ใช่เหรอ? “พ่อปาร์เตย์” เผยแนะลูกปฏิเสธ “2 ทีมดัง” ชี้ไม่ท้าทายเพราะได้เล่นชปล.

เจค็อบ ปาร์เตย์ คุณพ่อบังเกิดเกล้าของ โธมัส ปาร์เตย์ ออกมาเปิดเผยว่าลูกชายของเขาได้รับความสนใจจาก ยูเวนตุส และ เชลซี ก่อนจะลงเอยกับ อาร์เซน่อล

ปาร์เตย์ เป็นกองกลางคนสำคัญของ แอตเลติโก มาดริด โดยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนตกเป็นข่าวกับ อาร์เซน่อล มาอย่างยาวนาน

มิดฟิลด์ทีมชาติกานาวัย 27 ปีเพิ่งย้ายมาร่วมทัพอาร์เซน่อล เมื่อตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมาด้วยค่าตัว 45 ล้านปอนด์ โดยล่าสุด พ่อของเขาออกมาเปิดเผยว่า

"เรารู้ว่ามีความสนใจจาก ยูเวนตุส และ เชลซี ผมสังเกตว่าลูกชายอยากเล่นให้ทีมระดับยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ผมก็แนะนำเขาไปว่าทำไมไม่ลองไปทีมที่ไม่ได้เล่น แล้วช่วยให้พวกเขาได้ไปเล่นล่ะ?"

ฮาแวร์ทซ์แฮตทริก-ซิลวาเปิดตัว! เชลซียิงมันส์เท้าฉลุยศึกคาราบาวคัพ

"สิงห์บลูส์" เชลซี เกมนี้ส่งแนวรับคนใหม่ ติอาโก้ ซิลวา เล่นตัวจริงนัดแรก ส่วนอีก ไค ฮาแวร์ทซ์ ระเบิดแฮตทริกแรกให้ทีม-ของตนเองในชีวิตค้าแข้ง ถล่ม บาร์นสลี่ย์ ราบคาบ 6-0 ฉลุยเข้ารอบต่อไป รอดวล เลย์ตัน โอเรียน กับ สเปอร์ส ที่เลื่อนแข่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ในการแข่งขันศึกฟุตบอลคาราบาว คัพ รอบสาม คืนวันพุธที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

     ศึกฟุตบอลคาราบาว คัพ รอบสาม คืนวันพุธที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา "สิงห์บลูส์" เชลซี ล่าสุดปราชัยเกมบิ๊กแมตช์ในลีก แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือเจ้าถิ่นปรับผู้เล่นหลายตำแหน่ง ส่งกองหลังตัวใหม่ "ติอาโก้ ซิลวา" ยืนเกมรับ แนวรุกยังใช้ "ไค ฮาแวร์ทซ์" บัญชาแดนกลาง รอดวลทีมเยือน บาร์นสลี่ย์ ทีมระดับแชมเปี้ยนชิพ ลูกทีมของ เกอร์ฮาร์ด สตรูเบอร์ ฟอร์มที่ผ่านมาในลีกแพ้มาสองแมตช์ติด ส่วนถ้วยนี้เขี่ย มิดเดิ้ลสโบรช์ เพื่อนร่วมลีกมาได้ มีตัวอันตราย "โดมินิก เฟรเซอร์" หวังซัดช่วยทีมลิ่วรอบต่อไป

     เพียงแค่นาทีแรก เอเมอร์สัน วางบอลโด่งขนานเส้นข้างด้านซ้าย ทิ้งมาให้ ไค ฮาแวร์ทซ์ จับบอลหนีตัวแนวรับทีมเยือน ไหลบอลต่อไปที่ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย แตะเข้าเขตโทษด้านขวาแล้วซัดแต่ติดเซฟ แบรดลีย์ คอลลินส์ นายทวารบาร์นสลี่ย์ ออกมาบล็อกทัน

