“ทิพย์” แก้วกัลยา นักวอลเล่ย์สาวไทยคนแรกได้แชมป์ลีกสูงสุดญี่ปุ่น

    เห็นสวยๆ อย่างนี้ "น้องทิพย์" แก้วกัลยา กมุลทะลา นักวอลเลย์บอลทีมชาติ ตำแหน่งบอลเร็ว จากอำเภอกมลาไสย เมืองน้ำดำจังหวัดกาฬสินธุ์ ตบระเบิดและเปิดประวัติศาสตร์ เป็นสาวไทยคนแรก ร่วมทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดญี่ปุ่นกับสโมสร เจที มาร์เวลลัส  เมื่อปีที่ผ่านมา ตอนนี้กลับเมืองไทยและแฟนลูกยางคงมีโอกาส ได้เห็นเชิงตบของสาววัยเบญจเพศคนนี้ในเร็ววัน
    ประวัติส่วนตัว
    ชื่อ : แก้วกัลยา กมุลทะลา
    ชื่อเล่น : ทิพย์
    พื้นเพบ้านเกิด : จ.กาฬสินธุ์
    อายุ : 25 ปี
    ส่วนสูง : 178 ซ.ม.
    น้ำหนัก : 67 ก.ก.
    สัดส่วน : 34-29-40
    จบปริญญาตรี : คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
    ปัจจุบัน : เป็นนักวอลเลย์บอลอาชีพ
    กีฬาที่ชอบเล่น : วอลเลย์บอล
    ดีกรีล่าสุด : นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย สโมสร เจที มาร์เวลลัส ของญี่ปุ่น แชมป์วอลเลย์บอล วีลีก 2019
    นักกีฬาที่ชื่นชอบ : ลิโอเนล เมสซี
    คติประจำใจ : อย่าเพิ่งท้อแท้ในสิ่งที่ยังไม่พยายาม และอย่าเพิ่งหมดหวังในสิ่งที่ยังไม่เริ่มต้น
    ชายในสเปก : ชอบคนอบอุ่น เป็นผู้ใหญ่ที่ดูแลเราได้
    สถานภาพ : มีแฟนแล้ว

“สิริรัตน์ ยนต์โยธินกุล”ตำนานสาวหล่อแห่งวงการยัดห่วงไทย

แฟนกีฬาชาวไทยอาจจะเคยเห็นปรากฏการณ์สนามแตกมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยื่งกับการแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทยในหลายๆแมตช์, วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยในหลายๆครั้ง และการชกของ เขาทราย แกแล็คซี่ อดีตแชมป์โลกผู้ยิ่งใหญ่ในหลายๆไฟต์ ซึ่งปรากฏการณ์สนามแตก ที่มีแฟนกีฬาแห่เข้าไปชมจนล้นสนามนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ นอกจากจะเกิดกระแสฟีเวอร์หรือความนิยมต่อกีฬาชนิดนั้นจริงๆ
   อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่งเคยเกิดปรากฏการณ์สนามแตกมาแล้ว กับการแข่งขันบาสเกตบอลหญิง ในกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 18 ที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ เมื่อช่วงปลายปี 2538 ซึ่งน่าจะเป็นครั้งเดียวในประวัติศาสตร์วงการยัดห่วงไทย ที่มีแฟนกีฬาแห่เข้าไปชมบาสเกตบอลหญิงจนล้นสนาม

    และปฏิเสธไม่ได้ว่า นักกีฬาผู้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ที่ทำให้เกิดกระแสฟีเวอร์ จนทำให้แฟนกีฬาต้องแย่งกันซื้อตั๋วเพื่อเข้ามาเชียร์ทีมบาสเกตบอลสาวไทยในซีเกมส์ครั้งดังกล่าว จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก "แว่น" สิริรัตน์ ยนต์โยธินกุล ตำนานสาวหล่อแห่งวงการยัดห่วงไทย

    แม้จะเกิดเป็นหญิง แต่จากการมีรูปร่างหน้าตาหล่อสมาร์ทโดนใจ ละม้ายคล้ายกับ ศรราม เทพพิทักษ์ พระเอกเบอร์ 1 แห่งวงการบันเทิงในยุคนั้น จึงทำให้เธอคนนี้ ได้รับการขนานนามจากสื่อมวลชนว่า "สาวหล่อ" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา อีกทั้งสื่อบางสำนัก ยังตั้งฉายาให้เธอว่า "ศรราม 2" อีกด้วย

