‘ซูซูกิ’ ดาวยิงเพื่อนชนาธิป บรรลุข้อตกลงลุยลีกเบลเยี่ยม

มูซาชิ ซูซูกิ กองหน้าทีมชาติญี่ปุ่น ของสโมสรคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ทีมในศึกเจลีก บรรลุข้อตกลงในการย้ายทีม เบียร์ช็อต วิลไรจ์ก ทีมระดับจูปิแลร์ ลีก เบลเยี่ยม เรียบร้อยแล้ว จากการรายงานของ yahoo.co.jp สื่อประเทศญี่ปุ่น
    รายงานระบุว่า กองหน้าคู่หู ชนาธิป สรงกระสินธ์ จะลงรับใช้สโมสรในเกมเปิดซัปโปโรโดม รับการมาเยือนของ คาวาซากิ ฟลอนตาเล่ ในวันเสาร์ที่ 15 สิงหาคมนี้ เป็นเกมสุดท้าย ก่อนเดินทางไปร่วมทีมลีกสูงสุดของเบลเยี่ยม โดยการย้ายทีมครั้งนี้จะไม่ใช่การยืมตัวแต่จะเป็นการซื้อขาด และจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการจากสโมสรในเร็ว ๆ นี้

    สำหรับกองหน้าลูกครึ่งญี่ปุ่น จาไมก้า วัย 26 ปี โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมในช่วงต้นฤดูกาล 2020 หลังลงเล่นในเจลีก 4 นัด ทำได้ 5 ประตู เป็นดาวซัลโวของทีมอยู่ในขณะนี้ และกำลังย้ายไปเล่นกับ เบียร์ช็อต วิลไรจ์ก ทีมแชมป์ลีกรองของเบลเยี่ยมฤดูกาลที่ผ่านมา

‘ชนาธิป’ ขึ้นที่หนึ่งร่วมเจ้าพ่อแอสซิสต์ หลังเจลีกผ่าน 7 นัด-เพื่อน ‘มุ้ย’ ติดด้วย

ภายหลังจากที่ ‘เจ’ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์คอนซาโดเล่ ซัปโปโร โชว์ฟอร์มแจ่มจัด 1 แอสซิสต์ให้กับเพื่อนร่วมทีม ในเกมที่เปิดบ้านเอาชนะ "แชมป์เก่า" โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส 3-1 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นแอสซิสต์ลูกที่ 4 ในเจลีก ฤดูกาล 2020 ของดาวเตะทีมชาติไทย
    หลังผ่านพ้นไป 7 นัดในลีกสูงสุดแดนอาทิตย์อุทัย กองกลางทีมชาติไทย วัย 26 ปี ขึ้นแท่นผู้ทำแอสซิสต์นำเป็นอันดับ 1 ร่วม โดยมี เคนตะ นิชิซาวะ นักเตะวัย 23 ปี ของชิมิสึ เอส-พัลส์ เพื่อนร่วมทีมของ ‘มุ้ย’ ธีรศิลป์ แดงดา และ ยูยะ คามิยะ แข้งแนวรุกวัย 23 ปีของคาชิว่า เรย์โซล และกัปตันทีมชาติญี่ปุ่น ยู-23 ปี ชุดเหรียญเงินเอเชียนเกมส์ 2018 ที่อินโดนีเซีย ติดอันดับ 1 ทำแอสซิสต์ได้ 4 ลูกเช่นกัน

    ในส่วนของดาวซัลโวสูงสุดเวลานี้เป็นของ ไมเคิล โอลุงก้า หัวหอกชาวเคนย่า วัย 26 ปี ของคาชิว่า เรย์โซล ที่ตะบันคู่แข่งไปแล้ว 8 ประตู จาก 7 เกม ทิ้งห่างผู้ตามไม่ว่าจะเป็น มูซาชิ ซูซูกิ กองหน้าลูกครึ่งญี่ปุ่น-จาไมกา วัย 26 ปีของคอนซาโดเล่ ซัปโปโร, มาร์กอส จูเนียร์ แนวรุกชาวบราซิลวัย 27 ปีของโยโกฮาม่า เอฟ มารินอส, เลอันโดร เปเรย์รา ศูนย์หน้าชาวบราซิล วัย 29 ปี จากซานเฟรชเช่ ฮิโรชิม่า, เคียวโกะ ฟุรุฮาชิ กองหน้าดีกรีทีมชาติญี่ปุ่น วัย 25 ปี ของวิสเซล โกเบ ถึง 4 ลูกด้วยกัน

