ปูด!อินเตอร์พร้อมขาย “อีริคเซ่น” หลังฟอร์มห่วย

สื่อดังในอิตาลี รายงาน อินเตอร์ มิลาน พิจารณาที่จะขาย คริสเตียน อีริคเซ่น ออกจากสโมสร หลังนักเตะไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้เลย โดยงานนี้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง พร้อมรับเซ้งเนื่องจากอยากได้ แข้งชาวเดนมาร์กรายนี้มานานแล้ว

คริสเตียน อีริคเซ่น กองกลางชาวเดนมาร์กของ อินเตอร์ มิลาน สามารถที่จะย้ายออกจากทัพ "งูใหญ่" ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะรอบ 2 เดือนมกราคมนี้ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะย้ายมาอยู่กับทีมแค่ปีเดียวเท่านั้น จากการเปิดเผยของ กัลโช่แมร์กาโต้ดอตคอม เว็บไซต์ดังในอิตาลี

อันโตนิโอ คอมเต้ กุนซือ "เนรัซซูรี่" ยังไม่ค่อยไว้วางใจในฝีเท้าของ อีริคเซ่น ว่าเหมาะกับสโมสรแห่งนี้ และกำลังพิจารณาที่จะขายเขาออกไปในราคาที่เหมาะสมช่วงต้นปีหน้า ขณะที่ "เปแอสเช" ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แสดงความสนใจอยากได้ ดาวเตะวัย 28 ปีไปร่วมทีมเช่นกัน

จากรายงานของเว็บไซต์กัลโช่แมร์กาโต้ดอตคอม ระบุว่า เลโอนาร์โด้ ผู้อำนวยการกีฬา "เปแอสเช" ได้เริ่มเปิดการเจรจากับเอเจนต์ของ อีริคเซ่น แล้ว และหากไม่มีปัญหาอะไรพวกเขาก็จะได้นักเตะที่หมายปองมาตั้งแต่ต้นปี 2020 แต่ต้องพลาดคว้าตัวเพราะโดน อินเตอร์ ปาดหน้าเอาไปก่อน มาร่วมทีม

ทั้งนี้ อีริคเซ่น ย้ายจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มาอยู่ในถิ่นจูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า ด้วยสนนราคาเพียงแค่ 17.5 ล้านปอนด์ (ราว 665 ล้านบาท) ไม่ถึง 1 ปีเต็ม แต่เขาได้ลงสนามเป็นตัวจริงแค่ 9 เกมในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี และ 29 เกมจากทุกรายการ ที่สำคัญนักเตะยิงได้แค่ 1 ประตูกับ 3 แอสซิสต์เท่านั้น ด้วยฟอร์มที่ย่ำแย่ทำให้ คอนเต้ ตัดสินใจดร็อปเขาออกจากทีม

“แม็กไกวร์” ทำสถิติหายากหลังโดนไล่ออกที่เวมบลีย์

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ปราการหลังร่างใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำสถิติหายากในทีมชาติอังกฤษ ที่ก่อนหน้านี้มีเพียงแค่ 2 รายที่ทำได้ หลังเจ้าตัวถูกไล่ออกในเกมเจอกับ เดนมาร์ก เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
                แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เซนเตอร์แบ็กกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นแข้งทีมชาติอังกฤษรายที่ 3 ในประวัติศาสตร์ ที่ถูกไล่ออกในการเตะที่สังเวียนแข้ง เวมบลีย์ หลังเจ้าตัวได้รับใบแดงตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เอ กลุ่มสอง นัดที่ "สิงโตคำราม" แพ้ เดนมาร์ก คาบ้าน 0-1 เมื่อวันพุธที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา

              แม็กไกวร์ ได้รับใบเหลืองแรกตั้งแต่นาทีที่ 5 ก่อนมาโดนอีกเหลืองในนาทีที่ 31 หลังเข้าหนักใส่ แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก ทำให้ ปราการหลังร่างยักษ์วัย 27 ปี กลายเป็นนักเตะ "ทรีไลอ้อนส์" คนที่ 3 ที่โดนไล่ออกในเกมที่ เวมบลีย์ ต่อจากสองตำนานมิดฟิลด์อย่าง พอล สโคลส์ (เจอ สวีเดน เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 1999) และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด (เจอ ยูเครน เมื่อเดือนกันยายน ปี 2012) 

