดช่องว่างให้พวกเขาฝ่าแนวรับเข้ามา​" "

"ดังนั้น ในเรื่องเกมรับ มันต้องมีการอธิบาย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาแก้ตัวอะไรหรอกนะ เมื่อ 4 วันก่อน แนวรับทั้ง 4 คนไปเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ, ทีมชาติฮอลแลนด์ และทีมชาติสกอตแลนด์"

"ทีมชั้นนำทั้งหมด มีการเล่นเกมรับที่แตกต่างกันออกไป ความผิดพลาดสามารถเกิดขึ้นได้ และมันก็ไม่ควรจะมาตัดสินในช่วงต้นฤดูกาล"

"หลายคนพูดกันว่าพวกเขาเล่นกันมากว่า 500 นัด แต่เรื่องของเกมรับไม่ได้ง่ายเหมือนการขี่จักรยาน คุณต้องทำงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมันก็ยังมีช่องว่างเพื่อการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น"

คล็อปป์เป็นปลื้มยกย่องซาลาห์หลังตะบันแฮตทริก

เจอร์เก้น คล็อปป์ กล่าวชื่นชม โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เป็นการใหญ่ หลังจบเกมที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเชือด ลีดส์ ยูไนเต็ด 4-3 ในเกมพรีเมียร์ลีก นัดแรก เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ออกโรงยกย่อง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เป็นพิเศษ หลังลูกทีมรายนี้เหมา 3 ประตู ช่วยพาทีมเอาชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด แบบสุดมันส์ 4-3

‘หงส์แดง’ ขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 4 จากการสังหารลูกจุดโทษของ ซาลาห์ ทว่านาทีที่ 12 ลีดส์ มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากการยิงสุดคมของ แจ็ค แฮร์ริสัน ถึงแม้ ทีมแชมป์เก่าขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 จากการโขกของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ในนาทีที่ 20 แต่หลังจากนั้นแค่ 10 นาที "ยูงทอง" ก็สามารถตามตีเสมอได้อีกรอบจากผลงานของ แพทริค แบมฟอร์ด

โดยหลังจบเกม คล็อปป์ ได้ให้สัมภาษณ์และกล่าวขอบคุณ ยอดดาวยิงอียิปต์ ที่เป็นนักเตะคนที่สองในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ที่ทำประตูเกมนัดเปิดสนาม 4 ปีติดต่อกัน ต่อจาก เท็ดดี้ เชอริงแฮม ที่เคยทำไว้ "ก่อนอื่นเลย ต้องยินดีกับเขาด้วยจริงๆ เพราะเขาเป็นผู้เล่นที่สุดแสนพิเศษเอามากๆ"

"ตัวเลข(จำนวนประตู) บอกถึงเรื่องราวได้อยู่บ้าง แต่ที่เหลือแล้วน่ะคุณอาจจะไม่รู้เลยก็ได้ ทว่าตัวเลขในวันนี้มันเป็นตัวอย่างที่ดีที่เขาทำได้ 3 ประตู ซึ่งผลงานที่ออกมาก็สุดยอดมาก"

"2 จุดโทษที่เกิดขึ้น แน่นอน 100% เขาสมควรกับประตู อย่างแรกมาจากการจบสกอร์ที่เฉียบขาด ซึ่งเขาสมควรแก่ประตูเหล่านี้เพราะเขาทำมาโดยตลอดและมันก็ทำให้คู่แข่งเจอปัญหา"

"เขาคือผู้เล่นชั้นนำในสถานการณ์ดวลกันตัวต่อตัว ด้วยเรื่องดีๆ ที่เขาทำให้แก่เรา เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่ยอดเยี่ยม และเขาควรภูมิใจกับสิ่งนั้นเพราะมันเป็นเรื่องพิเศษมากๆ ที่เกิดตัวเลขแบบนี้ ตราบใดที่ยังทำได้แบบนี้ต่อไป"

