เลวานคัมแบ็ก! บาเยิร์นชุดใหญ่ยกทัพลุยบีเลเฟลด์เล็งขึ้นฝูง

"เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค เพิ่งลุยภารกิจบอลถ้วยมา เกมนี้กลับมาสู่เส้นทางป้องกันแชมป์ลีก จัด โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยืนหอกนำบุกถิ่น บีเลเฟลด์ น้องใหม่ที่ผลงานไม่แน่นอน ในการแข่งขันฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมัน คืนวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม 2563

ปรีวิวบุนเดสลีกา เยอรมัน
วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม 2563
บีเลเฟลด์ (10) – บาเยิร์น มิวนิค (4)
เวลา : 23.30 น.
สนาม : ชูโก้ อารีน่า

น้องใหม่ บีเลเฟลด์ ของเทรนเนอร์ อูเว่ นอยเฮาส์ ที่ขึ้นชั้นฐานะแชมป์ลีกา 2 ผลงานล่าสุดในลีกสูงสุด บุกเสมอ แฟร้งเฟิร์ต 1-1 ชนะโคโลญจน์ 1-0 แพ้เบรเมน 0-1

สภาพทีมชวดใช้งาน นาธาน เด เมดิน่า (เข่า) และ อันเดรียส โฟกล์ชามเมอร์ (กระดูกเท้า) ทั้งคู่ ส่วน อาร์เน่ ไมเออร์ ที่ยืมมาจากแฮร์ธ่า เบอร์ลิน ต้องรอเช็กความฟิต โดยการจัดทัพยึดระบบ 4-3-3 ต่อไป แดนกลางให้ ริคสึ โดอัน ปั้นเกมร่วมกับ มาร์เชล ฮาร์เพิ่ล สามประสานแนวรุกจัด เซบิโอ ซูกู ฟาเบียน โคลส และ เซร์คิโอ คอร์โดบา คอยเข้าทำประตู

ด้านทัพ "เสือใต้" ของ ฮันซี่ ฟลิค ที่สร้างความยิ่งใหญ่ผงาดคว้า 5 แชมป์แบบฤดูกาลเดียว เพิ่งอัดชนะ ดือเรน 3-0 ศึกเดเอฟเบ โพคาล รอบแรก เมื่อวันพฤหัส สภาพทีมแข้งที่ยังชวดใช้งานคือ ด็องกี่ย์ เนียงซู (กล้ามเนื้อ) กับ ลีรอย ซาเน่ (เข่า) ทั้งคู่

ฟลิคจะกลับมาใช้แข้งชุดใหญ่เต็มสูบ คู่เซ็นเตอร์ใช้ ดาวิด อลาบา ยืนคู่ นิคลาส ซือเล่ แนวรุกสามประสาน โธผมัส มุลเลอร์ เลออน โกเร็ทซ์ก้า คอยปั้นเกม และมี แซร์จ นาบรี้ กับ คิงส์เล่ย์ โกมัน คอยลากเลื้อย แดนหน้า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ประจำการ

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

บีเลเฟลด์ (4-1-2-3): สเตฟาน ออร์เตก้า,เซดริก บรุนเนอร์,มิเค่ ฟาน เดอร์ ฮอร์น,อามอส พีเพอร์,อันเดอร์ลสัน ลูโคกี,มาร์เชล ฮาร์เพิ่ล,ริคสึ โดอัน,เซบิโอ ซูกู ,ฟาเบียน โคลส,เซร์คิโอ คอร์โดบา

บาเยิร์น มิวนิค (4-2-3-1): มานูเอล นอยเออร์,เบนฌาแม็ง ปาวาร์,นิคลาส ซือเล่,ดาวิด อลาบา,ลูกัส แอร์กน็องเดซ,โกร็องแต็ง โตลิสโซ่,โยชัว คิมมิช,แซร์จ นาบรี้,เลออน โกเร็ทซ์ก้า,คิงส์เล่ย์ โกมัน,โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

เลวาน-มุลเลอร์เบิ้ลคู่! บาเยิร์นไม่ล้าถล่มบีเลเฟลด์นั่งรองฝูง

"เลวานดอฟสกี้-มุลเลอร์" กดคนละสองเม็ดนำทีม "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ที่เหลือ 10 คนถล่มน้องใหม่ บีเลเฟลด์ 4-1 กำสามแต้มกลับออกไปพร้อมขยับอันดับรองจ่าฝูง ในการแข่งขันศึกฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมัน คืนวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา
สนาม : ชูโก้ อารีน่า

     ศึกฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมัน คืนวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค เพิ่งจบภารกิจในบอลเดเอฟเบ โพคาล มาลงลุยเกมลีกต่อเนื่อง ฮันซี่ ฟลิค เทรนเนอร์คนเก่งใส่ผู้เล่นครบชุดจากเมื่อนัดยอลถ้วย "เลวานดอฟสกี้-มุลเลอร์"พร้อมขับเคลื่อนทีมสู่ชัยชนะบุกบ้านน้องใหม่ บีเลเฟลด์ ของกุนซือ อูเว่ นอยเฮาส์ ที่ฟอร์มยังไม่แน่นอน ล่าสุดแพ้มา จัดดาวเตะคนสำคัญอย่าง "ฟาเบียน โคลส" ลงสู้เพื่อคะแนน

     เริ่มมาถึงนาทีที่ 8 โธมัส มุลเลอร์ คว้าโอกาสพังสกอรืหนแรกของทีมสำเร็จ หลังศูนย์หน้าอินทรีเหล็กกระทุ้งบอลกลางเขตโทษ ส่งบอลเข้าตาข่ายให้ทีมขึ้นนำแย่างรวดเร็ว

     พี่เสือทิ้งห่างนาทีที่ 26 เลออน โกเร็ทซ์ก้า เลี้ยงบอลจากริมเส้นทางซ้าย จ่ายปาดเรียดมาตรงวงกลมหน้ากรอบเขตโทษ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ จับหนึ่งครั้งแล้วซัดบอลพุ่งเสียบตาข่ายไป

     ถัดมานาทีที่ 31 ฟาเบียน โคลส แนวรุกบีเลเฟลด์ วิ่งตามบอลโด่งจากแดนตนเองหลุดเข้าไปในเขตโทษ ได้โอกาสซัดบอลแต่ยังถูก มานูเอล นอยเออร์ นายทวารบาเยิร์นออกมาขวางบอลรับไว้ได้

     เจ้าถิ่นพยายามสู้นาทีที่ 33 ริคสึ โดอัน มิดฟิลด์ปลาดิบลองส่องไกลนอกกรอบเขตโทษ บอลเลี้ยวเข้าหากรอบประตู แต่ยังเป็นงานง่านสำหรับนายด่นเสือใต้ ทิ้งตัวรับอยู่มือ 

     ทีมเยือนำสบายนาทีที่ 45+1 โธมัส มุลเลอร์ ลากบอลมาในเขตโทษ เกี่ยวแต่งเข้าเหลี่ยมเท้าขวาไหลต่อให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่ยืนรออยู่ใกล้จับแล้วยิงไปติดตัวผู้เล่นเจ้าบ้านแฉลบเข้าประตูไปอีกเม็ด จบครึ่งแรก บาเยิร์น ทิ้งห่าง 3-0

     เสือใต้เฮอีกนาทีที่ 51 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ โยกมารับบอลทางริมเส้นด้านขวา ลองโยนโค้งเข้าเขตโทษ โธมัส มุลเลอร์ ปรี่มาจิ้มบอลจังหวะเดียวเช็คใต้คาน ชนิดที่นายทวารเจ้าบ้านหมดสิทธิ์ป้องกัน

     บีเลเฟลด์ตีไข่แตกนาทีที่ 59 ฟาเบียน โคลส ได้บอลจ่ายยาวจากแดนตนเอง เลี้ยงต่อมาถึงหน้ากรอบเขตโทษ ส่งต่อให้ ริคสึ โดอัน ที่วิ่งเติมมาโล่งคนเดียวจับบอลทางเขตโทษด้านขวา ซัดบอลพุ่งผ่านมือ มานูเอล นอยเออร์ อย่างแม่นยำ

