คาเปลโล่ชี้เป้าใครจะเป็นยอดคู่หูให้โรนัลโด้

ฟาบิโอ คาเปลโล่ ระบุ ยูเวนตุส ควรจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอา ราอูล ฮิเมเนซ มาเสริมแกร่งให้ได้ เพราะ ฮิเมเนซ จะเป็นคู่หูที่ยอดเยี่ยมของ โรนัลโด้ เหมือนที่ โรนัลโด้ เคยมี คาริม เบนเซม่า คอยช่วยตอนอยู่ เรอัล มาดริด

ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือว่างงานคนดัง กล่าวว่า ยูเวนตุส สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ควรจะต้องทุ่มสุดตัวเพื่อดึง ราอูล ฮิเมเนซ กองหน้า วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส มาร่วมทีมให้ได้ เพราะเขาจะช่วยเหลือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้เป็นอย่างดี

"เบียงโคเนรี่" ตกเป็นข่าวกับกองหน้าหลายรายในช่วงที่ผ่านมา หลังจากมีการมองกันว่าแนวรุกของพวกเขายังไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร โดยแม้ว่าในฤดูกาลล่าสุด คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะทำประตูในลีกได้ 31 ลูก แต่คนที่ยิงในลีกได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของทีมคือ เปาโล ดีบาล่า ซึ่งทำไปเพียง 11 ประตูเท่านั้น

"เขาเป็นนักเตะชั้นยอดที่มีพรสวรรค์อย่างมาก เขาคือตัวเลือกในฝันสำหรับการเอามาเล่นร่วมกับ โรนัลโด้ เลยล่ะ เพราะว่าตอนนี้ คริสเตียโน่ ขาดนักเตะแบบ (คาริม) เบนเซม่า ที่ ยูเวนตุส และคนที่เหมาะกับเรื่องนั้นอาจจะเป็น ราอูล ก็ได้ แต่ปัญหาของ ยูเว่ ในตอนนี้ก็คือพวกเขาต้องขายนักเตะหรือปล่อยบางคนออกไปในรูปแบบยืมตัวเป็นอันดับแรกก่อนที่จะกลับไปลุยตลาดซื้อ-ขายนักเตะได้ล่ะนะ" คาเปลโล่ ระบุ

เผยคาเปลโล่มองทีมไหนเหมาะกับฮาแลนด์มากที่สุด

เดลี่ เมล สื่อของอังกฤษ ระบุ ฟาบิโอ คาเปลโล่ มองว่าถ้าหาก เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ ต้องย้ายออกจาก ดอร์ทมุนด์ แล้วล่ะก็ ลิเวอร์พูล ก็คือทีมที่เหมาะที่สุดกับดาวเตะชาวนอร์เวย์ แถมมองว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ "หงส์แดง" จะทำให้ ฮาแลนด์ เก่งกว่านี้ได้อีกด้วย
    ฟาบิโอ คาเปลโล่ อดีตกุนซือคนดัง แสดงความเชื่อว่า ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะเป็นทีมที่เหมาะสมกับ เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ กองหน้าชาวนอร์เวย์ ถ้าหากเขาย้ายออกจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมชั้นนำของศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน ตามการเปิดเผยของ เดลี่ เมล สื่อของเมืองผู้ดี

    ฮาแลนด์ สร้างชื่อได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ โดยในครึ่งแรกของซีซั่นเขาทำได้ถึง 28 ประตู จากการลงเล่น 22 นัดในทุกรายการกับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก จนทำให้เขาตกเป็นข่าวกับทีมยักษ์ใหญ่หลายทีม ก่อนที่เจ้าตัวจะมาเล่นให้ ดอร์ทมุนด์ ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งแข้งวัย 19 ปีก็ยังเล่นได้โดดเด่นหลังจากมาอยู่กับ "เสือเหลือง" โดยในนัดล่าสุดทำได้ 1 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ ในเกม บุนเดสลีกา นัดที่ต้นสังกัดถล่ม ชาลเก้ 4-0 จนส่งผลให้เขาทำประตูกับ ดอร์ทมุนด์ ไปแล้ว 13 ลูก จากการลงเล่นในทุกรายการ 12 เกม

