คนนี้แฟนหงส์ถูกใจไหม? สื่อยันลิเวอร์พูลเดินหน้าซื้อกองหลังคนใหม่แล้ว

สื่ออังกฤษ ตีข่าว ลิเวอร์พูล เปิดฉากคุยกับทีมเมืองเบียร์แล้วเพื่อขอซื้อกองหลังมาเสริมทัพช่วงปีใหม่ หลัง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ต้องพักยาว
   
ลิเวอร์พูล แชมป์เก่า พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เดินหน้าเจรจากับ ชาลเก้ 04 สโมสรในศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน เพื่อขอซื้อตัว โอซาน คาบัค ปราการหลังดาวรุ่งทีมชาติตุรกี มาเข้าถิ่น แอนฟิลด์ ช่วงเปิดตลาดหน้าหนาวเดือนมกราคมนี้แล้ว ตามรายงานจาก ซันเดย์ มิร์เรอร์ สื่อเมืองผู้ดี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมา

"หงส์แดง" กำลังมองหาเซนเตอร์แบ็กคนใหม่เข้ามาเสริมทัพ เพราะ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังคนเก่งต้องพักยาวจากการผ่าตัดเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า หลังโดน จอร์แดน พิคฟอร์ด นายทวาร เอฟเวอร์ตัน เข้าสกัดหนักใส่ในเกมลีกที่เสมอกัน 2-2 เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา

ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา "หงส์แดง" เคยมีข่าวกับ คาบัค วัย 20 ปี มาแล้ว และเวลานั้น ชาลเก้ ตั้งค่าตัวไว้ที่ 40 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,600 ล้านบาท) แต่หลังจากที่ "ราชันสีน้ำเงิน" ออกสตาร์ตฤดูกาลย่ำแย่ทำให้พร้อมลดราคานักเตะลงมาเหลืออยู่ที่ราว 30 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,200 ล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล พร้อมจะจ่ายค่าตัวเบื้องต้นให้ ชาลเก้ จำนวน 20 ล้านปอนด์ (ประมาณ 800 ล้านบาท) พร้อมกับโบนัสอีกส่วนหนึ่งตามเงื่อนไขที่ทำได้ ส่งผลให้ทั้งสองสโมสรยังต้องคุยกันอีกเพื่อให้บรรลุข้อตกลงร่วมกัน

ทั้งนี้ คาบัค มีสไตล์การเล่นที่ดุดัน แข็งแกร่ง กล้าลุย รวดเร็ว และเล่นลูกกลางอากาศได้ดี รวมทั้งมี ฟาน ไดค์ เป็นไอดอลของตัวเองด้วย

5จุดสำคัญที่จะทำให้มูรินโญ่พาสเปอร์สบินสูง

เปิด 5 เหตุผลสำคัญที่จะทำให้ โชเซ่ มูรินโญ่ พา สเปอร์ส ทำผลงานเยี่ยมในซีซั่นนี้ หลังเริ่มจูนทีมได้ลงตัวในการทำงานฤดูกาลที่สอง
        ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ พุ่งขึ้นมาเป็นเต็ง 3 ที่จะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020/21 ตามสายตาของบริษัทรับพนันที่ถูกกฎหมายแทบทุกแห่งในประเทศอังกฤษ โดยเป็นรองแค่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล เท่านั้น

    โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือ "ไก่เดือยทอง" กำลังปรับจูนทีมของตัวเองให้ลงตัว หลังเข้ามาทำงานช่วงปลายปีที่แล้ว และนี่คือ 5 เหตุผลที่จะทำให้พวกเขาไปได้สวยในฤดูกาลนี้

    1. ขุมกำลังแน่นปึ๊กทุกตำแหน่ง

    ในช่วงเปิดตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมา สเปอร์ส ได้นักเตะมาเสริมทัพหลายรายทั้ง แกเร็ธ เบล, เซร์คิโอ เรกีลอน, คาร์ลอส วินิซิอุส, แม็ตต์ โดเฮอร์ตี้, ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบิร์ก และ  โจ ฮาร์ท

    จากการที่ทีมมีขุมกำลังขนาดใหญ่ทำให้ มูรินโญ่ สามารถหมุนเวียนนักเตะได้กับการลงเตะหลายรายการที่ต้องลงเล่นสัปดาห์ละ 2 นัด

    ในเวลานี้ ทุกตำแหน่งของ สเปอร์ส มีผู้เล่นที่ทดแทนกันได้หมดไล่ตั้งแต่นายทวารที่มีทั้ง อูโก้ โยริส และ ฮาร์ท ขณะที่แนวรับก็ดูดีขึ้นหลังได้ทั้ง เรกีลอน และ โดเฮอร์ตี้ มาเสริมทัพ

    จากการที่มีตัวเลือกหลายรายส่งผลให้ มูรินโญ่ สามารถเลือกเล่นได้ทั้งแท็กติก 4-3-3 หรือ 3-5-2 ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตรงหน้าว่าจะเจอกับคู่แข่งทีมไหน

    2. ซน-เคน คู่หูนรกแตก

    ในฤดูกาลนี้ ซน ฮึง-มิน กองหน้าชาวเกาหลีใต้ ออกสตาร์ตได้ร้อนแรงด้วยการทำประตูในลีกไปแล้วถึง 7 ลูกจากการลงเล่น 5 นัด ขณะที่ใน 4 ซีซั่นก่อนหน้านี้เขาก็ทำประตูในทุกรายการรวมกันได้ถึง 77 ประตูด้วยกัน จนทำให้ได้รับคำชมอย่างมากในพักหลัง

    ขณะที่ แฮร์รี่ เคน กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ทำไปแล้ว 5 ประตูใน พรีเมียร์ลีก นอกจากนั้นทั้งคู่ยังผลัดกันจ่ายให้ยิงอีกเป็นว่าเล่น โดยในเกมบุกไปเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ขาดลอย 5-2 นั้น เคน แอสซิสต์ 4 ลูกให้ ซน ทำให้เป็นครั้งแรกใน พรีเมียร์ลีก ที่มีนักเตะคนเดิมจ่ายให้เพื่อนคนเดิมยิงทั้ง 4 ประตูอีกด้วย