              เกมนี้ เดนมาร์ก ได้ประตูชัยจากการสังหารลูกจุดโทษของ คริสเตียน อีริคเซ่น ในนาทีที่ 35 ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ อังกฤษ เสียประตูจากลูกจุดโทษและมีผู้เล่นถูกไล่ออกในเกมเดียวกัน นับตั้งแต่เกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายศึก เวิลด์ คัพ 1998 ที่ อังกฤษ เจอกับ อาร์เจนตินา (เดวิด เบ็คแฮม โดนไล่ออก)

อิบราจัดสอง! มิลานของจริงอัดอินเตอร์ผงาดรั้งฝูงลีก

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กลับมายินตัวจริงเกมลีก ซัดคนเดียวสองลูกพา "ปีศาจแดงดำ" เอซี มิลาน แกร่งกล้าเชือด "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน 2-1 ขึ้นรั้งจ่าฝูงลีกเวลานี้ ในการแข่งขันศึกฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี คืนวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา
สนาม : จูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า

ศึกฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี คืนวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน ผลงานในลีกสามเกมแรกสุดยอด ชนะมารวด อันโตนิโอ ตอนเต้ นายใหญ่เจ้าบ้านนัดนี้ ขาดผู้เล่นหลายคนทั้งติดโทษแบน บาดเจ็บ และกักตัวโควิด แนวรุกใช้ "ลูกากู-เลาตาโร่" ทะลวงตาข่าย "ปีศาจแดงดำ" เอซี มิลาน ที่ทำได้ดีสามนัดแรกเช่นกัน สเตฟาโน่ ปิโอลี่ โค้ชของทีม จัดผู้เล่นแบบฟูลทีม มี "ซลาตัน อิบราฮิโมวิช" หายจากโควิดกลับมาเป็นตัวจริงเกมลีก

มิลานนำได้นาทีที่ 11 อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ ไล่ตามประกบตัว ซลาตัน อิบราฮิโมวิช แล้วไปรวบทำหัวหอกสวีดีชล้มลงไป กรรมการชี้ลูกจุดโทษ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ขอยิงเองซัดไปจังหวะแรกติดเซฟก่อนตามซ้ำเข้าไป

ต่อมานาทีที่ 16 ราฟาเอล เลเอา กระชากบอลมาทางซ้าย หนี ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ ครอสบอลข้ามเขตโทษ 6 หลา ทางขวา ซลาตัน อิบราฮิโมวิช วิ่งมาตั้งหน้าเท้าแปผ่านมือ ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช นายทวารงูใหญ่ซุกก้นตาข่าย

งูใหญ่ไล่มานาทีที่ 29 อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ ลากบอกมาถึงหน้ากรอบเขตโทษไหลบอลให้ อีวาน เปริซิซ หลุดไปตบเข้ากลางบอลมาถึง โรเมลู ลูกากู ซัดตรงเขตโทษ 6 หลาเข้าไปอย่างง่ายดาย

เจ้าบ้านบุกอีกนาทีที่ 32 นิโกโล่ บาเรลล่า จ่ายบอลฝากไว้ที่ โรเมลู ลูกากู ก่อนเจ้าตัววิ่งมารับบอลแล้วยิงปั่นเข้าหากรอบประตูหน้ากรอบเขตโทษ แต่ว่าบอลไม่ห่างตัวมือกาวคู่แข่งรับไว้ได้ จบ 45 นาทีแรก เอซี มิลาน นำ 2-1

ผ่านมาถึงนาทีที่ 60 อีวาน เปริซิซ จ่ายบอลย้อนเข้าหน้ากอรบเขตโทษให้ อาร์ตูโร่ วิดาล หยอดบอลโด่งเข้าไปในเขตโทษประมาฯ 7 หลา อาชราฟ ฮาคิมี่ สปีดมาทิ้งตัวโหม่งบอลกนะเด้งเฉียดหน้าปากประตูออกไปแบบได้ลุ้น