    นอกจากรูปร่างหน้าตาจะหล่อโดนใจสาวๆทั้งประเทศแล้ว ด้วยความสามารถอันโดดเด่นในตำแหน่งพอยท์การ์ด ที่ไม่ได้เป็น 2 รองใคร จึงทำให้ สิริรัตน์ ยนต์โยธินกุล เป็นตัวหลักให้กับทีมบาสเกตบอลหญิงทีมชาติไทยมาตลอด 9 ปีที่รับใช้ชาติ ก่อนที่ชื่อของเธอ จะกลายตำนานที่ยังอยู่ในใจของแฟนกีฬาชาวไทยทั้งประเทศตลอดมา

    ย้อนกลับไปในอดีต ตำนานสาวหล่อแห่งวงการยัดห่วงไทยรายนี้ ไม่ได้ตั้งใจที่จะเล่นบาสเกตบอลตั้งแต่แรกแต่อย่างใด โดยคุณพ่อและคุณแม่ สนับสนุนให้ลูกสาวคนนี้เล่นกีฬาชนิดใดก็ได้ เพื่อให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง

    จนกระทั่งอายุ 12 ขวบ เส้นทางชีวิตได้มาบรรจบกับเกมกีฬายัดห่วงจนได้ เมื่อโรงเรียนวัดน้อยนพคุณ สถานศึกษาของเธอในเวลานั้น มีแผนการที่จะสร้างทีมบาสเกตบอลหญิงขึ้นมา โดยมี อาจารย์พงษ์ศักดิ์ แก้วใจดี เป็นเฮดโค้ช ก่อนที่อาจารย์ท่านนี้ จะทาบทามให้ ด.ญ.สิริรัตน์ เข้ามาเป็นนักบาสเกตบอลให้กับทีมโรงเรียน

    นับจากนั้น สิริรัตน์ ยนต์โยธินกุล ได้เป็นนักบาสเกตบอลหญิงตัวหลักให้กับโรงเรียนวัดน้อยนพคุณมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับลงแข่งขันหลายรายการ อาทิ รายการของกรมพลศึกษา, รายการของกรุงเทพมหานคร, กีฬากองทัพอากาศ, กีฬาเยาวชนแห่งชาติ, กีฬาแห่งชาติ และอีกหลายๆทัวร์นาเมนต์ โดยยึดแบบอย่างจาก ไมเคิ่ล จอร์แดน ซูเปอร์สตาร์เบอร์ 1 แห่งวงการยัดห่วงเอ็นบีเอในขณะนั้นเป็นไอดอล

     สำหรับจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้ชีวิตของเธอ ได้ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติไทย ได้เกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งที่ 10 ที่จังหวัดพิษณุโลก เมื่อปี 2537 ในครั้งนั้น สิริรัตน์ เป็นตัวแทนของทีมยัดห่วงเขต 10 กรุงเทพมหานคร

 

    แม้จะได้เพียงรองแชมป์ ทว่าจากการโชว์ฟอร์มที่โดดเด่นเหนือกว่าผู้เล่นคนอื่น จึงทำให้เธอคว้ารางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์มาครอง ก่อนจะได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 8 นักกีฬาเยาวชนไทย ให้ได้รับโอกาสอันล้ำค่า กับการไปทัศนศึกษาดูงาน ในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 12 ที่นครฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ภายในปีเดียวกัน

    ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมจากการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งดังกล่าว ได้ทำให้ชื่อของ สิริรัตน์ ยนต์โยธินกุล ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติชุดใหญ่ในปีต่อมา หรือปี 2538 ด้วยวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น

    สำหรับทัวร์นาเมนต์แรกที่ลงแข่งขันในนามทีมชาติก็คือ ศึกชิงแชมป์เอเชีย 1995 ซึ่งเป็นระดับดิวิชั่น 2 ที่เมืองชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2538 โดยเธอและเพื่อนร่วมทีม ผนึกกำลังพาทีมยัดห่วงสาวไทยคว้าแชมป์มาครอง และได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จ

