“ฟาบินโญ่” เซ็งเป็ดโดนปล้นบ้านช่วงฉลองแชมป์ลีก

ลิเวอร์พูลเอคโค่ สื่อดังประจำท้องถิ่น รายงาน ฟาบินโญ่ มิดฟิลด์ตัวเก่งลิเวอร์พูล โดนตีนแมวบุกเข้าปล้นในช่วงระหว่างที่เขากับภรรยาอยู่ร่วมเหตุการณ์ฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยงานนี้เครื่องเพชร อัญมณี หายไปเพียบ ส่วนรถยนตร์ได้กลับคืนมาแล้ว

               ฟาบินโญ่ กองกลางชาวบราซิเลียนของ ลิเวอร์พูล สุดเซ็งหลังบ้านพักโดนโจรบุกเข้าไปขโมยทรัพย์สินมากมาย ในช่วงระหว่างที่เขาอยู่กับเพื่อนร่วมทัพ "หงส์แดง" ในการเฉลิมฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันพุธที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา

              หลังจบเกมที่เปิดรังแอนฟิลด์ ถล่ม "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี 5-3 ได้มีการทำพิธีมอบเหรียญแชมป์ และโทรฟี่พรีเมียร์ลีกให้กับทัพ "เดอะ เร้ดส์" โดยงานนี้ครอบครัวของนักเตะ ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้เข้ามาร่วมอยู่ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สโมสรในบ็อกซ์พิเศษที่สนาม

              อย่างไรก็ตามหลังจากที่เสร็จสิ้นช่วงเวลาแห่งความสุข ฟาบินโญ่กับ รีเบก้า ทาวาเรส  ภรรยาเดินทางกลับมาที่บ้านพักในฟอร์มบี้ และพบว่าเคหสถานของตัวเองโดนปล้น โดยงานนี้มีทรัพย์สินมีค่ามากมายถูกขโมยหายไปรวมไปถึงเครื่องประดับ อัญมณี เพชรนิลจินดา และรถยนต์หรูยี่ห้ออาวดี้ อาร์เอส 6 สีเทา แต่รถถูกพบอยู่ที่เมืองวีแกน

                  จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าช่วงเวลาที่โจรก่อเหตุอาจจะประมาณ 15.00 น.ของวันพุธไปจนถึง 04.00 น.ของวันพฤหัสบดี และเจ้าของบ้านมาพบว่าบ้านถูกปล้นหลังจากเดินทางกลับมาถึงที่พัก โดยโฆษกตำรวจเมอร์ซี่ย์ไซด์ กล่าวว่า "เจ้าหน้าที่สืบสวนในเซฟตัน ได้รับแจ้งว่ามีการโจรกรรมที่ฟอร์มบี้ มีการแจ้งตำรวจให้ไปยังที่เกิดเหตุช่วงก่อนเช้าตรู่ (วันพฤหัสบดีที่ 23 ก.ค.) ตอนที่เจ้าของบ้านเข้าไปในบ้านของพวกเขาแล้วพบว่าบ้านถูกปล้น"

                "ไม่มีใครอยู่ภายในบ้านช่วงเวลาที่เกิดเหตุ แต่คาดว่าการโจรกรรมคงเกิดขึ้นในช่วงเวลา 15.00 น.ของวันพุธที่ 22 กรกฎาคม และ 04.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม มีเครื่องเพชรและเครื่องประดับหลายชิ้นทุกขโมยไป รวมทั้งรถยนต์อาวดี้ อาร์เอส 6 สีเทา ซึ่งจากนั้นมีการคบรถอยู่บริเวณเมืองวีแกน"

                "บ้านและรถมีการตรวจสอบอย่างละเอียดจากเจ้าหน้าที่สืบสวนในสถานที่เกิดเหตุ และกล้องซีซีทีวีอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ขอให้ทุกๆ คนแจ้งข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ โดยเฉพาะใครก็ตามที่อยู่ในพื้นที่นี้ และอาจจะภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งแสดงให้เห็นว่ารถยนต์อาวดี้ อาร์เอส 6 สีเทาขับผ่านไป ให้ติดต่อกลับมาที่เจ้าหน้าที่ด้วย" โฆษก ระบุ

กัปตันของเรา! “เฮนโด้” พามินามิโนะร่วมฉลองแชมป์

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มิดฟิลด์ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นถึงความเป็นยอดกัปตันทีมเมื่อสังเกตเห็น ทาคูมิ มินามิโนะ กำลังโดดเดี่ยวในช่วงฉลองแชมป์ จึงเข้าไปพูดคุย และพาเขาไปชูโทรฟี่พรีเมียร์ลีก ซึ่งงานนี้ได้ใจแฟนบอลทั่วโลกจริงๆ

              จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางกัปตันทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำทั้งในและนอกสนาม เมื่อเจ้าตัวเข้าไปพูดคุยกับ ทาคูมิ มินามิโนะ กองกลางชาวญี่ปุ่น ในช่วงระหว่างที่เฉลิมฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันพุธที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา

              สตาร์ชาวแดนอาทิตย์อุทัย ย้ายมาร่วมทีมเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงเล่นตัวจริงในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดี เนื่องจากยังไม่สามารถปรับตัวกับการเล่นในอังกฤษ รวมไปถึงแนวรุกของ "หงส์แดง" ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพยากที่จะสอดแทรกเข้ามาได้

             อย่างไรก็ตาม มินามิโนะ ได้ลงเล่นในเกมลีกจำนวน 9 แมตช์ซึ่งมากพอที่จะมีชื่อรับเหรียญแชมป์ กระนั้นในช่วงที่เฉลิมฉลองความสำเร็จบนเวที ดาวเตะวัย 25 ปีมีอาการเขินๆ และมักจะยืนเคว้งคว้างโดดเดี่ยวในขณะที่เพื่อนร่วมทีมกำลังมีความสุขกับความสำเร็จในครั้งนี้

                 ในช่วงเวลานั้น เฮนเดอร์สัน สังเกตเห็นว่า มินามิโนะ กำลังโดดเดี่ยวก็เลยเดินเข้าไปพูดคุยพร้อมกับพาเขาไปที่ด้านหน้าเวทีเพื่อจะได้ชูโทรฟี่แชมป์พรีเมียร์ลีก โดยพฤติกรรมดังกล่าวทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" ประทับใจมากๆ และได้แสดงความเห็นกันมากมาย อย่างรายแรกระบุว่า "รักพฤติกรรมแบบนั้นของ เฮนเดอร์สัน….มินามิโนะ อยู่ด้านหลัง และ เฮนเดอร์สัน พาเขาไปด้านหน้าเพื่อจะได้ชูโทรฟี่แชมป์"

                 ขณะที่อีกรายระบุว่า "เฮนเดอร์สัน เดินเข้าไปหา มินามิโนะ และบอกเขาว่าให้เขาไปสัมผัสโทรฟี่แชมป์ นี่เป็นอะไรที่เจ๋งมากๆ" ตามด้วยรายที่สาม ทวิตว่า "ไม่มีนักเตะคนไหนแสดงความยินดีกับ มินามิโนะ เลย เขาดูเงียบขรึมและประหม่า เฮนโด้ เข้าไปหาเขาและพาเขาไปชูโทรฟี่แชมป์ เฮนเดอร์สันเป็นกัปตันทีมที่สุดยอดมากๆ"

ชาวเน็ตเสี้ยมอีก!เบลแกล้งดีใจ-ไม่แบกซีดานโยน

แกเร็ธ เบล ปีกสำรองค่าจ้างแพงของ เรอัล มาดริด โดนชาวเน็ตจับผิดอีกแล้วกับพฤติกรรมระหว่างทีมฉลองแชมป์ ลา ลีกา สมัยที่ 34 วานนี้ เมื่อแค่กอดคอทำท่าร้องรำทำเพลงแบบขอไปที แล้วเข้าตาสุดๆตอนทีมเมตจับเทรนเนอร์ ซีเนดีน ซีดาน โยนฉลอง สตาร์เวลส์แค่ยืนกอดอกดู

 มาดริด ได้แชมป์ ลีกา ฤดูกาล 2019-20 เมื่อสามารถเอาชนะ บียาร์เรอัล 2-1 การันตีตำแหน่งโดยไม่แคร์ผลคู่รองจ่าฝูง บาร์เซโลน่า เน่าคารังต่อ โอซาซูน่า ที่เหลือผู้เล่น 10 คน สกอร์ 1-2

 บรรยากาศแห่งความสุขที่ สนาม อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ เป็นไปอย่างชื่นมื่นนักเตะแกนหลักอย่าง เซร์คีโอ รามอส, คาริม เบนเซม่า หรือ ลูก้า โมดริช ต่างเคลียคลออยู่ไม่ห่างจากบอสเฟร้นช์แมน