อินเตอร์ยังสู้นาทีที่ 72 อีวาน เปริซิซ โยนบอลจ่กริมสนามทางซ้าย บอลลอยมาในเขตโทษ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กระโดดเบียดแนวรับมิลานโหม่งแต่บอลทิศทางออกหลังไปแทน

เกมมาถึงนาทีที่ 73 อาร์ตูโร่ วิดาล ส่งบอลขึ้นหน้ามาให้ คริสเตียน อีริคเซ่นส์ จ่ายเร็วบอลไปถูกตัว ซิม่อน เคียร์ กระดอนเข้าทาง โรเมลู ลูกากู หลุดเข้าในเขตโทษแตะบอลหลบ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า นายทวารมิลานแล้วล้มลง กรรมการฟังสัญญานวีเออาร์แล้วเมินจุดโทษแก่งูใหญ่ เพราะมองว่ามือกาวทีมเยือนชักมือกลับก่อนหัวหอกร่างยักษ์ล้ม จบเกม เอซี มิลาน บุกชนะ อินเตอร์ มิลาน 2-1 ขึ้นรั้งจ่าฝูงลีก

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

อินเตอร์ มิลาน (3-5-2): ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช,ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ,สเตฟาน เดอ ฟราย,อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ,อาชราฟ ฮาคิมี่,นิโกโล่ บาเรลล่า,มาร์เซโล่ โบรโซวิช (คริสเตียน อีริคเซ่นส์ น.68),อาร์ตูโร่ วิดาล (อเล็กซิส ซานเชซ น.84),อีวาน เปริซิซ,โรเมลู ลูกากู ,เลาตาโร่ มาร์ติเนซ

เอซี มิลาน (4-2-3-1): จานลุยจิ ดอนนารุมม่า,ดาวิเด้ คาลาเบรีย,ซิม่อน เคียร์,อเลสซิโอ โรมันโยลี่,เตโอ แอร็กน็องเดซ,อิลมาแอล เบนนาเซอร์,ฟร้องค์ เกสซีเย่ (ซานโดร โตนาลี น.87),อเล็กซิส ซาเลมัคเกอร์ (ซามูเอล กาสเตเยโฆ่ น.62),ฮาคาน ชาลาโนกลู,ราฟาเอล เลเอา (ราเด้ ครูนิช น.62),ซลาตัน อิบราฮิโมวิช

ลูกากูซัดผิดฝั่ง! เซบีย่าเฉือนอินเตอร์สุดมัน ซิวยูโรปาลีกสมัย6

ดีเอโก้ คาร์ลอส ตีลังกาฟาดบอลไปโดนขาด โรเมลู ลูกากู เข้าไป ช่วยให้ เซบีย่า เฉือนเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน แบบสุดมันส์ 3-2 ผงาดคว้าแชมป์ยูโรปาลีกสมัยที่ 6 ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ ในเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูโรปาลีก ที่ประเทศเยอรมัน เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา

สนาม : ไรน์ เอเนอร์กี้ สตาดิโอน (สนามกลาง)

    เกมนัดชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก ที่ประเทศเยอรมัน เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา เป็นการพบกันระหว่าง เซบีย่า เจ้าของแชมป์รายการนี้ 5 สมัย หลังเขี่ย "ปีศาจแดง" หวุดหวิด 2-1 ผ่านเข้ามาพบกับ อินเตอร์ มิลาน ที่ฟอร์มในรอบตัดเชือกไล่ถล่ม ชัคตาห์ โดเนตส์ค ทีมดังจากยูเครนไปแบบเละเทะ 5-0

    เกมนี้ อันโตนิโอ คอนเต้ ยึด 11 ผู้เล่นจากเกมที่แล้วเป็นหลัก เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ ลงจับคู่ โรเมลู ลูกากู ดาวซัลโวของทีมที่พังตาข่ายทุกรายการไปแล้ว 33 ประตู ขณะที่ เซบีย่า ของ จูเลน โลเปเตกี เปลี่ยนหอกเป้าส่ง ลุค เดอ ยอง ฮีโร่จากเกมเฉือนผีแดงลงเล่นเป็นตัวจริงแทน ยูสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ โดยมี ซูโซ่ และลูกัส โอกัมโปส ปั้นเกมรุกทางด้านข้างช่วย