    จากนั้นในช่วงปลายปีเดียวกัน อีก 1 จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดในชีวิตได้มาถึง ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 18 ที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ เมื่อ สิริรัตน์ ได้ฉายแววความเป็นซูเปอร์สตาร์เบอร์ 1 แห่งวงการยัดห่วงหญิงไทยในเวลานั้น กับการเป็นนักกีฬาที่มีแฟนคลับคลั่งไคล้มากที่สุดคนหนึ่งในซีเกมส์ครั้งดังกล่าว จนเกิดปรากฏการณ์สนามแตกทุกแมตช์ที่ทีมยัดห่วงสาวไทยลงแข่งขัน เนื่องจากแฟนกีฬาต่างแย่งกันซื้อตั๋วเพื่อเข้ามาชม “สาวหล่อ” ในสนาม เมื่อยามที่เธอได้บอลแต่ละครั้ง เสียงกรี๊ดจากแฟนๆ ดังกึกก้องไปทั่วโรงยิมทุกครั้งเลยทีเดียว

    ด้วยแรงเชียร์ที่ล้นหลาม กลายเป็นกำลังใจที่สำคัญ ในการทำให้ทีมบาสเกตบอลหญิงไทยคว้าเหรียญทองซีเกมส์ครั้งที่ 18 ได้สำเร็จ พร้อมกับพลิกชีวิตให้ สิริรัตน์ ยนต์โยธินกุล เปลี่ยนจากนักกีฬาธรรมดา กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศไปในทันที
 
    อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคนรู้จักมากขึ้นแต่ซูเปอร์สตาร์ยัดห่วงสาวรายนี้ ยังใช้ชีวิตแบบสมถะเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ยังคงนั่งรถเมล์ไปเรียนมหาวิทยาลัยเป็นประจำ พอเจอแฟนคลับทักทายก็ยิ้มและพูดคุยแบบเป็นกันเองทุกครั้ง โดยไม่ถือตัวเลยแม้แต่น้อย

    หลังจากนั้น สิริรัตน์ ได้เล่นบาสเกตบอลให้กับทีมชาติไทยอีก 9 ปี ก่อนจะประกาศเลิกเล่นหลังจบศึกชิงแชมป์เอเชีย 2004 ที่เมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2547 ด้วยวัยเพียง 27 ปีเท่านั้น

    เธอได้กล่าวถึงการตัดสินใจหันหลังให้กับกีฬาที่เธอรักว่า ในช่วงนั้นนอกจากจะต้องซ้อมบาสเป็นประจำแล้ว ยังต้องเรียนปริญญาโท อีกทั้งยังต้องทำงานประจำ กับการเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ผลิตรายการและละครทางโทรทัศน์ควบคู่กันไปด้วย หลังจากนั้น ตำนานสาวหล่อแห่งวงการยัดห่วงไทย ได้ทำงานที่เธอรักกับการเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการผลิตรายการและละครทางทีวีมาโดยตลอด

    เธอได้กล่าวว่า จากการที่เป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียงและหน้าตาดี จึงทำให้ช่วงที่ทำงานตอนแรก ครีเอทีฟเคยให้เธอทดลองเป็นนักแสดงหน้ากล้องเช่นกัน แต่ด้วยความเขินกล้อง และไม่ถนัดกับการแสดง จึงเลือกที่จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังมากกว่า

    สำหรับปัจจุบันแม้ สิริรัตน์ ยนต์โยธินกุล จะลาออกจากงานประจำแล้ว เพื่อหันมาทำธุรกิจเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ที่มีชื่อร้านว่า "ก๋วยเตี๋ยว เย็นตาโฟ ต้มยำ ไข่ออนเซน By แว่น สาวหล่อ" แต่ก็ยังไม่ทิ้งงานเบื้องหลังผลิตรายการโทรทัศน์ ซึ่งเธอยังเป็นฟรีแลนซ์ช่วยงาน "หม่ำ จ๊กมก" ศิลปินตลกชื่อดัง และยังเป็นผู้จัดการของ "อาร์ม" กรกันต์ สุทธิโกเศศ นักร้องและนักแสดงชื่อดังอีกด้วย

    ด้านร้าน "ก๋วยเตี๋ยว เย็นตาโฟ ต้มยำ ไข่ออนเซน By แว่น สาวหล่อ" เพิ่งเปิดเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาซึ่ง สิริรัตน์ ได้กล่าวว่า ที่จริงแล้วคุณพ่อกับคุณแม่ขายมาก่อน พอตนเองมาทำก็ได้ปรับปรุงให้รสชาติกลมกล่อมและอร่อยขึ้น โดยร้านตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 99/9 หมู่บ้านไทยสมบูรณ์ 3 ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี และได้เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 12.00-20.30 น.