ซื้อเถอะ!3จุดลิเวอร์พูลควรเสริมหากหวังแชมป์อีก

เปิด 3 ตำแหน่งที่ ลิเวอร์พูล ควรดึงนักเตะมาเสริมทัพอีก หลังจนถึงเวลานี้เพิ่งได้แค่ คอสตาส ชิมิกาส รายเดียวเท่านั้น

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล จะประเดิมนำทัพ "หงส์แดง" ป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีก ด้วยการเปิดรัง แอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ทีมน้องใหม่หน้าเก่า ในเกมเปิดสนามฤดูกาล 2020/21 วันเสาร์ที่ 12 กันยายนนี้

จนถึงเวลานี้ ลิเวอร์พูล เพิ่งได้นักเตะมาเสริมทัพแค่รายเดียวคือ คอสตาส ชิมิกาส แบ็กซ้ายทีมชาติกรีซ อย่างไรก็ตาม แฟนบอลหลายรายเชื่อว่า คงยังไม่พอหากคิดที่จะป้องกันแชมป์เอาไว้ให้ได้

สำหรับตำแหน่งที่บรรดา "เดอะ ค็อป" อยากให้ทีมรักเสริมทัพอีกมี 3 จุดดังนี้

1. เซนเตอร์แบ็ก

"หงส์แดง" ปล่อย เดยัน ลอฟเรน ไปให้ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก สโมสรในรัสเซีย ทำให้เวลานี้ในทีมชุดใหญ่เหลือเซนเตอร์แบ็กแค่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, โจ โกเมซ และ โฌแอล มาติป เท่านั้น

จนถึงเวลานี้ข่าวกับเซนเตอร์แบ็กยังเงียบ แถมมีวี่แววจะไม่ซื้ออีกด้วย โดย คล็อปป์ วางแผนที่จะให้ ฟาบินโญ่ กองกลางชาวบราซิเลียน ถอยลงมาทำหน้าที่นี้หากถึงเวลาจำเป็นจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ควรจะซื้อเซนเตอร์แบ็กเข้ามาร่วมทีมก่อนปิดตลาดนักเตะ เพราะทั้ง มาติป และ โกเมซ มีปัญหาบาดเจ็บให้เห็นอยู่บ่อยๆ หรือถ้า ฟาน ไดค์ เกิดโชคร้ายเจ็บไปด้วยก็จะมีปัญหาแน่นอน

2. กองกลางตัวสร้างสรรค์เกม

จำนวนประตูและแอสซิสต์จากกองกลาง ลิเวอร์พูล น้อยลงไปตั้งแต่ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ อำลาถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อเดือนมกราคม ปี 2018 โดยเวลานี้ทีเด็ดส่วนใหญ่มาจาก เทรนท์-อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ็กทั้งสองฝั่ง

นาบี เกอิต้า เป็นกองกลางที่มีคุณภาพในการสร้างสรรค์โอกาส แต่น่าเสียดายที่เขามีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ่อยๆ ทำให้ "หงส์แดง" ควรจะดึงมิดฟิลด์มาร่วมทีมอีก

ลิเวอร์พูล ควรจะไปดึง ติอาโก้ อัลกันตาร่า กองกลาง บาเยิร์น มิวนิค มาร่วมทีมให้ได้ เพราะจะทำให้ทีมแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากดาวเตะสแปนิช เป็นผู้เล่นที่ผ่านบอลได้อย่างแม่นยำ, มีสายตาเฉียบคมในการมองหาพื้นที่ว่างในสนาม และสร้างสรรค์เกมเยี่ยม

3. กองหน้า

นี่จะเข้าสู่ฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกันแล้วกับการร่วมงานของ 3 ประสานแดนหน้าทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ ซึ่งแน่นอนว่า ที่ผ่านมาทุกคนช่วยกันทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม

อย่างไรก็ดี ลิเวอร์พูล ควรจะดึงกองหน้าคนใหม่มาคอยสำรอง 3 เทพ เนื่องจากดูแล้ว ดิว็อค โอริกี้ ยังไว้ใจไม่ค่อยได้ ส่วน ริอาน บรูว์สเตอร์ ก็ยังเด็กเกินไป