    เปิดฉากมาแค่ 3 นาทีแรก เซบีย่า ได้ทักทายก่อนหลังบอลจากลูกเตะมุม เปิดมาเสาแรกให้ ลุค เดอ ยอง โขกเช็ดมากลางประตูถึง แฟร์นานโด ล้มตัววอลเลย์ยิงไปติดเซฟ

    ก่อนที่จังหวะต่อมาเป็น อินเตอร์ มิลาน มาได้ลูกที่จุดโทษอย่างรวดเร็ว จากลูกสวนกลับจากหน้าประตูตัวเอง เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ พาบอลขึ้นมาก่อนแทงออกขวาไปที่ว่างให้ โรเมลู ลูกากู ใช้สปีดแตะบอลหนี ดีเอโก้ คาร์ลอส ก่อนที่จะโดนรวบล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินชาวฮอลแลนด์ชี้เป็นจุดโทษทันทีพร้อมแจกใบเหลืองให้ การ์ลอส ก่อนที่ ลูกากู จะลุกมาสังหารเข้าไปไม่พลาดให้ "งูใหญ่" ออกนำ 1-0

    อีกทั้งอดีตดาวเตะ "ปีศาจแดง" ยังทำสถิติยิงประตูที่ 34 รวมทุกรายการในฤดูกาลแรกให้กับ อินเตอร์ มิลาน เทียบเท่ากับสถิติเดิมของ โรนัลโด้ ที่เคยทำได้เมื่อตอนเปิดตัวซีซั่น 1997-98

    แต่แล้ว นาที 12 เซบีย่า มาทวงประตูตีเสมอ 1-1 จนได้ บอลขึ้นจากด้านขวาถึง เฆซุส นาบาส ก่อนจะครอสเข้าไปในกรอบสุดแม่นให้ ลุค เดอ ยอง หนีตัวประกบพุ่งมาโขกเต็มหัวส่งบอลเข้าไปอย่างสวยงาม

    เซบีย่า ได้ใจเปิดเกมรุกเข้าใส่อย่างหนัก นาที 22 ได้ลุ้นอีกทีหลัง ลูกัส โอกัมโปส ลากจากซ้ายตัดเข้ากลางก่อนอัดด้วยขวาบอลพุ่งถากเสาแรกเข้าข้างตาข่ายแบบได้เสียว

    นาที 33 เอเวร์ บาเนก้า เรียกฟรีคิกทางด้านขวาได้หลังโดน ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ ทำฟาวล์ ก่อนที่ บาเนก้า เองจะลุกมาเปิดบอลไปเสาไกลให ลุค เดอ ยอง คนเดิมเทกตัวโขกย้อนไปเสาแรกหนีมือ ซามีร์ ฮันดาโนวิช เข้าไป ให้ เซบีย่า แซงนำ 2-1 และเป็นประตูที่สองของอดีตแข้ง พีเอสวี และนิวคาสเซิ่ล ในเกมนี้

    กระนั้น นาที 35 อินเตอร์ มิลาน มาทวงประตูตีเสมอ 2-2 อย่างทันควัน คราวนี้ โรเมลู ลูกากู เรียกฟรีคิกได้หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่ ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ จะตักบอลเข้าไปในกรอบ 6 หลาให้ ดีเอโก้ โกดิน เทกตัวโขกบอลผ่านมือ ยัสซีน บูนู เข้าไป

    ช่วงทดเจ็บ นาที 45+2 เซบีย่าเกือบพลิกขึ้นนำหลังได้ลูกเซ็ตเพลย์ทางด้านขวาของสนาม และเป็น เอเวร์ บาเนก้า จอมทัพของทีม เปิดบอลไปเสาแรกให้ ลูกัส โอกัมโปส โฉบมาโขกบอลเกือบจะเสียบใต้คาน แต่ดีที่ ซามีร์ ฮันดาโนวิช ยังไวเหินปัดข้ามคานหวุดหวิด ดีเอโก้ คาร์ลอส