    การสลับกันเป็นฝ่ายยิงและจ่ายระหว่างคู่หู "เคน-ซน" ทำให้มีประตูที่เกิดขึ้นจากการประสานงานกันของทั้งคู่ในศึก พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 28 ลูก ซึ่งมากสุดอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์ ต่อจากคู่หู แฟร้งค์ แลมพาร์ด กับ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา (36 ประตู), ดาบิด ซิลบา กับ เซร์คิโอ อเกวโร่ (29 ประตู) และ โรแบร์ ปิแรส กับ เธียร์รี่ อองรี (29 ประตู) เท่านั้น

    นอกจากนี้ นับตั้งแต่ที่ มูรินโญ่ ก้าวเข้ามาคุมทัพ "ไก่เดือยทอง" เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีก่อน เคน (33 ประตู) กับ ซน (30 ประตู) เป็นสองนักเตะที่มีส่วนร่วมกับการทำประตูรวมทุกรายการมากสุด เหนือทุกคนในเวที พรีเมียร์ลีก อีกด้วย

    3. ฮอยเบิร์ก ขับเคลื่อนเกม

    อีก 1 นักเตะ สเปอร์ส ที่ได้รับคำชมอย่างมากคือ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก กองกลางทีมชาติเดนมาร์ก ที่เพิ่งย้ายมาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา

    ค่าตัวของ ฮอยเบิร์ก วัย 25 ปี อยู่ที่แค่ราว 15 ล้านปอนด์ (ประมาณ 600 ล้านบาท) เท่านั้น และเจ้าตัวก็ยึดตัวจริงได้อย่างรวดเร็ว โดยลงเล่นเป็นตัวจริงทั้ง 5 นัดใน พรีเมียร์ลีก และลงสนามเกม ยูโรปา ลีก ที่ชนะ แอลเอเอสเค 3-0 ด้วย

    ฮอยเบิร์ก ทำได้เยี่ยมทั้งในเรื่องการตัดเกม ส่งผลให้ช่วยงานของกองหลังได้เยอะ ขณะที่การทำเกมรุกก็โดดเด่น จ่ายบอลได้เยี่ยม เหมือนอย่างที่แสดงให้เห็นในการจ่ายทะลุช่องเข้าเขตโทษให้ แซร์ช ออริเย่ร์ ยิงประตูในเกมบุกไปถล่ม แมนฯ ยูไนเต็ด 6-1

    4. ไม่ใช่ มู จอมน่าเบื่ออีกแล้ว

    ก่อนหน้านี้ มูรินโญ่ ถูกมองว่า เป็นกุนซือที่น่าเบื่อ และชอบใช้แผนรถบัสในการเน้นผลการแข่งขัน ส่งผลให้ทีมของเขาไม่ค่อยทำประตูได้มากนัก

    อย่างไรก็ตาม ในซีซั่นนี้ สเปอร์ส ไม่ได้เป็นทีมที่เล่นได้น่าเบื่อ เพราะตั้งแต่เกมแรกที่แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-1 นั้น พวกเขาก็เดินหน้ายิงประตูคู่แข่งได้มากมาย

    "ไก่เดือยทอง" เอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 5-2 บุกถล่ม แมนฯ ยูไนเต็ด 6-1 และเสมอ เวสต์แฮม 3-3 ขณะที่ในถ้วย ยูโรปา ลีก ก็อัด มัคคาบี้ ไฮฟา 7-2 และชนะ แอลเอเอสเค 3-0

    5. ระวังทีเด็ด เบล

    แกเร็ธ เบล ปีกซูเปอร์สตาร์ทีมชาติเวลส์ ได้กลับมาเล่นให้ สเปอร์ส อีกครั้ง หลังย้ายมาจาก เรอัล มาดริด ด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล

    เบล กลับมาสวมยูนิฟอร์ม "ไก่เดือยทอง" หนแรกในรอบ 7 ปี หลังจากที่เจ้าตัวเก็บข้าวของย้ายจาก สเปอร์ส ไปร่วมทัพ "ราชันชุดขาว" เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2013 ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลก ณ เวลานั้น ที่ 100 ล้านยูโร (ประมาณ 3,700 ล้านบาท)

    แม้ เบล จะยังทำประตูให้ สเปอร์ส ในรอบนี้ไม่ได้ แต่ถ้าดาวเตะเวลส์ กลับมามีสภาพร่างกายสมบูรณ์เต็มร้อยล่ะก็ รับรองว่าเขาจะมีทีเด็ดแน่นอน

เมนดี้ช่วยชีวิต! 5 ประเด็นร้อนหลังแมนยูแบ่งแต้มเชลซีไร้สกอร์

ศึกบิ๊กแมตช์คืนวันเสาร์ที่ผ่านมาระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี จบลงด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์ แม้จะไม่มีประตูเกิดขึ้นแต่รูปเกมถือว่าสู้กันสนุกทีเดียว เกมรับของทั้งสองทีมเป็นปัจจัยที่ทำให้ไม่เสียประตู โดยเฉพาะทางฝั่ง เชลซี ที่มีนายทวารเป็นด่านสุดท้ายเซฟลูกยิงไปได้หลายครั้ง เกมนี้มีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้าง เรามาวิเคราะห์กันทีละข้อเลย
1.เมนดี้มือหนึ่งยาวไป

    หลังจากทนเห็นความผิดพลาดของ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า มาหลายต่อหลายครั้ง แฟร้งค์ แลมพาร์ด จึงตัดสินใจซื้อตัว เอดูอาร์ เมนดี้ จาก แรนส์ ด้วยค่าตัว 22 ล้านปอนด์เพื่อมากดดันมือหนึ่งของทีม

    แม้ว่ากุนซือเชลซีจะให้โอกาส เกปา ได้พิสูจน์ตัวเองต่อแต่เขายังทำผิดพลาดเหมือนเช่นเดิม เมนดี้ จึงได้ประเดิมตัวจริงนัดแรกในเกมพบ พาเลซ พร้อมกับเก็บคลีนชีทได้ด้วย ก่อนจะพลาดลงเล่นกับ เซาธ์แฮมป์ตัน เนื่องจากบาดเจ็บ และกลับมาเก็บคลีนชีทในนัดกลางสัปดาห์กับ เซบีย่า ที่เสมอ 0-0