     ทีมเยือนสวนกลับนาทีที่ 14 คอลลีย์ วูดโรว์ ได้บอลจากเพื่อนลองปั่นบอลกลางสนามเยื้องมาทางซ้ายระยะ 25 หลา บอลโค้งจะมุดกรอบประตูแต่ วิลลี่ กาบาเยโร่ นายทวารเจ้าบ้านโดดปัดพ้นอันตรายหวุดหวิด

     ยังเป็นผู้มาเยือนบุกนาทีที่ 17 คิเลียน ลูเดวิค เปิดบอลริมสนามด้านขวา บอลกระดอนมาในเขตโทษ เกมรับสิงห์บลูส์กะจังหวะไม่ดีปล่อยให้ อาโป ฮัลเม่ กองหลังบาร์นสลี่ย์ สอดโหม่งบอลแต่ยังเบาเข้ามือนายด่านเจ้าถิ่น

     ค่อมานาทีที่ 18 แทมมี่ อบราฮัม ถอยต่ำลงไปล้วงบอล ก่อนจ่ายให้ เมสัน เมาน์ท แปะบอลเข้าเขตโทษ ไค ฮาแวร์ทซ์ ตามมาเก็บบอลเข้าไปกระหน่ำในเขตโทษ แต่ยังไม่ดีน้ำหนักเกบาไป แบรดลีย์ คอลลินส์ นายทวารผู้มาเยือนรับสบาย

     สิงห์บลูส์ออกนำนาทีที่ 19 คัลลัม สไตลส์ ส่งบอลคืนหลังให้ อาโป ฮัลเม่ กองหลังเพื่อนร่วมทีม ทว่า แทมมี่ อบราฮัม แอบมาเบียดจากข้างหลังฉกบอลเข้าไปยิงผ่านมือนายทวารทีมเยือนตุงตาข่าย

     เชลซีพลาดนำอีกนาทีที่ 25 ไค ฮาแวร์ทซ์ โชว์สกิลลากบอลจากริมสนามทางขวามาถึงหน้ากรอบเขตโทษ ไหลบอลป้ายไปที่ เมสัน เมาน์ท ที่วิ่งสอดมาทางซ้ายหลุดเข้าเขตโทษไปซัดแต่บอลไม่ตรงกรอบออกข้างเสาด้านซ้ายไปแบบได้ลุ้น

     และแล้วนาทีที่ 29 เมสัน เมาน์ท แทงบอลริมสนามทางซ้าย บอลกลิ้งมาหน้ากรอบเขตโทษ แทมมี่ อบราฮัม กระโดดหลอกผู้เล่นบาร์นสลี่ย์ ปล่อยบอลลอดขาให้ ไค ฮาแวร์ทซ์ ดอดมารับบอลแล้วหวดเข้าไปซุกก้นตาข่าย

     ทีมเยือนชวดสกอร์นาทีที่ 33 คิเลียน ลูเดวิค ฟูลแบ็กทีมเยือน แอบเติมสูงมาจ่ายบอลเรียดเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้ พาทริค ชมิดท์ จับบอลแล้วยิงแต่ยังถูกนายทวารสิงห์บลูส์พุ่งปัดพ้นเขตประตูสำเร็จ จบ 45 นาทีแรก เชลซี นำ 2-0

     เชลซีเริ่มสวยนาทีที่ 49 อเล็กซ์ โมวัตต์ กองกลางทีมเยือนถอยมารับบอลจากนายทวาร แต่ถูก ไค ฮาแวร์ทซ์ สไลด์บอลดัก เข้าทาง รอสส์ บาร์คลี่ย์ แตะบอลเข้ากลางเขตโทษไปแปบอลเรียดส่งเข้าสู่ก้นตาข่ายอีกเม็ด