    สำหรับโปรแกรมนัดที่ 8 ที่มีนักเตะไทย จะแข่งขันในวันเสาร์ที่ 1 ส.ค.63 โดย โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส จะบุกไปเยือน เวกัลตะ เซนได เวลาไทย 16.00 น. ถ่ายทอดสดทางออนไลน์ Siamsport Youtube Channel และ Facebook Siamsport

    ส่วน ชิมิสึ เอสพัลส์จะบุกไปเยือน อูราวะ เรด ไดมอนส์ เวลา 17.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30

    และวันอาทิตย์ที่ 2 ส.ค.63 คอนซาโดเล่ ซัปโปโร จะเปิดบ้านพบกับ วิสเซล โกเบ เวลา 12.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30

ทีวีฮอกไกโดบุกทำข่าวซัปโปโรถึงชิบะ “ชนาธิป” โชว์ฮา-“กวินทร์” ไหว้แบบไทย

สถานีโทรทัศน์ชื่อดังแห่งจังหวัดฮอกไกโดอย่าง HBC หรือชื่อเต็ม Hokkaido Cultural Broadcasting Co., Ltd. ได้ออกมารายงานข่าวความเคลื่อนไหวของพลพรรค "นกเค้าแมวเมืองเหนือ" คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ที่เวลานี้ได้ยกพลเดินทางมาเก็บตัวอยู่ที่แคมป์ JFA Yume field (เจเอฟเอ ยูเมะ ฟิลด์) ในจังหวัดชิบะ เพื่อเตรียมพร้อมก่อนบุกเยือน โยโกฮาม่า เอฟซี ในศึกเจลีก 1 ซีซั่น 2020 ที่จะคัมแบ็กฟาดแข้งวันที่ 4 ก.ค.63 นี้
        โดยคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ต้นสังกัดของ 2 แข้งทีมชาติไทย ”ตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ และ ”เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ได้ถูกสถานีโทรทัศน์ดังกล่าวมาตามทำข่าวอย่างใกล้ชิด ก่อนจะมีการแพลนกล้องไปหาทั้งสองคน โดยชนาธิปได้โชว์ความฮาเล็กน้อย ซึ่งทำเอาห้องส่งอดยิ้มไม่ได้ ส่วนกวินทร์ก็ยิ้มให้กล้อง ก่อนจะทักทายด้วยการสวัสดีตามแบบฉบับประเพณีของเมืองไทย

        ทั้งนี้ในส่วนของการฝึกซ้อมทาง "มิช่า" มิไฮโล เปโตรวิช ที่วางแผนเดินทางเก็บตัวฝึกซ้อมล่วงหน้าในเมืองชิบะ ซึ่งห่างจากกรุงโตเกียว แค่ประมาณ 70 กว่า กม. ได้ลงฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาแทบทุกวัน โดยรูปแบบการฝึก
ซ้อมไม่ได้เน้นหนักอะไรมาก แต่ก็ได้วางกลยุทธ์แท็กติกต่างๆเพื่อเตรียมใช้ในเกมที่กำลังใกล้จะรีสตาร์ตในสัปดาห์หน้า ซึ่งใช้เวลาฝึกซ้อมประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งจึงเสร็จสิ้น

        สำหรับแฟนบอลชาวไทย สามารถติดตามการถ่ายทอดสดได้ทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 ในฐานะฟรีทีวี ที่จะประเดิมยิงสดคู่ของ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ที่มีคิวออกไปเยือน โยโกฮาม่า เอฟซี ที่นำทัพโดย 2 แข้งตำนานทีมชาติญี่ปุ่น ”คิงคาซู” คาซูโยชิ มิอูระ วัย 53 ปี กับ ชุนซุเกะ นากามูระ อายุ 41 ปี โดยจะบรรเลงเพลงแข้งกันในวันเสาร์ที่ 4 ก.ค.63 ณ สนามเอ็นเอชเค สปริง มิตสึซาวะ เวลา 16.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

