งามหยด!คาสซาโน่กับชอตโซโล่ยิงสุดสวย (มีคลิป)

สมัยที่ยังรุ่งๆ นั้น อันโตนิโอ คาสซาโน่ ถือเป็นหนึ่งในความหวังของวงการฟุตบอลอิตาลี เขามีลีลาการเล่นที่โดดเด่นรวมถึงทำประตูได้ในระดับหนึ่ง น่าเศร้าที่กราฟของเขาดิ่งลงเหวจนสุดท้ายก็ปิดฉากด้วยการถูกมองว่าเป็นนักเตะทั่วไป

ทั้งนี้ หนึ่งในประตูสุดสวยของ คาสซาโน่ คือชอตที่เขาโซโล่ยิงใส่ ลาซิโอ ตอนเล่นให้ ซามพ์โดเรีย เมื่อเดือนมกราคม ปี 2009 ลองย้อนไปดูประตูนั้นกันอีกทีดีกว่า

อยากให้ลูกทีมทำบ้าง!แลมพาร์ดกับลูกยิงงามหยดนัดเจอพาเลซ (มีคลิป)

แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี เตรียมต้องนำทีมทำศึก ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ กับ คริสตัล พาเลซ วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคมนี้ โดยปัจจุบัน "ดิ อีเกิ้ลส์" มีคะแนนมากกว่า "สิงโตน้ำเงินคราม" อยู่ 2 แต้ม

อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปในสมัยที่เขายังค้าแข้งอยู่นั้น แลมพาร์ด เคยทำประตูสุดสวยใส่ พาเลซ มาแล้ว ในเกมที่ เชลซี ชนะ พาเลซ 4-1 เมื่อช่วงเดือนมีนาคม ปี 2005 และวันนี้เราก็มีคลิปลูกนั้นมาให้ได้ชมกันอีกครั้ง

 

ประตู “ซาลาห์” ซัดลีดส์!ลุ้นยอดเยี่ยมเดือนกันยายน

ประตูสุดงามที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตะบันใส่ ลีดส์ ยูไนเต็ด เกมเปิดหัวลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ติด 1 ใน 8 ลุ้นคว้ารางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนกันยายน หลัง "บังโม" โชว์โหดซัดเต็มข้อบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมงามหยดชดช้อย ชม้อย ชะม้าย ชายตา

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าตัวเก่ง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล มีลุ้นรางวัลประตูยอดเยี่ยมในศึกพรีเมียร์ลีก ประจำเดือนกันยายน หลังจากที่ "บังโม" โชว์การซัดประตูสุดคมกริบในแมตช์เฉือน "ยูงทอง" ลีดส์ ยูไนเต็ด 4-3 ที่สนามแอนฟิลด์ เกมเปิดซีซั่น 2020/2021

ประตูดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกโดยเวลานั้นเจ้าบ้านเสมอกับ ลีดส์ 2-2 และทีมได้ลูกฟรีคิกก่อนที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จะเปิดเข้าไปในกรอบเขตโทษแต่แนวรับทีมเยือนโหม่งสกัดไม่ดีมาเข้าทาง สตาร์ลูกหนังทีมชาติอียิปต์ ที่จับบอล 1 จังหวะก่อนจะตะบันเต็มข้อบอลพุ่งแหวกอากาศเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างงดงาม

สำหรับเกมกับ ลีดส์ นั้น อดีตดาวเตะ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี และ "หมาป่าเหลืองแดง" โรม่า" ซัดแฮตทริกได้ด้วยซึ่งอีกสองประตูได้มาจากจุดโทษ โดยลูกแรกเกิดขึ้นในช่วงต้นเกม และอีกลูกเป็นประตูชัยในครึ่งหลังที่ส่งให้แชมป์เก่าคว้า 3 แต้มไปอย่างหวุดหวิด