     ไม่กี่อึดใจนาทีที่ 53 จอร์แดน วิลเลี่ยมส์ แบ็กขวาบาร์นสลี่ย์ ครองบอลพลาดถูก มาเตโอ โควาซิซ ฉกบอลก่อนเปิดจากริมเขตโทษด้านซ้ายให้ แทมมี่ อบราฮัม แตะตอกส้นบอลให้ ไค ฮาแวร์ทซ์ วิ่งเข้ามาพังสกอรืลูกที่สองของเจ้าตัวเกมนี้

     สิงห์บลูส์ทิ้งไกลนาทีที่ 65 เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า แทงบอลริมสนามด้านขวาเข้ากลางสนาม แทมมี่ อบราฮัม ลงมาต่ำตวัดบอลจังหวะเดียวทิ้งให้ ไค ฮาแวร์ทซ์ วิ่งหลุดเดี่ยวแตะบอลเข้าไปแตะหลบดวลนายทวารทีมเยือนหนึ่งครั้ง เข้าไปซัดแบบโล่งโจ้ง ระเบิดแฮตทริกแรกให้ทีมสำเร็จ

     เจ้าถิ่นยังไม่พอนาทีที่ 83 เบน ชิลเวลล์ โยนบอลจากริมเส้นทางซ้าย บอลกระดอนมาในเขตโทษ ก่อนเป็น โอลิวิเย่ร์ ชิรูด ที่ลงมาเป็นตัวสำรองย่อตัวเอาหัวโหม่งสะบัดเข้าประตูไป จบเกม เชลซี ชนะ บาร์นสลี่ย์ 6-0 ลิ่วรอบสี่ รอผู้ชนะคู่ เลย์ตัน โอเรียน กับ สเปอร์ส ที่เลื่อนแข่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

เชลซี (4-3-3): วิลลี่ กาบาเยโร่,เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า,ฟิคาโย่ โทโมรี่,ติอาโก้ ซิลวา (เคิร์ต ซูม่า น.61),เอเมอร์สัน,รอสส์ บาร์คลี่ย์,มาเตโอ โควาซิซ,เมสัน เมาน์ท,ไค ฮาแวร์ทซ์ (เบน ชิลเวลล์ น.66),แทมมี่ อบราฮัม (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด น.72),คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย

บาร์นสลี่ย์ (4-3-3): แบรดลีย์ คอลลินส์,คิเลียน ลูเดวิค,มิชาเอล โซลเบาเออร์,อาโป ฮัลเม่,จอร์แดน วิลเลี่ยมส์,มาร์แซล ริตซ์ไมเออร์ (คล๊าร์ค โอดออร์ น.57),อเล็กซ์ โมวัตต์,คัลลัม สไตลส์,โดมินิก เฟรเซอร์ (คอเนอร์ แชปลิน น.58),พาทริค ชมิดท์,คอลลีย์ วูดโรว์ (ลุค โธมัส น.46)

 

เชลซีมั่นใจได้ฮาแวร์ทซ์แม้ปิ๋วตั๋วชปล.-เล็งเสริมหลังบ้านอีกเพียบ

เดลี่ เมล์ สื่อจากประเทศอังกฤษ เผยว่า เชลซี มั่นใจว่าต่อให้ทีมพลาดโควตา แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ยังจะได้ตัว ไค ฮาแวร์ทซ์ สตาร์ดังจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น แน่นอน รวมถึงเล็งเสริมผู้เล่นเกมรับอีกหลายราย

    เชลซี ตกเป็นข่าวกับ ไค ฮาแวร์ทซ์ อย่างหนักในระยะหลัง โดยทางสโมสรเองก็มั่นใจว่าจะคว้าดาวเตะวัย 21 ปีเข้ามาร่วมทัพเพื่อประสานงานกับ ติโม แวร์เนอร์ กับ ฮาคิม ซิเย็ค สองแข้งใหม่ในซีซั่นหน้าได้แน่นอน ถึงต่อให้ไม่ได้โควตาไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ตาม โดยคาดว่าค่าตัวของ ฮาแวร์ตซ์ อยู่ที่ระดับ 90 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 3,600 ล้านบาท