     แต่แล้วนาทีที่ 76 โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ ปรี่ไล่กวดหัวหอกเจ้าถิ่น ฟาเบียน โคลส หลังเพื่อนจ่ายคืนหลังไม่ดี ทว่ากองกลางเสือใต้ไปสไลด์ใส่คู่แข่งหัวคะม่ำ กรรมการเห็นเป็นผู้เล่นคนสุดท้าย ชูใบแดงไล่ออกจากสนาม ก่อนจบเกม บาเยิร์น มิวนิค บุกชนะ บีเลเฟลด์ 4-1 ขยับอันดับขึ้นรองฝูง

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

บีเลเฟลด์ (4-3-3): สเตฟาน ออร์เตก้า,นาธาน เด เมดิน่า (ไบรอัน แบห์เรนด์ น.83),อาโมส พีเพอร์,มิเค่ ฟาน เดอร์ ฮอร์น,อันเดอร์ลสัน ลูโคกี,ฟาเบียน คุนเซ่ (สเวน ชิปปล็อค น.70),มานูเอล พรีเตล,มาร์เชล ฮาร์เพิ่ล (โยอัน ซิมุน เอ็ดมุนด์สสัน น.90),คริสเตียน เกบาเออร์ (ไรน์โฮลด์ ยาโบ น.70),ฟาเบียน โคลส,ริคสึ โดอัน (นิลส์ ซูเฟิร์ท น.90)

บาเยิร์น มิวนิค (4-2-1-3): มานูเอล นอยเออร์,เบนฌาแม็ง ปาวาร์,นิคลาส ซือเล่,ดาวิด อลาบา,ลูกัส แอร์กน็องเดซ (อัลฟอนเซ่ เดวิส น.90),โกร็องแต็ง โตลิสโซ่,เลออน โกเร็ทซ์ก้า (ฆาบี มาร์ติเนซ น.65),โธมัส มุลเลอร์,แซร์จ นาบรี้ (ดั๊กลสา คอสต้า น.65),โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (มักซิม ชูโป-โมติง น.86),คิงส์เล่ย์ โกมัน (จามาล มูเซียลา น.86)

บาเยิร์นเชื่อมั่น! “คิมมิช”จอมทัพรับแฮร์ธ่าคัมแบ็กคว้าชัยบุนเดสฯ

"เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค เพิ่งซิวโทรฟี่ซูเปอร์คัพมาได้ ทว่าผลงานล่าสุดในลีกแพ้ไป เกมนี้ใส่ชื่อ "โยชัว คิมมิช" ลงแดนกลางคุมเกมปะทะทีมเยือน ”หญิงชรา” แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ที่มองหาสามคะแนนเพื่อขยับอันดับขึ้นช่วงบนของตาราง ในการแข่งขันฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมัน คืนวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2563

ปรีวิวฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมัน
วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2563
บาเยิร์น มิวนิค (12) – แฮร์ธ่า เบอร์ลิน (13) 
เวลา : 23.00 น.

สนาม : อัลลิอันซ์ อารีน่า 

    ทัพ ”เสือใต้” ของ ฮันซี่ ฟลิค ที่สร้างความยิ่งใหญ่ผงาดคว้า 3 แชมป์แบบสุดยอดฤดูกาล 2019/20  เพิ่งลงเล่นกลางสัปดาห์ในเกมซูเปอร์คัพ เยอรมัน ที่เฉือนชนะ ดอร์ทมุนด์ 3-2  โดยสภาพทีมแข้งที่ยังชวดคือ ต็องกีย์ เนียงซู (กล้ามเนื้อ) กับ ลีรอย ซาเน่ (เข่า) ทั้งคู่  ขณะที่ ดาวิด อลาบา กับ เลออน โกเร็ทซ์ก้า ที่มีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อรบกวน น่าจะผ่านความฟิตลงสนามทัน 

    การจัดทัพ ฟลิค จะปรับคู่เซนเตอร์แบ็กส่ง  ดาวิด อลาบา ลงยืนคู่ นิคลาส ซือเล่ สามประสานแนวรุกจัดเต็มมี  แซร์จ นาบรี้, โธมัส มุลเลอร์ และ คิงส์เล่ย์ โกมัน คอยปั้นเกม หน้าเป้าวาง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ คอยจบสกอร์ 

     ด้านทัพ ”หญิงชรา” แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ที่ปัจจุบันมี บรูโน่ ลาบบาเดีย เป็นเทรนเนอร์ ประเดิมนัดแรกสวยหรูบุกถล่ม เบรเมน 4-1 ก่อนจะมาแพ้คารังต่อ แฟร้งค์เฟิร์ต 1-3 สภาพทีมตอนนี้เหลือแค่ ยาไวโร ดิลโรซุน (กล้ามเนื้อต้นขา) กับ อาร์เน่ ไมเออร์ (เข่า) ที่ชวด 

    ภายใต้ระบบบเหลี่ยมเพชรคาดว่า ลาบบาเดีย จะปรับแค่คู่กองหน้าส่ง จอน กอร์โดบา ลงจับคู่ล่าตาข่ายกับ โดดี ลูเกบากิโอ ส่งผลให้ คริสตอฟ ปิออนเต็ก จะหลุดเป็นสำรอง  คู่เซนเตอร์แบ็กวาง เดดริค โบยาต้า ยืนคู่ ยอร์ดาน โตรูนาริห์กา โดยมี นิคลาส ชตาร์ค คุมเกมหน้าแผงหลัง
 
    นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

    บาเยิร์น มิวนิค (4-2-3-1) : มานูเอล นอยเออร์ – เบนฌาแม็ง ปาวาร์, นิคลาส ซือเล่,  ดาวิด อลาบา, ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ  – เลออน โกเร็ทซ์ก้า, โยชัว คิมมิช  – แซร์จ นาบรี้, โธมัส มุลเลอร์, คิงส์เล่ย์  โกมัน – โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

    เทรนเนอร์ : ฮันซี่ ฟลิค

    แฮร์ธ่า เบอร์ลิน (4-1-2-1-2) : อเล็กซานเดอร์ ชโวลอฟ – ปีเตอร์ เพคาริค,  เดดริค โบยาต้า, ยอร์ดาน โตรูนาริห์กา, มักซิมิเลี่ยน มิทเทิ่ลชตัดท์ – นิคลาส ชตาร์ค – วลาดิเมียร์  ดาริด้า, ลูก้าส์ ตูซาร์ – มาเธอุส คุนญ่า – โดดี ลูเกบากิโอ, จอน กอร์โดยา

เทรนเนอร์ : บรูโน่ ลาบบาเดีย 

“ฟลิค” ชี้บาเยิร์นฟอร์มไม่แจ่มแม้ซิวถ้วยซูเปอร์คัพ

ฮันซี่ ฟลิค กุนซือ บาเยิร์น มิวนิค ชี้ "เสือใต้" ฟอร์มยังไม่แจ่ม แม้โค่น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 3-2 ซิวแชมป์ เดเอฟแอล-ซูเปอร์คัพ รับไม่ง่ายเลยสำหรับเกมนี้

ฮันซี่ ฟลิค เฮดโค้ชคนเก่งของ บาเยิร์น มิวนิค เผยว่า ทีมตนยังมีหลายอย่างที่จะต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น ถึงแม้ล่าสุดคว้าแชมป์ เดเอฟแอล-ซูเปอร์คัพ หลังเบียดเอาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 3-2 ที่สนาม อัลลิอันซ์ อารีน่า เมื่อวันพุธที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา

บาเยิร์น ดูเหมือนจะคว้าชัยชนะได้ไม่ยาก หลังขึ้นนำก่อน 2-0 จากการทำประตูของ โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ นาทีที่ 18 และ โธมัส มุลเลอร์ นาทีที่ 32 ทว่าหลังจากนั้นแค่ 7 นาที ดอร์ทมุนด์ ตีไข่แตกได้ จากการยิงสุดเฉียบของ ยูเลียน บรันด์ท