    ก่อนเกมนี้ แลมพาร์ด คอนเฟิร์มว่า เมนดี้ ขยับขึ้นมาเป็นมือหนึ่งเรียบร้อยแล้วหลังจากทำผลงานน่าประทับใจ และในค่ำคืนที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาก็โชว์ให้เห็นว่าทำไมถึงสมควรเป็นมือหนึ่ง จังหวะเซฟลูกยิงของ แรชฟอร์ด และ มาต้า ในครึ่งแรกว่าสุดยอดแล้ว ช่วงท้ายเกมลูกยิง แรชฟอร์ด ที่เป็นจังหวะชี้เป็นชี้ตายก็โชว์ซูเปอร์เซฟบินปัดบอลออกไปอย่างเหลือเชื่อ ไม่แปลกใจที่เขาจะคว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้ แลมพาร์ด คงปลื้มปริ่มไม่น้อยที่มีนายด่านไว้วางใจเสียที

    เมนดี้ กลายเป็นผู้รักษาประตูเชลซีคนแรกนับตั้งแต่ ปีเตอร์ เช็ก ที่เก็บคลีนชีทจากการลงเล่นสองนัดแรกในพรีเมียร์ลีก มากไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้รักษาประตูเชลซีคนแรกที่เก็บคลีนชีทในเกมลีกที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด นับตั้งแต่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ทำได้ในเดือนธันวาคมปี 2015

2.คาวานี่เริ่มต้นดี

    บอร์ดบริหารของ แมนฯ​ยูไนเต็ด โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในตลาดนักเตะที่ผ่านมาซึ่งการเซ็นสัญญากองหน้าชาวอุรุกวัยรายนี้เข้ามาถือเป็นหนึ่งในข้อครหาจากนักวิจารณ์และแฟนบอล อย่างไรก็ตามชื่อเสียงและสถิติการถล่มตาข่ายในช่วงพีคของอาชีพค้าแข้งเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ โซลชาก็คงหวังว่าหัวหอกวัย 33 ปียังมีของหลงเหลืออยู่แม้จะฟอร์มการเล่นช่วงหลังจะโรยราลงไปตามอายุ

    คาวานี่ เข้ามาสวมเสื้อหมายเลขในตำนานของ  “ปีศาจแดง” แน่นอนว่าเสื้อเบอร์ 7 มาพร้อมกับความกดดันอันหนักอึ้ง หลายคนจึงจับตาว่าเขาจะก้าวข้ามอาถรรพ์ในช่วงหลังของเสื้อเบอร์นี้ไปได้หรือไม่ และหลังจากกักตัว 14 วันพร้อมกับเรียกความฟิต คาวานี่ ก็มีชื่อเป็นครั้งแรกในเกมพบ เชลซี โดยออกสตาร์ทที่ม้านั่งสำรอง ก่อนถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน แดเนี่ยล เจมส์ ในนาทีที่ 57

    เขาเกือบจะออกสตาร์ทอย่างเพอร์เฟคตั้งแต่สัมผัสแรกจากการโฉบเข้ามายิงแต่บอลหลุดกรอบนิดเดียว หลังจากนั้นเจ้าตัวหายไปพักใหญ่เพราะบอลไปไม่ถึงเขาสักทีซึ่งมันสะท้อนให้เห็นคุณภาพการผ่านของทีมอย่างชัดเจน ก่อน คาวานี่ จะโผล่มายิงบอลติดบล็อก ติอาโก้ ซิลวา อีกหนึ่งครั้ง

    โดยรวมแล้วแม้ว่าจะมีโอกาสน้อยแต่เจ้าตัวแสดงให้เห็นความเป็นเพชฌฆาตในเขตโทษไม่ว่าจะเป็นการหาตำแหน่งและการหาโอกาสยิงซึ่งคงจะหาไม่ได้จาก อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล หรือ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลังจากนี้ไปคงต้องรอดูกันว่า คาวานี่ จะเป็นพิสูจน์ตัวเองในทัพ “ปีศาจแดง” ได้หรือไม่

3.ฟาน เดอ เบ็ค ยังนั่งต่อ

    ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ย้ายมาสวมเสื้อ “ปีศาจแดง” ด้วยค่าตัวราว 45 ล้านยูโร กูรูหลายคนก็วิเคราะห์กันว่าศักยภาพของเขาน่าจะเข้ามาช่วยเพิ่มมิติให้กับกองกลางของทีมได้แน่นอน โดยเจ้าตัวได้ลงประเดิมสนามในเกมแรกของฤดูกาลในฐานะตัวสำรองพร้อมลงมายิงประตูตีไข่แตกก่อนทีมจะพ่าย คริสตัล พาเลซ คาบ้าน

    หลังจากนั้นเขาได้ออกสตาร์ทตัวจริงในเกม คาราบาว คัพ ต่อเนื่องมาด้วยการลงสำรองในช่วงท้ายเกมในเกมแมตช์พบ ไบรท์ตัน ซึ่งเขามีส่วนทำให้ทีมได้ลูกเตะมุมก่อนจะเป็นที่มาของประตูชัย เสียงเรียกร้องกับการให้ ฟาน เดอ เบ็ค ออกสตาร์ทตัวจริงเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะจากเอเจ้นท์ที่ออกมาจวกโซลชาว่าไม่ใช้งานนักเตะในสังกัดของเขาสักที

    จนแล้วจนเล่ามิดฟิลด์วัย 23 ปีก็ยังไม่ได้ประเดิมตัวจริงในลีก ส่วนใหญ่เขาจะได้รับโอกาสในช่วงท้ายเกมมากกว่าซึ่งมันคงวัดผลงานอะไรไม่ได้จากจุดนี้ ที่หนักกว่าคือในเกมกับ เชลซี เขาไม่ได้ถูกเปลี่ยนตัวลงมาด้วยซ้ำ

    ปาทริซ เอวร่า ตำนาน “ผีแดง” กล่าวหลังเกมนี้ว่า “เราสร้างโอกาสเน้นๆไม่ได้เลยในช่วง 15 นาทีสุดท้าย ทีมอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องคุมเกมให้ได้ ไม่ใช่รอจนถึง 15 นาทีสุดท้ายแล้วค่อนเปลี่ยนตัว ผมกำลังพูดถึง ฟาน เดอ เบ็ค แล้วเราจะซื้อเขามาทำไม? เขาทำได้แค่นั่งดูจากอัฒจันทร์ทุกๆเกม”