    อย่างไรก็ตาม เรื่องเกมรับเป็นอีกหนึ่งปัญหาของเชลซี โดยทางเดลี่เมล์ ระบุว่า เชลซี วางตัว เดแคลน ไรซ์ เป็นทางเลือกแรก โดยจะปรับตำแหน่งจากมิดฟิลด์ตัวรับเป็นปราการหลังตัวเลาง นอกจากนี้ยังมีชื่อของ นิโคลัส ตาเกลียฟิโก้ วิงแบ็กอาร์เจนไตน์ของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่คาดว่าเป็นทางเลือกรองจาก เบน ชิลเวลล์ ที่มีค่าตัวสูงถึง 70 ล้านปอนด์

    ขณะเดียวกัน ในส่วนของตำแหน่งผู้รักษาประตู "สิงห์บลูส์" ยังให้ความสนใจ ยาน โอบลัค นายด่านจาก แอต.มาดริด ที่มีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 109 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 4,400 ล้านบาท เพื่อเข้ามาแทนที่ เกปา อาร์ริซาบาลากา มือหนึ่งคนปัจจุบันที่ทำผลงานได้น่าผิดหวัง

เซ่นเอ็มบั๊ปเป้! ปารีสบี้แซงต์เอเตียน10คนสุดเดือด ซิวเฟร้นช์คัพสมัย13

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ผงาดคว้าแชมป์ เฟร้นช์ คัพ สูงสุดเป็นสมัยที่ 13 หลังบดเอาชนะ แซงต์ เอเตียนที่เหลือแค่ 10 คน แบบสุดเดือด 1-0 จากประตูชัยของ เนย์มาร์ ในนัดชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเกมนี้ แซงต์ เอเตียนต้องเหลือ 10 คน หลัง โลอิก แปร์แร็ง กัปตันทีมโดนใบแดงจากการไปเสียบ คีลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ จนเจ็บหนักเล่นต่อไม่ไหว ต้องลุ้นว่าจะหายทันเกมชปล.ในช่วงเดือนสิงหาคมหรือไม่?

สนาม : สต๊าด เดอ ฟร้องซ์

    ศึกเฟร้นช์ คัพ รอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เป็นการพบกันระหว่างแชมป์สูงสุด 12 สมัยอย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง พบกับ แซงต์ เอเตียน แชมป์ 6 สมัย

    โธมัส ทูเคิ่ล เทรนเนอร์ชาวเยอรมันวัย 46 ปีของเปแอสเช จัดชุดใหญ่หน้าคู่วาง เมาโร อีการ์ดี้ และคีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ล่าตาข่ายโดยมีตัวสนับสนุนชั้นยอดอย่าง เนย์มาร์ ส่วนทางฝั่ง  โคล้ด ปูแอล เทรนเนอร์ของ แซงต์ เอเตียน วาง โรแม็ง อามูม่า และเดอนีส์ บวงก้า เป็นทีเด็ด

    ออกสตาร์ทเกมครึ่งแรก ทั้งคู่เปิดเกมรุกเข้าใส่อย่างสนุก นาทีที่ 5 แซงต์ เอเตียน เกือบชิงขึ้นนำก่อนหลัง โรแม็ง อามูม่า หัวหอกตัวเก่งพาบอลตะลุยเข้าไปซัดด้วยขวาบอลผ่านมือ เกย์ลอร์ นาวาส ไปแล้วแต่ไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย

    นาที 14 โอกาสเข้าทำหนแรกของ เปแอสเช ก็ขึ้นนำ 1-0 ทันทีจากจังหวะที่ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ รับบอลชิ่งจาก ดิ มาเรีย ก่อนหลุดเข้าไปใส่ด้วยขวาติดเซฟของ เชสซี่ มูแล็ง แต่บอลไม่พ้นอันตรายไปเข้าทาง เนย์มาร์ ซ้ำด้วยซ้ายเช็ดใต้คานเข้าไปอย่างเด็ดขาด