เริ่มครึ่งหลังมาได้แค่ 10 นาที "เสือเหลือง" มาได้ประตูตีเสมอ 2-2 จากการหลุดเข้าไปยิงของ เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 82 "เสือใต้" มาได้ประตูชัยจาก โยชัว คิมมิช ทำให้ บาเยิร์น คว้าแชมป์ เดเอฟแอล-ซูเปอร์คัพ มาครองเป็นสมัยที่ 8 และถือเป็นแชมป์รายการที่ 5 (ต่อจาก บุนเดสลีกา, เดเอฟเบ-โพคาล, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ) ของสโมสรภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน

 "มันไม่ใช่เกมที่ง่ายเลยจริงๆ โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลัง" ฟลิค เปิดใจหลังเกม "เราขึ้นนำก่อน 2-0 ก็จริง แต่หลังจากนั้นเราก็เจองานสุดหินเลย แต่สิ่งสำคัญสุดคือเราได้ชัยชนะ นอกนั้นเราจำเป็นต้องทำให้ดีขึ้นอีกในเกมวันอาทิตย์นี้ (เจอ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน)"

 

ไลป์ซิกเล็งเฮ! เฝ้าบ้านรอซัดไมนซ์เริ่มบุนเดสPPTVถ่ายสด

แอร์เบ ไลป์ซิก อันดับสามซีซั่นก่อน มีคิวประเดิมลีกเมืองเบียร์ ช่วงที่ผ่านมาเสีย ติโม่ แวร์เนอร์ ไป แต่ยังมีความหวังใหม่ "ฮวาง ฮี-ชาน" หัวหอกกิมจิรอซัดทีมเยือน ไมนซ์ ที่ขอเริ่มฤดูกาลแบบมีคะแนน ในการแข่งขันฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมัน (เกมแรก) คืนวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน 2563 พีพีทีวี ถ่ายทอดสดเวลา : 20.30 น.

ปรีวิวฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมัน (เกมแรก)
วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน 2563
แอร์เบ ไลป์ซิก – ไมนซ์
เวลา : 20.30 น. ถ่ายทอดสด : พีพีทีวี

สนาม : เร้ดบูลล์ อารีน่า 

    ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ เทรนเนอร์หนุ่มวัย 33 ปี ของแอร์เบ ไลป์ซิก พาทีมจบอันดับสามในลีกและเข้าถึงรอบตัดเชือก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2019/20 ประเดิมเกมเป็นทางการฤดูกาลใหม่ด้วยการบุกถล่มเนิร์นแบร์ก 3-0 ศึกเดเอฟเบ โพคาล วันเสาร์ที่แล้ว

 ความพร้อมเกมนี้พร้อมทีเดียวเพราะแข้งเจ็บอย่าง อิบราฮิม่า โกนาเต้ (ฟื้นฟูความฟิต) และ คอนราด ไลเมอร์ (เข่า) ปกติไม่ใช่แกนหลัก ส่วนที่ต้องรอเช็กความฟิต มาร์เซล ซาบิตเซอร์ คาดว่าจะมีชื่อเริ่มต้นเป็นสำรอง การจัดทัพปรับมิดฟิลด์คู่กลางส่ง ไทเลอร์ อดัมส์ ลงคุมเกมร่วมกับ เควิน คัมเพิ่ล และดัน ดานี โอลโม่ ขึ้นมาประสานงานรวมกับ ฮวาง ฮี-ชาน และ ยุสซุฟ โพลเซ่น แผงหลังปรับถอย ลูคัส โคลสเตอร์มันน์ ลงมาดูแลเกมรับร่วมกับ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ และ วิลลี่ ออร์บาน

   ฝั่งไมนซ์ภายใต้การคุมทีมของ อาชิม ไบเออร์ลอร์เซอร์ ที่อยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุดได้สำเร็จ สัปดาห์ก่อนฟอร์มแจ่มบุกถล่มฮาเฟลเซ่ 5-1 ศึกเดเอฟเบ โพคาล รอบแรก ซึ่งสภาพทีมมีปัญหาขาด สเตฟาน เบลล์ (ป่วย) กับ เอดิมิลซอน แฟร์นานเดส (ฟื้นฟูความฟิต)  

    การจัดทัพปรับใช้ 4-2-3-1 ถอด ไอซาห์ เอบาส ออก วาง ฌอง ฟิลิปป์ มาเตต้า รับบทหน้าเป้า โดยมี โยนาธาน แบร์คาร์ดท์, ฌอง โบเตอุส และ โรบิน ไควซอน แผงหลังยึดชุดเดิมใช้ รีเดิ้ล บาคู ยืนแบ็กขวา อีกฟากเป็น ดาเนียล โบรซินสกี้ คู่เซนเตอร์แบ็กให้ เยเรเมียห์ ยุสเต้ ยืนคู่ มุสซ่า เนียห์กาเต้ 

นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

    แอร์เบ ไลป์ซิก (3-4-2-1) : ปีเตอร์ กูลาชซี่ – ลูคัส โคลสเตอร์มันน์, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, วิลลี่ ออร์บาน – นอร์ดี้ มูกีเล่, ไทเลอร์ อดัมส์, เควิน คัมเพิ่ล, อังเคลินโญ่ – ดานี่ โอลโม่, ฮวาง ฮี-ชาน – ยุสซุฟ โพลเซ่น

    เทรนเนอร์ : ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์

    ไมน์ซ (4-2-3-1) : ฟาเบียน มุลเลอร์ – รีเดิ้ล บาคู, เยเรเมียห์ ยุสเต้, มุสซ่า เนียห์กาเต้, ดาเนียล โบรซินสกี้ – เลอันโดร บาร์เรยโร่, ดานนี่ ลัตซ่า – โยนาธาน แบร์คาร์ดท์, ฌอง โบเตอุส, โรบิน ไควซอน – ฌอง ฟิลิปป์ มาเตต้า 

    เทรนเนอร์ :  อาชิม ไบเออร์ลอร์เซอร์  

 

บาเยิร์นยิ่งใหญ่! ตัวสำรองทีเด็ดต่อเวลาสอยเซบีย่าซิวซูเปอร์ คัพ

"เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ยังคงความยิ่งใหญ่ในยุโรปต่อเนื่อง หลังโดน เซบีย่า ออกนำไปก่อนแต่จบเสมอกัน 1-1 ใน 90 นาที ทว่าช่วงต่อเวลามีทีเด็ดจากแนวรับสำรองอย่าง "ฆาบี มาร์ติเนซ" ลงมาโขกสกอร์สำคัญพาทีมเถลิงโทรฟี่รายการนี้เป็นสมัยที่ 2 หลังเคยทำได้เมื่อปี 2013 ในการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2020 คืนวันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา

สนาม : ปุสกัส อารีน่า, บูดาเปสต์ (สนามกลาง)

     ศึกฟุตบอลยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2020 คืนวันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค เจ้าของแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 6 สมัย ส่วนถ้วยนี้เคยสัมผัสมาเมื่อปี 2013 เกมเปิดลีกเมืองเบียร์ถล่มโหด ชาลเก้ นัดนี้ ฮันซี่ ฟลิค นายใหญ่ของทีมใส่ผู้เล่นเต็มสูบแนวรุกลงครบทั้ง "เลวานดอฟสกี้-นาบรี้" มีตัวทีเด็ด "ลีรอย ซาเน่" พร้อมกระชากทะลวงคู่แข่ง เซบีย่า แชมป์ยูโรปาลีก 6 สมัย แถมเคยได้โทรฟี่รายการนี้มาแล้วหนึ่งครั้ง ปี 2006 จูเลน โลเปเตกี กุนซือทีมหวังสู้สุดใจ ใส่ขุนพล "เดอ ยองก์-โอกัมโปส" ผนึกกำลังสู้ โดยเกมนี้ ยูฟ่า อนุญาตให้แฟนบอลจำนวน 20,000 คน เข้าสนามชมการแข่งขันในศึกซูเปอร์คัพ ที่กรุงบูดาเปสต์ เพื่อเป็นการทดลองสำหรับใช้งานจริงในอนาคต