4.แท็คติกแลมพ์ส

    แฟร้ง แลมพาร์ด ปรับเปลี่ยนแผนการเล่นในเการเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด จากแผนที่คุ้นเคยอย่าง 4-2-3-1 มาเป็น 3-4-2-1 โดยแผนนี้ช่วยให้เขาได้ใช้งาน เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า พร้อมกับ รีซ เจมส์ ซึ่งปกติทั้งสองจะต้องแย่งตำแหน่งแบ็กขวากันแต่พอมีตำแหน่งวิงแบ็กเข้ามาทำให้สามารถแบ่งหน้าที่กันได้ชัดเจน

    แม้เกมนี้แนวรุกของ เชลซี อาจจะไม่ได้ไหลลื่นมากนัก แต่ต้องชมวิงแบ็กทั้งสองข้างอย่าง เบน ชิลเวลล์ และ รีซ เจมส์ ที่มีส่วนมากกับเกมรุกของ เชลซี ทั้งสองช่วยสร้างโอกาสจากการครอสบอลในแต่ละฝั่ง (ชิลเวลล์ สร้างโอกาสให้เพื่อนลุ้นทำประตู 2 ครั้งมากสุดในทีม) นอกจากนี้การวิ่งบีบเพรสซิ่งสูงของทั้งสองยังช่วยให้ ลุค ชอว์ และ อารอน วาน-บิสซาก้า เล่นยากมากขึ้น ถือว่าจำกัดเกมรุกทางริมเส้นของ”ผีแดง” ไปได้พอสมควร

    ทั้งคู่สร้างมิติเกมรุกแบบใหม่ให้กับ เชลซี และนี่อาจจะเป็นแผนที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต อาจนำไปใช้ต่อในเกมทีมชาติอังกฤษได้ด้วย

5.สถิติผีไม่ดี

    ปิดท้ายกันด้วยสถิติน่าสนใจกัน ผลการแข่งขันนัดนี้ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด สะกด “ชัยชนะ” ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไม่ได้ในสามเกมแรกของฤดูกาลซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1972-73 เลยทีเดียว นอกจากนี้หากนับรวมฤดูกาลที่แล้ว “ผีแดง” ไร้ชัยในเกมลีกที่บ้านของตัวเองมา 5 นัดติดต่อกัน (เสมอ 3 แพ้ 2) ซึ่งถือเป็นสถิติที่นานที่สุดนับตั้งแต่ไม่ชนะ 6 เกมติดช่วงปี 1990

    ในทางกลับกัน เชลซี มีสถิติที่ดีพอสมควรในการกลับออกไปด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์ โดยนี่เป็นการเก็บคลีนชีทในลีกเกมเยือนนัดแรกนับตั้งแต่เสมอกับ เลสเตอร์ ซิตี้ 0-0 ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2018-19

จบกันไม่ได้เอง!โซลชาแอบเสียดายแมนยูแค่เจ๊าเชลซี

 

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รู้สึกเสียดายเล็กๆ ที่ "ปีศาจแดง" ทำได้แค่เปิดบ้านเจ๊า เชลซี 0-0 เชื่อทั้งสองทีมต่างล้ามาจากเกมยุโรป
     โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชื่อว่า ทีมตนสร้างโอกาสทำประตูได้มากพอที่จะเป็นฝ่ายชนะ หลัง "ปีศาจแดง" ทำได้แค่เปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เสมอ เชลซี 0-0 ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดบิ๊กแมตช์ เมื่อวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา

     เกมนี้ไม่มีการทำประตูเกิดขึ้น แต่เป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีโอกาสได้ลุ้นมากกว่า แถมเป็นโอกาสสวยๆ ถึง 2-3 หนด้วย ทว่าไม่สามารถส่งบอลผ่านมือ เอดูอาร์ เมนดี้ นายทวารจอมหนึบของ เชลซี ได้ โดยเฉพาะจังหวะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้ยิงเน้นๆ ช่วงท้ายเกม

     "ทั้งสองทีมต่างเพิ่งลงเตะเกมยุโรปมา และผมก็คิดว่า มันส่งผลให้เห็นบ้างเล็กน้อยกับการเล่นทั้งสองทีมช่วงครึ่งแรก ช่วงครึ่งหลังเราพยายามกันอย่างหนัก ซึ่งถ้าหากมีแฟนบอลเต็มอัฒจันทร์ฝั่ง สเตรทฟอร์ด เอนด์ ล่ะก็ เราคงจะทำประตูได้ไปแล้ว เพราะเราสร้างโอกาสได้หลายครั้ง ซึ่งอาจจะมากพอที่จะเป็นฝ่ายชนะด้วย ส่วนเกมรับก็เล่นกันได้ดี ถือเป็นสัปดาห์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับเรา กับผลงานชนะสอง และเสมอหนึ่ง" โซลชา กล่าวหลังเกม

     ผลเจ๊าจากเกมนี้ทำให้ "ปีศาจแดง" มีคะแนนเพิ่มเป็น 7 แต้ม จากการลงแข่ง 5 นัด รั้งอันดับ 15 ส่วน เชลซี อยู่ที่หก มี 9 แต้ม จาก 6 นัด

“เอล กลาซิโก้” เดือด!เรอัลมาดริดบุกปะบาร์เซโลน่า “เบนเซม่า-เมสซี่” วัดคม

ศึก เอล กลาซิโก้ แห่งศักดิ์ศรี…"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด เตรียมยกพลออกเยือนถิ่น "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า นัดนี้อาจเป็นการดวลความคมปิดสกอร์ของ คาริม เบนเซม่า กับ ลิโอเนล เมสซี่ ลุ้นระทึกได้ในศึกฟุตบอล ลา ลีกา สเปน วันเสาร์ที่ 24 ต.ค. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : beIN SPORTS 1 (เวลา : 21.00 น.)
ปรีวิวฟุตบอลลา ลีกา สเปน
วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563
บาร์เซโลน่า  –   เรอัล มาดริด
ถ่ายทอดสด : beIN SPORTS 1 (เวลา : 21.00 น.)