    แฟนกีฬาท่านใด ที่ยังคิดถึงตำนานสาวหล่อแห่งวงการยัดห่วงไทยรายนี้ สามารถไปพบปะและอุดหนุนเธอได้ ตามสถานที่ดังกล่าว หรือติดต่อทางหมายเลขโทรศัพท์ 0648269399 และยังสามารถติดตามรายละเอียดของร้านได้ที่เพจเฟสบุ๊ก "ก๋วยเตี๋ยว เย็นตาโฟ ต้มยำ ไข่ออนเซน By แว่น สาวหล่อ" ได้อีก 1 ช่องทาง

 

“น้องอิงฟ้า” เผยมุมเซ็กซี่อีกครั้ง คราวนี้มาในชุดลายเสือสุดแซ่บ

แว็งซ็องต์ ก็องปานี ระบุ สาเหตุที่ตนบอกว่า เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เป็นกองหลังที่เก่งที่สุดของ พรีเมียร์ลีก เป็นเพราะอีกฝ่ายทำให้ ลิเวอร์พูล พัฒนาแบบก้าวกระโดด ทั้งที่มันเป็นเรื่องยากมากๆ ที่จะมีใครทำให้ทีมใหญ่พัฒนาขึ้นเยอะแบบนี้ได้ พร้อมบอกว่าตนนับถือศิลปะการเล่นของ ฟาน ไดค์ ด้วย

    แว็งซ็องต์ ก็องปานี กองหลังประสบการณ์สูงของ อันเดอร์เลชท์ สโมสรในลีกสูงสุดประเทศเบลเยียม เปิดเผยว่าสาเหตุที่ยกให้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เป็นเซนเตอร์แบ็กที่เก่งที่สุดตลอดกาลของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นั้น เป็นเพราะเขาทำให้ "หงส์แดง" พัฒนาขึ้นอย่างมากหลังจากที่ย้ายมาอยู่กับทีม

    ลิเวอร์พูล คว้าตัว ฟาน ไดค์ มาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี 2018 ซึ่งดาวเตะชาวดัตช์ก็พัฒนาฝีเท้าได้ดีจนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหลังชั้นยอดคนหนึ่งของยุคนี้ รวมถึงช่วยให้ทีมได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลก่อน และกำลังจะได้แชมป์ลีกในซีซั่นนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็องปานี ก็ถึงขั้นยกให้ ฟาน ไดค์ เป็นกองหลังที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก เลย

    อดีตกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เผยกับ บีบีซี สื่อชื่อดังของเมืองผู้ดีว่า "สาเหตุที่ผมพูดแบบนั้นมันเป้นเพราะว่าที่จริง ลิเวอร์พูล ก็เป็นทีมที่ดีตั้งแต่ก่อนหน้าที่ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ จะเข้ามาอยู่กับทีมอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นพวกเขาเสียประตูง่ายอยู่เสมอ ตอนนั้นผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าพวกเขาเป็นทีมที่ดีที่สุด ต่างกับที่พวกเขาแสดงให้เห็นในฤดูกาลนี้"

    "มันเป็นเรื่องยากมากๆ ที่จะมีนักเตะสักคนที่มีผลกระทบกับสโมสรใหญ่มากถึงขนาดนี้ เขาเอาการเล่นเกมรับแบบฉบับดั้งเดิมมาสู่ทีมโดยที่มีการดัดแปลงให้เข้ากับยุคปัจจุบันนิดหน่อย และผมก็เคารพเรื่องนั้นมากๆ สิ่งที่เขาทำน่ะมันเป็นเรื่องง่ายๆ ก็จริง แต่มันก็มีประสิทธิภาพอย่างมาก มันเป็นศิลปะที่ผมให้ความเคารพอย่างสูง"