ก่อนหน้านี้ "หงส์แดง" เคยมีข่าวกับ ติโม แวร์เนอร์ กองหน้าทีมชาติเยอรมัน ก่อนที่นักเตะจะย้ายจาก ไลป์ซิก มาอยู่กับ เชลซี ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไม่ได้ตัวมาร่วมทีม แต่ก็ยังมีอีกหลายรายที่น่าสนใจในตลาดนักเตะ

ซาลาห์ยิงไม่ได้8นัดติด!6ประเด็นหลังเกมลิเวอร์พูลอุ่นโหดขยี้แบล็คพูล7ตุง

 "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลล่าสุด ส่งท้ายช่วงปรี-ซีซั่นได้อย่างสวยหรู หลังเปิดรัง แอนฟิลด์ กระซวกโหด แบล็คพูล 7-2 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่ก็ทำเอาเสียวไม่น้อย เพราะเกมผ่านไปช่วงครึ่งชั่วโมงแรก มีสกอร์ตามหลัง 0-2 แต่สุดท้ายก็รัวคืนทีเดียว 7 ตุง โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังที่จัดไปครึ่งโหล และนี่คือ 6 ประเด็นที่น่าสนใจจากเกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายของช่วงปรี-ซีซั่น ก่อนเริ่มต้นภารกิจป้องกันแชมป์ในฤดูกาล 2020/21 ซึ่งพวกเขามีคิวลงเตะนัดแรกกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด วันเสาร์ที่ 12 กันยายนนี้
 

– 7 ประตู จาก 7 คน

เป็นเกมที่นักเตะ ลิเวอร์พูล ยิงกันไม่ซ้ำหน้าเลย โดย 7 ประตู มาจากคนทำสกอร์ 7 คน โดยไล่ตั้งแต่ โฌแอล มาติป นาทีที่ 43 (1-2), ซาดิโอ มาเน่ นาทีที่ 52 (2-2), โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ นาทีที่ 54 (3-2), ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ นาทีที่ 69 (4-2), ทาคุมิ มินามิโนะ นาทีที่ 71 (5-2), ดิว็อค โอริกี้ นาทีที่ 85 (6-2) และ เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก นาทีที่ 88 (7-2) แต่… ยังคงไร้ชื่อ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ บนสกอร์บอร์ด

– ซาลาห์ ไร้สกอร์ 8 นัดติด!!!

นอกจากเกมนี้ที่ยิงไม่ได้แล้ว หากมองย้อนกลับไปทุกนัดที่ลงสนาม เท่ากับว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าตัวเก่งชาวอียิปต์ ทำประตูไม่ได้มา 8 นัดติดต่อกันแล้ว ซึ่งก็รวมถึงตลอดทั้ง 3 นัดในช่วงปรี-ซีซั่น โดยเกมสุดท้ายที่ "บังโม" มีสกอร์คือ นัดที่เจ้าตัวกดสองตุงในเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาลก่อน ที่ "หงส์แดง" บุกอัด ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 3-1 เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ซาลาห์ จะคืนฟอร์มเก่ง และทำประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำอีกครั้ง เมื่อฤดูกาลใหม่เปิดฉากขึ้น 

– มาติป คัมแบ็กสวย

เกมนี้ถือเป็นการลงสนามนัดแรกของ โฌแอล มาติป เซนเตอร์แบ็กร่างโย่งชาวแคเมอรูน หลังจากที่พักแข้งยาวมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน เพราะมีปัญหาบาดเจ็บรุมเร้าที่เท้า ซึ่งถึงแม้สภาพร่างกายยังดูไม่ฟิตเต็มร้อย และได้ลงเล่นแค่ช่วง 45 นาทีแรกเท่านั้น (นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ลงแทนครึ่งหลัง) แต่ก็ถือเป็นการคัมแบ็กที่ดีสำหรับ ปราการหลังวัย 29 ปี เพราะนอกจากได้ลงเคาะสนิมแล้ว เกมนี้เจ้าตัวยังทำได้หนึ่งประตูด้วย จากลูกโขกของถนัดที่ช่วยให้ทีมตีไข่แตก 1-2

