"ฟ้าถล่ม ดินทลาย สงคราม เชื้อโรคระบาด" ก็หยุดไม่อยู่ ! ลิเวอร์พูล ปลดแอก 30 ปีแห่งการรอคอยได้สำเร็จ หลังจากที่พวกเขาผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สมัยแรก และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีสมัยที่ 19 พร้อมกับทำคะแนนทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 18 แต้ม
"หงส์แดง" ปลดปล่อยความเจ็บช้ำหลังพลาดแชมป์ลีกซีซั่นที่แล้ว ให้กับ แมนฯ ซิตี้ เพียงแต้มเดียว ด้วยการระเบิดฟอร์มชนิดที่โลกทั้งใบต้องตกตะลึงเมื่อเก็บชัยชนะเป็นว่าเล่นจนกระทั่งมีแต้มทิ้งขาด "เรือใบสีฟ้า" ด้วยคะแนนแบบไม่เห็นฝุ่น
ความสำเร็จที่เหล่าพลพรรค์ "เดอะ ค็อป" เฝ้ารอมานานถึง 3 ทศวรรษได้สร้างสถิติที่น่าสนใจทั้งการได้แชมป์ลีกเร็วที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ ตั้งแต่นัดที่ 31 ของฤดูกาล ทั้งๆ ที่ยังเหลือโปรแกรมอีก 7 นัด และยังเป็นการทุบสถิติของคู่รักคู่แค้นตลอดกาลอย่าง "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เคยทำได้เมื่อปี 2000/2001 ในตอนที่เหลืออีก 5 เกม
นอกจากนี้ชัยชนะในเกมบุกสอย "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ทำให้ "เดอะ เร้ดส์" เก็บเพิ่มเป็น 99 คะแนน ทำให้พวกเขาทำลายสถิติ 97 คะแนนในฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาสอยคะแนนมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร
ที่สำคัญ เจอร์เก้น คล็อปป์ สร้างทีมที่สุดแข็งแกร่งด้วยการเก็บชัยชนะ 32 เสมอ 3 แพ้ 3 แมตช์ ทำให้ "หงส์แดง" ทำสถิติเก็บชัยชนะในลีกมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ชนะ 32 เกมในฤดูกาล 2017/2018 และ 2018/2019)
สำหรับโควตาสโมสรที่ได้ไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 2020/2021 เป็นของ แมนฯ ซิตี้ รองแชมป์ ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องลุ้นจนนัดสุดท้ายด้วยการบุกชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-0 ยึดอันดับ 3 ได้สำเร็จ ส่วนอันดับ 4 เป็นของ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี โดยท็อปโฟร์ของลีกอังกฤษ ได้เข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มทันที
ในขณะนี้ เลสเตอร์ ต้องอกหักในช่วงโค้งสุดท้ายหล่นไปอยู่อันดับ 5 ส่งผลให้ต้องหล่นไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปา ลีก สำหรับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ต้องลุ้นหนักในเกมสุดท้ายทำได้เพียงเสมอ คริสตัล พาเลซ แต่โชคดีที่ วูล์ฟแฮมป์ตัน แพ้ เชลซี ส่งผลให้ "ไก่เดือยทอง" มีแต้มเท่ากับ วูล์ฟส์ 59 คะแนน แต่ผลต่างประตูได้เสียดีกว่า แซงรั้งอันดับ 6 เข้าไปเล่นถ้วยใบเล็กยุโรปในรอบคัดเลือกรอบสอง
ส่วนของสามสโมสรที่ต้องบ๊ายบายพรีเมียร์ลีกได้แก่ "แตนอาละวาด" วัตฟอร์ด, "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" นอริช ซิตี้ และ บอร์นมัธ ซึ่งถือเป็นการตกชั้นครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกด้วย หลังจากที่อยู่โลดแล่นในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีมานานถึง 5 ฤดูกาล
ด้านสโมสรที่เลื่อนชั้นในซีซั่นหน้า ก็ต้องขอต้อนรับ ลีดส์ ยูไนเต็ด กลับสู่พรีเมียร์ลีก ในฐานะแชมป์เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ตามด้วย เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน อันดับ 2 ซึ่งทั้งสองทีมได้เลื่อนชั้นแบบอัตโนมัติ ส่วนทีมสุดท้ายที่จะได้ตั๋วไปเล่นในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีต้องไปลุ้นเพลย์ออฟได้แก่ เบรนท์ฟอร์ด, ฟูแล่ม, คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ และ สวอนซี ซิตี้
ขณะที่ดาวซัลโวสูงสุดในฤดูกาลนี้เป็นการครองตำแหน่งได้แก่ เจมี่ วาร์ดี้ หัวหอกจอมเก๋าจากเลสเตอร์ ที่ซัดไป 23 ประตู และทำให้เป็นนักเตะที่อายุมากที่สุดที่ได้ครอบครองรองเท้าทองคำ (Golden Boot ) ในวัย 33 ปี แซงหน้า ดีดิเยร์ ดร็อกบา ตำนานกองหน้า เชลซี ที่ครองรางวัลนี้ในซีซั่น 2009/2010 ด้วยวัย 32 ปี
ส่วนท็อปแอสซิสต์พรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้เป็นของ เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์แมนฯ ซิตี้ ที่ผ่านบอลให้เพื่อนไป 20 ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติเทียบเท่ากับ เธียร์รี่ อองรี ตำนานกองหน้าชาวฝรั่งเศสตอนที่เล่นให้กับ อาร์เซน่อล ในซีซั่น 2002/2003 โดยอันดับสองเป็นของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จาก ลิเวอร์พูล ทำไป 13 ครั้ง และอันดับ 3 เป็นของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้าย "หงส์แดง" ทำไป 12 ครั้ง
ด้าน เอแดร์ซอน ผู้รักษาประตูชาวบราซิเลียนของ แมนฯ ซิตี้ คว้าผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม หลังเก็บคลีนชีพในลีกซีซั่นนี้ไป 16 เกม ส่วนอันดับ 2 เป็นของ นิค โป๊ป นายด่านของทีม เบิร์นลี่ย์ ที่เก็บคลีนชีตได้ 15 เกม ส่วน อลีสซง เบ็คเกอร์ เจ้าของตำแหน่งเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ทำได้ 13 เกม หล่นไปอยู่อันดับ 3 ร่วมกับ ดาบิด เด เคอา (แมนยู), ดีน เฮนเดอร์สัน (เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด), รุย ปาทริซิโอ(วูล์ฟส์) และ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล (เลสเตอร์)
ขณะที่รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) ประจำฤดูกาลนี้ ต้องเลื่อนการประกาศผลออกไปอย่างไม่มีกำหนด ส่วน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางกัปตันทีมลิเวอร์พูล ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำซีซั่นของสมาคมนักข่าว (เอฟดับเบิ้ลยูเอ) และรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของอังกฤษ ประจำปี 2019 ของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ)
*หมายเหตุ : อาร์เซน่อล ยังมีลุ้นคว้าตั๋วไปเล่นในศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก หาก "เดอะ กันเนอร์ส" คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ขณะที่ วูล์ฟส์ ต้องลุ้นให้ เชลซี ชนะ อาร์เซน่อล ในศึกเอฟเอ คัพ เพื่อตั๋ว ยูโรปา ลีก แต่ทัพ "หมาป่า" ยังมีลุ้นโควตาแชมเปี้ยนส์ ลีก หากพวกเขาได้แชมป์ยูโรปา ลีก ในซีซั่นนี้