 ต่างจากปีกวัย 31 ปี เจตนายืนให้ห่างสุดอย่างชัดเจนทางริมขอบฝั่งซ้ายมือโค้ช แต่มิวายถูกชาวเน็ตจับผิดว่าขาดซึ่งอารมณ์ร่วมต่องานฉลองเพราะพี่แกแค่ชูกำปั้นสะใจพอเป็นพิธี

ยิ่งไปกว่านั้นตอนผู้เล่นห้อมล้อมจับ ซีดาน โยนขึ้นฟ้าแสดงความซูฮก เบล ก็แค่กอดอกยืนดูแล้วแสยะยิ้มแบบเก้ๆกังๆ ภาษากายสื่อความหมายว่า – แล้วไงวะ? –

 เมื่อบวกกับพฤติการณ์ก่อนนั้นที่นั่งหลับเหยียดขาเอาหน้ากากอนามัยปิดตาระหว่างเกมแข่ง หรือทำมือทำไม้เป็นกล้องสอดแนมประชดใส่ช่างภาพที่ชอบแอบถ่ายเขา ก็เพียงพอจะทำให้เหล่า มาดริดนิสต้า กดดันท่าประธานสโมสร ฟลอเรนตีโน่ เปเรซ ยอมขาย เบล ให้พ้นๆดีกว่าทำลายบรรยากาศในห้องแต่งตัว

 สัญญาของนักเตะจอมโชว์วงสวิงมีถึง มิ.ย.2022 รับค่าจ้าง 15 ล้านยูโร-ต่อ-ปี (ราว 13.6 ล้านปอนด์-ต่อ-ปี/283,000 ปอนด์-ต่อ-สัปดาห์) นับเป็นอุปสรรคสำคัญหากทีมไหนจะมารับผิดชอบต่อ

ใครว่าบ้าก็ไม่แคร์!คล็อปป์พร้อมแห่ฉลองแชมป์ซีซั่นหน้า

เจอร์เก้น คล็อปป์ เผยว่า ลิเวอร์พูล อาจต้องรอฉลองพาเหรดแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปจนถึงซีซั่นหน้า หลังโดนข้อจำกัดจากวิกฤติโคโรน่าไวรัสระบาดในช่วงนี้

    ลิเวอร์พูล ใกล้ยุติการรอคอยแชมป์ลีกสูงสุดในรอบ 30 ปี โดยทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ขอชัยชนะอีกเพียง 2 เกมจาก 9 นัดที่เหลือในฤดูกาลนี้ ก็จะการันตีโทรฟี่ทันที

    โดยเกมพรีเมียร์ลีกที่จะกลับมาแข่งใหม่นั้น จะเล่นแบบปิดสนามเริ่มวันที่ 17 มิถุนายน นั่นหมายความว่าบรรดาแฟนบอล’หงส์แดง’ จะไม่ได้รับอนุญาตเข้ามาร่วมฉลองใน แอนฟิลด์ อีกทั้งอาจยังโดนห้ามไม่ให้ร่วมฉลองความสำเร็จในตัวเมือง

    นายใหญ่เลือดด๊อยช์ท เผยถึงเรื่องนี้ยอมรับว่าถ้าจะให้รอฉลองกับแฟน ๆ ซีซั่นหน้าตนก็ยอมรับได้ไม่มีปัญหา "คุณไม่สามารถฉลองได้ในแบบที่คุณฝันมาตลอด มันดูไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ซึ่งผมก็เข้าใจเรื่องนั้นได้ดีนะ" คล็อปป์ เผยกับ สกาย เยอรมนี

    "ผมก็รู้สึกเหมือนกันแหละ การฉลองแชมป์แบบเหงา ๆ ในสนามแล้วก็กลับบ้านมันไม่ใช่เรื่องในอุดมคติเลย"

    "เมื่อคุณคิดแบบนั้นมันไม่ใช่เลยจริง ๆ แต่ถึงอย่างไรตอนนี้มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ แล้วทำไมเราจะต้องนำเรื่องที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้มาให้เป็นเรื่องทำไมกันล่ะ?"