    แซง เอเตียน หลังเสียประตู ก็อยู่ไม่ได้โหมบุกบ้างเพื่อหวังไล่ตีเสมอ นาที 16 ได้ลุ้นเช่นกัน โรแม็ง อามูม่า ไหลบอลให้ เดอนีส์ บวงก้า หลุดเข้าไปกดด้วยขวาแต่ยังไม่ผ่านมือ เกย์ลอร์ นาวาส ที่เซฟไว้ด้อย่างยอดเยี่ยม

    อีก 4 นาทีต่อมา เปแอสเช ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกหลัง ธีโล เคห์เรอร์ แบ็กขวาบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง โกแล็ง ดั๊กบา ลงเล่นแทน

    แซงต์ เอเตียน ได้ลุ้นอย่างต่อเนื่อง นาที่ 21 พลาดโอกาสไล่ตีเสมออีกหลัง อามูม่า ครอสบอลมาให้ เดอนีส์ บวงก้า เทกตัวขึ้นโขกเหน่งๆ แต่ยังไม่ผ่านมือ นาวาส อีกหน

    ทว่า "ปารีสฯ" มาแบบเน้นๆกว่า นาที 25 อังเคล ดิ มาเรีย หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งไปติดมือ เชสซี่ มูแล็ง เหินปัดออกหลังอีก

    นาที 27 คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ได้บอลหลุดเข้าไปแต่โดน โลอิก แปร์แร็ง พุ่งมาตัดเข้าเสียบอย่างน่าเกลียดจน เอ็มปั๊ปเป้ ลงไปนอนกับพื้น ซึ่งเป็นชนวนให้เพื่อนร่วมทีม เปแอสเช ไม่พอวิ่งปรี่ไปหาจนเกือบมีเรื่องชุลมุ่นวุ่นวาย ซึ่งหลังเหตุการณ์สงบลงผู้ตัดสินเดินทางแจกใบเหลืองทั้ง เลอันโดร ปาเรเดส และมิทเชล บัคเคอร์ สองแข้งปารีส กับโรแม็ง อามูม่า ดาวยิงของ แซงต์ เอเตียน รวมถึงต้นเหตุอย่าง โลอิก แปร์แร็ง

    จากนั้นมีสัญญาณจาก VAR ถึงความเป็นไปได้ที่จะเป็นใบแดงของ โลอิก แปร์แร็ง ซึ่งหลัง อาโมรี่ เดอเลอรู ผู้ตัดสินวิ่งไปดูมอนิเตอร์ข้างสนามได้วิ่งมากลับคำตัดสินที่ก่อนจะเอามือควักกระเป๋าหลังเปลี่ยนเป็นแจกใบแดงให้ แปร์แร็ง ในนาที 31 ทำให้แซงต์ เอเตียน เหลือแค่ 10 คน

    แถม โธมัส ทูเคิ่ล ต้องเปลี่ยนเอา คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ที่เจ็บจนเล่นไม่ไหวแล้วส่ง ปาโบล ซาราเบีย ลงเล่นแทนในนาที 34 ส่วนแซงต์ เอเตียน ต้องแก้เกมถอด  ยานน์ มาครง ตัวรุกออกแล้วส่ง ฮาโรลด์ มูคูดี้ แนวรับไปเล่นแทน

    ช่วงทดเจ็บ นาที 45+2 เปแอสเช เกือบได้เม็ดที่สองนำห่างหลังได้ฟรีคิกทางด้านขวา อังเคล ดิ มาเรีย ปั่นข้ามกำแพงจะเสียบเสาแรกอยู่แล้วแต่ เชสซี่ มูแล็ง ยังยอดเยี่ยมปัดออกหลังหวุดหวิด

    จบครึ่งแรก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ขึ้นนำ แซงต์ เอเตียน 1-0