 

“มาโกโตะ ฮาเซเบะ” เจ้าของสถิติแข้งเอเชียที่ยังโบยบินกับ “อินทรีแดง-ดำ”

มาโกโตะ ฮาเซเบะ คือหนึ่งในนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้คงเส้นคงวาที่สุดในบุนเดสลีกาจากการลงเล่นกว่าสิบปี เขาเคยประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของเยอรมนีกับทีมโวล์ฟสบวร์ก และกำลังนั่งแท่นสถิติเป็นนักเตะเอเชียที่ได้ลงเล่นในบุนเดสลีกาสูงสุดตลอดกาล ซึ่งตัวเลขสถิติดังกล่าวก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงในเร็ววันนี้…

      อดีตกัปตันทีมชาติญี่ปุ่นวัย 36 ปีเพิ่งลงเล่นในบุนเดสลีกาครบ 309 นัดในเกมที่แพ้ไมนซ์ ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แซงหน้าเจ้าของสถิติเดิมอย่าง ชา บุมคุน แข้งชาวเกาหลีใต้ที่ลงเล่นไป 308 เกม

    "ผมภูมิใจมากที่ได้ลงเล่นในบุนเดสลีกามากกว่านักเตะเอเชียคนอื่นๆ แต่สำหรับผมแล้ว มันเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าที่ทีมจะคว้าชัยชนะได้" ฮาเซเบะกล่าวหลังเกมที่เจ้าตัวสร้างสถิติใหม่แต่กลับต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ "วันนี้เราเล่นได้ไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น เรายังเล่นขาดๆ เกินๆ ไปในทุกตำแหน่ง"

    หลังย้ายจากทีมอุราว่า เร้ด ไดม่อนส์ มาร่วมทีมโวล์ฟสบวร์กในปี 2008 ฮาเซเบะก็ได้ลงประเดิมสนามนัดแรกพบกับอาร์มิเนีย บีเลเฟลด์ ในฐานะมิดฟิลด์ หลังจากนั้นเขาก็ได้สลับตำแหน่งไปเล่นทั้งกองกลางและกองหลังตลอด 135 นัดที่ลงเล่นให้กับทีม "หมาป่าเมืองเบียร์" โดยแข้งชาวญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในห้องเครื่องของโวล์ฟสบวร์กชุดที่คว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้ในฤดูกาล 2008/09 สร้างประวัติศาสตร์ให้กับสโมสรอย่างยิ่งใหญ่

    ไม่เพียงเท่านั้น ฮาเซเบะยังมีอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงในบุนเดสลีกา เรื่องนี้เกิดขึ้นในเกมพบกับทีมฮอฟเฟนไฮม์ในฤดูกาล 2011/12 เมื่อมาร์วิน ฮิตซ์ ผู้รักษาประตูมาโดนใบแดงไล่ออกจากสนามแถมโควต้าเปลี่ยนตัวผู้เล่น 3 คนก็ถูกใช้จนหมดแล้ว ฮาเซเบะจึงต้องรับบทผู้รักษาประตูจำเป็น ทำให้เขากลายเป็นผู้รักษาประตูชาวญี่ปุ่นคนแรกในบุนเดสลีกาที่ต้องเฝ้าเสาเป็นเวลา 15 นาทีก่อนเกมจะจบลง โชคร้ายที่ทีมของเขาเป็นฝ่ายพ่ายไป 2-1 จากประตูชัยของโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน ที่ค้าแข้งอยู่กับฮอฟเฟนไฮม์ในตอนนั้น อย่างไรก็ตามเฟลิกซ์ มากัท กุนซือของโวล์ฟสบวร์กก็ออกมากล่าวยกย่องแข้งชาวญี่ปุ่นคนนี้ว่าเป็นนักเตะที่มีระเบียบวินัยสูงมากและสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่ง