    จบครึ่งแรก เซบีย่า เสมอกับ อินเตอร์ มิลาน 2-2

    ครึ่งหลัง ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น นาที 52 อินเตอร์ มิลาน เกือบขึ้นนำหลังบอลครอสจากขวามาเข้าทาง มาโดน เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ ก่อนไปเข้าทาง โรแบร์โต้ กายาร์ดินี่ วิ่งมาซัดบอลไปติดเท้าของ

    นาที 57 ลูกัส โอกัมโปส เปิดบอลออกซ้ายให้ เซร์คิโอ เรกีลอน กระชากบอลหนีแนวรับงูใหญ่ก่อนจะกดด้วยซ้ายเต็มแรง บอลพุ่งเสียบข้างตาข่ายแบบได้ลุ้น

    จากนั้นอีก 2 นาทีต่อมา อินเตอร์ฯ ตอบโต้มาบ้าง นิโกโล่ บาเรลล่า จ่ายให้ แอชลี่ย์ ที่หุบเข้ามากลางก่อนที่อดีตสตาร์แข้งผีจะตะบันด้วยขวานอกกรอบ บอลพุ่งเหินออกไปแบบได้เสียว

    นาที 65 ลูกทีมของ คอนเต้ พลาดโอกาสขึ้นนำอย่างน่าเสียดายหลัง นิโกโล่ บาเรลล่า จ่ายบอลให้ โรเมลู ลูกากู หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไป แต่หัวหอกทีมชาติเบลเยียมดันยิงไปติดตัวของ ยัสซีน บูนู

    นาที 71 จูเลน โลเปเตกี นายใหญ่ เซบีย่า ต้องเปลี่ยนตัวเอา ลูกัส โอกัมโปส ออกหลังมีอาการเจ็บเล่นต่อไม่ไหวโดยให้ มูนีร์ เอล ฮัดดาดี้ ลงเล่นแทน

    นาที 74 กลายเป็น เซบีย่า ที่พลิกขึ้นนำ อินเตอร์ มิลาน 3-2 อีกครั้งบอลจากลูกเซ็ตเพลย์ทางด้านขวา และเป็นจอมพ่อลูกนิ่ง เอเวร์ บาเนก้า เปิดเข้าไปแม้ สเตฟาน เดอ ฟราย จะโขกออกมาแต่ไม่พ้นทางปืนของ ดีเอโก้ คาร์ลอส กระโดดจักรยานตีลังกาฟาดเข้าไป บอลพุ่งไปโดนขา โรเมลู ลูกากู เข้าประตูตัวเอง

    นาที 80 เซบีย่า ได้ลุ้นอีก และเป็นเจ้าเก่า บาเนก้า ที่เปิดเข้ามาลุ้นในกรอบแต่เข้านี้ ชูลส์ กูนเด้ เซ็นเตอร์เทกตัวโขกบอลหลุดกรอบออกไป

    อีก 2 นาทีถัดมา "งูใหญ่" เกือบได้ลุ้นตีเสมอ หลังบอลครอสจากด้านข้างไปถึง วิคเตอร์ โมเสส แต่อดีตฟูลแบ็กสิงห์บลูส์ยิงไปติดบล็อคแนวรับเซบีย่า แม้บอลจะมาถึง อเล็กซิส ซานเซซ แต่ยิงไม่ถนัดบอลเบาไปก่อนที่ ชูลส์ กูนเด้ จะพุ่งมาล้มตัวสกัดบอลออกไปแบบหวุดหวิด

    ช่วงท้ายเกม แม้แข้ง "งูใหญ่" จะพยายามโหมบุกอย่างหนัก แต่แนวรับเซบีย่ายังช่วยกันได้ดี ก่อนผู้ตัดสินเป่าจบเกม เซบีย่า เบียดเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน ไปแบบหวุดหวิด 3-2 ผงาดคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 6 ไปครอง

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        เซบีย่า (4-3-3) : ยัสซีน บูนู – เฆซุส นาบาส, ชูลส์ กูนเด้, ดีเอโก้ คาร์ลอส (เนมานย่า กูเดลจ์ น.86) , เซร์คิโอ เรกีลอน – เอเวร์ บาเนก้า, แฟร์นานโด เรกิส, โจน จอร์ดาน – ซูโซ่ (ฟรังโก้ บาซเกซ น.78), ลุค เดอ ยอง (ยูสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ น.85), ลูกัส โอกัมโปส (มูนีร์ เอล ฮัดดาดี้ น.71)