ทั้งนี้ลูกยิงของ ซาลาห์ ต้องลุ้นประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนก.ย.กับอีก 7 ประตูสุดสวยมาจาก ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง (อาร์เซน่อล), แจ็ค แฮร์ริสัน (ลีดส์ ยูไนเต็ด), รีซ เจมส์ (เชลซี), มาเตอุส เปเรยร่า (เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน), มาร์คัส แรชฟอร์ด (แมนฯ ยูไนเต็ด), ริยาด มาห์เรซ (แมนฯ ซิตี้) และ เจมส์ แมดดิสัน (เลสเตอร์ ซิตี้)

อาเดรียนเพี้ยนหนัก! ตัดเกรดแข้งลิเวอร์พูลนัดบุกโดนวิลล่ากระซวกเละ

เป็นอีกหนึ่งเกมที่ผลการแข่งขันออกมาผิดความคาดหมายเหลือเกินเมื่อแชมป์เก่าอย่าง "หงส์แดง" บุกไปโดน แอสตัน วิลล่า จัดหนักถึง 7-2 แนวรับของทีมผลัดกันก่อความผิดพลาดไม่ว่าจะเป็นผู้รักษาประตู, แบ็ก หรือเซนเตอร์แบ็ก แต่ยังพอมีแนวรุกหนึ่งคนที่สามารถพึ่งพาการจบสกอร์ของเขาได้ และนี่คือผลสอบของแข้งลิเวอร์พุลในเกมพ่ายยับต่อ "สิงห์ผงาด"

อาเดรียน 2

เริ่มต้นเกมด้วยการจ่ายบอลพลาดจนเสียประตูแรก หลังจากนั้นก็ดูเสียความมั่นใจไปมากก่อนโดนรัวอีกหลายเม็ดซึ่งบางประตูคงโทษเขาไม่ได้แต่ตลอดเกมมีทั้งออกมาตัดบอลพลาดและยังดูลุกลี้ลุกลนตลอดเวลาด้วย

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ 4

จ่ายบอลเสียบ่อยครั้ง โดน แจ็ค กรีลิช เผาเครื่องตลอดทั้งเกม ปล่อยพื้นที่ให้นักเตะวิลล่าเล่นง่าย ประตูที่สองโดนจ่ายตัดหลังแบบง่ายดาย

โจ โกเมซ 3

เป็นฟอร์มที่ย่ำแย่ของเจ้าตัวอีกครั้ง วัตกินส์ ทำให้เขาเจอกับฝันร้าย ประตูที่สองรับผิดไปเต็มหลังเจอล็อกหลบเข้าไปยิงประตู ยืนตำแหน่งผิดพลาดไปหมด

เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ 4

อาจไม่ได้ก่อความผิดพลาดโดยตรงแต่ก็มีส่วนพลาดในการจัดระเบียบเกมรับที่เกมนี้ค่อนข้างเละเทะทีเดียว โชคร้ายที่บอลแฉลบเขาจนเสียประตูที่สาม จ่ายบอลพลาดอยู่หลายครั้ง

แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน 5.5

เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ฟอร์มค่อนไปทางดี ทุกประตูที่เสียไม่ได้เป็นความผิดของเขา เติมเกมรุกสร้างอันตรายได้ตลอด เกือบยิงประตูได้แต่ติดเซฟของ มาร์ติเนซ

นาบี เกอิต้า 5

ขยับเข้าพื้นที่อันตรายบ่อยครั้งแต่มักจะตัดสินใจผิดพลาด มีส่วนกับประตูที่ ซาลาห์ ยิงได้ โดยรวมไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก แต่กองกลางลิเวอร์พูลต้องการมากกว่านั้น

ฟาบินโญ่ 4

เป็นส่วนหนึ่งในกองกลางที่หยุดเกมสวนกลับไม่อยู่ ไม่ได้ช่วยให้ทีมครองบอลบุกมากนัก ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายโดนจับไปเล่นเซนเตอร์แบ็ก

จอร์จินโย่ ไวนัลดุม 4

ไม่ได้สร้างอิมแพ็คในแดนกลางเลย มีจ่ายบอลสวยแค่ครั้งเดียวในครึ่งแรกที่เหลือตลอดเกมก็แทบหายตัว โผล่มาอีกทีคือตอนตัดบอลแดนกลางจนเป็นที่มาของประตูที่ซาลาห์ยิง