    ทั้งนี้ เดลี่ เมล เผยว่าไม่นานมานี้ คาเปลโล่ ไปจัดรายการกับ สกายสปอร์ต อิตาเลีย สื่อกีฬาของอิตาลี และเขาถึงขั้นบอกเลยว่า ลิเวอร์พูล คือทีมที่เหมาะที่สุดสำหรับการเป็นสถานีต่อไปของ ฮาแลนด์ เพราะเขาจะเข้ากับระบบของ "หงส์แดง" ได้อย่างยอดเยี่ยม จากการที่เจ้าตัวมีทั้งร่างกายที่บึกบึน, มีความเร็วที่น่าประทับใจ และยังสามารถขึ้นเกมบุกได้อย่างรวดเร็ว

    นอกจากนี้ คาเปลโล่ ยังเชื่อด้วยว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล จะทำให้ ฮาแลนด์ กลายเป็นนักเตะที่เก่งยิ่งกว่านี้ได้อีก เพราะกุนซือชาวเยอรมันมีความสามารถในการฝึกสอนที่ดีจนทำให้ลูกทีมของเขาบางคนกลายเป็นนักเตะระดับโลกไปแล้ว อย่างเช่น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ เป็นต้น

ใครจะเอาอยู่! “เมสซินัลโด้” ยอดนักเตะร่างฟิวชั่นจากเมสซี่+โรนัลโด้



ตลอดช่วง 10 กว่าปีหลังมานี้ ถึงแม้มีการถกเถียงกันบ่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าใครเจ๋งกว่ากัน แต่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธหรอกว่า ลิโอเนล เมสซี่ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นสองนักฟุตบอลที่เก่งสุดในโลกยุคปัจจุบัน ทว่าทั้งสองต่างก็มีจุดเด่นและความสามารถอันยอดเยี่ยมเป็นของตัวเอง ซึ่งล่าสุด "เดอะ ซัน" สื่อดังของอังกฤษ ได้มีการสรุปความเจ๋งในแต่ละด้านของทั้งสอง และสร้างสุดยอดนักเตะรายใหม่ขึ้นมา นามว่า "เมสซินัลโด้" (อันนี้ผู้เขียนขออนุญาตตั้งเอง)

 – เท้าขวา : โรนัลโด้
  64% จาก 725 ประตูที่ โรนัลโด้ ทำได้ตลอดการเล่นฟุตบอลอาชีพ มาจากการยิงด้วยเท้าขวา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ กัปตันทีมชาติโปรตุเกสวัย  ปี นักเตะเท้าขวาที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งในโลก ซึ่งเรื่องนี้ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ เพื่อนร่วมทีม ยูเวนตุส รู้ซึ้งเป็นอย่างดี

"วิธีที่จะรับมือกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ น่ะเหรอ? ก็อย่าเปิดพื้นที่ให้เขาเล่น และพยายามอย่าให้เขาเล่นบอลด้วยเท้าขวา" คิเอลลินี่ กล่าว

 – เท้าซ้าย : เมสซี่
  ทุกคนรู้ดีว่า เมสซี่ คือเทพเท้าซ้ายคนหนึ่งของวงการ เพราะ 83% จาก 697 ประตูที่เขาทำได้ตลอดอาชีพ มาจากเท้าซ้าย ขนาด ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ยังยอมรับเลยว่า เมสซี่ แค่มีเท้าซ้ายข้างเดียว ก็เล่นฟุตบอลได้แล้ว

"ลิโอเนล เมสซี่ ไม่จำเป็นต้องมีเท้าขวาก็ได้ ที่เขาใช้เท้าซ้ายข้างเดียวเล่นฟุตบอลอยู่ทุกวันนี้ เขาก็เก่งที่สุดในโลกแล้ว ลองจินตนาการดูสิ ถ้าเขาเล่นเท้าขวาได้ด้วย เราคงจะต้องเจอปัญหาหนักกว่านี้แน่" อิบราฮิโมวิช กล่าว

 – ความเร็ว : โรนัลโด้
  เมสซี่ ถือเป็นนักเตะที่เร็วมากๆ คนหนึ่ง แต่ โรนัลโด้ เร็วกว่า แม้ตอนนี้เขาอายุ 35 ปีแล้ว และอาจจะสูญเสียความจัดจ้านไปบ้าง แต่ โรนัลโด้ ก็ยังคงเป็นนักฟุตบอลที่วิ่งเร็วมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่สับแบบเต็มสปีด ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการการันตีโดย ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตเพื่อนร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

  

"ตอนที่เราดวลกับ สปอร์ติ้ง เมื่อปี 2003 ในช่วงพักครึ่ง จอห์น โอเช ถึงขนาดต้องมีแทงค์อ็อกซิเจนอยู่ข้างๆ เลยทีเดียว เขาหอบหนักมาก ขณะที่เราก็เร่งเร้าให้เขาพยายามเข้าใกล้ โรนัลโด้ ให้มากกว่านี้ ซึ่งเขาก็พูดไม่ออก ตอบเราไม่ได้" เฟอร์ดินานด์ กล่าว 