        เทรนเนอร์ : จูเลน โลเปเตกี

        อินเตอร์ มิลาน (3-5-2) : ซามีร์ ฮันดาโนวิช – ดีเอโก้ โกดิน (อันโตนิโอ คันเดรว่า น.90), สเตฟาน เดอ ฟราย, อเลสซานโดร บาสโตนี่ – ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ (วิคเตอร์ โมเสส น.78), นิโกโล่ บาเรลล่า, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, โรแบร์โต้ กายาร์ดินี่ (คริสเตียน อีริคเซ่น น.78), แอชลี่ย์ ยัง – เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ (อเล็กซิส ซานเชซ น.78), โรเมลู ลูกากู

        เทรนเนอร์ : อันโตนิโอ คอนเต้

        ผู้ตัดสิน : ดานนี่ มัคเคลี่ (เนเธอร์แลนด์)

 

งูตัดเชือกรอบ10ปี! “ลูกากู” ฮอตอินเตอร์เฉือนห้างยาลิ่วรอบรอง ยูโรปา

"งูใหญ่" ของ อันโตนิโอ คอนเต้ ทำผลงานได้ตามเป้าแม้เกมนี้โดน "วีเออาร์" ริบจุดโทษถึง 2 ครั้งแต่ต้องชมความสุดยอดของ โรเมลู ลูกากู ทำสถิติซัด 9 เกมติดต่อกันในรายการนี้ พาทีมเชือด เลเวอร์คูเซ่น 2-1 ผ่านเข้ารอบตัดเชือกฟุตบอลยุโรปรอบ 10 ปี ในศึกฟุตบอล ยูโรปา ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ คืนวันจันทร์ที่ผ่านมา

สนาม : เมอร์เคอร์ สปีล อารีน่า (สนามกลาง)

    ทีมเนรัซซูรี่ รองแชมป์เซเรีย อา ฤดูกาลล่าสุด ตีตั๋วสู่รอบนี้ด้วยการเอาชนะเคตาเฟ่ 2-0 ที่สนามกลางในเยอรมัน เนื่องจากเกมเลกแรกเดิมทีนั้นถูกเลื่อนในช่วงโควิดแพร่ระบาด

    ทางด้าน "ห้างขายยา" จบอันดับ 5 ในตารางบุนเดสลีกา ซีซั่นล่าสุด จึงต้องเอาโทรฟี่ยูโรปา ลีก ฤดูกาลนี้มาครองให้ได้ หากอยากจะคว้าตั๋วลุยศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนในรอบที่แล้ว พวกเขาผ่านเรนเจอร์สด้วยชัยชนะแบบไป-กลับ โดยบุกรัว 3-1 ก่อนเบรกโควิดแล้วกลับมาเฝ้ารังย้ำแค้น 1-0 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    5 นาทีผ่านเป็น "งูใหญ่" ทำได้ดีกว่ามีจังหวะแก้เพรสซิ่งสวยๆจากบอลหน้าประตูของ ซามีร์ ฮันดาโนวิช เปิดยาวให้ โรเมลู ลูกากู พักอกแปะให้ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ตวัดออกขวาถึง ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ สอดมาครอสเข้าในแต่โดนเคลียร์ทิ้งไปก่อนนิดเดียว

    นาทีที่ 15 อินเตอร์ มิลาน มาได้ประตูขึ้นนำจากการประสานงานสุดสวย แอชลี่ย์ ยัง สอดมารับบอลทางซ้ายจ่ายเร็วเข้าในให้ โรเมลู ลูกากู พักบอลก่อนได้ช่องซัดไปติดบล็อคโชคดีเด้งมาเข้าทาง นิโกโล่ บาเรลล่า ตามมากดไซค์ก้อยโค้งผ่านมือ ลูคัส ฮราเด็คกี้ ตุงตาข่าย