     เสือใต้บุกก่อนนาทีที่ 2 เลออน โกเร็ทซ์ก้า ดักบอลจ่ายของ ฌูลส์ กุนเด้ ผู้เล่นเซบีย่า ก่อนไหลบอลเข้าเขตโทษด้านขวาไปที่ แซร์จ นาบรี้ ซัดเร็วทันทีแต่บอลเข้ามือ ยาสซีน โบโน่ นายด่านทีมลีกสเปนล้มตัวรับไว้ได้

     เซบีย่าออกนำนาทีที่ 12 ซูโซ่ แทงบอลกลางสนามออกมาให้ เฆซุส นาบาส หยอดบอลจากริมสนามทางขวา บอลลอยมาเข้าหัว ลุค เดอ ยองก์ โหม่งชงมาที่ อิวาน ราคิติช วิ่งมาหวังทำสกอร์แต่ถูก ดาวิด อลาบา กระแทกล้มไปตรงเขตโทษ 8 หลา กรรมการชี้จุดโทษ ลูกัส โอกัมโปส อาสาซัดเรียดทางซ้ายมือเข้าไปตุงตาข่าย

     พี่เสือชวดโอกาสนาทีที่ 22 เลออน โกเร็ทซ์ก้า ทิ่มบอลต่อให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้  เปิดปาดบอลเขตโทษด้านขวามาหน้าเขตโทษ โธมัส มุลเลอร์ ปรี่มาพร้อม ฌูลส์ กุนเด้ กองหลังคู่แข่ง ทว่าแนวรุกเสือใต้กระหน่ำแต่บอลผิดเหลี่ยมปลิ้นออกข้างเสาสองไปแทน

     ถัดมานาทีที่ 26 โธมัส มุลเลอร์ กระชากบอลริมสนามทางซ้ายเข้ามาถึงกลางเขตโทษ แทงป้ายบอลไปที่ เบนฌาแม็ง ปาวาร์ ยืนรออยู่เขตโทษฝั่งขวา ตัดสินใจยิงบอลเต็มแรง บอลพุ่งตรงเหินออกข้างเสาด้านซ้ายไปแบบมีลุ้น

     บาเยิร์นยังพยายามนาทีที่ 30 มานูเอล นอยเออร์ วางบอลโด่งทิ้งมาด้านหน้า ผู้เล่นเซบีย่าเข้าบอลกันพลาด บอลทะลักมาหา โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ลากบอลเบียดมากับ ดีเอโก้ การ์ลอส เข้าเขตโทษด้านขวา ก่อนรีบหวดเร็ว แต่เป็น ยาสซีน โบโน่ นายด่านคู่แข่งออกมาปิดมุมรับได้อยู่มือ

     เสือใต้ตามเจ๊านาทีที่ 34 แซร์จ นาบรี้ เลี้ยงบอลจากริมเส้นทางขวา จ่ายสั้นให้ โธมัส มุลเลอร์ ดีดบอลไซต์ก้อยหน้ากรอบเขตโทษเข้าเขตโทษเกือบ 8 หลา โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หันหลังยกเท้าตบบอลย้อนกลับเข้ากลางเขตโทษให้ เลออน โกเร็ทซ์ก้า ตามมากระทุ้งบอลผ่านมือนายทวารเซบีย่าเข้าไป จบ 45 นาที เสมอกัน 1-1

     เซบีย่าเกือบนำอีกนาทีที่ 46 ลูกัส โอกัมโปส กระโดดไขว้ขาจ่ายบอลต่อไปที่ ซูโซ่ โยกมาเปิดบอลทางซ้ายของสนามเข้าเขตโทษ ลุค เดอ ยองก์ วิ่งมารอยิงบอลที่เสาแรกแต่ยังถูก มานูเอล นอยเออร์ มือกาวเสือใต้ปัดออกหลังทัน

     แชมป์บุนเดสสุดเซ็งนาทีที่ 51 เบนฌาแม็ง ปาวาร์ จับบอลโด่งจากกลางสนามตรงเส้นเขตโทษทางขวา ไหลต่อให้ ลีรอย ซาเน่ หยอดบอลเข้าไปในเขตโทษให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้  สลัดตัวประกบโขกต่อไปที่ โธมัส มุลเลอร์ ก่อนหัวหอกอินทรีเหล็กตบคืนกลับมาที่ดาวยิงโปแลนด์ยิงเข้าไป กรรมการเช็ควีเออาร์เป่าเป็นลูกล้ำหน้าของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้  ไปจังหวะแรก

     ยักษ์เมืองเบียร์บุกนาทีที่ 58 ลีรอย ซาเน่ แตะบอลไขว้หลังริมสนามด้านขวาให้ โธมัส มุลเลอร์ กระชากบอลมาทางกลางสนามป้ายออกข้างด้านซ้ายให้ แซร์จ นาบรี้ เลี้ยงมายิงบอลหน้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายแต่ยังโดนนายด่านเซบีย่าเซฟได้ บอลไม่พ้นอันตรายลอยโด่งเข้าเท้า ลีรอย ซาเน่ หวดซ้ำจังหวะเดียวทว่า ดีเอโก้ การ์ลอส กองหลังคู่แข่งตามมาขวางเคลียร์ทิ้งออกไป

     ต่อมานาทีที่ 63 ลูกัส เออร์นันเดซ เปิดบอลริมสนามทางซ้ายข้ามฟากมาที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เหนี่ยวตัว เซร์คิโอ เอสคูเดโร กองหลังคู่แข่งล้มลงก่อนโหม่งย้อนตรงเขตโทษฝั่งขวามาที่ เลออน โกเร็ทซ์ก้า ยิงบอลเข้าหากรอบถูกนายด่านเซบีย่าทุบมาเข้าทาง ลีรอย ซาเน่ ซัดเข้าไป แต่เชิ้ตดำชี้เป็นลูกฟาวล์ของหัวหอกเสือใต้จังหวะดึงก่อนแล้ว

     ทีมดังลาลีกาเกือบเฮนาทีที่ 87 จากลูกเตะมุมของเสือใต้ ดาวิด อลาบา ดันขึ้นสูงไปเตะบอลวืดถูก โอลิเวียร์ ตอร์เรส ตามมาเลี้ยงบอลลุยโต้กลับมากลางสนาม ก่อนไหลเข้าเขตโทษด้านซ้ายไปที่ ยูเซฟ อ็อง-เนไซริ หัวหอกสำรองแตะบอลเข้าไปยิงคนเดียว ทว่ายังมี มานูเอล นอยเออร์ ออกมาขวางลูกยิงสกัดออกหลังแบบมีเสียวสำหรับบาเยิร์น หมด 90 นาทียังเสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษ 120 นาที

     เข้าช่วงต่อเวลานาทีที่ 92 เซร์คิโอ เอสคูเดโร จ่ายบอลขึ้นหน้าไปที่ ยูเซฟ อ็อง-เนไซริ หลุดกับดักแนวรับเสือใต้ลากบอลเข้าเขตโทษทางซ้าย หัวหอกเซบีย่าแตะหลอก ดาวิด อลาบา ที่ตามมาประกบยิงหักเรียดไปที่เสาแรก แต่ความยอดเยี่ยมของ มานูเอล นอยเออร์ ใช้เท้าแหย่ป้องกันบอลกระเด้งชนเสา กระดอนออกมา พี่เสือรอดพ้นวิกฤติอีกหน