“Crazy Rich Asians”แรงไม่หยุดแชมป์บ็อกซ์3สัปดาห์ติด “Incredibles 2″รายได้รวมทั่วโลกเกิน$1.163 พันล้าน

ต้องยอมรับว่าพลังเอเชียแรงดีแท้ Crazy Rich Asians ยังคงครองใจคนที่ชอบหนังในสไตล์รักโรแมนติกผสมคอมเมดี้เมื่อยังคงยึดแชมป์บ็อกซ์ ออฟฟิศ ได้อย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ตามด้วย The Meg ที่ยังคงไล่บี้อยู่ในอันดับ 2 ต่ออีกสัปดาห์ ขณะที่ Operation Finale หนังอิงประวัติศาสตร์สงครามที่เปิดตัวในอันดับที่ดี แต่รายได้ไม่น่าโสภาสถาพรเท่าไหร่นัก

    ผลงานดีมีคุณภาพจริงๆสำหรับภาพยนตร์แนวแม่ผัวลูกสะใภ้ที่ต้องบอกว่าแรงเกินคาดเพราะตอนนี้ Crazy Rich Asians ยึดอันดับ 1 เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน โดยรายได้จากการเข้าฉายในสัปดาห์ล่าสุดประมาณ $22.2 ล้าน ทำให้รายได้จากการฉายในประเทศสหรัฐอเมริกาพุ่งไปมากกว่า  $110 ล้าน

Mission: Impossible – Fallout  ยังน่าสนใจ

    ในขณะที่การฉายต่างประเทศสัปดาห์ล่าสุดทำเงินไปกว่า $20 ล้าน จากตลาดทั้งหมด 24 แห่ง โดยเป็นการเปิดตัวที่ออสเตรเลียที่ทำเงินไปเบาะๆ $5.4 ล้าน ขณะที่ในตลาดใหม่ๆ อย่าง สิงคโปร ทำเงินเบาะๆ $3.4 ล้าน ตามด้วย ฟิลิปปินส์ $2.8 ล้าน, มาเลเซีย $1.4 ล้าน และ ไตหวัน $1.1 ล้าน ทั้งนี้ตลาดสำคัญที่จะทำเงินพุ่งยิ่งกว่านี้ก็คือ สหราชอาณาจักรที่จะเข้าฉายในวันที่ 14 กันยายนนี้

     สำหรับอันดับ 2 ยังคงเป็นฉลามยักษ์โบราณ The Meg ที่ทำรายได้ในสัปดาห์ล่าสุดประมาณ $10.5 ล้าน ส่งผลให้รายได้จากการฉายในดินแดนมะกันพุ่งไปกว่า  $120 ล้าน จากการเข้าฉายทั้งหมด 4 สัปดาห์ ในขณะที่การฉายต่างประเทศ รายได้สัปดาห์ล่าสุดประมาณ $17.7 ล้าน ส่งผลให้รายได้จากการฉายต่างประเทศรวม $342 ล้าน และนำไปสู่การทำเงินมหาศาลจากการฉายทั่วโลกพุ่งไปถึง $463 ล้านแล้ว

    ด้านภาพยนตร์บู๊ระดับสายลับพันธุ์ระห่ำ Mission: Impossible – Fallout จากค่ายพาราเมาท์ ติดอันดับ 3 โดยสัปดาห์ล่าสุดทำเงินไปเบาะๆ $7 ล้าน ทำให้รายได้รวมจากการฉายในสหรัฐฯ พุ่งไปถึง $206 ล้านจากการเข้าฉาย 6 สัปดาห์ ส่วนตอนนี้การฉายต่างแดนทำเงินไปอีก $89.1 ล้าน ซึ่งต้องขอบคุณการฉายในจีน ที่ทำเงินได้ประมาณ  $77.3 ล้าน ส่งผลให้การเข้าฉายต่างแดนยอดรวม  $442 ล้าน และรายได้รวมจากการฉายทั่วโลก  $647 ล้านเข้าไปแล้ว และขาดอีกแค่ราวๆ $12  ล้านก็จะไล่ภาค Rogue Nation ซึ่งเป็นหนังแฟรนไชส์ที่มีรายได้สูงสุดจากการเข้าฉายทั่วโลก