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 7

ในเกมที่ไม่มี มาเน่ ดาวยิงชาวอียิปต์กลับมาฉายแสงอีกครั้งหลังจบสกอร์อย่างยอดเยี่ยมทั้งสองประตู รับแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ของทีม

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ 4

มีโอกาสง้างยิงประตูช่วงต้นเกมแต่ติดเซฟของ มาร์ติเนซ ทำให้อดได้ประตูตีเสมอ ทว่าบทบาทน้อยมากแถมยังจับบอลและจ่ายบอลขาดๆเกินๆตลอด

ดิโอโก้ โชต้า 5.5

เป็นแนวรุกที่โดดเด่นที่สุดในครึ่งแรก เจาะเกมรับคู่แข่งได้ดี และมีส่วนร่วมกับประตูที่ยิงได้ เกือบชิพเข้าประตูสุดสวยด้วย ทว่าครึ่งหลังฟอร์มดร็อปลงไป

ผู้เล่นสำรองที่ลงสนาม

ทาคูมิ มินามิโนะ 4 (ลงมาแทน นาบี เกอิต้า น.46)

ลงมาแล้วไม่ได้มีผลกับเกมมากนัก

เคอร์ติส โจนส์ 4 (ลงมาแทน โจ โกเมซ น.61)

เกมแดนกลางดีขึ้นเล็กน้อยแต่ยังไม่ได้สร้างความแตกต่างมาก

เจมส์ มิลเนอร์ 4 (ลงมาแทน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น.68)

ลงมาตอนที่สกอร์ขาดลอยแล้ว

 

แลมพาร์ดเผย!สาเหตุไม่ส่งแวร์เนอร์ยิงจุดโทษ

 แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ เชลซี แจงแล้ว สำหรับประเด็นที่ ติโม แวร์เนอร์ ไม่ถูกเลือกเป็นตัวสังหารจุดโทษช่วงดวลเป้า พร้อมยันพอใจฟอร์มโดยรวมของ "สิงห์บลูส์" แม้สุดท้ายถูก สเปอร์ส เขี่ยตกรอบสี่ คาราบาว คัพ
     แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี เปิดเผยว่า สาเหตุที่ ติโม แวร์เนอร์ กองหน้าดาวดังคนใหม่ ไม่ถูกเลือกเป็นหนึ่งในห้าจอมสังหาร ช่วงดวลจุดโทษตัดสินหาผู้ชนะ เป็นเพราะเจ้าตัวมีอาการตะคริว หลังจากที่ "สิงห์บลูส์" แพ้ดวลเป้า "ไก่เดือยทอง" 4-5 (เสมอ 1-1 ใน 90 นาที) ในศึก คาราบาว คัพ รอบสี่ ณ สังเวียนแข้ง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม เมื่อวันอังคารที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา

     แวร์เนอร์ กดประตูสุดสวยให้ เชลซี ขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 19 ก่อนที่ สเปอร์ส จะมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 83 จาก เอริค ลาเมล่า และจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว ทำให้ต้องไปตัดสินหาผู้ชนะในการดวลจุดโทษ ซึ่งตอนแรกคาดกันว่า แวร์เนอร์ คือหนึ่งในจอมสังหารที่ แลมพาร์ด ไว้ใจ

     อย่างไรก็ตาม หัวหอกทีมชาติเยอรมนีวัย 24 ปี กลับไม่ถูกเลือก และสุดท้าย เชลซี แพ้ดวลจุดโทษ พร้อมกระเด็นตกรอบ โดยที่ เมสัน เมาท์ ซึ่งเป็นคนสังหารรายสุดท้ายของทีม ยิงเช็ดเสาออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย 