– มินามิโนะ ยิ่งเล่นยิ่งแจ่ม

เชื่อเหลือเกินว่า ทาคุมิ มินามิโนะ ตัวรุกชาวญี่ปุ่น ที่ย้ายมาจาก เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ช่วงกลางฤดูกาลที่แล้ว ถือเป็นอีกหนึ่งนักเตะที่สาวก "เดอะ ค็อป" คาดหวังไว้สูงไม่น้อยสำหรับฤดูกาลใหม่ ซึ่งจากที่เห็นในช่วงหลังๆ บอกได้เลยว่า ฟอร์มของเจ้าตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ โดยเฉพาะเรื่องความมั่นใจ, กล้าเล่นกล้าลุย และความเข้าใจเพื่อนร่วมทีม ซึ่งเกมนี้เจ้าตัวก็มี 1 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ โดยลูกยิงของเจ้าตัว ที่เป็นประตูนำ 5-2 นั้น ถือเป็นลูกยิงที่เยือกเย็นและหาจังหวะดีมาก ซึ่งเท่ากับว่าตอนนี้ ดาวเตะเลือดซามูไรวัย 25 ปี ทำประตูได้สองนัดติดแล้ว หลังเป็นคนกดประตูตีเสมอ 1-1 ในเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่เจอกับ อาร์เซน่อล เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน

– ประตูแรกของ เอลเลียตต์ กับ ฟาน เดน เบิร์ก

ถึงแม้ไม่ใช่เกมที่เป็นทางการ แต่อย่างน้อยการที่สองแข้งดาวรุ่งอย่าง ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ และ เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก ต่างทำประตูแรกในสีเสื้อ "หงส์แดง" ได้ ถือเป็นเรื่องดีต่อความมั่นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักเตะตัวรุกอย่างเจ้าหนู เอลเลียตต์ วัย 17 ปี ที่ฤดูกาลก่อนไร้สกอร์มาตลอด 8 นัดที่ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล

– แต่… ควรเสริมหลัง

ด้วยการที่สองเซนเตอร์แบ็กตัวหลักอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โจ โกเมซ ต่างติดภารกิจรับใช้ทีมชาติ ทำให้เกมนี้ ลิเวอร์พูล ต้องใช้แนวรับชุดสำรองลงเล่น ซึ่งมันชัดเจนว่า ยังไม่ดีพอ เพราะการเสียสองประตูให้กับสโมสระดับ ลีก วัน ไม่ใช่เรื่องที่สามารถนิ่งนอนใจได้ โดยเฉพาะจังหวะที่ แบล็คพูล ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ก็มาจากความผิดพลาดง่ายๆ ของ บิลลี่ คูเมติโอ ปราการหลังดาวรุ่งร่างยักษ์ชาวฝรั่งเศส ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ลิเวอร์พูล ก็ควรจะดึงเซนเตอร์แบ็กคุณภาพดีมาเสริมสักราย เพราะยามจำเป็น การจะฝืนใช้งานพวกดาวรุ่งอย่าง เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก, คี-ยาน่า ฮูแฟร์, บิลลี่ คูเมติโอ รวมถึง นาธานเนียล ฟิลลิปส์ บ่อยๆ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ถึงแม้ ฟาบินโญ่ มิดฟิลด์เลือดแซมบ้า สามารถลงมายืนเป็นเซนเตอร์แบ็กขัดตาทัพได้ก็ตาม

ของดีมาอีกคน!ลีดส์ปิดดีลซิวแข้งทีมชาติเยอรมนีร่วมก๊วน

 "ยูงทอง" ลีดส์ ยูไนเต็ด เสริมทัพต่อเนื่อง ล่าสุดปิดดีลกระชากตัวกองหลังระดับทีมชาติเยอรมนี มาจาก ไฟร์บวร์ก เรียบร้อย ด้วยสัญญายาว 4 ปี เผยค่าตัวอย่างถูก
     ลีดส์ ยูไนเต็ด สโมสรน้องใหม่หน้าเก่าในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกาศคว้าตัว โรบิน ค็อค เซนเตอร์แบ็กจอมแกร่งเลือดเบียร์ มาจาก ไฟร์บวร์ก สโมสรลูกหนังในศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน อย่างเป็นทางการ เมื่อวันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม ทีผ่านมา โดยเซ็นสัญญาร่วมงานกันเป็นเวลา 4 ปี