    5 นาทีต่อมา "งูใหญ่" เร่งเครื่องต่อเนื่องคราวนี้เป็น เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ใช้ความสามารถเฉพาะตัวลากบอลเข้าเขตโทษก่อนตวัดเข้ากลางให้ นิโกโล่ บาเรลล่า แปร์เต็มแรงไปติดบล็อค ลูคัส ฮราเด็คกี้

    แต่แล้วนาทีต่อมา อินเตอร์ มิลาน บวกสกอร์เพิ่มสำเร็จเป็น แอชลี่ย์ ยัง โชว์เหนือจ่ายแทงช่องเข้าเขตโทษให้ โรเมลู ลูกากู ใช้ตัวบัง เอ็ดมอนด์ ทัปโซบา ก่อนล้มตัวยิงผ่าน ลูคัส ฮราเด็คกี้ ไม่มีพลาด

    เกมแลกกันสุดมันส์นาทีที่ 25 "ห้างขายยา" ตามตีไข่แตกเป็นจังหวะสกัดไม่ดีของ ดีเอโก้ โกดิน บอลหลุดมาถึง ไค ฮาแวร์ทซ์ แหวกเข้าไปทำชิ่งกับ เควิน โฟลลันด์ ก่อนตะบันแฉลบหว่างขา ซามีร์ ฮันดาโนวิช เข้าไป

    นาทีต่อมา "งูใหญ่" พลาดโอกาสทิ้งห่างอีกครั้งเป็น ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ ยกบอลไปโดนหัวไหล่ ดาลี่ย์ ซิงค์กราเวน ผู้ตัดสินไม่รอช้าเป่าให้เป็นจุดโทษก่อนชั่งใจวิ่งไปเช็ค "วีเออาร์" และหันกลับมาริบจุดโทษคืน

    ช่วงท้าย "ห้างขายยา" เริ่มครองเกมได้มากขึ้นพาบอลเข้าพื้นที่อันตรายแต่ยังมีปัญหาในการจบสกอร์ หมดครึ่งเวลาแรก อินเตอร์ มิลาน 2 เลเวอร์คูเซ่น 1

    เปิดฉากครึ่งหลังได้ 5 นาที อินเตอร์ มิลาน โหมใส่ทันทีแต่มาพลาดกันเองเป็น แอชลี่ย์ ยัง ตักบอลเข้าเขตโทษให้ โรแบร์โต้ กายาร์ดินี่ ทิ้งตัวดีดระยะไม่ถึง 5 หลาไปติด โรเมลู ลูกากู เด้งออกมา

    นาทีที่ 60 เลเวอร์คูเซ่น พลาดโอกาสสำคัญเป็น เคเรม เดเมียร์บาย ฉกบอลตัดหน้า นิโกโล่ บาเรลล่า ก่อนตะบันด้วยซ้ายระยะ 18 หลาแต่น่าเสียดายไปตรงตัว ซามีร์ ฮันดาโนวิช ปัดข้ามคานออกไป

    5 นาทีต่อมาเป็นจังหวะประสานงานของตัวสำรองอย่าง คริสเตียน อีริคเซ่น จ่ายถวายพานให้ อเล็กซิส ซานเชซ ยืนซัดโล่งๆในกรอบเขตโทษไปติดเซฟ ลูคัส ฮราเด็คกี้ เหลือเชื่อ

    ก่อนหมดเวลา 15 นาที "งูใหญ่" ชวดบวกสกอร์ปิดเกมทั้งจากลูกยิงไปติดบล็อคของ มาร์เซโล่ โบรโซวิช และความเหนือชั้นของ วิคเตอร์ โมเซส สอดมารับบอลก่อนล็อคเข้าในกดด้วยซ้ายไปติดเซฟ ลูคัส ฮราเด็คกี้
   
    พอทำไม่ได้ 5 นาทีต่อมากลายเป็น "ห้างขายยา" เกือบตีเจ๊าจากบอลริมเส้นทางซ้ายของ  เลออน ไบลี่ย์ ครอสเข้าในเกือบถึง ไค ฮาแวร์ทซ์ บอลหลุดมาเสาไกล เควิน โฟลลันด์ ทิ้งตัวสไลด์ก็ยังไม่ทันหลุดออกไป