     เสือใต้นำสำเร็จนาทีที่ 104 โยชัว คิมมิช โยนลูกเตะมุมทางขวา บอลลอยมาตกในเขตโทษ ดีเอโก้ การ์ลอส กองหลังเซบีย่าโหม่งสกัดบอลไม่เคลียร์โดน ดาวิด อลาบา ฉกมายิงในเขตโทษ ยาสซีน โบโน่ นายด่านคู่แข่งปัดออกมาได้ทว่าบอลยังลอยอยู่หน้าเขตโทษระยะ 6 หลา ก่อนเป็น ฆาบี มาร์ติเนซ ที่เป็นตัวสำรองลงมาโขกสวนส่งบอลเข้าตุงตาข่าย จบเกม บาเยิร์น ชนะต่อเวลา เซบีย่า ครองแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ เป็นสมัยที่ 2 ต่อจากปี 2013

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

บาเยิร์น มิวนิค (4-2-3-1): มานูเอล นอยเออร์,เบนฌาแม็ง ปาวาร์,ลูกัส เออร์นันเดซ (ฆาบี มาร์ติเนซ น.99),นิคลาส ซือเล่,ดาวิด อลาบา (เยโรม บัวเต็ง น.112),เลออน โกเร็ทซ์ก้า (อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์ น.99),โยชัว คิมมิช,ลีรอย ซาเน่ (โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ น.71),โธมัส มุลเลอร์,แซร์จ นาบรี้,โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ 

เซบีย่า (4-3-3): ยาสซีน โบโน่,เฆซุส นาบาส,ดีเอโก้ การ์ลอส,ฌูลส์ กุนเด้,เซร์คิโอ เอสคูเดโร,โจน จอร์ดาน (ฟรังโก้ วาซเกซ น.94),แฟร์นานโด,อิวาน ราคิติช (โอลิเวียร์ ตอร์เรส น.56),ซูโซ่ (เนมานย่า กูเดลจ์ น.72),ลุค เดอ ยองก์ (ยูเซฟ อ็อง-เนไซริ น.56),ลูกัส โอกัมโปส

ฟลิคปลื้มบาเยิร์นฟอร์มดุต่อเนื่องหลังกดชาลเก้8ตุง

ฮันซี่ ฟลิค กุนซือ บาเยิร์น มิวนิค สุดปลื้มกับผลงานลูกทีม หลัง "เสือใต้" เปิดหัวซีซั่นใหม่แบบสุดโหด ด้วยการยำใหญ่ ชาลเก้ 04 8-0 ขณะที่ ลีรอย ซาเน่ พูดถึงต้นสังกัดเก่าได้อย่างน่าสนใจ

ฮันซี่ ฟลิค เทรนเนอร์คนเก่งของ บาเยิร์น มิวนิค กล่าวชื่นชมลูกทีมที่ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม และเล่นได้ตามมาตรฐานจากฤดูกาลที่แล้ว หลังจากที่ทัพ "เสือใต้" เปิดรัง อัลลิอันซ์ อารีน่า ไล่ถล่ม ชาลเก้ 04 แบบไม่มียั้งด้วยสกอร์ 8-0 ในเกม บุนเดสลีกา เยอรมัน นัดเปิดฤดูกาล 2020/21 เมื่อวันศุกร์ที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา

 เมื่อปลายเดือนก่อน บาเยิร์น ปิดฉากฤดูกาล 2019/20 อย่างสุดหรู ด้วยการกวาดเรียบทั้งแชมป์ บุนเดสลีกา, เดเอฟเบ-โพคาล และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งถึงแม้ได้พักแข้งเพียงไม่กี่วัน แต่ทัพนักเตะ "เสือใต้" ก็เปิดฉากฤดูกาลใหม่ได้อย่างดุดันทันที โดยเกมนี้ แซร์จ นาบรี้ กดคนเดียว 3 ตุง ส่วน โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, โธมัส มุลเลอร์, ลีออน โกเร็ตซ์ก้า, จามัล มูเซียล่า และแข้งใหม่อย่าง ลีรอย ซาเน่ ช่วยทำคนละลูก

"ถือเป็นฟอร์มการเล่นที่สุดยอดมากๆ จากเรา ก่อนเริ่มเกม เราอยากให้เกมนี้เป็นเกมที่ช่วยเราตอกย้ำสถานะของเรา ซึ่งนักเตะของผมทุกคนก็ทำผลงานกันได้ดีมากๆ เราอยากจะแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของเราอีกครั้งในฤดูกาลนี้ แต่นี่เพิ่งจะเป็นเกมแรกเท่านั้น ปล่อยให้เราได้เดินไปอย่างช้าๆ แต่แน่นอนว่า มันสำคัญมากๆ ที่เราได้แสดงให้เห็นว่า เรากำลังอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง" ฟลิค กล่าวหลังเกม

ขณะที่ ซาเน่ ยอมรับว่า ตนรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ที่เห็นสังกัดเก่าอย่าง ชาลเก้ แพ้เละเทะประเดิมซีซั่นใหม่ "แน่นอน ผมเคยอยู่กับ ชาลเก้ มานาน ดังนั้นการแพ้แบบนี้ตั้งแต่เกมเปิดฤดูกาล มันเป็นอะไรที่ยากลำบาก ผมอยากจะขอโทษพวกเขาเหมือนกัน"

ทั้งนี้ นอกจากทำ 1 ประตูแล้ว เกมนี้ ซาเน่ ยังมี 2 แอสซิสต์ด้วย

เมสซี่ กำลังจะหมดลุ้น! 3 แข้งทีมใหญ่ที่เข้าใกล้ วัน แมน คลับ มากที่สุด

เดิมทีหลายคนคิดว่า ลิโอเนล เมสซี่ คงจะอยู่กับ บาร์เซโลน่า ไปตลอดอาชีพการค้าแข้ง หลังจากที่เขาเป็นนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดจนดูแล้วไม่มีวี่แววเลยว่า บาร์เซโลน่า จะยอมขายเขา แถมหลายปีก่อน เมสซี่ ก็ดูมีความสุขสุดๆ จนน่าจะเข้าก๊วน "วัน แมน คลับ" หรือนักเตะที่อยู่กับทีมเดียวตลอดอาชีพการเล่นได้ไม่ยาก
    ที่จริงปัจจุบัน เมสซี่ ก็เป็นนักเตะที่อยู่กับทีมเดิมนานที่สุด ถ้าหากนับเฉพาะ 5 ลีกใหญ่ของทวีปยุโรป (พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ลา ลีกา สเปน, บุนเดสลีกา เยอรมัน, กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี และ ลีก เอิง ฝรั่งเศส) หลังจากเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ บาร์เซโลน่า มาตั้งแต่ปี 2004 หรือก็คือยู่กับ บาร์เซโลน่า แค่ทีมเดียวมา 16 ปีเข้าไปแล้ว โดย "วัน แมน คลับ" จะไม่นับรวมคนที่เคยโดนปล่อยไปเล่นแบบยืมตัวกับทีมอื่น ซึ่ง เมสซี่ ก็ไม่เคยไปเล่นให้ทีมไหนในสัญญาเช่าด้วย

    อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ เมสซี่ กำลังจะอดได้เป็น "วัน แมน คลับ" แล้ว หลังจากที่เจ้าตัวยื่นเรื่องขอย้ายทีมกับต้นสังกัดในช่วงซัมเมอร์นี้ แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่น่าใจสำหรับเจ้าตัวเท่าไหร่ถ้าหากพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าการย้ายไปเล่นที่อื่นน่าจะทำให้เขามีความสุข แต่สำหรับแฟนบอลบางส่วนแล้วมันคงน่าเสียดายไม่น้อยที่จะอดเห็น เมสซี่ ได้เป็นคนที่อยู่กับทีมเดียวไปตลอดอาชีพการเล่นซึ่งเป็นประโยคที่ฟังดูเท่พอตัว

    ถ้าว่ากันตามตรงแล้วพักหลังๆ ก็ไม่ค่อยมีนักเตะระดับโลกที่อยู่กับทีมเดียวไปตลอดอาชีพการเล่นมากเท่าไหร่นัก อย่างคนล่าสุดใน 5 ลีกใหญ่ที่ทำอย่างนั้นได้ก็คือ โรแม็ง ด็องเซ่ ที่แขวนสตั๊ดกับ แร็งส์ ไปเมื่อปี 2018 หรือถ้าจะดูเฉพาะกรณีของนักเตะระดับโลกก็ต้องย้อนไปในปี 2017 ที่ ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ เลิกเล่นฟุตบอลอาชีพกับ อาแอส โรม่า