 – เลี้ยงบอล : เมสซี่
  โรนัลโด้ สปีดไปกับบอลได้ดี แต่ถ้าเป็นเรื่องการลากเลื้อย ต้องยกให้ เมสซี่ ซึ่งความสามารถด้านนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยัง ทึ่งเลย

  "เมสซี่ เป็นนักฟุตบอลที่เก่งมากๆ เขาเหมือนกับสวมรองเท้าแตะเล่น ตอนที่คอนโทรลลูกบอล " เฟอร์กูสัน เคยกล่าวไว้ในปี 2006

 – พลังการยิง : โรนัลโด้
  ทุกคนรู้ดีว่า โรนัลโด้ เป็นนักเตะที่ยิงบอลได้โหดและหนักมากที่สุดคนหนึ่ง เพราะเราได้เห็นมาบ่อยๆ กับลูกยิงอันทรงพลังของเจ้าตัว และเรื่องนี้ รอย แคร์โรลล์ อดีตนายประตู แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทราบดี

  "ตอนที่เขาซ้อมยิงประตู ลูกบอลที่เขายิงมันพุ่งเร็วกว่าของคนอื่นๆ เขามีเทคนิคในการยิง, ใช้ตรงบริเวณเชือกผู้รองเท้าหวดบอล ซึ่งมันทำให้บอลมันสามารถส่ายไปได้ทุกที่ในอากาศ " แคร์โรลล์ กล่าว 

 – ผ่านบอล : เมสซี่
  นอกจากพาบอลแหวกเข้าไปทำประตูด้วยตัวเองได้แล้ว เมสซี่ ยังเก่งมากๆ ในเรื่องการผ่านบอลทะลุตามช่องให้เพื่อนจบสกอร์ ซึ่งเรื่องนี้ขนาด ซีเนดีน ซีดาน อดีตเจ้านายของ โรนัลโด้ ที่ เรอัล มาดริด ยังต้องคารวะในความยอดเยี่ยมของ แข้งเทพชาวอาร์เจนไตน์วัย 32 ปี 
    
  "เมสซี่ เป็นนักเตะที่สร้างความแตกต่างให้เห็นบ่อยมาก โดยเฉพาะการที่เขาเป็นนักเตะที่มุ่งไปข้างหน้าตลอด เขาไม่เคยผ่านบอลกลับหลัง หรือผ่านบอลไปด้านข้าง เขามุ่งเข้าหาประตูท่าเดียว"

– ลูกโหม่ง : โรนัลโด้
  โรนัลโด้ เป็นตัวจบสกอร์ที่สมบูรณ์แบบ เขาทำประตูได้ทุกรูปแบบ และลูกโหม่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของเจ้าตัว เพราะ 128 จาก 725 ประตูที่เขาทำได้ มาจากลูกโหม่ง ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก และเรื่องนี้ อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล ยอมรับแบบตรงๆ เลยว่า โรนัลโด้ เจ๋งกว่า เมสซี่ ในเรื่องนี้

"โรนัลโด้ ดีกว่าในเรื่องลูกกลางอากาศ จุดนี้เขาแข็งแกร่งกว่า (เมสซี่)" เวนเกอร์ กล่าว

 – สมอง : เมสซี่
  โรนัลโด้ ใช้พลังภายนอกในการเล่นฟุตบอล แต่ เมสซี่ ใช้สิ่งที่มาจากภายใน ซึ่ง ฟาบิโอ คาเปลโล่ ตำนานโค้ชชาวอิตาเลียน ก็ชูให้ เมสซี่ เหนือกว่า โรนัลโด้ ในเรื่องของจินตนาการ

 

"คนนึงเล่นบอลจากพลังภายนอก อีกคนเล่นจากพรสวรค์ตัวเอง มันมีความแตกต่างให้เห็นอย่างชัดเจน นับตั้งแต่เด็กอัจฉริยะคนนี้ (เมสซี่) ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด  โรนัลโด้ เป็นนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมมากๆ แต่ เมสซี่ คืออัจฉริยะ"