     "ในช่วงท้ายเกม ติโม แวร์เนอร์ ดันเป็นตะคริว เขาเลยไม่ได้ยิงจุดโทษ" แลมพาร์ด แจงหลังจบเกม "เราดูล้าๆ ไป ซึ่งมันเป็นสิ่งที่พอเข้าใจได้ เราเป็นฝ่ายครองเกมในช่วงครึ่งแรก ซึ่งผมแฮปปี้มากๆ แต่ช่วงครึ่งหลังมันแตกต่างออกไป อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นการดวลจุดโทษ อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ เราตกรอบก็จริง แต่มันก็มีหลายอย่างที่น่าพอใจ"

ตำนาน!ชมประตูสุดสวยของเบ็คเคนเบาเออร์กับบาเยิร์น (มีคลิป)

ฟร้านซ์ เบ็คเคนเบาเออร์ คือหนึ่งในตำนานของวงการฟุตบอลเยอรมันและ บาเยิร์น มิวนิค เขาประสบความสำเร็จทั้งกับ เยอรมัน ตะวันตก และ บาเยิร์น อย่างเช่นการได้แชมป์ฟุตบอลโลก 1 สมัย, แชมป์ ยูโร 1 หน, แชมป์ บุนเดสลีกา 4 ครั้ง และแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ 3 สมัย เป็นต้น

ทั้งนี้ วันที่ 11 กันยายนของทุกปีตรงกับวันเกิดของ เบ็คเคนเบาเออร์ โดยตอนนี้เขามีอายุ 75 ปีแล้ว ซึ่งเนื่องในโอกาสพิเศษนี้เราก็มีประตูสวยๆ ที่เขาเคยทำได้กับ บาเยิร์น มาให้ได้ดูกัน

แฟนเชลซีฮาแวร์ทซ์-แวร์เนอร์ตามรอย!ย้อนชมเหล่าประตูสุดสวยของบัลลัคกับเชลซี (มีคลิป)

การได้ ไค ฮาแวร์ทซ์ มาร่วมทัพทำให้นี่ถือเป็นช่วงที่ เชลซี มีนักเตะชาวเยอรมันอยู่ในทีมเยอะพอตัว โดยตอนนี้ในทีมชุดใหญ่ของพวกเขามีแข้งเลือดเบียร์ 3 คน ได้แก่ ฮาแวร์ทซ์, ติโม แวร์เนอร์ และ อันโตนิโอ รือดิเกอร์

แน่นอนว่าหากพูดถึงนักเตะเยอรมันที่ดังที่สุดของ เชลซี ก็คงไม่พ้น มิชาเอล บัลลัค ที่เคยอยู่กับทีมระหว่างปี 2006-10 ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ฮาแวร์ทซ์ และ แวร์เนอร์ จะทำประตูให้กับ เชลซี ได้เยอะเหมือนรุ่นพี่คนนี้รึเปล่า

แฟนผีมาชม!รวมประตูสุดสวยของฟานเดอเบ็ค ประจำซีซั่น 2019/20 (มีคลิป)

 

ใกล้เข้ามาทุกขณะแล้ว สำหรับการคว้าตัว ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยสื่อดังอย่างสกาย สปอร์ตส์ ออกมายืนยันเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
   
ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค กองกลาง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมต่อเนื่อง และเป็นที่หมายปองของทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป อย่าง เรอัล มาดริด และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ‘ปีศาจแดง’ เตรียมปิดจ๊อบแข้งดัตช์วัย 23 ปี ด้วยค่าตัว 39 ล้านยูโร หรือประมาณ 1,443 ล้านบาท

ในคลิปด้านล่างนี้ เรารวบรวมผลงานการทำประตูสวยๆ ของ ฟาน เดอ เบ็ค มาให้แฟนๆ เร้ด เดวิลส์ เรียกน้ำย่อยกัน

 

 

 