    "เมื่อถึงวันหนึ่งที่เรากลับมาใช้ชีวิตแบบปกติได้ เมื่อใครสักคนคิดค้นวัคซีนได้ขึ้นมา ตอนที่ใครสักคนเจอทางแก้ปัญหาได้ หรือเมื่อไหร่ที่อัตราการระบาดมันเป็นศูนย์หรือต่ำลง วันนั้นแหละมันก็จะมาถึง แล้วเราก็จะได้ฉลองในแบบที่เราต้องการ"

    "หากมันจะเกิดขึ้นในช่วง 12 หรือ 13 นัดแรกของฤดูกาลหน้า แล้วเรายังอยากจะฉลอง ถามหน่อยใครกันจะมาหยุดพวกเราได้ล่ะ? ตอนนั้นเราก็มีถ้วยแชมป์แล้ว ซึ่งเราก็จะยืนอยู่บนรถบัสแห่ชูโทรฟี่ไปทั่วเมือง ใครจะหาว่าบ้าก็ตามเถอะ เอาจริง ๆ ผมไม่แคร์เลย"

    "ไม่ต้องถามหรอกว่า พอถึงตอนนั้นจะยังเป็นการฉลองที่พิเศษไหม? มันแปลกก็จริงอยู่ แต่มันเป็นความแปลกที่ยอดเยี่ยมที่สุด"

ไขกระจ่าง!ทำไมเทรนท์ถึงใส่หมายเลข66 และไม่คิดจะเปลี่ยน

ลี แร้ดคลิฟฟ์ หัวหน้าฝ่ายดูแลชุดแข่งของ ลิเวอร์พูล ระบุ สาเหตุที่พวกเขาให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สวมเบอร์ 66 เป็นเพราะทีมมีนโยบายว่าจะให้เบอร์สูงๆ กับแข้งดาวรุ่งจากอะคาเดมี่ เพื่อที่นักเตะเหล่านั้นจะไม่เหลิงจนเกินไป แต่รับ รู้สึกแปลกเหมือนกันที่เห็นคนเบอร์เยอะขนาดนี้ได้ชูถ้วยแชมป์
    ลี แร้ดคลิฟฟ์ หัวหน้าฝ่ายดูแลชุดแข่งของ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดเผยว่าพวกเขาให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาคนเก่งใส่เบอร์ 66 เพราะมันเป็นนโยบายของทีมที่พยายามจะให้นักเตะดาวรุ่งจากอะคาเดมี่สวมเบอร์ที่เป็นตัวเลขสูงๆ เพื่อที่แข้งเหล่านั้นจะได้ไม่เหลิงจนเกินไป

    หลังจากก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ได้เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2016-17 แล้วนั้น อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก็พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาได้เรื่อยๆ จนตอนนี้กลายเป็นแบ็กขวาจอมปั้นเกมไปแล้ว โดยซีซั่นก่อนทำไป 16 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 40 นัดในทุกรายการ ขณะที่ฤดูกาลนี้ก็ทำไปแล้ว 14 แอสซิสต์ จากการลงสนามในทุกรายการ 40 นัด ซึ่งอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของแข้งวัย 21 ปี คือการที่เขาสวมเบอร์ 66 กับ ลิเวอร์พูล ทั้งที่ฟูลแบ็กส่วนใหญ่จะได้ใส่เบอร์ต่ำๆ อย่างเช่นเบอร์ 2 และเบอร์ 3 เป็นต้น

    แร้ดคลิฟฟ์ ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ ลิเวอร์พูล ว่า "ตอนที่เราให้นักเตะเยาวชนก้าวขึ้นมาจากอะคาเดมี่น่ะ เราก็ตั้งใจพยายามมอบเบอร์สูงๆ ให้พวกเขาอยู่เสมอ เราไม่ชอบให้เบอร์ต่ำๆ กับพวกเขา เพราะพวกเขาอาจจะเหลิงจนคิดว่าพวกเขามีดีพอเป็นตัวหลักของทีมได้ทันที ถ้าคุณเข้าใจความหมายของผมน่ะนะ"

    "เราจะเลือกเบอร์ที่มันว่างๆ ขึ้นมา ในตอนที่เลือกเบอร์น่ะคุณก็จะคิดว่า -เราจะให้เบอร์นี้เพราะเขาเพิ่งก้าวมาจากอะคาเดมี่- มันรู้สึกแปลกอยู่บ้างในตอนที่คุณได้เห็นเขาชูถ้วยแชมป์และฉลองแชมป์พร้อมกับมีเบอร์ 66 อยู่ด้านหลัง ผมอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกเลย มันเป็นเรื่องแปลกที่ได้เห็นเบอร์สูงขนาดนั้น และเป็นเรื่องแปลกด้วยที่ได้เห็นว่ามีคนพอใจกับมัน! นักเตะอย่าง เทรนท์ เป็นคนที่ขอแค่ได้เล่นกับทีมชุดใหญ่ก็ทำให้เขาพอใจแล้ว และแน่นอนว่าเขาไม่รู้สึกตัวหรอกว่าตัวเขาเองน่ะมีดีมากแค่ไหน พูดกันตามตรงนะ เขาไม่เคยขออะไรจากเราเลย"