สนาม : คัมป์ นู

บาร์เซโลน่า :

    บาร์เซโลน่าไม่ชนะใครในเกมลีกมา 2 นัดติดต่อกันหลังเสมอเซบีย่า 1-1 และบุกไปพ่ายกรานาด้า 0-1 ก่อนจะคืนฟอร์มเก่งด้วยการเปิดบ้านไล่ถลุงเฟเรนซ์วารอส 5-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี นัดแรก

    ความพร้อมของอาซูลกราน่าในเกมนี้ โรนัลด์ คูมัน นายใหญ่ชาวดัตช์จะยังไม่สามารถใช้งาน มาร์ก-อันเดร แทร์ สเตเก้น นายทวารมือหนึ่งที่ยังคงพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าอยู่ในเวลานี้ ทำให้เนโต้จะได้รับโอกาสเฝ้าเสาต่อไป เช่นเดียวกันกับ ซามูแอล อุมติตี้ ที่ยังต้องพักรักษาตัวจากโรคเดี้ยงบริเวณหัวเข่าต่อไป

    อย่างไรก็ตาม อดีตนายใหญ่เซาธ์แฮมป์ตันจะได้ จอร์ดี้ อัลบา ที่สลัดอาการบาดเจ็บบริเวณเอ็นร้อยหวายกลับมาฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้แล้วและคงจะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงทันทีในศึก "เอล กลาซิโก้" ทำให้ เซร์จินโญ่ เดสต์ ต้องกลับไปนั่งรอโอกาสที่ซุ้มม้านั่งสำรองอีกครั้ง

    แผงมิดฟิลด์ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ จะได้กลับมาบัญชาแดนกลางอีกครั้งหลังมีชื่อเป็นเพียงตัวสำรองในเกมกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ในตำแหน่งริมเส้น ฟรานซิสโก้ ตรินเกา ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมกับเฟเรนซ์วารอส จะได้รับโอกาสออกสตาร์ตในเกมนี้แทนที่ของ อองตวน กรีซมันน์ ที่ยังควานหาฟอร์มเก่งไม่เจอสักที

    ส่วนในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้าเป็นหน้าที่ของ ลิโอเนล เมสซี่ ที่ยิงได้ 2 ประตูและแอสซิสต์อีก 3 ครั้งจากการลงสนามไปแล้ว 5 นัดให้กับบาร์ซ่ารวมทุกรายการในฤดูกาลนี้

เรอัล มาดริด :

    เรอัล มาดริดแพ้มา 2 เกมรวดหลังพ่ายให้กับกาดิซ 0-1 ในเกมลีกนัดล่าสุดก่อนที่จะแพ้ให้กับชัคตาร์ โดเนตส์ค 2-3 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี นัดแรก

    แน่นอนว่า ซีเนดีน ซีดาน ผู้จัดการทีมเลือดน้ำหอมจะไม่มี เอแด็น อาซาร์, ดานี่ การ์บาฆาล และ มาร์ติน โอเดการ์ด ที่ยังคงต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ ส่วน มาเรียโน่ ดิอาซ และ อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า คงจะยังไม่ฟิตพอที่จะลงสนามในเกมนี้

    ทางด้าน เซร์คิโอ รามอส ที่แยกตัวไปฝึกซ้อมเดี่ยวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาหลังจากที่โดนโรคเดี้ยงบริเวณหัวเข่าเล่นงานจนพลาดการช่วยทีมเมื่อเกมกลางสัปดาห์จะได้กลับมาคุมหลังบ้านให้กับราชันชุดขาว ขณะที่ นาโช่ เฟร์นานเดซ จะได้รับโอกาสในตำแหน่งแบ็กขวา ทำให้ แฟร์กล็อง เมนดี้ กลับไปยืนในตำแหน่งแบ็กซ้าย

    โดยที่ วินิซิอุส จูเนียร์, โทนี่ โครส และ คาริม เบนเซม่า ที่ถูกดร็อปเป็นเพียงตัวสำรองในเกมกับชัคตาร์ จะได้กลับมาเป็นตัวจริง รวมไปถึง ลูก้า โมดริช และ คาเซมีโร่ ก็จะได้ออกสตาร์ตอย่างต่อเนื่อง

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

    บาร์เซโลน่า (4-2-3-1) : เนโต้ – เซร์จี้ โรเบร์โต้, เคราร์ด ปีเก้, เกลม็องต์ ล็องเล่ต์, จอร์ดี้ อัลบา – เฟร็งกี้ เดอ ยอง, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ – อันซู ฟาติ, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, ฟรานซิสโก้ ตรินเกา – ลิโอเนล เมสซี่
    ผู้จัดการทีม : โรนัลด์ คูมัน

    เรอัล มาดริด (4-3-3) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ – นาโช่, ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส, แฟร์กล็อง เมนดี้ – โทนี่ โครส, คาเซมีโร่, ลูก้า โมดริช – วินิซิอุส จูเนียร์, คาริม เบนเซม่า, มาร์โก อาเซนซิโอ
    ผู้จัดการทีม : ซีเนดีน ซีดาน

แมนซิตี้มี”เดอ บรอยน์”บุกมาร์กเซยของ”โตแว็ง”ลุ้นยึดหัวฝูงชปล.

"เรือใบสีฟ้า" แมนซิตี้ จำเป็นต้องเค้นฟอร์มเก่งให้ได้ หลังนัดลีกล่าสุดพลาดเสมอ หากชนะเกมนี้จะยึดหัวฝูงกลุ่มต่อไป งานนี้ เควิน เดอ บรอยน์ ขับเคลื่อนเกมรุกบุกถิ่น โอลิมปิก มาร์กเซย ที่มี ฟลอริย็อง โตแว็ง เป็นทีเด็ดแมตช์นี้ ในการแข่งขันศึกฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มซี คืนวันอังคารที่ 27 ตุลาคม 2563
ปรีวิวยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มซี
คืนวันอังคารที่ 27 ตุลาคม 2563
โอลิมปิก มาร์กเซย (ฝรั่งเศส) – แมนฯ ซิตี้ (อังกฤษ)
เวลา : 03.00 น. ถ่ายทอดสด : บีอินส์ สปอร์ต 1
สนาม : ออเร้นจ์ เวโลโดรม

    โอแอ็ม สตาร์ตรอบแบ่งกลุ่ม ชปล. ด้วยการออกไปแพ้โอลิมเปียกอส 0-1 และบุกชนะลอริยองต์ 1-0 ในเกมลีก เอิง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

    กุนซือ อันเดร วิลลาช-โบอาช ไร้ปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บและติดโทษแบน หลังจากได้ ดิมิทรี ปาเยต มิดฟิลด์เชิงรุกพ้นโทษแบน 2 นัด ในลีก เอิง กลับมาพร้อมช่วยทีม ส่วนบูบาการ์ กามาร่า แข้งทีมชาติฝรั่งเศส ชุดยู-21 หายเจ็บที่หน้าแข้ง กลับคืนสนามแล้ว