    กลับมาบู๊กันต่อในครึ่งหลัง แซงต์ เอเตียน เป็นสองคนรวดเลยส่ง ยาน เนยู เล่นแทน มาห์ดี้ กามาร่า และส่ง วาห์บี คาซรี่ ลงเล่นแทน โรแม็ง อามูม่า

    นาที 47 วาห์บี คาซรี่ ที่เพิ่งลงมาของ แซงต์ เอเตียน ได้ลองทักทายด้วยการยิงไกลกว่า 40 หลาแต่บอลลอยโด่งหลุดเสาออกไปแบบได้เสียว

    นาที 73 เปแอสเช พลาดโอกาสได้ประตูนำห่างหลัง ดิ มาเรีย แทงบอลให้ ปาโบล ซาราเบีย หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายแต่บอลก็ไม่ผ่านตัว เชสซี่ มูแล็ง

    อีก 3 นาทีถัดมา ยาน เนยู ได้ลองกดด้วยขวานอกกรอบบ้างแต่บอลก็ยังเบาไปเข้ามือ เกย์ลอร์ นาวาส รับไว้ได้ไม่ยาก

    ช่วงท้ายเกม แซงต์ เอเตียน บุกหนักเพื่อทวงประตูเสมอให้ได้ แต่บอลยังไม่ผ่านแนวรับเปแอสเชที่เล่นอย่างเหนียวแน่น จนจบเกม ผู้ตัดสินเป่าจบการแข่งขันเป็นอันว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง คว้าชัยะเหนือ แซงต์-เอเตียน  1-0 คว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 13

    รายชื่อ11ผู้เล่นทั้งสองทีม   

        ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (4-4-2) : เกย์ลอร์ นาวาส – ธีโล เคห์เรอร์, มาร์กินญอส, ติอาโก้ ซิลวา (กัปตันทีม), มิทเชล บัคเคอร์ – อังเคล ดิ มาเรีย, อิดริสซ่า กาน่า เกย์, เลอันโดร ปาเรเดส, เนย์มาร์ – เมาโร อีการ์ดี้, คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้

        แซงต์-เอเตียน : เชสซี่ มูแล็ง – มาติเยอ เดอบูชี่, โลอิก แปร์แร็ง (กัปตันทีม), เวสเล่ย์ โฟฟาน่า, ติโมเต้ โคล็อดเซียจซัค – ยันน์ เอ็มวีล่า, มาห์ดี้ กามาร่า – ยานน์ มาครง, ริยาด บูเดอบุซ, เดอนีส์ บวงก้า – โรแม็ง อามูม่า

    ผู้ตัดสิน : อาโมรี่ เดอเลอรู

 

มิติใหม่’ป็อก’ยืนตำแหน่งเบอร์10-บรูโน่คอยหนุน

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผจก.ทีม แมนฯ ยูไนเต็ด แตกฉาเรื่องส่ง ปอล ป็อกบา กองกลางที่ฟื้นอาการบาดเจ็บ ลงสนามพร้อมกับ บรูโน่ แฟร์นานเดส มิดฟิลด์ขวัญใจคนใหม่ ในไลน์อัพเดียวกันได้แล้วคือให้รายแรกยืนสูงเป็นเพลย์เมกเกอร์ ส่วนรายหลังรับบทฟันเฟืองเคลื่อนบอล

 รายงานจาก ‘ซัน สปอร์ต’ เผยความเคลื่อนไหวในศูนย์ฝึกแคร์ริงตันวานนี้หลังจาก ‘ปีศาจแดง’ แบ่งข้างลงทีมกันเอง จากแผนเดิมต้องอุ่นแบบปิดกับ สโต๊ค ซิตี้ แต่ที่ยกเลิกเพราะทราบว่านักเตะ’ช่างปั้นหม้อ’ ผลตรวจโคโรน่าไวรัสเป็นบวก