    "ผมคิดว่าเขาเป็นคนที่สบายๆ จนพอได้เบอร์แล้วก็คงคิดว่า  -โอเค เบอร์นี้ก็ดีแล้วล่ะ ฉันจะรับเบอร์นี้เอาไว้- และคงไม่คิดว่าพอผ่านไปหลายปีแล้วมันจะกลายเป็นเบอร์ที่โดดเด่นแบบนี้"

    "ปกติแล้วน่ะถ้ามีนักเตะจากอะคาเดมี่คนไหนที่อยู่ในทีมชุดใหญ่ได้สัก 1 ปี พวกเขาก็อาจจะขอร้องว่าพวกเขาจะสวมเบอร์ที่ต่ำกว่าเดิมได้รึเปล่า แต่เห็นได้ชัดว่า เทรนท์ ค่อนข้างติดใจเบอร์นี้ เขาไม่เคยขอเปลี่ยนเบอร์เลย หลังจากที่เขาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่เป็นฤดูกาลแรกแล้วน่ะ คุณก็รู้สึกตัวว่าเขาจะเป็นนักเตะที่เก่งมากแค่ไหนในอนาคต และเราก็มักจะพูดกันอยู่เสมอว่า -เดี๋ยวเราคงต้องเปลี่ยนเบอร์ในเร็วๆ นี้แน่ๆ-.

    "ก่อนหน้านี้เรามักจะเก็บชุดสำหรับการฝึกซ้อมและชุดสำหรับการลงเล่นของเขาเอาไว้จนถึงนาทีสุดท้าย เผื่อเกิดกรณีที่ เทรนท์ จะอยากขอเบอร์ที่ต่ำกว่านี้ แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นเลย เขาพอใจกับเบอร์ที่ได้รับอย่างชัดเจน"

    "การที่ เทรนท์ ยังคงใช้เบอร์นั้นอยู่มันทำให้ผมคิดว่าเบอร์นี้เป็นเบอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ไปแล้วล่ะ ผมคิดว่าพอผ่านไปเรื่อยๆ และพอ เทรนท์ ได้ลงเล่นไปเรื่อยๆ แล้วมันก็จะมีความโดดเด่นมากขึ้นไปอีก ผมคิดว่าตอนนี้เบอร์นั้นเป็นเบอร์ที่อยู่ในใจของแฟนบอลหลายคน รวมถึงสตาฟฟ์หลายรายแล้ว เพราะเด็กหนุ่มจากท้องถิ่นที่ก้าวขึ้นมาจากอะคาเดมี่เป็นคนใส่มัน มันให้ความรู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกันที่เบอร์นั้นกลายเป็นเบอร์หลักของทีมจริงๆ ตอนนี้คุณมักจะเห็นเด็กๆ หลายคนเดินไปเดินมาพร้อมกับใส่เสื้อเบอร์ 66 กันแล้ว ปกติแล้วมันเป็นหนึ่งในเบอร์ธรรมดาที่พอคุณมอบให้นักเตะแล้วน่ะ คุณก็คิดว่ามันจะถูกส่งต่อไปให้คนอื่นในอีก 1 ปีให้หลัง"

 

ทำแบบนี้กับลิเวอร์พูล! คล็อปป์รับฉลองหนักจำไม่ได้พาดอร์ทมุนด์แชมป์

เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ลิเวอร์พูล เผยตนจำอะไรไม่ได้เลยตอนที่ฉลองหนักดื่มเต็มสูบตอนที่นำ ดอร์ทมุนด์ คว้าดับเบิลแชมป์ในซีซั่น 2011/12 พร้อมแนะนำผู้คนอย่าดื่มเด็ดขาดเพราะจะทำให้คุณจดจำช่วงเวลาสำคัญในชีวิตไม่ได้เลย

      เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ยอมรับตนเมาปลิ้นสิ้นสภาพจนจำอะไรไม่ได้เลยตอนที่ฉลองแบบหลุดโลกครั้งที่นำ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์ดับเบิลแชมป์ เมื่อซีซั่น 2011/12