    ทั้งนี้ วันนี้เราจะมาดูกันว่าถ้าไม่นับ เมสซี่ แล้วนั้น นักเตะ 3 คนไหนในทีมใหญ่ของทวีปยุโรปที่ยังค้าแข้งอยู่ และเข้าใกล้กับการเป็น "วัน แมน คลับ" มากที่สุด โดยการเข้าใกล้กับการเป็น "วัน แมน คลับ" มากที่สุดนั้น จะวัดจากเรื่องที่ว่านักเตะคนนั้นๆ อยู่กับทีมมานานกี่ปีถ้านับตั้งแต่วันที่ประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของต้นสังกัด

    – มาร์เซล ชเมลเซอร์ : โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, อยู่กับทีมมา 12 ปี
    หลังจากอยู่ในอะคาเดมี่ของ ฟอร์ทูน่า มั๊กเดอบวร์ก และ เอฟเซ มั๊กเดอบวร์ก ระหว่างปี 1997-2001 และ 2001-2005 ตามลำดับแล้วนั้น ชเมลเซอร์ ก็มาเข้าอะคาเดมี่ของ ดอร์ทมุนด์ ในปี 2005 และได้รับโอกาสลงเล่นกับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเกม เดเอฟเบ-โพคาล นัดที่ ดอร์ทมุนด์ เจอกับ ร็อต-ไวส์ เอสเซ่น เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ปี 2008

    แม้ว่าหลังจากนั้นจะยังต้องลงเล่นให้กับทีมสำรองของ ดอร์ทมุนด์ อยู่บ้าง แต่เขาก็ยังโดนเรียกใช้งานในเกมระดับทีมชุดใหญ่อยู่เรื่อยๆ และอยู่กับทีมมาจนถึงปัจจุบัน เรื่องดังกล่าวทำให้แบ็กซ้ายวัย 32 ปี ได้สัมผัสแชมป์หลายรายการร่วมกับทีม ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ลีก 2 สมัย, แชมป์ เดเอฟเบ-โพคาล 2 ครั้ง และแชมป์ เดเอฟแอล-ซูเปอร์คัพ 3 หน

    จนถึงตอนนี้ ชเมลเซอร์ ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ ดอร์ทมุนด์ ไปแล้วถึง 367 นัดในทุกรายการ พร้อมกับทำได้ 7 ประตู กับอีก 34 แอสซิสต์ โดยแข้งวัย 32 ปี ยังเหลือสัญญากับทีมถึงช่วงซัมเมอร์ ปีหน้า แต่ก็ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าหลังจากนี้เจ้าตัวจะได้ต่อสัญญาแล้วอยู่กับทีมไปจนแขวนสตั๊ดหรือไม่ เพราะพักหลังเขาก็ได้ลงเล่นน้อยลง อย่างซีซั่นก่อนก็ได้ลงเล่นไปเพียง 8 นัดในทุกรายการเท่านั้น

    – โธมัส มุลเลอร์ : บาเยิร์น มิวนิค, อยู่กับทีมมา 12 ปี
    หลังบอกลา ทีเอสเฟา ปาห์ล มาเข้าอะคาเดมี่ของ บาเยิร์น ในปี 2000 แล้วนั้น มุลเลอร์ ก็มีพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมจนทำให้เขาได้รับโอกาสลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ของ "เสือใต้" เป็นครั้งแรก ในเกมลีกนัดที่เจอกับ ฮัมบูร์ก เอสเฟา เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ปี 2008 โดยวันนั้นเขาถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทน มิโรสลาฟ โคลเซ่

    ในฤดูกาล 2008-09 มุลเลอร์ ยังได้ลงเล่นอีก 4 นัดในทุกรายการ โดยเขาทำประตูในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง ที่ชนะ สปอร์ติ้ง ลิสบอน 7-1 ได้ด้วย และหลังจากนั้นเป็นต้นมา มุลเลอร์ ก็เป็นกำลังสำคัญของยอดทีมแห่งแคว้นบาวาเรียแทบจะตลอด

    ที่จริงก่อนหน้านี้ มุลเลอร์ สุ่มเสี่ยงที่จะหมดโอกาสเป็น "วัน แมน คลับ" เหมือนกัน หลังจากเขาเคยตกเป็นข่าวย้ายทีอย่างหนาหูในช่วงที่ นิโก้ โควัช เป็นกุนซือ บาเยิร์น เพราะตอนนั้น โควัช มองว่า มุลเลอร์ ไม่น่าจะมีประโยชน์กับทีมมากเหมือนสมัยก่อนแล้วและไม่ค่อยใช้งานเขามากเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม สุดท้าย โควัช ก็คิดผิด เพราะนอกจากเขาจะโดนปลดออกจากตำแหน่งโทษฐานที่พาทีมทำผลงานได้แย่แล้วนั้น ดาวเตะวัย 30 ปี ยังโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นสุดๆ จนมีส่วนช่วยให้ บาเยิร์น ได้ทั้งแชมป์ลีก, เดเอฟเบ-โพคาล และ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 2019-20 ด้วย

    ทั้งนี้ มุลเลอร์ เพิ่งต่อสัญญากับทีมไปจนถึงช่วงซัมเมอร์ ปี 2023 เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา และถ้าไม่เกิดเรื่องแบบตอนที่มี โควัช เป็นกุนซือแล้วล่ะก็ เขาก็น่าจะได้เข้าแก๊ง "วัน แมน คลับ" ได้แบบสบายๆ รวมถึงน่าจะได้แชมป์เพิ่มอีกหลายรายการ โดยปัจจุบันแชมป์ที่เขาได้ร่วมกับทีมมีอย่างเช่นแชมป์ บุนเดสลีกา 9 สมัย, เดเอฟเบ-โพคาล 6 ครั้ง และ แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 หน

    – เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ : บาร์เซโลน่า, อยู่กับทีมมา 12 ปี
    หลังจากฝึกปรือฝีเท้าอยู่ใน ลา มาเซีย อะคาเดมี่อันเลื่องชื่อของ บาร์เซโลน่า อยู่พักหนึ่ง บุสเก็ตส์ ก็ได้รับโอกาสลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ในเกมแบบเป็นทางครั้งครั้งแรกในเกมลีกที่เจอกับ ราซิ่ง ซานตานเดร์ เมื่อวันที่ 13 กันยายน ปี 2008 ซึ่งสุดท้ายแล้วในฤดูกาล 2008-09 หนุ่มน้อย บุสเก็ตส์ ในตอนนั้นก็ได้ลงเล่นในลีกไป 24 เกม

    ความโดดเด่นของ บุสเก็ตส์ ทำให้เขาเป็นกำลังหลักของ บาร์เซโลน่า มาโดยตลอด หนึ่งในตัวอย่างที่สื่อถึงเรื่องนั้นได้อย่างชัดเจนก็คือจนถึงตอนนี้มันมีเพียง 2 ฤดูกาลที่เขาได้ลงเล่นในลีกไม่ถึง 30 นัด ประกอบด้วยซีซั่นแรกตามที่บอกไปในเบื้องต้น และฤดูกาล 2010-11 ที่ได้ลงสนามไป 28 เกม โดยฤดูกาลก่อนเขาก็ยังได้ลงเล่นในลีกถึง 33 เกมด้วยกัน

    ที่จริงก่อนหน้านี้มีการคาดกันว่า บุสเก็ตส์ จะเป็นหนึ่งในแข้งรุ่นเก๋าของ บาร์เซโลน่า ที่โดน โรนัลด์ คูมัน เทรนเนอร์คนใหม่ปล่อยออกจากทีม แต่ไม่นานมานี้มีข่าวลือว่า คูมัน พร้อมที่จะเก็บเขาเอาไว้ใช้งานต่อ เพียงแต่อาจจะให้เขาได้ลงเล่นน้อยลง ทำให้แข้งวัย 32 ปี ยังพอมีหวังที่จะได้เข้าก๊วน "วัน แมน คลับ" โดยสัญญาของเขากับทีมก็ยังมีผลจนถึงช่วงซัมเมอร์ ปี 2023 ด้วย