     สำหรับเรื่องค่าตัวยังไม่มีการยืนยันจาก ลีดส์ แต่เชื่อกันว่า ปราการหลังดีกรีทีมชาติเยอรมนีวัย 24 ปี ย้ายมายังถิ่น เอลแลนด์ โร้ด ด้วยค่าตัวราว 13 ล้านปอนด์ (ประมาณ 533 ล้านบาท) ทำให้ ค็อค กลายเป็นแข้งใหม่รายที่สองของ "ยูงทอง" ในรอบวัน ต่อจาก โรดริโก้ หัวหอกทีมชาติสเปน ที่ย้ายมาจาก บาเลนเซีย ด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสรถึง 27 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,107 ล้านบาท)

     "ผมแฮปปี้มากๆ ที่ตอนนี้ทุกอย่างเคลียร์แล้ว" ค็อค เปิดใจ "นี่คือหนึ่งในลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน ทุกคนต่างรู้จัก พรีเมียร์ลีก และตอนนี้ผมได้ย้ายมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก กับ ลีดส์ ซึ่งถือเป็นความฝันสำหรับผมเลย"

     ทั้งนี้ ค็อค อยู่ค้าแข้งกับ ไฟร์บวร์ก ทั้งสิ้น 3 ฤดูกาล ลงเล่นไป 87 นัด ทำได้ 5 ประตู

เจ้าของลีดส์เล่นใหญ่เล็งคาวานี่เสริมทัพ

อันเดรีย ราดริซซานี่ เจ้าของสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด น้องใหม่ประจำพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้าได้เผยแผนงานใหญ่ด้วยการเล็งดึง เอดินสัน คาวานี่ กองหน้ามากประสบการณ์มาร่วมทีม ขณะที่ก็ดับข่าวกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เช่นกัน

    สโมสรจากยอร์คเชียร์การันตีเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก แน่นอนแล้วในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังห่างหายไปนานถึง 16 ปีด้วยกัน

    พวกเขาเคยพยายามติดต่อกับยอดแข้งอย่าง อิบราฮิโมวิช วัย 38 ปี มาตั้งแต่เดือนมกราคมที่แล้ว แต่นักเตะก็เลือกเซ็นสัญญากับ เอซี มิลาน แทน

    "อิบราฮิโมวิช จะเป็นอะไรที่ยากแน่นอน" ราดริซซานี่ กล่าวผ่าน สกาย สปอร์ต อิตาเลีย

    "เราพยายามที่จะเซ็นสัญญากับเขาในเดือนมกราคม แต่เขาก็เลือกย้ายไป มิลาน และข้อตกลงได้หายไป"

    "ตอนนี้ผมคิดว่ามันสายเกินไปแล้ว ด้วยความเข้มข้นที่แตกต่างกันของฟุตบอลอังกฤษ"

    ขณะเดียวกัน เจ้าของทีม ยูงทอง ก็หวังว่าพวกเขาจะคว้าตัว คาวานี่ วัย 33 ปี ที่ปัจจุบันเป็นแข้งไร้สังกัดมาร่วมทีมได้

    "นอกเหนือจากคุณภาพแล้ว คาวานี่ สามารถใช้ร่างกายของเขาปรับตัวกับที่นี่ แต่ผมก็ไม่เคยพูดถึงเขากับโค้ช (มาร์เซโล่ บีเอลซ่า) ของเรา"

    ‘ต้องบอกว่า แน่นอนเราคิดถึงเขา และเราจะได้เห็นกัน เพราะมันยังคงเปิดกว้างกับนักเตะฟรีเอเยนต์"