 – สร้างแรงบันดาลใจ : โรนัลโด้
  บนโลกใบนี้มีนักกีฬาเพียงไม่กี่คน ที่สามารถเป็นคนสร้างแรงบัลดาลใจได้ดีไปกว่า โรนัลโด้ เพราะกว่าจะเป็นสุดยอดนักฟุตบอลได้อย่างทุกวันนี้ เขาทุ่มเทและฝึกซ้อมหนักมาก แถมมีระเบียบวินัยสูง ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการการันตีคุณภาพโดย คาร์โล อันเชลอตติ กุนซือผู้ที่เคยร่วมงานกับ โรนัลโด้ สมัยคุม เรอัล มาดริด
 
  "คริสเตียโน่ ไม่เคยแฮปปี้กับอะไรง่ายๆ เขาพยายามอย่างหนักเสมอ เพื่อให้ดีกว่าเดิม" อันเชลอตติ กล่าว

 – ความเป็นผู้นำ : เมสซี่
  โรนัลโด้ มีความเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน แต่หากมองความเป็นนักเตะที่เป็นหัวใจสำคัญของทีม ต้องยกให้ เมสซี่ เพราะเขาไม่ได้มีดีแค่การทำประตู แต่ยังเป็นนักเตะที่สามารถช่วยให้เพื่อนๆ รอบข้าง ทำประตูได้อย่างมหาศาลด้วย
 
  "เมสซี่ เป็นทีมเพลเยอร์ของจริง ตลอดช่วง 10 ปีหลังมานี้ เขาทำแอสซิสต์ได้ปีๆ นึง 30-40 ครั้ง และทำประตูได้เองอีกราวๆ 50 ลูก" โยอัคคิม เลิฟ เทรนเนอร์ทีมชาติเยอรมนี กล่าว

 – ร่ายกาย : โรนัลโด้
  เรื่องนี้ต้องยกให้ โรนัลโด้ แบบไร้ข้อโต้แย้ง เพราะด้วยการที่มีระเบียบวินัยสูง ทำให้เขารักษาสภาพร่างกายและความฟิตได้อย่างยอดเยี่ยม จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หากเราเห็น โรนัลโด้ เล่นฟุตบอลจนถึงอายุ 40 ปี ซึ่ง ดั๊กลาส คอสต้า ปีกเพื่อนร่วมทีม "ม้าลาย" ก็รู้สึกประทับใจในความเฟิร์มของร่างกาย โรนัลโด้

"คุณคงได้เห็นกันมาบ่อยแล้วกับภาพ โรนัลโด้ ถอดเสื้อ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ร่างกายของเขาสุดยอดมาก นับตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่กับสโมสรเรา เปอร์เซนต์ไขมันโดยรวมของนักเตะทุกคนภายในสโมสรลดลง ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก" คอสต้า กล่าว

 – ความคิดสร้างสรรค์ : เมสซี่
  โรนัลโด้ เน้นพลัง ส่วน เมสซี่ เด่นที่ความคิดสร้างสรรค์ และการเล่นที่สวยงามพลิ้วไหวในสนาม ซึ่งจุดนี้ เวนเกอร์ เปรียบเทียบให้เห็นภาพอย่างชัดเจน
 
  "เมสซี่ เป็นนักเตะที่มีความคิดสร้างสรรค์มากกว่า โรนัลโด้ โรนัลโด้ ดีกว่าในการเป็นตัวจบสกอร์, ดีกว่าในลูกกลางอากาศ, มีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่า แต่ เมสซี่  มีการเล่นที่เป็นศิลปะมากกว่า ดังนั้นโดยพื้่นฐานแล้ว คุณจะเพลินกับการเล่นของนักเตะแบบ เมสซี่ มากกว่า" อดีตกุนซือ อาร์เซน่อล ระบุ

เก็บแรงเล่นเซ็กซ์, ครัวซองต์แลกสาว กินไม่เลือก ! วิบัติอาชีพ คาสซาโน่ กับ เรอัล มาดริด

ย้อนกลับไปเมื่อ 14 ปีก่อน อันโตนิโอ คาสซาโน่ เคยมีโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตเมื่อได้ย้ายไปเล่นให้ เรอัล มาดริด แต่เขาดันกลับทิ้งโอกาสที่แสนยิ่งใหญ่ในครั้งนั้นออกไป เนื่องจากพฤติกรรมที่ไร้ความเป็นมืออาชีพ จนทำให้อนาคตในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว มีแต่ล่องจุ๊น !
ในปี 2006 "คาสซ่า" ตัดสินใจย้ายจาก "หมาป่าเหลืองแดง" โรม่า มาเล่นให้ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวแค่ 5 ล้านยูโร (ราว 175 ล้านบาท)  และที่นี่ "ปีเตอร์แพน" ได้สร้างตำนานด้านมืดให้ผู้คนได้จดจำมากมาย