Crazy Rich Asians  แรงติดแชมป์บ็อกซ์ 3 สัปดาห์

    ขณะที่ Operation Finaleหนังเข้าใหม่จากค่าย เอ็มจีเอ็ม ที่เกี่ยวกับปฏิบัติการครั้งประวัติศาสตร์ของหน่วย Mossad ของอิสราเอล ซึ่งเป็นทั้งหน่วยข่าวกรอง หน่วยปฏิบัติการพิเศษ และหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายของอิสราเอล เปิดตัวในอันดับ 4 แต่รายได้ไม่น่าอภิรมณ์เมื่อทำเงินได้เพียงแค่ $6 เล้านเท่านั้น โดยผู้ชมส่วนใหญ่เป็นชาย 51 เปอร์เซ็นต์โดยเฉลี่ยแล้วอายุกว่า 35 ปีขึ้นไป

Operation Finale  เปิดตัวอันดับดี แต่รายได้ไม่แจ่ม

    ด้าน Incredibles 2 จากค่าย ดิสนี่ย์ แอนด์พิซาร์ สัปดาห์นี้น่าสนใจไม่เล่นเมื่อขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 11 รายได้อยู่ที่ $3.16 ล้าน ทำให้รายได้จากการเข้าฉายในอเมริกาพุ่งไปถึง  $601 ล้านจากการฉายทั้งหมด 12 สัปดาห์ สำหรับการฉายในต่างแดนตอนนี้ยอดรวม  $562 ล้าน ส่งผลให้การฉายทั่วโลกรายได้ทะลุกระจุยกระจายไปถึง $1.163 ล้าน

Incredibles 2  รายได้ตอนนี้เกิน $ 1.00 ล้าน

20 อันดับหนังทำเงิน บ็อกซ์ ออฟฟิศ สหรัฐฯ ประจำวันที่  31 สิงหาคม – 2 กันยายน 2561

 

วงการกีฬาสุดเศร้า! โคบี้ ไบรอันท์ เฮลิคอปเตอร์ตกเสียชีวิต



โคบี้ ไบรอันท์ สุดยอดนักบาสเกตบอลชาวอเมริกัน เสียชีวิตกะทันหันในวัยเพียงแค่ 41 ปีจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกบริเวณลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5 รายจากเหตุสลดในครั้งนี้
    โคบี้ ไบรอันท์ ตำนานนักยัดห่วงของ ลอสแองเจลิส เลเกอร์ส ทีมบาสเกตบอลแห่งศึกเอ็นบีเอ เสียชีวิตในวัย 41 ปีจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา จากการรายงานของ "ทีเอ็มซี" เว็บไซต์ชื่อดังในประเทศสหรัฐอเมริกา

    ตามรายงานระบุว่า ไบรอันท์ และสมาชิกอย่างน้อย 3 คนพร้อมกับนักบิน ได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัว ก่อนจะเกิดเหตุไม่คาดฝันเครื่องตกที่คาลาบาซัส ใกล้กับเมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย โดย "ทีเอ็มซี" ระบุว่า วาเนสซ่า ภรรยาของ ไบรอันท์ ไม่ได้อยู่บนเครื่อง

 

 

    ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจลอสแองเจลิส ได้ยืนยันผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ว่าเหตุสลดครั้งนี้มีผู้ชีวิตทั้งหมด 5 ราย "เราขอยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5 ราย ไม่มีใครรอดชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกที่คาลาบาซัส โดยเจ้าหน้าที่ได้อยู่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงแอลเอ และตอนนี้กำลังสืบสวนเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง"

 

    ทั้งนี้ ไบรอันท์ คว้าแชมป์เอ็นบีเอ 5 สมัย และติดทีมออลสตาร์ 18 ครั้ง โดยเขากลายเป็นนักบาสเกตบอลคนแรกที่ใช้เวลา 20 ซีซั่นกับการเล่นให้กับทีมเดียว และตัดสินใจเลิกเล่นเมื่อปี 2016 โดย เลเกอร์ส ได้ประกาศเลิกใช้เสื้อหมายเลข 8 และ 24 เพื่อเป็นเกียรติให้กับหนึ่งในนักยัดห่วงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์เอ็นบีเอ