ดีบาล่าแจ่ม-โด้ซัดเต็มข้อ! ยูเวนตุสบุกสอยเจนัว นำฝูงทิ้งลาซิโอ4แต้ม

"ม้าลาย" ยูเวนตุส ฟอร์มยังยอดเยี่ยมหลังบุกไปคว้าชัยเหนือ เจนัว ทีมท้ายตารางแบบไม่ยาก 3-1 เกมนี้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซัดประตูสุดสวย ก่อนที่เปาโล ดีบาล่า จะยิงหนึ่งจ่ายหนึ่ง พาทีมซิวสามแต้มนำเป็นจ่าฝูงต่อไป โดยทิ้ง ลาซิโอ 4 คะแนนเหมือนเดิม ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เมื่อคืนวันอังคารที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา

สนาม : สตาดิโอ ลุยจิ แฟร์ราริส (เจนัว)

    เริ่มครึ่งแรก เป็นทัพ "ม้าลาย" ที่ทำได้ดีกว่า นาที 11 เปาโล ดีบาล่า ลากจากขวาเข้าไปซัดด้วยซ้ายไปติดบล็อคแนวรับเจ้าถิ่น ถัดมาอีกนาที เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่ ยิงด้วยซ้ายนอกกรอบแต่บอลยังไม่ผ่านมือ มัตเตีย เปริน

    นาที 13 ทีมเยือนเกือบได้ลุ้นขึ้นนำหลัง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หวดด้วยขวาเน้นๆนอกกรอบ บอลพุ่งไปติดมือ มัตเตีย เปริน ปัดออกหลังเป็นเตะมุม

    ทีมเยือนบี้กดดันอย่างหนักชนิดพับสนามบุก นาที 16 โรนัลโด้ ได้โอกาสโชว์อีกทีคราวนี้กดด้วยขวาเต็มแรงแต่บอลยังไปเข้ามือ เปริน 

    นาที 35 ม้าลายลุยขึ้นมาอีก คราวนี้ ฮวน กวาดราโด้ ครอสบอลเข้ามาให้ อาเดรียง ราบิโอต์ ขึ้นโขกในกรอบไม่กี่หลาบอลยังไปติดมือนายด่านเจนัว

    นาที 43 ทีมเยือนชวดได้ประตูขึ้นนำอีกหน ดีบาล่า ไหลต่อให้ โรนัลโด้ หลุดเข้าไปซัดมุมแคบด้วยขวาเต็มแรง บอลพุ่งไปติดมือ มัตเตีย เปริน ปัดออกหลังชนิดหวุดหวิด

    จบครึ่งแรก ยังทำอะไรกันไม่ได้ เจนัว เสมอกับ ยูเวนตุส 0-0

    ครึ่งหลัง คอนเต้ แก้เกมมาดี แค่นาทีที่ 50 ยูเวนตุส มาขึ้นนำจนได้ 1-0 ดั๊กลาส คอสต้า จ่ายเข้ากลางให้ เปาโล ดีบาล่า ได้บอลก่อนเลี้ยงแหวกแนวรับเข้าไปอัดด้วยข้าย

    นาที 57 "CR7" แผลงฤทธิ์จนได้หลัง มิราเล็ม ปานิช จ่ายให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้บอลหลุดเข้าไปหวดนอกรอบบอลพุ่งแรงเบียดเสาเข้าไปอย่างเด็ดขาด ช่วยให้สกอร์ของ "ม้าลาย" หนีห่าง 2-0

    นาที 73 ยูเวนตุส มาได้ประตูที่ 3 หนีห่างไปไกล หลัง ดีบาล่า จ่ายเข้ากลางให้ ดั๊กลาส คอสต้า ปั่นโคงไปเสาไกลบอลเลี้ยวเสียบมุมตาข่ายเข้าไป

    กระนั้นอีก 3 นาทีถัดมา เจนัว มาตีไข่แตกได้สำเร็จหลังบอลเลยมาเสาสองถึง อันเดรีย ปินามอนติ ดึงหลบ ฮวน กวาดราโด้ ก่อนตะบันด้วยซ้ายเต็มแรงพุ่งแสกหน้า วอยเชียค เชสนี่ เบียดเสาเข้าไปให้ เจนัว ไล่มาเป็น 1-3

    ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม ยูเวนตุส บุกมาคว้าชัยเหนือเจนัว 3-1 คว้าสามแต้มนำเป็นจ่าฝูงต่อไป โดยทิ้ง ลาซิโอ รองจ่าฝูง 4 แต้มเหมือนเดิม ส่วน เจนัว ร่วงไปอยู่อันดับ 17 มี 26 คะแนนมากกว่าโซนตกชั้นแค่แต้มเดียว

    รายชื่อ11ผู้เล่นทั้งสองทีม

    เจนัว (3-5-2) : มัตเตีย เปริน – คริสเตียน โรเมโร่, อดาม่า ซูมาโอโร่, อันเดรีย มาซิเอลโล่ – เปาโล กีโญเน่, วาลอน เบห์รามี่, ลาสเซ่ โชน, สเตฟาโน่ สตูราโร่, ฟรานเชสโก้ คาสซาต้า – อันเดรีย ฟาวิลลี่, อันเดรีย ปินามอนติ

    ยูเวนตุส (4-3-3) : วอยเชียค เชสนี่ – ฮวน กวาดราโด้, มาต์ไตส์ เดอ ลิกท์, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, ดานิโล่ – โรดริโก้ เบนตันกูร์, มิราเล็ม ปานิช, อาเดรียง ราบิโอต์ – เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่, เปาโล ดีบาล่า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้

 

เลวานดอฟสกี้ 44 ตุง! 6 ประเด็นหลังเกมบาเยิร์นบุกอัดเลเวอร์คูเซ่น

"เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ยังคงเดินหน้าคว้าชัยชนะได้อย่างเมามันส์ หลังล่าสุดบุกไปพิชิต ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 4-2 ถึงสังเวียนแข้ง ไบอารีน่า เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้พวกเขาเข้าใกล้ไปทุกทีแล้วกับตำแหน่งแชมป์ บุนเดสลีกา ประจำฤดูกาล 2019/20 และนี่คือ 6 ประเด็นที่น่าสนใจจากเกมนี้

 – บาเยิร์น จ่อแชมป์เต็มที
          หากไม่ดูผลการแข่งขันของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่มีคิวเตะคู่ดึกกับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน เท่ากับว่า 4 เกมที่เหลือ บาเยิร์น ขอแค่ชนะอีก 2 เกมเท่านั้น ก็จะการันตีตำแหน่งแชมป์ บุนเดสลีกา ประจำฤดูกาล 2019/20 ซึ่งถือเป็นแชมป์ลีกสมัยที่ 30 ของพวกเขา และเป็นแชมป์ 8 ซีซั่นติดต่อกันด้วย และถ้าหาก "เสือเหลือง" กล้าๆ แพ้ "หญิงชรา" คาบ้าน เท่ากับว่า "เสือใต้" จะเป็นแชมป์ทันที หากคว้าชัยเกมหน้าที่มีคิวเปิดรัง อัลลิอันซ์ อารีน่า เจอกับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน

 – ฟลิค เจ๋งจริง
          บาเยิร์น ตัดสินใจได้ถูกต้องในการแต่งตั้ง ฮันซี่ ฟลิค คุมทัพแบบถาวร เพราะ 26 เกมรวมทุกรายการภายใต้การนำทีมของ กุนซือวัย 55 ปี นั้น บาเยิร์น ชนะถึง 23 นัด (เสมอ 1 แพ้ 2) และถ้านับเฉพาะ 20 เกมหลังสุด พวกเขาชนะถึง 19 นัด!!! (เสมอ 1) นอกจากนี้ 26 เกมที่ ฟลิค คุมทัพ บาเยิร์น ทำได้ถึง 84 ประตู (เฉลี่ยเกมละ 3.2 ประตู) เรียกได้ว่า "เสือใต้" ชั่วโมงนี้ นอกจากชนะได้อย่างต่อเนื่องแล้ว ยังทำประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำอีกด้วย