 

 ช่วงที่ คาสซาโน่ ใช้ชีวิตกับ เรอัล เขาเปรียบดั่งซูเปอร์สตาร์ เพราะมีทั้งชื่อเสียงเงินทอง และยังได้เล่นให้กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ฉะนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือบรรดาสาวๆ และความสบาย ซึ่งนั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตที่ทำให้เขาต้องพบกับหายนะ

 เรื่องราวของ คาสซาโน่ ต้องบอกเลยว่ายิ่งกว่านิยายเพราะชีวิตที่เต็มไปด้วยความความหรูหรา นำไปสู่จุดจบของพรสวรรค์ในเกมลูกหนัง

ครัวซ็องต์เสียวสะท้าน

 ตลอดช่วงกว่า 2 ทศวรรษในวงการฟุตบอล คาสซาโน่ มีโอกาสได้เล่นฟุตบอลกับสโมสรดังๆ มากมาย แต่น่าเสียดายที่เขาดันโชว์ฟอร์มสวนทางกับพรสวรรค์ โดยเฉพาะการยิงประตู ซึ่งสาเหตุมาจากพฤติกรรมนอกสนามล้วนๆ

 ด้วยการที่มีไลฟ์สไตล์แบบเพลย์บอยทำให้ คาสซาโน่ เลือกที่จะทำตัวขี้เกียจ และไม่ยอมซ้อม โดยในช่วงระหว่างเดือนมกราคม 2006 จนถึงเดือนสิงหาคม 2007 เจ้าตัวอาศัยกินนอนที่โรงแรมมาตลอดและที่นั่นคือสวรรค์สำหรับเขาอย่างแท้จริง

 คาสซาโน่ ยอมรับว่ามักจะอ้อมแรงเวลาซ้อมเพื่อนำแรงทั้งหมดไปใช้กับสาวๆ ที่รออยู่ในโรงแรม โดยอิสตรีเหล่านี้จะมีบริการคนหนึ่งที่สนิทกันคอยจับหามาให้ และเมื่อเสร็จกามกิจเขาจะนำอาหารมาเสิร์ฟเพื่อให้ตนกลับมามีกำลังวังชาอีกครั้ง

 "ผมมีเพื่อนเป็นหนึ่งในบริกรที่โรงแรม" คาสซาโน่ เปิดใจผ่านหนังสืออัตชีวประวัติส่วนตัวว่า "งานของเขาก็คือการเอาครัวซองต์สามหรือสี่ชิ้นมาเสิร์ฟให้ผมหลังจากที่ผมเสร็จจากการมีเซ็กซ์"

  ยังมีทีเด็ดกว่านั้น ด้วยความที่สนิทกับบริกร เวลาที่เขานำครัวซองต์ คาสซาโน่ ก็แสนใจดีด้วยการมอบสาวที่เพิ่งจัดการสวาปามเรียบร้อยให้เป็นของกำนัล "เขาจะเอาครัวซองต์มาให้ผมที่บันได ผมก็จะนำสาวไปหาเขา และเราจะแลกเปลี่ยนกัน เขาพาสาวไป ส่วนผมก็ซัดครัวซองต์เพิ่มพลัง เซ็กซ์ตามด้วยอาหาร….ค่ำคืนแสนเพอร์เฟกต์ !"

  พฤติกรรมมักมากในกามของ คาสซาโน่ นั้นเจ้าตัวก็ยอมรับและระบุด้วยว่าที่เป็นแบบนี้เนื่องจากคนเองเป็นคนที่มีความต้องการทางเพศสูง แถมการไม่ได้เป็นคนหล่อแต่ดันดังเพราะอาชีพ ทำให้มีโอกาสฟาดสาวใหญ่สาวน้อยเป็นว่าเล่น ที่สำคัญยังคุยโวว่าจัดหนักมาแล้วกว่า 600 คน เลยทีเดียว
 
หม่อมถนัด…รับประทาน

 เรื่องผู้หญิงก็เป็นสิ่งที่สร้างหายนะให้กับ คาสซาโน่ แล้ว เรื่องกินก็เช่นกัน เพราะเขาไม่เคยปฏิเสธที่จะกินอาหารไร้ประโยชน์โดยเฉพาะในช่วงที่ อยู่กับ "ราชันชุดขาว" โดยอาหารโปรดของเจ้าตัวก็คือครัวซองต์ (ติดใจจริงๆ) และพวกอาหารอื่นๆ ที่ไม่มีอยู่ในเมนูโภชนาการของสโมสร