 แต่ในความโชคร้ายของ โซลชา ที่อดนำลูกน้องเคาะสนิม ก็ยังมีความโชคดีเรื่องข้อสรุปในการจัดให้ 2 สิงห์อยู่ถ้ำเดียวกันได้แล้วนั่นคือดัน ป็อกบา ซึ่งเพิ่งฟื้นจากการผ่าตัดกระดูกข้อเท้าหัก ไม่ได้แข่งเกมอย่างเป็นทางการนับจากบ็อกซิ่ง เดย์ เป็นเพลย์เมกเกอร์สนับสนุนหอกเป้า เปิดอิสระเต็มที่แดนบนทั้งยิงไกล, สอดเข้ากรอบ หรือจ่ายบอลได้-เสีย

ตำแหน่งเบอร์#10 นี้ แข้งวัย 27 ปี ก็เคยเล่นมาบ้างตลอด 4 ซีซั่นที่ร่วมงาน ยูไนเต็ด แล้วผลตอบรับจากนักวิจารณ์ก็เป็นเชิงบวกเพราะเจ้าตัวมีอิสระมากขึ้น แต่ในอดีตไม่เคยถูกส่งยืนตรงนั้นอย่างต่อเนื่อง

 ด้าน บรูโน่ นิยามคือกองกลางสไตล์เบอร์#8 บทบาทเป็นคนตั้งลำให้ทีมลำเลียงจากหลัง-ไป-หน้า ควบคู่เล่นเกมรับ

 บททดสอบแรกในแมตช์อย่างเป็นทางการคาดว่าคือเกมพบ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ คู่แข่งแย่งตั๋ว ชปล. ( 19 มิ.ย.)

แผนใหม่ยูฟ่ากับรายการชปล.-ยูโรปา

เดอะ มิร์เรอร์ สื่อของอังกฤษ ระบุ ยูฟ่า คิดที่จะให้รอบตัดเชือก ของ แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ ยูโรปา ลีก เตะกันแบบนัดเดียวจบเท่านั้น ต่างจากก่อนหน้านี้ที่คิดจะให้รอบ 8 ทีมสุดท้ายมันเล่นแบบนัดเดียวจบด้วย แต่รอบตัดเชือกก็จะไปเตะในประเทศเดียวกับสถานที่ที่ใช้จัดนัดชิงดำ และระยะห่างของทั้ง 2 รอบก็จะมีเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
      สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) กำลังพิจารณาที่จะให้ 4 ทีมสุดท้ายของทั้งศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ต้องลงเล่นทั้งรอบรองชนะเลิศและรอบชิงชนะเลิศติดกันในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน ตามรายงานของ เดอะ มิร์เรอร์ สื่อชั้นนำของประเทศอังกฤษ

    การแพร่ระบาดอย่างหนักในหลายประเทศของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ ยูฟ่า ตัดสินใจสั่งพักทั้งศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูโรปา ลีก เอาไว้ก่อน ซึ่งมันก็ทำให้เกิดการตั้งประเด็นว่าหลังจากนี้ ยูฟ่า จะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง โดยก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าพวกเขาคิดที่จะให้รอบก่อนรองชนะเลิศกับรอบรองชนะเลิศเตะกันแบบนัดเดียวจบ

    อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เดอะ มิร์เรอร์ บอกว่า ยูฟ่า จะให้การเล่นแบบนัดเดียวจบมันมีเฉพาะในรอบรองชนะเลิศ แต่ 4 ทีมสุดท้ายของแต่ละรายการต้องมาเตะกันในเมืองของสถานที่ที่จะใช้จัดนัดชิงดำ โดยในกรณีของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็คือเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ส่วนของ ยูโรปา ลีก เป็นเมืองกดัญสก์ ประเทศโปแลนด์ แล้วอีกไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ให้ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศที่ประเทศนั้นๆ ต่อเลย เหมือนอย่างในศึก ฟุตบอลโลก หรือในทัวร์นาเมนต์กีฬาของสหรัฐอเมริกา เป็นต้น