     กุนซือชาวเยอรมันสร้าง ดอร์ทมุนด์ ยิ่งใหญ่คับดินแดนไส้กรอกนับตั้งแต่ที่เข้ามากุมบังเหียนในปี 2008 โดยตลอดช่วงที่อยู่กับสโมสร คล็อปป์ นำ "เสือเหลือง" จากทีมที่มีปัญหาจนก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ลีกในซีซั่น 2010/11 ซึ่งเป็นการสิ้นสุด 6 ปีแห่งการรอคอยความสำเร็จ

     จากนั้นก็สานต่อความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ลีก และเดเอฟเบ โพคาล ในซีซั่นถัดมา โดย คล็อปป์ ยอมรับว่าตนจัดหนักจัดเต็มตอนฉลองแชมป์จนจำอะไรไม่ได้เลย "แนวทางการฉลองของเราเป็นแบบดั้งเดิม มันเหมือนกับการเป็นแชมป์เบสบอลระดับเอ-คลาส ของนอร์ธเวสต์ลีก"

         "มันเป็นการฉลองที่สุดยอดมากๆ ซึ่งคงไม่มีแบบนี้อีกแล้วในปัจจุบัน มันเป็นอะไรที่มันสุดๆ เป็นปาร์ตี้ที่ยอดเยี่ยมมากๆ ผมดื่มหนักมากเมื่อปี 2011 แต่ในปี 2012 หลังจากที่ได้ดับเบิลแชมป์ ผมจำอะไรไม่ได้เลย (การเฉลิมฉลอง) คุณคงเห็นแล้วว่าแอลกอฮอล มีผลอะไรกับผู้คนบ้าง เพราะฉะนั้นอย่าดื่ม คุณอาจจะเสียความทรงจำในช่วงเวลาสำคัญในชีวิตคุณได้" คล็อปป์ ระบุ

บาเยิร์นกร่อย! นายกฯมิวนิคไม่ให้ฉลองแชมป์ใจกลางเมือง

นายกเทศมนตรีนครมิวนิคไม่อนุญาตให้เสือใต้จัดพิธีฉลองแชมป์ที่จัตุรัสใจกลางเมืองตามธรรมเนียม เพราะมีข้อจำกัดเรื่องโควิด-19

ดีเตอร์ ไรเตอร์ นายกเทศมนตรีของนครมิวนิค ยืนยันว่าจะไม่ให้ บาเยิร์น มิวนิค จัดพิธีฉลองแชมป์บุนเดสลีกาบริเวณจัตุรัสมาเรียนพลัทซ์ตามธรรมเนียมอย่างแน่นอน เพราะมีข้อจำกัดเรื่องโควิด-19

เสือใต้จ่อความแชมป์บุนเดสลีกา 8 สมัยติดต่อกัน หลังนำห่างอันดับ 2 อย่างโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ถึง 7 แต้ม รวมถึงล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาก็เพิ่งบุกชนะเสือเหลืองได้ถึงถิ่น 1-0 อีกด้วย

ทว่าหากพวกแชมป์ได้ในฤดูกาลนี้ ก็จะหมดสิทธิ์จัดพิธีฉลองตามธรรมเนียมบริเวณจัตุรัสมาเรียนพลัทซ์ ซึ่งอยู่ใจกลางนครมิวนิค เพราะต้องปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาดอยู่นั่นเอง

"ประเพณีการฉลองแชมป์ของบาเยิร์นที่จัตุรัสมาเรียนพลัทซ์อันเป็นที่รักนั้น น่าเสียดายที่จะไม่สามารถจัดขึ้นได้ในปีนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องความสำเร็จหรือเรื่องการคว้าแชมป์ แต่แน่นอนว่าทุกคนรู้กันดีเกี่ยวกับข้อจำกัดของโคโรนาไวรัสในตอนนี้"

"ผมยืนยันว่าเราจะร่วมมือกับสโมสรเพื่อหาแนวทางการฉลองแชมป์อย่างสมเกียรติ หากว่าบาเยิร์นสามารถคว้าแชมป์ 8 สมัยติดต่อกันได้จริง" ดีเตอร์ ไรเตอร์ นายกเทศมนตรีของนครมิวนิค กล่าวกับ Bild

ก่อนหน้านี้ ทางนครมิวนิคก็ตัดสินใจยกเลิกเทศกาลอ็อกโทเบอร์เฟสต์ในปีนี้ไปแล้ว ซึ่งปกติเทศกาลเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ จะจัดขึ้นในนครมิวนิคเป็นประจำทุกปี