    ฮาเซเบะได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ ‘The Order of the Soul – 56 habits to win’ ซึ่งเป็นหนังสือที่สอนเกี่ยวกับทัศนคติ การเสียสละ ความอดทน รวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงสามารถกลายเป็นคนสำคัญของแต่ละสโมสรที่ย้ายไปเล่นทั้งโวล์ฟสบวร์ก เนือร์นแบร์ก และไอน์ทรัค แฟรงเฟิร์ต ต้นสังกัดปัจจุบัน

    สำหรับในทีมชาติญี่ปุ่น ฮาเซเบะได้ลงสนามถึง 114 นัดโดยที่ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมเป็นส่วนใหญ่ จนกระทั่งโบกมืออำลาทีมชาติหลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ให้กับเบลเยี่ยมในรอบ 16 ทีมสุดท้ายศึกฟุตบอลโลก 2018 อย่างดราม่าสุดๆ

 

    ฤดูกาลนี้ฮาเซเบะลงเล่นในบุนเดสลีกาไปแล้ว 21 นัด รวมถึงเกมยูโรปาลีกที่พลาดลงสนามไปเพียง 2 เกม อาดี้ ฮึทเทอร์ นายใหญ่แห่งทีมแฟรงค์เฟิร์ตได้พูดถึงแข้งชาวญี่ปุ่นว่า "เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นตัวรับที่ฉลาดที่สุดในบุนเดสลีกา เขาหัวไวมาก แม้ร่างกายอาจจะไม่สามารถวิ่งแซงนักเตะบางคนได้ แต่เขาก็อ่านเกมได้ดี รู้ว่าบอลจะมาทางไหนอย่างไร นั่นทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้นเยอะ ผู้เล่นสไตล์นี้ยากที่จะหาใครเหมือนได้"

    และล่าสุดกุนซือใหญ่ก็แฮปปี้ที่ฮาเซเบะตัดสินใจจรดปากกาต่อสัญญากับสโมสรเพิ่มอีก 1 ปีไปเรียบร้อยแล้ว

 

    ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการพูดคุยถึงความเป็นไปได้ที่ฮาเซเบะจะเตรียมตัวสำหรับตำแหน่งโค้ชในทีมแฟรงค์เฟิร์ต ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมายอมรับว่ามีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มต้นอะไรเนื่องจากเขายังต้องการโฟกัสกับการเป็นนักเตะเพียงอย่างเดียวก่อน

    "สิ่งสำคัญก็คือผมยังมีความกระหายอยู่ ไม่ดีหรอกที่จะรู้สึกพอใจแล้ว เพราะมันจะเป็นการฉุดตัวเองเอาไว้ ผมคิดว่าผมยังสามารถเล่นได้ดีขึ้นกว่านี้อีกและยังช่วยทีมได้อีกมาก"

    เป็นทัศนคติของนักเตะชาวญี่ปุ่นวัย 36 ปีที่น่ายกย่องจริงๆ…

ช่วยพวกผมด้วย เสียงเรียกร้องจาก เคสุเกะ ฮอนดะ

เคสุเกะ ฮอนดะ อดีตนักเตะทีมชาติญี่ปุ่นที่ออกไปค้าแข้งกับสโมสรฟุตบอลโบตาโฟโก ในประเทศบราซิล ได้โพสต์ข้อความในสังคมออนไลน์ทวิตเตอร์ส่วนตัว เสนอแนวทางถึงรัฐบาล ในฐานะที่ตัวเขาเองมีบทบาทเป็นนักธุรกิจและได้รับผลกระทบการระบาดของไวรัส โควิด-19 ในประเทศญี่ปุ่น อยากให้รัฐบาลออกมาเยียวยาคนที่ทำธุรกิจบ้าง และรัฐบาลควรสร้างกฎใหม่ที่จะได้รับการชดเชยแม้ว่าจะทำผิดกฎก่อนหน้านี้ที่ตั้งไว้ก็ตาม
   เคสุเกะ ฮอนดะ โพสต์ทวิตเตอร์ขอความเยียวยาในรูปแบบใหม่จากรัฐบาลสำหรับผู้ประกอบการที่ถูกบังคับให้หยุดกิจการ การได้รับการชดเชยสำหรับทุกคนเพื่อเก็บตัวอยู่ในบ้านลดการแพร่เชื้อรวมไปถึงการช่วยเหลือทีมแพทย์ที่ทำงานกันอย่างหนัก ซึ่งไม่อยากให้เกิดการสูญเสียบุคลากร รัฐบาลควรพยายามสร้างกฎใหม่ที่จะได้รับการชดเชยแม้ว่ามันจะผิดกฎ แต่ก็ต้องมีความรู้สึกที่แข็งแกร่งในภารกิจและความเป็นผู้นำ

    รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการสนับสนุนทางการเงินสำหรับ บริษัท ต่างๆโดยการประกาศภาวะฉุกเฉินขยายสินเชื่อปลอดดอกเบี้ยและไม่มีหลักประกัน แต่หลายบริษัทอาจลังเลที่จะกู้ยืมเงินเมื่อไม่สามารถทำนายได้ว่าการติดเชื้อจะสิ้นสุดลงเมื่อใด นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้ความอดกลั้นในการต่อสู้ลดลง มันต้องใช้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งในภารกิจและความเป็นผู้นำหลังจากออกแถลงการณ์สถานการณ์ฉุกเฉิน

    สำหรับ เคสุเกะ ฮอนดะ ที่ปัจจุบันค้าแข้งในลีกบราซิลกับสโมสรฟุตบอลโบตาโฟโก เป็นผู้ถือครองบริษัท  Honda Estilo อีกทั้งยังมีธุรกิจที่ลงมือทำอีกมากมาย  โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศญี่ปุ่นตอนนี้ มีผู้ติดเชื้อ 13,441 ราย เสียชีวิต 372 ราย รักษาหายแล้ว 2,536 ราย

เรียนรู้ไว! โค้ชเก่ามั่น’มินามิโนะ’แจ้งเกิดกับหงส์ได้แน่



อดีตเจ้านายของดาวยิงทีมชาติญี่ปุ่น มั่นใจ ลูกกศิษย์ของเขาจะประสบความสำเร็จกับชีวิตค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์

เจสซี มาร์สช์ กุนซือของ เร้ดบูล ซัลซ์บวร์ก มั่นใจ ทาคุมิ มินามิโนะ จะประสบความสำเร็จกับลิเวอร์พูลแน่นอน เพราะเขาเป็นนักเตะฉลาด

ตัวรุกทีมชาติญี่ปุ่นย้ายมาเล่นกับหงส์แดงในตลาดเดือนมกราคม แต่ยังไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งเหมือนสมัยอยู่ในลีกออสเตรียออกมาได้ นั่นทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามถึงอนาคตของเขากับทีม

"ตอนที่เขาย้ายเข้ามา เขารู้ว่าเขาจะได้เป็นกำลังสำคัญของทีม เขาหัวไวและฉลาดมาก ๆ" มาร์สช์ กล่าวผ่าน ESPN FC

"เขาเข้าใจฟุตยอล เข้าใจวิธีเล่นในจังหวะสุดท้ายและแท็คติค"

"ลิเวอร์พูลมีนักเตะฝีเท้าดีและผู้เล่นที่มีประสบการณ์มากมาย ดังนั้นทาคิจึงต้องใช้เวลาในการแจ้งเกิดในทีม"

"ผมคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไป เราจะเห็นมากขึ้นว่า เขาสามารถเล่นได้เกือบทุกบทบาทใน 6 ตำแหน่งตัวรุกของลิเวอร์พูล"

"เพราะเขาหัวไวและฉลาดมาก เขาจะมองภาพออกและเล่นได้ดีขึ้น"

"ผมได้ยินมาว่าเขาทำได้ดีมากในสนามซ้อม พวกเขาประทับใจมาก แต่เขายังทำแบบนั้นไม่ได้ในเกมแข่งขัน"