 – บาเยิร์น สร้างสถิติสุดโหด
          ผ่านพ้นเกมลีกไปแล้ว 30 นัด ตอนนี้ บาเยิร์น กดไปแล้วถึง 90 ประตู ซึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ บุนเดสลีกา ไม่เคยมีทีมไหนทำได้ระดับนี้มาก่อน หลังผ่านพ้น 30 นัด ส่วนสถิติที่ทำประตูมากสุดภายในฤดูกาลเดียว เกิดขึ้นเมื่อซีซั่น 1971/72 ที่ บาเยิร์น ทำได้ถึง 101 ลูก ดังนั้นกับ 4 เกมที่เหลือในฤดูกาลนี้ "เสือใต้" แอบมีลุ้นเหมือนกันที่จะทุบสถิติของตัวเอง แต่ก็เหนื่อยทีเดียว เพราะต้องยิงให้ได้นัดละ 3 ลูก 

 – ซีซั่นที่ยอดเยี่ยมสุดของ เลวานดอฟสกี้
          1 ตุงที่ทำได้ในเกมนี้ ทำให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยอดดาวยิงเลือดโปลของ บาเยิร์น มิวนิค กระทุ้งไปแล้ว 30 ประตูในลีก โดยถือเป็นหนที่สามแล้ว ที่เจ้าตัวทำได้ระดับ 30 ลูก (ต่อจากซีซั่น 2015/16 และ 2016/17) ซึ่งในประวัติศาสตร์ บุนเดสลีกา มีแค่ แกร์ด มุลเลอร์ เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ทำได้มากกว่า (5 ครั้ง) นอกจากนี้ เลวานดอฟสกี้ ยังกดไปแล้วรวมทุกรายการ 44 ลูก ซึ่งนั่นเท่ากับว่า นี่คือฤดูกาลที่เจ้าตัวทำประตูได้มากสุดในอาชีพการเล่นฟุตบอล ทุบสถิติเดิม 43 ลูก เมื่อซีซั่น 2016/17

 – มุลเลอร์ "คิง ออฟ แอสซิสต์"
          ภายใต้การนำทีมของ ฟลิค ทำให้ โธมัส มุลเลอร์ เล่นได้อย่างอิสระในแนวรุก และนั่นก็ช่วยให้เขาสามารถเค้นฟอร์มที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตัวเองออกมาได้ โดยเฉพาะการเปิดป้อนให้เพื่อนร่วมทีมจบสกอร์ และ 2 แอสซิสต์จากเกมนี้ ทำให้ มุลเลอร์ กดไปแล้ว 20 แอสซิสต์ในลีก นำโด่งที่หนึ่งในเรื่องแอสซิสต์  (เจดอน ซานโช อยู่ที่สอง 16 แอสซิสต์) นอกจากนี้ มุลเลอร์ ยังกลายเป็นนักเตะคนแรกใน 5 ลีกใหญ่ยุโรป ที่ทำอย่างน้อย 20 แอสซิสต์ในลีก นับตั้งแต่ที่ เควิน เดอ บรอยน์ (สมัยอยู่กับ เฟาเอฟแอล โวล์ฟสบวร์ก) ทำได้ 21 แอสซิสต์ในฤดูกาล 2014/15

 – เด็ก 17 ปี แย่งซีน!
          แม้เป็นชัยชนะที่สวยงามสำหรับ บาเยิร์น แต่กลับเป็นฝั่ง เลเวอร์คูเซ่น ที่มีเรื่องให้พูดถึง เพราะเจ้าหนู ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ วัย 17 ปี ที่ลงสนามแทน คาริม เบลลาราบี้ ช่วงครึ่งหลัง ทำประตูสุดสวย ช่วย "ห้างขายยา" ไล่ บาเยิร์น ขึ้นมาเป็น 2-4  นาทีที่ 89 ทำให้ เวิร์ตซ์ กลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ บุนเดสลีกา ที่ทำประตูได้ ด้วยอายุเพียง 17 ปี, 1 เดือน กับ 3 วัน โดยทุบสถิติเดิม 17 ปี, 2 เดือน กับ 21 วัน ของ นูริ ซาฮิน ที่ทำได้เมื่อปี 2005