 หลังจบฤดูกาล 2006/2007 สโมสรได้จัดการดันสันดานเรื่องการกินของ คาสซ่า ด้วยการสั่งปรับเงินตามจำนวนน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น แต่ขอบอกว่า "ปีเตอร์แพน" ยักไหล่ไม่ยี่หระ และยินดีให้ปรับเงินแบบสบายอุรา

 "ผมมีความสุขเมื่อผมได้กินพาสต้า, ขนมปัง, ของหวาน และแฮม ผมเสพติดอาหารพวกนี้มาจนถึงปัจจุบัน" คาสซาโน่ ยอมรับหน้าชื่นตาบาน

 ด่าหมดถ้าสดชื่น

 ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดตอนที่อยู่ในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว เกิดขึ้นในวันที่ 28 ตุลาคม 2006 โดยเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับอาหาร หรือผู้หญิง แต่คนที่เกี่ยวข้องก็คือ ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือจอมเฮี้ยบชาวอิตาเลียนนั่นเอง

 ช่วงเวลานั้น คาเปลโล่ นั่งกุมบังเหียน "ลอส บลังโกส" เรื่องราวสุดแสบของ คาสซาโน่ เกิดขึ้นเมื่อต้นสังกัดออกไปเยือน กิมนาสติก โดยนักเตะมีปากเสียงกับ กุนซือหน้าหงอ ซึ่่งแนะนำให้เขาไปอบอุ่นร่างกายที่ริมเส้น…ตลอดช่วงครึ่งหลัง

 หลังเหตุการณ์นั้น คาเปลโล่ ไม่เคยจับเขาลงสนามอีกเลย งานนี้ คาสซาโน่ ซึ่งเคยยกให้ "บิ๊กดอน" เป็นดั่งพ่อคนที่สองสมัยที่อยู่ด้วยกันกับ โรม่า จัดการตราหน้าว่าเป็น "พวกจอมปลอมยิ่งกว่าธนบัตรในเกมเศรษฐี"ซะอีก

  ขณะเดียวกันสโมสรได้สวนกลับว่า "นี่เป็นพฤติกรรมที่ไร้ระเบียบวินัย และขาดความเคารพต่อโค้ช" ด้าน คาเปลโล่ จัดการดร็อป คาสซาโน่ ทันที และจับเขาฝึกซ้อมเพียงลำพังคนเดียว หลังจากนั้นคงไม่ต้องนะว่าอนาคตของเขาจะเป็นยังไง !!

เสียดายพรสวรรค์

 จริงๆ แล้ว คาสซาโน่ คือหนึ่งในนักเตะระดับพรสวรรค์ของประเทศอิตาลี จริงๆ และเคยเป็นแข้งความหวังใหม่ของทัพ "อัซซูรี่" แต่ด้วยพฤติกรรมหัวแข็ง กร้าวร้าว อารมณ์ร้อน และยอมหักดีกว่ายอมงอ มันบดบังรัศมีในเชิงลูกหนังของเขาไปหมด

 ตอนที่อยู่ เรอัล มาดริด นี่คือโอกาสที่นักฟุตบอลทั่วโลกอยากได้ แต่ คาสซาโน่ โยนมันทิ้งลงถังขยะด้วยความขี้เกียจ และไร้ความเคารพผู้อื่น โดย ราอูล กอนซาเลซ กัปตันทีมในเวลานั้น ยอมรับว่าเสียดายอนาคตของอดีตเพื่อนร่วมทีมสุดแสบจริงๆ

 "หากเขาตั้งใจฝึกซ้อมทำงานหนักเพื่อคนอื่น, รู้สึกถ่อมตัว, ทำงานเพื่อเป้าหมายเดียวกัน และรู้ว่าเราได้อยู่กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่"  ราอูล กล่าว

  การได้เล่นให้ เรอัล มาดริด คือความใฝ่ฝันของนักฟุตบอลทุกคน แต่น่าเสียดายที่ คาสซาโน่ เลือกที่จะใช้ช่วงเวลาเหล่านั้นไปกับความละโมบทางด้านอารมณ์ และนำไปสู่วิบัติในอาชีพ
 
 บอกตามตรงหากเขาทุ่มเทให้กับตัวเองและเรอัล มาดริด ป่านนี้ชื่อของ "คาสซ่า" คงเป็นหนึ่งในตำนานแห่งถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว ไปแล้ว