เหมาะสม!เลวานควงฟลิคสอยรางวัลทรงเกียรติเยอรมนี

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หัวหอกตัวเก่ง บาเยิร์น มิวนิค ผงาดคว้ารางวัลนักเตะแห่งปีของเยอรมนี ขณะที่ ฮันซี่ ฟลิค กุนซือคนเก่งเอาชนะ เจอร์เก้น คล็อปป์ คว้ารางวัลโค้ชแห่งปีไปครอบครอง จากการเปิดเผยของ คิกเกอร์ สื่อดังระดับโลก

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าชาวโปแลนด์ของ บาเยิร์น มิวนิค ได้รับโหวตคว้ารางวัลนักฟุตบอลแห่งปีของประเทศเยอรมนี หลังจากมีส่วนสำคัญนำ "เสือใต้" ผงาดคว้าทริปเบิลแชมป์ในฤดูกาลนี้ จากการเปิดเผยของ คิกเกอร์ สื่อกีฬาชั้นนำในเมืองเบียร์

สมาคมนักข่าวเยอรมัน ร่วมมือกับ คิกเกอร์  ในการคัดเลือกนักเตะชาวเยอรมันทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งผู้เล่นชาวต่างชาติที่เล่นอยู่ในลีกเมืองเบียร์ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในทุกๆ ปี สำหรับปีนี้รางวัลตกเป็นของ เลวานดอฟสกี้ ที่ได้รับผลโหวตถึง 276 คะแนนโหวต ซึ่งเป็นสมัยแรกของเจ้าตัวที่ได้รับเกียรตินี้

ขณะที่ โธมัส มุลเลอร์ กองหน้าจอมเก๋าเพื่อนร่วมสังกัด (54 คะแนนโหวต) และ โยชัว คิมมิช  ฟูลแบ็ก "เสือใต้" (49 คะแนนโหวต) คว้าอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับ ด้าน ฮันซี่ ฟลิค เทรนเนอร์มือทอง ได้รับโหวตคว้ารางวัล "โค้ชแห่งปี" จากการนำสโมสรผงาดคว้า 3 แชมป์  เอาชนะ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่นำ ลิเวอร์พูล ปลดแอกคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สมัยแรกในรอบ 30 ปี

ด้าน เลวานดอฟสกี้ ซึ่งทำผลงานได้อย่างสุดยอดในซีซั่นล่าสุดด้วยการซัดไป 34 ประตูในบุนเดสลีกา, 6 ประตูเกมเดเอฟเบ โพคาล และ 15 ประตูในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เปิดใจว่า " ผมทำงานหนักมากเพื่อพัฒนาฟอร์มการเล่นของผม และเพื่อทีม ซึ่งเล่นได้อย่างสุดยอดทั้งในประเทศ และฟุตบอลถ้วยยุโรป"

 

เดือด!บาเยิร์นฟัดเปแอสเชจัด “เลวาน-เปริซิซ” วัด “เนย์มาร์-เอ็มบั้ปเป้” ชิงฯ ชปล.



"เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค เตรียมจัดทัพหนักนำทะลวงประตูโดย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ อิวาน เปริซิช เกมพบ "เปแอสเช" ปารีส แซงต์แชร์กแมง ที่ไม่น้อยหน้ามี เนย์มาร์ กับ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ประสานคมขุดสกอร์ ลุ้นระทึกได้ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ วันอาทิตย์ที่ 23 ส.ค. ศกนี้ เวลา 02.00 น.
ปรีวิว ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ
วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2563
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส)  –  บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน)

สนาม :  เอสตาดิโอ ดา ลุซ (โปรตุเกส, สนามกลาง)

    โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือชาวเยอรมันของเปแอสเช พาทีมกวาดแชมป์ไป 4 รายการในฤดูกาลนี้ ได้แก่ แชมป์ลีก เอิง ฉบับตัดจบ, เฟร้นช์ คัพ, ลีก คัพ และโทรเฟ่ส์ เดส์ ช็องปิยงส์ (ซูเปอร์ คัพ) ส่วนในเส้นทางรายการนี้โค่นคู่แข่งจากเมืองเบียร์ถึง 2 ทีมก่อนหน้านี้คือ ดอร์ทมุนด์ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และ แอร์เบ ไลป์ซิก สดๆ ร้อนๆ รอบรองชนะเลิศ

    ความพร้อมล่าสุดยังคงไม่มีวี่แวว เกย์ลอร์ นาวาส โกลมือ 1 ตัวทีมชาติคอสตาริกา ที่เจ็บไม่หาย เปิดโอกาส เซร์คิโอ ริโก้ ลงเฝ้าเสาต่อ แต่ข่าวดีคือ มาร์โก แวร์รัตติ มิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลี หายเจ็บลงสำรองเกมรัว ไลป์ซิก 3-0

    การคัมแบ็กของ แวร์รัตติ หมายความว่า อันเดร์ เอร์เรร่า หรือ เลอันโดร ปาเรเดส คนใดคนหนึ่งจะต้องหลีกทางไปนั่งสำรอง โดยสื่อคาดกันว่ารายหลังน่าถูกหวยที่สุด

    คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ สตาร์ดาวยิงความเร็วสูงฟิตออกสตาร์ตได้ตั้งแต่แมตช์ที่แล้วเช่นกัน นัดนี้พร้อมลุยในแนวรุกเคียงข้าง อังเคล ดิ มาเรีย เจ้าของผลงานยิง 1 จ่าย 2 จากเกมเดียวกัน และ เนย์มาร์ ที่อยู่ในช่วงฟอร์มดีอีกราย

    ในแนวรับ ติอาโก้ ซิลวา กัปตันเลือดแซมบ้าจะลงเล่นนัดสุดท้ายก่อนหมดสัญญา ส่วน ฆวน เบร์นาต แบ็กซ้ายสแปนิชจะได้เจอกับต้นสังกัดเก่า

    ทีมเสือใต้ของ ฮันซี่ ฟลิค รักษาสถิติชนะรวดนับจากรีสตาร์ตฤดูกาลจนรับไปแล้ว 2 แชมป์ คือ บุนเดสลีกา กับเดเอฟเบ โพคาล ส่วนเส้นทางยูซีแอลก็ฟาดชัยเรียบวุธตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม

    ความพร้อมของทีมได้ เบนฌาแม็ง ปาวาร์ แบ็กขวาแชมป์โลกหายเจ็บกลับมาติดทีมในเกมตัดเชือกที่ถล่ม โอลิมปิก ลียง 3-0 แต่เชื่อกันว่า ฟลิค น่าจะยึดผู้เล่นชุดเดิม ที่เล่นได้ดี ทำให้ โยชัว คิมมิช ได้จองพื้นที่แบ็กขวาต่อไป

    อย่างไรก็ตามทีมมีปัญหาตรงเซนเตอร์แบ็กเมื่อ เยโรม บัวเต็ง เจ็บจนโดนเปลี่ยนออกในนัดที่แล้ว ต้องประเมินความฟิตถึงนาทีสุดท้าย หากไม่ไหวต้องใช้บริการ นิคลาส ซือเล่ ส่วนในรายของ ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ นั้น ฟลิค จะจับมายืนแบ็กซ้ายมากกว่า

    ตำแหน่งอื่นๆ ไม่เปลี่ยนจากชุดที่ใช้มาตลอดเส้นทาง ”มินิทัวร์นาเมนต์” ที่โปรตุเกส แดนกลางวาง ติอาโก้ อัลกันตาร่า คุมเกมคู่ เลออน โกเร็ทซ์ก้า แทนที่ คิมมิช ซึ่งถูกขยับลงไปช่วยแนวรับ