"มันอาจต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อย แต่ทาคิเป็นคนที่มีแรงผลักดันสูงมาก เขาจะหาทางเพื่อทำผลงานให้ดีขึ้นในทุก ๆ วัน มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น"

เขาคนนี้ คือลูกพี่ระดับอัจฉริยะของ “เจ”ชนาธิป



แม้ปัจจุบันกองกลางอัจฉริยะแดนปลาดิบอย่าง ชินจิ โอโนะ จะย่างก้าวเข้าสู่วัย 40 ปีแล้วก็ตามที่แต่ความฝันฟุตบอลแรงบันดาลใจที่ทรงอิทธิพลต่อนักเตะรุ่นหลังบนแผ่นดินอาทิตย์อุทัย ยังเต็มเปี่ยมเสมอเมื่อเรื่องราวของเขาถูกนำเสนอและปัจจุบันยังคงโลดแล่นอยู่บนสนามหญ้าแม้ว่าจะเป็นระดับเจลีก 2 อย่างเอฟซี ริวกิว ก็ตามที

เส้นทางฟุตบอลของ “โอโนะ”ถูกกล่าวขานเป็นอย่างมากอาจจะด้วยความมหัศจรรย์ผสมผสานกับฝีเท้าที่เข้าขั้นอัจฉริยะรวมไปถึงการแจ้งเกิดเร็วด้วยความสามารถล้วนๆ ป๋าดันให้เกิดบนเส้นทางชีวิตของแข้งรายนี้น้อยมาก ช่วงเริ่มต้นที่ “เมสซี่เจ”ชนาธิป สรงกระสินธ์ ออกสตาร์ทในถิ่นซัปโปโรใหม่ๆ โอโนะ คือพี่เลี้ยงของชนาธิปที่คอยให้คำปรึกษาอีกจน “เมสซี่เจ”เรียกเขาว่าลูกพี่ มีช่วงหนึ่งที่แข้งตำนานญี่ปุ่นรายนี้เคยกล่าวถึงอนาคตแข้งไทยโดยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า ชนาธิปยังสามารถพัฒนาได้อีกเยอะ

ชินจิ โอโนะ ความมหัศจรรย์มีเรื่องราวต่างๆน่าค้นหามากมายไม่ว่าจะเป็นการเล่นฟุตบอลโลกครั้งแรก 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส ด้วยวัยเพียง 18 ปีเศษ แถมมีโอกาสลงไปสร้างชั่วโมงบินในสนามแข่งขัน โอโนะ สามารถรักษาฟอร์มการเล่นที่ต่อเนื่องยืนหยัดรับใช้ทีมชาติญี่ปุ่นในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายถึง 3 สมัย 1998 (ฝรั่งเศส),2002(ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้) และ 2006 (เยอรมัน) สถิติการลงสนามในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งแรกในชีวิตของโอโนะยังเป็นสถิติการลงเล่นอายุน้อยที่สุดตลอดกาลของทีมชาติญี่ปุ่น 18 ปี 272วัน ยังไม่มีใครสามารถทำลายลงได้

จริงๆแล้วดาวเตะรายนี้ฉายแววตั้งแต่สมัยเล่นทีมเยาวชนทีมชาติญี่ปุ่น สมัยอายุ 13 ปี  ก้าวกระโดดเป็นตัวเลือกในทีมชาติชุด 17 ปี พาทีมคว้าแชมป์เอเชีย 1994  หลังจากนั้นก้าวขึ้นมาเป็นขุมกำลังหลักในทีมเยาวชน 19 ปี ชิงแชมป์เอเชีย 1998 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่  จ.เชียงใหม่  ครั้งนั้น ชินจิ โอโนะ พาทีมจบด้วยการคว้ารองแชมป์ พร้อมกับคว้าตำแหน่งดาวเตะยอดเยี่ยมไปครอง อีกทั้งยังคว้ารางวัลเยาวชนยอดเยี่ยมของทวีปประจำปี  ซึ่งปีเดียวกัย โอโนะ  ถูกส่งขึ้นไปสู่ทีมชุดใหญ่เพื่อไปทำศึกฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศส

ความสำเร็จเฉพาะบุคคลช่วงปี 1998-1999 พอบอกอะไรได้หลายอย่างทั้งการคว้าเยาวชนยอดเยี่ยมเอเชีย,ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์,ดาวรุ่งยอดเยี่ยมเจลีก,11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมเจลีก,11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม 20ปี ชิงแชมป์โลก พร้อมกับพายู-20 ญี่ปุ่นคว้ารองแชมป์โลก ปี 1999 ก่อนที่จะต่อยอดสู่ผู้เล่นยอดเยี่ยมทวีปเอเชียปี 2002 ความสามารถมนตราของฝีเท้าระดับทวีปเอเชียไม่สามารถกักขังความเจ๋งได้อีกต่อไปเมื่อ เฟร์ยานูด ของฮอลแลนด์กระชากไปร่วมทีม เวทียุโรปสำหรับแข้งเอเชียยุคนั้นหากว่าไม่ดีพอคงยืนระยะเวลาลำบาก ห้วงเวลา 4 ปี 112 กว่าเกม บ่งบอกถึงคุณภาพที่ทีมจะขาดเขาไม่ได้ที่สำคัญ โอโนะ คว้าแชมป์ยูฟ่าคัพ 2001-2002  กับทีม

ดาวจากแดนพระอาทิตย์อุทัยเฉิดฉายสาดแสงอย่างต่อเนื่องแม้ปัญหาหลักๆคืออาการบาดเจ็บแต่เมื่อมีเวลาในสนามแข่งขันมักมีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นเสมอจากความอัจฉริยะของฝีเท้า ตลอดช่วงระยะเวลาในการเป็นนักฟุตบอลจนถึงเวลาปัจจุบัน ชินจิ โอโนะ กลายเป็นไอคอนฟุตบอลของเด็กๆในญี่ปุ่น เพราะการลากยาวบนถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ดีงามตามความรับผิดชอบวินัยที่มี ทั้งการคว้าแชมป์ระดับสโมสร,ระดับทีมชาติ ความสำเร็จในยุโรป ทุกอย่างคือรูปธรรมจากความอัจฉริยะของฝีเท้า จนมาถึงวันนี้สื่อในญี่ปุ่นต่างยกย่องว่านี่คือแข้งอัจฉริยะยุคเริ่มต้นยุคทองของวงการฟุตบอลญี่ปุ่น

ข้อมูลส่วนตัว

    ชินจิ โอโนะ           

    ปัจจุบันอายุ 40 ปี

    ตำแหน่ง กองกลาง

สโมสร:อุราวะ เรดส์ฯ 1998-2001,2006-2007,เฟยานูด 2001-2005,โบคุมส์ 2008-2009,ชิมิสุ 2010-2012,เวสเทิร์น ซิดนีย์ 2012-2014 ,ซัปโปโร 2014-2019, เอฟซี ริวกิว 2019-2020

เกียรติประวัติกับสโมสรและทีมชาติ:แชมป์เจลีก 2006,แชมป์เอมพาเรอร์คัพ 2006,แชมป์ซูปเปอร์คัพ 2006,แชมป์เอเอฟซี แชมป์เปี้ยนลีก2007 ,แชมป์ยูฟ่า คัพ 2001-2002,รองแชมป์KNVB Cup 2002-2003,แชมป์เอลีก 2012-2013,แชมป์ 16 ปี เอเชีย 1994,รองแชมป์ 19 ปี เอเชีย 1998 ,รองแชมป์โลก 20 ปี 1999,แชมป์เอเซียนคัพ 2000

เกียรติประวัติส่วนตัว:เยาวชนยอดเยี่ยมเอเชีย 1998,ผู้เล่นยอดเยี่ยม 19 ปี ชิงแชมป์เอเชีย 1998 ,11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมยู20 ชิงแชมป์โลก 1999,ผู้เล่นยอดเยี่ยมเอเชีย ปี 2002,ดาวรุ่งยอดเยี่ยม เจลีก 1998, 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม เจลีก 1998