    เกมนี้ สตีฟ ม็องด็องด้า นายทวารกัปตันทีมลงเฝ้าเสา แนวรับประกอบด้วย ฮิโรกิ ซากาอิ, อัลบาโร่ กอนซาเลซ, เลโอนาร์โด้ บาเลร์ดี้ และ จอร์ดาน อมาวี่

    แดนกลาง วาล็องแต็ง รงชิเย่ร์ ขับเคลื่อนเกมร่วมกับ บูบาการ์ กามาร่า และ มอร์กกาน ซ็องซง 

    แผงรุกจัดสามประสาน ฟลอริย็อง โตแว็ง, ดาริโอ เบเนเด็ตโต้ และ ดิมิทรี ปาเยต ลงประสานงานกัน
       
    แมนฯ ซิตี้ เริ่มต้นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการพิชิตปอร์โต้ 3-1 และเสมอเวสต์แฮม 1-1 ในเกมพรีเมียร์ลีกล่าสุด

    กุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ขาดตัวเจ็บอย่าง แฟร์นันดินโญ่, เบนฌาแม็ง เมนดี้ และ กาเบรียล เชซุส 

    ส่วน เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" เจ็บเอ็นหลังหัวเข่าเพิ่มต้องรอทดสอบความฟิต ซึ่งโอกาสชวดสูงมาก เช่นเดียวกับ เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ และ นาธาน อาเก้ สองแนวรับที่ไม่สมบูรณ์

    ขณะที่ เควิน เดอ บรอยน์ ฟิตกลับมาเป็นสำรองได้ในเกมล่าสุด และน่าจะกลับมาออกสตาร์ตตัวจริง โดย ราฮีม สเตอร์ลิง จะยืนเป็นหน้าเป้า พร้อมเปิดโอกาสให้ เฟร์ราน ตอร์เรส และ ฟิล โฟเด้น สลับมาเป็น 11 คนแรก

    แดนกลาง โรดรี้ เอร์นานเดซ กับ อิลคาย กุนโดกัน คอยขับเคลื่อนเกม

    สำหรับแนวรับยึดชุดเดิม ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอาส, เอริก การ์เซีย และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ เช่นเดียวกับนายประตู เอแดร์ซอน โมราเอส
    

11 นักเตะตามคาด   

    โอลิมปิก มาร์กเซย (4-3-3) : สตีฟ ม็องด็องด้า – ฮิโรกิ ซากาอิ, อัลบาโร่ กอนซาเลซ, เลโอนาร์โด้ บาเลร์ดี้, จอร์ดาน อมาวี่ – วาล็องแต็ง รงชิเย่ร์, บูบาการ์ กามาร่า, มอร์กกาน ซ็องซง – ฟลอริย็อง โตแว็ง, ดาริโอ เบเนเด็ตโต้, ดิมิทรี ปาเยต

    เทรนเนอร์ : อันเดร วิลลาช-โบอาช

    แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส – ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอาส, เอริก การ์เซีย, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ – โรดรี้ เอร์นานเดซ, อิลคาย กุนโดกัน, เควิน เดอ บรอยน์ – เฟร์ราน ตอร์เรส, ราฮีม สเตอร์ลิง, ฟิล โฟเด้น

    เทรนเนอร์ : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า 

    ผู้ตัดสิน : โทเบียส สตีเลอร์ (เยอรมัน)    

ลดให้แล้ว!ชาลเก้ตั้งค่าตัวเป้าหมายลิเวอร์พูล

สื่อเผย ชาลเก้ ยอมลดค่าตัว โอซาน คาบัค กองหลังอนาคตไกล ลงมาไม่แพงแล้ว หลังมีข่าว ลิเวอร์พูล อยากได้ไปเสริมแนวรับช่วงหน้าหนาว
    ชาลเก้ 04 สโมสรในศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน ตั้งค่าตัว โอซาน คาบัค ปราการหลังดาวรุ่งทีมชาติตุรกี ไว้ที่ 27.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,084 ล้านบาท) ภายหลังจากที่ ลิเวอร์พูล ตามให้ความสนใจ ตามรายงานจาก สปอร์ต มีเดีย เซต เมื่อวันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา

    "หงส์แดง" กำลังมองหาเซนเตอร์แบ็กคนใหม่เข้ามาเสริมทัพในช่วงเปิดตลาดหน้าหนาวเดือนมกราคมนี้ เพราะ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังคนเก่งต้องพักยาวจากการผ่าตัดเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า หลังโดน จอร์แดน พิคฟอร์ด นายทวาร เอฟเวอร์ตัน เข้าสกัดหนักใส่ในเกมลีกที่เสมอกัน 2-2 เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา

    รายงานระบุว่า เป้าหมายแรกที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล อยากดึงมาเสริมทัพหน้าหนาวคือ เบน ไวท์ ของ ไบรท์ตัน อย่างไรก็ตาม "เจ้านกนางนวล" ต้องการค่าตัวถึง 50 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,000 ล้านบาท) ทำให้อาจเบนมาที่ คาบัค ที่มีค่าตัวถูกกว่าถึงเกือบครึ่งเลยทีเดียว

    ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา "หงส์แดง" เคยมีข่าวกับ คาบัค มาแล้ว และเวลานั้น ชาลเก้ ตั้งค่าตัวไว้ที่ 40 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,600 ล้านบาท) แต่หลังจากที่ "ราชันสีน้ำเงิน" ออกสตาร์ตฤดูกาลย่ำแย่ทำให้พร้อมลดราคานักเตะลงมา โดยนอกจาก ลิเวอร์พูล แล้ว ยังมี เอซี มิลาน ที่ให้ความสนใจอยู่เหมือนกัน

    สำหรับ คาบัค วัย 20 ปี มีสไตล์การเล่นที่ดุดัน แข็งแกร่ง รวดเร็ว และเล่นลูกกลางอากาศได้ดี ทำให้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ เซร์คิโอ รามอส ปราการหลัง เรอัล มาดริด นอกจากนั้นยังเป็นนักเตะที่มีความกล้าลุยกล้าแลก ชนไม่ถอยจนถึงกับเคยจมูกหัก หน้าแตกมาแล้ว รวมทั้งมี ฟาน ไดค์ เป็นไอดอลของตัวเองด้วย