    แนวรุกสามตัวบนยังคงไว้ใจ อิวาน เปริซิช ที่ยืมมาจาก อินเตอร์ มิลาน ประสานงานกับ แซร์จ นาบรี้ และ โธมัส มุลเลอร์ คอยสนับสนุน โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หอกโปแลนด์ ฟอร์มฮอต นั่นหมายความว่า คิงส์เล่ย์ โกมัน จอมเลื้อยอดีตเด็กปั้นเปแอสเช ต้องรอโอกาสบนม้านั่งสำรองไปก่อน

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

    ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (4-3-3) : เซร์คิโอ ริโก้ – ธีโล่ เคห์เรอร์, ติอาโก้ ซิลวา, เพรสเนล คิมเพมเบ้, ฆวน เบร์นาต – อันเดร์ เอร์เรร่า, มาร์กินญอส, มาร์โก แวร์รัตติ – อังเคล ดิ มาเรีย, เนย์มาร์, คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้
    เทรนเนอร์ : โธมัส ทูเคิ่ล

    บาเยิร์น มิวนิค (4-2-3-1) : มานูเอล นอยเออร์ – โยชัว คิมมิช, เยโรม บัวเต็ง, ดาวิด อลาบา, อัลฟอนโซ่ เดวิส – เลออน โกเร็ทซ์ก้า, ติอาโก้ อัลกันตาร่า – แซร์จ นาบรี้, โธมัส มุลเลอร์, อิวาน เปริซิช – โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
    เทรนเนอร์ : ฮันซี่ ฟลิค

    ผู้ตัดสิน : ดานิเอเล่ ออร์ซาโต้ (อิตาลี)

ผลการแข่งขันที่ผ่านมา ในแชมเปี้ยนส์ ลีก 
ฤดูกาล 2017/2018     กลุ่ม บี    บาเยิร์น ชนะ เปแอสเช 3-1 
ฤดูกาล 2017/2018    กลุ่ม บี     เปแอสเช ชนะ บาเยิร์น 3-0    
ฤดูกาล 2000/2001    กลุ่ม เอฟ     บาเยิร์น ชนะ เปแอสเช 2-0
ฤดูกาล 2000/2001    กลุ่ม เอฟ    เปแอสเช ชนะ บาเยิร์น 1-0
ฤดูกาล 1997/1998     กลุ่ม อี     เปแอสเช ชนะ บาเยิร์น 3-1
ฤดูกาล 1997/1998    กลุ่ม อี      บาเยิร์น ชนะ เปแอสเช 5-1
ฤดูกาล 1994/1995     กลุ่ม บี    บาเยิร์น แพ้  เปแอสเช 0-1
ฤดูกาล 1994/1995     กลุ่ม บี    เปแอสเช ชนะ บาเยิร์น 2-0
 

ผลงาน 5 นัดหลังสุด

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
19/08/20    ชนะ ไลป์ซิก 3-0 (สนามกลาง)     ชปล.
13/08/20    ชนะ อตาลันต้า 2-1 (สนามกลาง)     ชปล.
06/08/20    ชนะ โซโชซ์ 1-0 (เหย้า)     อุ่นเครื่อง
01/08/20    เสมอ ลียง 0-0 (สนามกลาง)     เฟร้นช์ ลีก คัพ
25/07/20     ชนะ แซงต์-เอเตียน 1-0 (สนามกลาง) เฟร้นช์ คัพ

บาเยิร์น มิวนิค
20/08/20 ชนะ ลียง 3-0 (สนามกลาง)     ชปล.
15/08/20 ชนะ บาร์เซโลน่า 8-2 (สนามกลาง)     ชปล.
09/08/20 ชนะ เชลซี 4-1 (เหย้า)         ชปล.
31/07/20 ชนะ มาร์กเซย 1-0 (สนามกลาง)     อุ่นเครื่อง
05/07/20 ชนะ เลเวอร์คูเซ่น 4-2 (สนามกลาง) เดเอฟเบ โพคาล

เกร็ดและสถิติที่น่าสนใจของทั้งสองทีม
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 
 อันดับของยูฟ่า : 7  
สถิติฤดูกาลนี้ : แข่ง 10 ชนะ 8 เสมอ 1 แพ้ 1 ได้ 25 เสีย 5
เข้ามาถึงรอบนี้ได้อย่างไร : แชมป์ กลุ่ม เอ, ชนะ ดอร์ทมุนด์ 3-2 (รอบ 16 ทีม), ชนะ อตาลันต้า 2-1 (รอบก่อนรองชนะเลิศ), ชนะ ไลป์ซิก 3-0 (รอบรองชนะเลิศ) 
ดาวซัลโวสูงสุด : คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ 5 ประตู
ผลงานฤดูกาลที่แล้ว : รอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก
ผลงานดีที่สุดในรายการนี้ : รอบชิงชนะเลิศ (2019-20)

บาเยิร์น มิวนิค
อันดับของ ยูฟ่า : 2   
สถิติฤดูกาลนี้ : แข่ง 10 ชนะ 10 เสมอ 0 แพ้ 0 ได้ 42 เสีย 8
เข้ามาถึงรอบนี้ได้อย่างไร : แชมป์ กลุ่ม บี, ชนะ เชลซี 7-1 (รอบ 16 ทีม), ชนะ บาร์เซโลน่า 8-2 (รอบก่อนรองชนะเลิศ), ชนะ ลียง 3-0 (รอบรองชนะเลิศ) 
ดาวซัลโวสูงสุด : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ 15 ประตู
ผลงานฤดูกาลที่แล้ว : รอบก่อนรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก
ผลงานดีที่สุดในรายการนี้ : แชมป์ 5 (ครั้งหลังสุดฤดูกาล 2012-13 )

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
รอบแบ่งกลุ่ม
19/09/19 ชนะ เรอัล มาดริด 3-0 (เหย้า) ชปล.
02/10/19 ชนะ กาลาตาซาราย 1-0 (เยือน) ชปล.
23/10/19 ชนะ คลับ บรูช 5-0 (เยือน) ชปล.
07/11/19 ชนะ คลับ บรูช 1-0 (เหย้า) ชปล.
27/11/19 เสมอ เรอัล มาดริด 2-2 (เยือน) ชปล.
12/12/19 ชนะ กาลาตาซาราย 5-0 (เยือน) ชปล.

รอบ 16 ทีมสุดท้าย
19/02/20 แพ้ ดอร์ทมุนด์ 1-2 (เยือน) ชปล.
12/03/20 ชนะ ดอร์ทมุนด์ 2-0 (เหย้า) ชปล.

รอบ 8 ทีมสุดท้าย
13/08/20 ชนะ อตาลันต้า 2-1 (สนามกลาง) ชปล.

รอบรองชนะเลิศ
19/08/20 ชนะ ไลป์ซิก 3-0 (สนามกลาง) ชปล.

บาเยิร์น มิวนิค
รอบแบ่งกลุ่ม
19/09/19 ชนะ เซอร์เวน่า ซเวซด้า 3-0 (เหย้า) ชปล.
02/10/19 ชนะ สเปอร์ส 7-2 (เยือน) ชปล.
23/10/19 ชนะ โอลิมเปียกอส 3-2 (เยือน) ชปล.
07/11/19 ชนะ โอลิมเปียกอส 2-0 (เหย้า) ชปล.
27/11/19 ชนะ เซอร์เวน่า ซเวซด้า 6-0 (เยือน) ชปล.
12/12/19 ชนะ สเปอร์ส 3-1 (เหย้า) ชปล.

รอบ 16 ทีมสุดท้าย
26/02/20 ชนะ เชลซี 3-0 (เยือน) ชปล.
09/08/20 ชนะ เชลซี 4-1 (เหย้า) ชปล.

รอบ 8 ทีมสุดท้าย
15/08/20 ชนะ บาร์เซโลน่า 8-2 (สนามกลาง) ชปล.

รอบรองชนะเลิศ
20/08/20 ชนะ ลียง 3-0 (สนามกลาง) ชปล.