    ช่วงทดเจ็บ อินเตอร์ มิลาน โชคร้ายซ้ำ คาริม เบลลาราบี้ ไปเหนี่ยวแขน คริสเตียน อีริคเซ่น ร่วงลงไป การ์ลอส เดล เซร์โร่ เป่าให้เป็นจุดโทษแต่หลังจากดู "วีเออาร์"  บอลไปโดนมือ นิโกโล่ บาเรลล่า กลายเป็น เลเวอร์คูเซ่น ได้ฟรีคิก

    นาทีที่ 90+5  โรเมลู ลูกากู เบียดเอาชนะ เอ็ดมอนด์ ทัปโซบา ส่งบอลผ่านมือ ลูคัส ฮราเด็คกี้ ไปซุกก้นตาข่ายแต่ การ์ลอส เดล เซร์โร่ เป่าให้ฟาลว์กับ "ห้างขายยา"

    จบเกม อินเตอร์ มิลาน 2 เลเวอร์คูเซ่น 1

รายชื่อผู้เล่นลงสนามตัวจริง

    อินเตอร์ มิลาน (3-5-2) : ซามีร์ ฮันดาโนวิช – ดีเอโก้ โกดิน, สเตฟาน เดอ ฟราย, อเลสซานโดร บาสโตนี่ – ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ, นิโกโล่ บาเรลล่า, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, โรแบร์โต้ กายาร์ดินี่, แอชลี่ย์ ยัง – เลาตาโร่ มาร์ติเนซ, โรเมลู ลูกากู

เทรนเนอร์ : อันโตนิโอ คอนเต้

    เลเวอร์คูเซ่น (4-2-3-1) : ลูคัส ฮราเด็คกี้ – ลาร์ส เบนเดอร์, สเวน เบนเดอร์, เอ็ดมอนด์ ทัปโซบา, ดาลี่ย์ ซิงค์กราเวน – ยูเลี่ยน บอมการ์ทลิงเกอร์, เอเชเกล ปาลาซิออส – ไค ฮาแวร์ทซ์, เคเรม เดเมียร์บาย, มูสซ่า ดิยาบี้ – เควิน โฟลลันด์

เทรนเนอร์ : ปีเตอร์ บอสซ์

ผู้ตัดสิน : การ์ลอส เดล เซร์โร่ (สเปน)

เพิ่งย้ายมาแท้ๆ!อินเตอร์เล็งโละ “อีริคเซ่น” หลังจบซีซั่น

สื่อเลี่ยนตีข่าว "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน พร้อมโละ คริสเตียน อีริคเซ่น จอมทัพเลือดโคนม หลังจบซีซั่นนี้ ถึงแม้นักเตะเพิ่งย้ายมาอยู่กับทีมได้แค่ครึ่งปี

     อินเตอร์ มิลาน สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี พร้อมพิจารณาขาย คริสเตียน อีริคเซ่น เพลย์เมกเกอร์ชาวเดนิช หลังจบฤดูกาลนี้ เนื่องจากไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นแกนหลักของทีมได้ ตามรายงานจาก มีเดีย เซ็ต สื่อแดนมะกะโรนี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
 
     สตาร์ทีมชาติเดนมาร์กวัย 28 ปี เพิ่งย้ายจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มาร่วมทัพ "งูใหญ่" ด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร (ประมาณ 700 ล้านบาท) เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงแบบถาวรได้ โดยสตาร์ทเป็นตัวจริง 8 นัด และลงสำรองอีก 7 นัด ทำได้ 3 ประตู กับ 3 แอสซิสต์

     ถึงแม้ผลงานในสนามถือว่าไม่เลว แต่ล่าสุด มีเดีย เซ็ต ระบุว่า อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือ อินเตอร์ ยินดีรับพิจารณาข้อเสนอขอซื้อตัว อีริคเซ่น โดยเชื่อกันว่า ทีม "เนรัซซูร์รี่" ตั้งค่าหัว อดีตแข้ง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ไว้ที่ 60 ล้านยูโร (ประมาณ 2,100 ล้านบาท) ซึ่งหากขายได้เท่ากับว่า อินเตอร์ จะได้กำไรอย่างมหาศาลเลยทีเดียว