เคียซ่าลงประเดิม-โดนแดง! ยูเวนตุสเซ็งVARริบสกอร์แค่เจ๊าโครโตเน่

 

เฟเดริโก้ เคียซ่า ดาวเตะคนใหม่ นกอจากจ่ายให้เพื่อนทำสกอร์ ยังโดนใบแดงประเดิมลงเล่นนัดแรกอีกด้วย แถมทัพ "ม้าลาย" ยูเวนตุส ยังถูกวีเออาร์ยึดประตูคืน ทำจบเสมอ โครโตเน่ ทีมบ๊วยไป 1-1 แบ่งคะแนนกันไป ในการแข่งขันศึกฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี คืนวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา

สนาม : สตาดิโอ เอ็นโซ่ ซีด้า

ศึกฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี คืนวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา "ม้าลาย" ยูเวนตุส ก่อนเบรกทีมชาติไม่มีได้กัก เนื่องจาก นาโปลี คู่แข่งแมตช์ก่อนไม่เดินทางมาแข่ง อันเดรีย ปีร์โล่ นายใหญ่ทีมเยือน ไม่มี "คริสเตียโน่ โรนัลโด้" ที่ติดโควิด ส่วนดาวเตะตัวใหม่ "เฟเดริโก้ เคียซ่า" ลงตัวจริงเกมแรกบุกบ้าน โครโตเน่ น้องใหม่ที่จมบ๊วยตอนนี้ โจวานนี่  สโตปป้า กุนซือเจ้าถิ่น ขอลูกทีมแย่งคะแนนให้ได้ มีตัวความหวัง "ซิมี่" ดาวซัลโวเซเรีย บี ปีก่อนล่าสกอร์

เจ้าถิ่นมีลุ้นนาทีที่ 5 ลูกา ชิการินี่ เล่นลุกเตะมุมสั้นทางซ้ายมาที่ มิลอส วูลิซ จับบอลลองซัดไกลนอกกรอบเขตโทษ บอลไปถูกเท้าผู้เล่นยูเว่ที่ยืนบล็อก แฉลบออกข้างเสาประตูแบบมีหวังเป็นสกอร์

โครโตเน่นำก่อนนาทีที่ 11 เปโดร เปเรย์ร่า ไหลบอลกลางสนามต่อไปที่ อาร์คาดิอุซ เรก้า วิ่งตามรับในเขตโทษทางซ้ายก่อนถูก เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ เข้ามาย่ำที่เท้า กรรมการเป่าเป็นจุดโทษ ซิมี่ หัวหอกเจ้าบ้านหวดเข้าไป

ม้าลายตีเจ๊านาทีที่ 21 เดยัน คูลูเซฟสกี้ จ่ายบอลกลางสนามแทงมาที่ เฟเดริโก้ เคียซ่า ลากบอลเข้าเขตโทษทางขวา ปาดมาหน้าปากประตูและเป็น อัลบาโร่ โมราต้า สไลด์ตัวจิ้มบอลระยะเผาขนเข้าซุกก้นตาข่ายสำเร็จ

ช่วงนาทีที่ 44 อาร์คาดิอุซ เรก้า เปิดบอลจากริมสนามทางซ้าย บอลกระดอนเลยดาวเตะม้าลายที่พยายามมาสกัดมาถึง เปโดร เปเรย์ร่า เก็บบอลแล้วซัดเต็มเท้า บอลเข้าหากรอบประตูแต่ จานลุยจิ บุฟฟอน นายทวารคนเก๋ายืนถูกที่รับได้ จบ 45 นาทีแรกเสมอกัน 1-1

ยูเว่เกือบพลิกนำนาทีที่ 46 โรดดีโก้ เบนตากูร์ ยืนรอเก็บตกบอลเคลียร์ของแนวรับเจ้าบ้าน ก่อนเจ้าตัววิ่งมาซัดจังหวะเดียวนอกกรอบเขตโทษ บอลเลี้ยวหนีเสาด้านซ้ายไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เจ้าบ้านหวิดทำได้นาทีที่ 55 จูเนียร์ เมสซิอาส ได้บอลหน้ากรอเบขตโทษใช้ตัวบัง ดีดต่อให้ ลูกา ชิการินี่ สอดมารับแล้วลากมายิงตรง บอลทิศทางเกือบเข้ากรอบแต่แอบไซต์ก้อยออกหลังไปเล็กน้อย

เบี่ยงโคเนรี่เซ็งหนักนาทีที่ 60 เฟเดริโก้ เคียซ่า ออกแรงวิ่งเข้าไปหวังแย่งบอลแต่กลับไปเหยียบหน้าแข้ง ลูกา ชิการินี่ เชิ้ตดำไม่รอช้าชักใบแดงตะเพิดพ้นสนามในเกมแรกของเจ้าตัวกับทีมม้าลาย

ม้าลายชวดนำนาทีที่ 63 เดยัน คูลูเซฟสกี้ วางบอลฟรีคิกริมสนามทางซ้าย บอลมาในเขตโทษ อัลบาโร่ โมราต้า สปีดมาโหม่งสะบัดไปที่เสาสอง โชคไม่ดีบอลกระแทกเสาอย่างจังกระดอนเข้าหาตัว อเล็กซ์ คอร์ดาซ นายทวารโครโตเน่ รับอยู่มือ

ถัดมานาทีที่ 76 ฮวน กวาดราโด้ เลี้ยงบอลลุยมาทางเขตโทษด้านขวา เปิดบอลเรียดกึงยิงกึ่งผ่าน อัลบาโร่ โมราต้า แหย่เท้าจิ้มเปลี่ยนทางเข้าตุงตาข่าย กรรมการฟังสัญญานวีเออาร์ชี้เป็นลูกล้ำหน้าของกองหน้ากระทิงดุ จบเกม ยูเวนตุส ทำได้แค่เสมอ โครโตเน่ 1-1 แบ่งคะแนนกันไป

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

โครโตเน่ (3-5-2): อเล็กซ์ คอร์ดาซ,ลิซานโดร มิกัลลัน,ลูก้า มาร์โรเน่,เซบาสเตียโน่ ลูแปร์โต้ (วลาดิเมียร์ โกเลมิค น.83),เปโดร เปเรย์ร่า (อันเดรีย ริสโปลี น.74),ซัลวาตอเร่ โมลิน่า (จาโคโป เปตริซซิโอเน่ น.87),ลูกา ชิการินี่,มิลอส วูลิซ (ลูก้า ซิลิการ์ดี้ น.74),อาร์คาดิอุซ เรก้า,จูเนียร์ เมสซิอาส,ซิมี่

ยูเวนตุส (3-4-2-1): จานลุยจิ บุฟฟอน,ดานิโล่,เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่,เมริห์ เดมิรัล,เฟเดริโก้ เคียซ่า,โรดดีโก้ เบนตากูร์,อาร์ตูร์ (อาเดรียง ราบิโอต์ น.80),จานลุยก้า ฟราบอตต้า,เดยัน คูลูเซฟสกี้ (เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่ น.69),มาโนโล่ ปอร์ตาโนวา (ฮวน กวาดราโด้ น.56),อัลบาโร่ โมราต้า

เสียหายแค่ไหน?นักข่าวดังเผยความคืบหน้าอาการเจ็บฟานไดค์

เดวิด ออร์นสไตน์ เหยี่ยวข่าวของอังกฤษ ระบุ อาการเดี้ยงของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ปราการหลัง ลิเวอร์พูล เลวร้ายกว่าที่คิดกันในตอนแรก โดยยังไม่รู้ว่าเขาจะรับการผ่าตัดเมื่อไหร่ด้วย
    เดวิด ออร์นสไตน์ นักข่าวที่มีความน่าเชื่อถือสูงของประเทศอังกฤษเปิดเผยว่าอาการบาดเจ็บตรงหัวเข่าของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กองหลังตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล มันรุนแรงกว่าที่คิดกันเอาไว้

    ในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ที่ ลิเวอร์พูล ออกไปเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 2-2 เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมานั้น ฟาน ไดค์ โดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามตั้งแต่นาทีที่ 11 หลังจากโดน จอร์แดน พิคฟอร์ด นายทวารของ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" พุ่งกระแทกใส่อย่างรุนแรง โดยตอนแรกมีการระบุว่าอาการบาดเจ็บของเขาอยู่ตรงเอ็นไขว้หน้าข้อเข่า จนทำให้เชื่อกันว่าเขาน่าจะต้องพักหลายเดือน รวมถึงถ้าเลวร้ายที่สุดคืออาจจะต้องอดลงเล่นตลอดทั้งซีซั่นนี้

    ออร์นสไตน์ เผยว่า "ในแง่ของอาการบาดเจ็บนั้น คือผมรู้มาว่า ต้องย้ำก่อนนะว่านี่เป็นเพียงข้อมูลที่ผมได้รับมา มันไม่ใช่การประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ความเสียหายตรงเข่าขวาของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ อาจจะเลวร้ายกว่าที่กลัวกันในตอนแรก และอาจจะเป็นมากกว่าแค่ตรงเอ็นไขว้หน้าข้อเข่า"

    "คือผมก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ ดังนั้นมันก็คงไม่ยุติธรรมเท่าไหร่ที่จะมาจุดประเด็นข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปมากกว่านี้ หรือพูดรายละเอียดอะไรมากไปกว่านี้ แต่ผมก็แค่อยากแบ่งปันข้อมูลที่ได้รับมา และมันอาจจะหมายความว่าเราจะไม่ได้เห็น ฟาน ไดค์ กลับมาเล่นในสนามจนกว่าจะถึงฤดูกาลหน้า ตอนนี้เขาจะรับการผ่าตัด ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่ามันจะมีขึ้นเมื่อไหร่ เรื่องนั้นมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ฟาน ไดค์ และคนที่ใกล้ชิดกับเขา"

เดอะค็อปเฮ! “อลีสซง” มีลุ้นฟิตคืนสนามปลายเดือนต.ค.

ลิเวอร์พูล เอคโค่ รายงานว่า อลีสซง เบ็คเกอร์ นายด่านจอมหนึบ กลับมาลงฝึกซ้อมได้แล้ว และหากไม่มีปัญหาบาดเจ็บซ้ำซ้อนนักเตะก็น่าจะกลับมาทำหน้าที่มือ 1 ให้กับต้นสังกัดได้อีกครั้งในแมตช์ปะทะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด วันที่ 31 ต.ค.นี้
  
ลิเวอร์พูล สโมสรขวัญใจมหาชนแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ น่าจะโล่งใจได้บ้างเมื่อ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูชาวบราซิเลียน กลับมาลงฝึกซ้อมได้แล้ว และมีความเป็นไปได้ที่จะกลับมาเฝ้าเสาให้กับต้นสังกัดในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้

นายทวารจอมหนึบทีมชาติบราซิล ไม่ได้ลงเล่นให้กับทัพ "หงส์แดง" นับตั้งแต่ที่ได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ในช่วงฝึกซ้อมก่อนลงสนามในเกมที่ต้นสังกัดออกไปพ่ายแพ้ยับเยิน "สิงห์ผงาด" แอสตัน วิลล่า 2-7 ที่สนามวิลล่า พาร์ค โดยในตอนแรกมีการคาดการณ์กันว่า อลีสซง อาจจะพลาดช่วยทีม 6 สัปดาห์

ล่าสุด "ลิเวอร์พูล เอคโค่" สื่อท้องถิ่นยอดฮิต รายงานว่า อลีสซง สามารถฟื้นสภาพร่างกายได้ดีอย่างต่อเนื่อง และเริ่มที่จะทำการฝึกซ้อมโปรแกรมส่วนตัวที่เมล วู้ด รวมไปถึงการซ้อมพุ่งปัดด้วย ฉะนั้น "เดอะ เร้ดส์" มั่นใจว่าหาก นายด่านเลือดแซมบ้า ไม่มีอาการแย่ลง ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะกลับมาช่วยทีมในแมตช์พบ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด วันที่ 31 ต.ค.นี้

ทั้งนี้ ลิเวอร์พูล อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะการที่ อาเดรียน ลงทำหน้าที่เฝ้าเสาเขาเสียไปถึง 9 ประตูจากการเล่นแค่ 2 เกมเท่านั้น และ "เดอะ เร้ดส์" อยากให้ อลีสซง กลับมาทำหน้าที่เป็นมือ 1 ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้